ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ หลวงปู่สงฆ์ จนฺทสโร วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ~

[คัดลอกลิงก์]
กราบหลวงปู่ครับ
กราบหลวงปู่เจ้าข้า
13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-18 12:03 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่สงฆ์
พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ  วัดศาลาลอย  จังหวัดชุมพร

เรื่อง คุณครููจีระพันธุุ์  เจียระนัย
ภาพ  ลุงบูลย์



บวช เป็นสามเณร เมื่ออายุ ๑๘ ปี  ที่วัดสวี  พออายุครบอุปสมบท  จึงอุปสมบทที่วัดควน อำเภอสวี ได้รับฉายาว่า “จนฺทสโร” หรือ สงฆ์   จันทะสะโร ท่านสนใจการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน  โดยได้ปฏิบัติตั้งแต่ยังไม่บวช
14#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-18 12:03 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้



แต่ ในวัดไม่มีพระอาจารย์สอนวิชาสมถวิปัสสนา   พระสงฆ์จึงลาพระอุปัชฌาย์เดินทางไปแสวงหาพระอาจารย์ การเดินทางลำบาก   มีแต่ทางเรือ กับทางเดินในป่า ชาวบ้านต้องมีอาวุธมีดพร้า  ไว้ป้องกันตัวและใช้ถาง ริดกิ่งไม้ เถาวัลย์  แต่พระห้ามมีมีดพร้าหรืออาวุธ  จึงต้องเดินมุดลอดพงหนาม เดินด้วยