ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ หลวงปู่สงฆ์ จนฺทสโร วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ~

[คัดลอกลิงก์]
21#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-18 12:06 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
โจรเห็นเป็นอัศจรรย์  คิดว่าพระมีของดีโจรอยากได้ของดี  จึงนิมนต์ท่านไปพักในชุมโจร  หัวหน้าโจรเห็นพระเดินมากับสมุนของตน   ก็คิดว่าสมุนพาพระมาให้ตนปล้นทรัพย์  พอพระเดินขึ้นไปบนบ้าน   หัวหน้าโจรตรงเข้ามาแย่งย่ามและบาตร   พระสงฆ์อยากจะสั่งสอนหัวหน้าโจรให้สำนึกบาปกรรม   จึงจับหัวหน้าโจรยกขึ้นแล้วโยนไปในดงหนามข้าง ๆ บ้าน  คืนนั้น     ทั้งคืนไม่ว่าพวกสมุนโจร   จะพยายามช่วยกันถางพงหนามเพื่อที่จะเอาตัวหัวหน้าโจรออกมา   ก็เอาออกมาไม่ได้  พระสงฆ์ปล่อยให้หัวหน้าโจรนอนร้องโอดโอยอยู่ในพงหนาม  เพื่อดัดนิสัยจนรุ่งเช้า  พอรุ่งเช้า   พระสงฆ์บอกสมุนโจรให้ไปเอาหัวหน้าออกมา   หัวหน้าโจรก็ออกมาจากดงหนามได้อย่างง่ายดาย   ทำให้หัวหน้าโจรยอมกราบไหว้นับถือ   และพระสงฆ์ก็ได้เทศนาสั่งสอนให้โจรกลุ่มนั้น หันกลับมาเป็นคนดี   แล้วพระสงฆ์ก็ออกเดินทางต่อไป จนไปถึงจังหวัดสระบุรี   แต่ระหว่างทางช่างลำบากยิ่งนัก ต้องเดินเท้าเปล่าบุกป่าขึ้นเขา ลงห้วย  ลงเหว  ข้ามลำธาร บาง


22#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-18 12:06 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตอนน้ำลึกและเชี่ยว แถมมีไข้ป่าคอยคุกคาม   แต่พระสงฆ์เคยเรียนรู้ทางหมอยาพื้นบ้านมาก่อน  จึงรู้ว่าพืชชนิดใดเป็นยาสมุนไพร  นอกจากนั้นยังต้องผจญภัย  กับพวกสัตว์ป่า  หมี เสือ งูพิษและสัตว์ร้ายอีกนานา  ระหว่างหยุดพักปักกลดนั่งทำสมาธิ   มีสัตว์ร้ายมาส่งเสียงข่มขู่จะเอาพระสงฆ์เป็นอาหารก็หลายครั้ง   แต่พระสงฆ์มีสมาธิแก่กล้า  พวกสัตว์ป่าจึงได้แต่ส่งเสียงขู่คำราม   มีเสือตัวหนึ่งคอยมาเดินวนรอบ ๆ กลด  พระสงฆ์นำน้ำใส่บาตรวางไว้หน้ากลด   เสือกินน้ำในบาตรแล้วก็หายดุร้าย  เดินหายเข้าป่า ไม่มารบกวนอีก   
คืน หนึ่งขณะที่พระสงฆ์กำลังเข้าสมาธิเจริญภาวนา  พระสงฆ์รู้สึกว่า  มีตัวงูใหญ่และหนัก เคลื่อนขึ้นทับขาซ้าย แล้วเคลื่อนไปยังขาขวา    แต่ท่านก็ยังสงบจิตนิ่งอยู่อย่างนั้น  จนงูพันรอบสะเอว พันลำตัว  ส่วนหัวและจมูกของงู  มาจ่ออยู่ตรงหูของท่าน


23#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-18 12:06 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
งูเหลือมเป็นสัตว์เลือดเย็น  มีลำตัวยาว สามารถกลืนกวาง หรือคนได้ทั้งตัว   เพราะปากและขากรรไกรยืดได้  สามารถอ้าปากได้กว้าง  ปรกติงูเหลือมจะแอบซุ่มอยู่บนคาคบไม้  รอคอยจังหวะให้เหยื่อเดินมา  แล้วมันก็ทิ้งตัวลงจากต้นไม้  ใช้ร่างอันยาวรัดกายเหยื่อม้วนพันไปรอบ ๆ  
แม้ งูเหลือมจะไม่มีพิษ  แต่เมื่อรัดร่างของเหยื่อมันจะมีพลังมาก  รัดแน่นจนเหยื่อกระดูกแตก จากนั้นมันจึงค่อยๆ  กลืนเหยื่อจากด้านศีรษะเข้าไปก่อน  จนเหยื่อหายเข้าไปอยู่ในท้องของมัน   จากนั้นมันก็นอนอยู่นิ่ง ๆไม่กินอาหารอะไรอีก เป็นเดือน ๆ   พระสงฆ์ไม่ขยับกาย  แต่แผ่กุศลให้และคิดในใจว่า   หากเคยทำกรรมไว้กับงูเหลือม  ท่านขอมอบชีวิตให้   แต่ถ้าไม่เคยมีกรรมเวรต่อกัน  ขอให้งูจงอย่าสร้างกรรมแก่ท่าน  ปรากฏว่าอีกครู่เดียว  งูเหลือมค่อย ๆ คลายตัวเลื้อยลงจากท่านแล้วก็หายไป   
หลังจากเข้าไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาทที่สระบุรีเสร็จ   พระสงฆ์คิดต่อไปว่า ควรจะไปกราบนมัสการพระแก้วมรกตที่วัดพระแก้ว   จังหวัดพระนครด้วย  จะได้ไม่เสียเที่ยวที่อุตส่าห์เดินทางมา


24#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-18 12:06 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตอนที่เดินทางเข้าเขตจังหวัดพระนคร (กรุงเทพมหานคร)   พระหนุ่มปักกลดอยู่ใกล้บ้านตาและยายคู่หนึ่ง  สองตายายจัดทำอาหารมาถวาย   และตากับยายถามท่านว่า  
“เมื่อคืนหลวงพ่อฝันอะไรบ้าง” พระสงฆ์ตอบซื่อ ๆ ว่า  “ฝันเห็นเสือ”
สองตายายเอาความฝันของพระสงฆ์ไปซื้อหวยรัฐบาล สมัยนั้นมี “หวย ก- ข” ( ก  ไก่ ถึง ฮ นกฮูก) สองตายายซื้อตัว ส  ปรากฏว่าหวยออกมาเป็นตัว ส  สองตายายถูกหวย  ได้เงิน(เหรียญ)กลับมาบ้าน ๓ ขันเต็ม ๆ   ตายายแบ่งเงินส่วนหนึ่งถวาย พระสงฆ์บอกว่า  พระไม่รับเงินและทอง   และไม่ส่งเสริมให้เล่นการพนัน เพราะเป็นประตูนรก (อบายมุข)   แต่สองตายายรู้ว่า  หลวงปู่จะกลับไปชุมพรทางเรือ   จึงนำเงินค่าโดยสารไปให้นายท้ายเรือสำเภา   และเรือสำเภาก็มาเทียบท่าที่ปากน้ำชุมพร


25#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-18 12:07 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เมื่อขึ้นจากเรือ พระสงฆ์เดินธุดงค์ไปยังบ้านปลายคลองน้อย  อำเภอสวี   ตอนนั้นยังเป็นป่าเขากันดาร ไกลความเจริญ   พระสงฆ์ไปปักกลดอยู่ในราวป่าใกล้หมู่บ้าน  เช้าก็ออกไปบิณฑบาต  ไม่มีผู้ใดถวายอาหารเลย   ท่านคิดว่าเป็นเพราะชาวบ้านไม่รู้ว่าจะมีพระมาบิณฑบาต   วันแรกจึงไม่ได้ฉันอาหาร  วันรุ่งขึ้นพระสงฆ์ไปบิณฑบาตในหมู่บ้านอีก   พอเห็นพระชาวบ้านพากันปิดประตู  แต่แทนที่พระสงฆ์จะรีบไปหมู่บ้านอื่น   กลับมีความคิดว่า ถ้าปล่อยให้ชาวบ้านไม่รู้จักพระ  ชาวบ้านจะทำแต่บาปกรรม  อนาคตจะตกนรกหมกไหม้  ซึ่งน่าสงสารมาก  และถ้าท่านท้อถอย   ใครจะสอนให้ชาวบ้านรู้จักบาป -บุญ   พระสงฆ์จึงตั้งใจว่าจะต้องทำให้ชาวบ้านรู้จักทำบุญให้จงได้
ท่านเข้าไปบิณฑบาตซ้ำ ๆ อยู่ ๖ วัน  ตลอด ๖ วัน  ไม่ได้รับอาหารจากชาวบ้านเลย  ปรกติตอนที่ท่านยังเดินธุดงค์อยู่ในป่าลึก   ท่านอาศัยผลไม้ในป่าและน้ำในลำธาร  ทำให้รอดชีวิตมาได้   แต่ตอนนี้มีหมู่บ้าน  ท่านจึงตั้งจิตมั่นว่า   ถ้าชาวบ้านไม่ใส่บาตรท่านก็จะไม่ยอมฉันสิ่งใด
เช้าวันที่ ๗   ท่านพาร่างกายอันอิดโรย เข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้านอีก   คราวนี้ชาวบ้านคนหนึ่งถวายข้าวสุกมา ๓ ช้อนทัพพี    เมื่อกลับมาถึงกลดท่านจึงฉัน  พอข้าวมื้อแรกตกถึงท้อง   พระสงฆ์เกิดอาการหน้ามืดแล้วสลบไป  จนบ่ายจึงฟื้นขึ้น  


26#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-18 12:07 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เช้าวันที่ ๘ พระสงฆ์ออกไปบิณฑบาตในหมู่บ้านอีก   คราวนี้ชาวบ้านต่างพากันทำบุญใส่บาตร  ด้วยอาหารหวานคาวจนล้นบาตร   ตอนเย็นก็ยังมีชาวบ้านนำน้ำปานะ (น้ำผลไม้) มาถวาย   ท่านจึงได้มีโอกาสแสดงธรรม   ให้ชาวบ้านรู้จักเคารพกราบไหว้และนับถือพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า  
พอออกจากหมู่บ้านปลายคลองน้อย  พระสงฆ์มุ่งหน้ากลับไปยังบ้านเขาปีบ ที่ ๆ  เคยพบพระอาจารย์เวียน  พระสงฆ์ได้พบชายกำลังตัดไม้อีก  ถามชายคนนั้นว่า  ตัดไม้ไปทำอะไร ชายตัดไม้ตอบว่า ตัดไปทำที่พักให้พระ พระอยู่ที่ไหน   ชายตัดไม้ชี้มือบอกว่า ถ้าจะไปตามผมมา
พระสงฆ์เดินตามชายตัดไม้  ไปพบหลวงพ่อเวียน  พระอาจารย์ที่ท่านกำลังตามหามา ๗ ปีกว่า นั่งอยู่ในกลด


27#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-18 12:07 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงพ่อเวียนถามพระสงฆ์ว่า “เป็นยังไงคอยนานไหม?”
หลวงปู่สงฆ์ (ขณะนี้อายุมากขึ้นจึงขอเรียกว่าหลวงปู่สงฆ์) เล่าให้หลวงพ่อเวียนฟังว่า ตลอด ๗ ปีที่เฝ้าตามหาอาจารย์ ท่านได้ธุดงค์ไปเจอะเจออะไรบ้าง ส่วนพระอาจารย์เวียนก็เล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า ได้เดินธุดงค์ไปเมืองตะนาวศรี ไปเมืองมะริด ไปเมืองย่างกุ้งของประเทศพม่า แล้วก็ย้อนกลับมาทางเดิม เพิ่งมาถึงวันนี้เช่นกัน ทั้งอาจารย์และศิษย์ต่างหัวเราะให้กัน ซึ่งอาจเป็นเพราะว่า พระอาจารย์เวียนรู้อยู่แล้วว่า การปฏิบัติของหลวงปู่สงฆ์อยู่ในระดับขั้นไหน จึงไม่จำเป็นต้องอบรมสั่งสอนอะไรอีก
จากนั้นทั้งหลวงปู่สงฆ์และพระอาจารย์เวียน ก็อยู่ปฏิบัติธรรมร่วมกันที่บ้านเขาปีบ ช่วยกันเผยแพร่ธรรมะและสั่งสอนชาวบ้าน ให้รู้จักละเว้นความชั่ว ถือศีลและปฏิบัติธรรม จนกระทั่งพระอาจารย์เวียนมรณภาพ
หลวงปู่สงฆ์จึงย้ายมาจำพรรษาที่วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ส่วนเรื่องวาจาสิทธิ์ของหลวงปู่สงฆ์ มีมากมายหลายเรื่อง แต่จะเล่าสัก ๒ เรื่อง
28#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-18 12:08 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้




เรื่อง ที่ ๑ ครั้งหนึ่งทางราชการจังหวัดชุมพร  ได้นิมนต์พระสงฆ์และพระเถระหลายรูป  จากวัดต่าง ๆ มาที่ศาลากลาง เพื่อร่วมในพิธีถวายพระพรชัย   ต้อนรับในหลวงและสมเด็จ พระบรมราชินี ที่จะเสด็จมาเยี่ยมราษฎรชาวชุมพร  ขณะนั้นใกล้เวลาที่ในหลวง หรือพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จมาถึง   บรรดาพระสงฆ์และพระเถระจากวัดต่าง ๆ ได้พากันมาถึงที่บริเวณพิธีหมดแล้ว   ยังขาดแต่พ่อหลวงสงฆ์หรือหลวงปู่สงฆ์ที่ยังไม่มา   ทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อนใจเป็นอันมาก
ข้าราชคนหนึ่งจึงถูกส่งไปให้ไปนิมนต์หลวงปู่สงฆ์ ที่วัดศาลาลอยให้รีบมา   แต่หลวงปู่สงฆ์กลับบอกแก่ข้าราชการที่ไปตามว่า “วันนี้ในหลวงยังไม่เสด็จ   ถ้าในหลวงเสด็จมาเราจึงจะไป”  



แล้ว ท่านก็นิ่งเฉยเสีย ทำความไม่พอใจให้กับข้าราชการคนนั้นมาก   เนื่องจากสำนักพระราชวังได้มาเตรียมจัดสถานที่ประทับไว้พร้อมแล้ว  ข้าราชการจึงกลับไปแจ้งกับผู้ว่าราชการจังหวัด   ผู้ว่าราชการจังหวัดคิดในใจว่า หลวงปู่สงฆ์แก่มากแล้วจึงเลอะเลือน  เมื่อไม่มาก็ตามใจท่าน  จนกระทั่งถึงกำหนดเวลาที่ในหลวงจะเสด็จ  
การเสด็จของในหลวงครั้งนั้น  จะเสด็จจากจังหวัดนราธิวาสมาจังหวัดชุมพร  โดยทางเฮลิคอปเตอร์  ขณะที่ข้าราชการจังหวัดชุมพรต่างยืนรอรับเสด็จ   ก็ได้รับวิทยุจากจังหวัดนราธิวาส  แจ้งว่า
“ล้นเกล้า ฯ ทั้งสองพระองค์ไม่สามารถจะเสด็จมาได้  เพราะทัศนวิสัยไม่ดี ท้องฟ้ามืดมิดเต็มไปด้วยเมฆฝน และกระแสลมแรงจัด”
เป็นอันว่าวันนั้น  ในหลวงไม่ได้เสด็จมาชุมพร  แต่เสด็จมาในวันอื่น   เป็นเรื่องที่ชาวชุมพรพูดถึงกันเสมอเมื่อเล่าถึงเรื่องวาจาสิทธิ์ของหลวงปู่ สงฆ์
“อีกครั้งหนึ่งมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่   ไปเยี่ยมกราบไหว้หลวงปู่สงฆ์ พร้อมกับนำสัตว์เลี้ยงสี่เท้า  ใส่กรงไปถวาย   ในเรื่องไม่ได้บอกว่าเป็นสัตว์อะไร แต่หลวงปู่สงฆ์ไม่เลี้ยงสัตว์แบบขังกรง   ท่านต้องการให้สัตว์ได้อยู่ตามธรรมชาติจึงพูดว่า “นั่นโยมเอานกมาทำไม?”  ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนนั้นรีบพูดแย้งว่า
“ไม่ใช่นกหรอกครับหลวงปู่แต่เป็น...”
29#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-18 12:08 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้




ว่า แล้วก็เปิดกรงที่นำมาจะให้หลวงปู่ดูสัตว์ชนิดนั้น (บางคนว่าเป็นกระต่าย)  แต่พอเปิดกรงนกตัวหนึ่งก็บินปร๋อออกจากกรงไป   ทุกคนที่มาด้วยกับข้าราชการท่านนั้น  ต่างพากันตกตะลึงในความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น
30#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-18 12:09 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตามปกติ หลวงปู่สงฆ์ชอบใช้ยาเส้น (ยาฉุน) สีปากแล้วอมเอาไว้ ดังนั้น ยาเส้นที่ท่านใช้แล้ว จะกลับกลายเป็นของวิเศษศักดิ์สิทธิ์ ครั้งหนึ่ง ได้มีคนมาหาหลวงปู่ ท่านได้มอบยาเส้นให้ไป เมื่อได้แล้วก็นำเก็บไปไว้ในตู้เซฟ รวมกับเอกสารและทรัพย์สินของมีค่ามากมาย

หลังจากนั้น ได้มีขโมยเข้าบ้านชายคนนี้ เมื่อขโมยเปิดตู้เซฟ ต้องเบือนหน้า เพราะในตู้เซฟไม่มีสมบัติทรัพย์แม้แต่ชิ้นเดียว ภายในเซฟมีแต่ยาเส้นกองเต็มไปหมด ไม่มีของมีค่า จึงต้องหลบหนีกลับไปมือเปล่า

แต่ทว่า หัวขโมยนี้ก็ไปไม่รอด โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวและเตรียมดำเนินคดี แต่ไม่มีของกลาง เพราะไม่ได้ทรัพย์สินกลับไป โดยบอกกับตำรวจว่า “ในเซฟมีแต่ยาเส้น ใครจะเอาไปทำไม” ในความเป็นจริง ยาเส้นในตู้เซฟนั้น มีเพียงก้อนเล็กๆ ขนาดเท่าหัวแม่มือเท่านั้น



หลวงปู่สงฆ์ ยังมีวิชารักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ นานา เคยทำการรักษาโรคของผู้ป่วยทุกคน จนอาการทุเลาดีขึ้น ครั้งหนึ่ง มีผู้ป่วยชาวนครศรีธรรมราชที่มีอาการปวดท้องมานาน 10 กว่าปี ไปรักษาที่ไหนตามโรงพยาบาลต่างๆ เสียเงินไปเป็นแสนบาท นายแพทย์เก่งขนาดไหนก็รักษามาแล้ว ที่ไหนว่าเก่งๆ พอเจอโรคบุคคลนี้เข้าไป รักษาไม่หาย ผู้ป่วยจึงได้หอบสังขารชนิดผอมติดกระดูก เดินทางมาหาหลวงปู่ด้วยความศรัทธา เพื่อขอให้หลวงปู่รักษาโรค โดยได้นำน้ำปลาไปให้ท่านเพ่งกระแสจิตนานกว่า 10 นาที

หลวงปู่นำน้ำปลานั้นมาให้และบอกว่าให้กินน้ำปลานี้แทนยา ด้วยความศรัทธาในองค์หลวงปู่ ผู้ป่วยได้เปิดขวดน้ำปลาดื่มเข้าไป แม้ว่าน้ำปลาจะมีรสเค็ม แต่เวลาน้ำปลาผ่านลำคอไปแล้ว รู้สึกเย็นๆ พอไปถึงท้อง อาการปวดเสียดนั้นหายเป็นปลิดทิ้งทันที และไม่เกิดอาการปวดในภายหลังอีกแต่อย่างใด และมีอาการยิ้มแย้มทันที ผู้ป่วยคนนั้นก็ล้มลงกราบหลวงปู่สงฆ์ด้วยความศรัทธา

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้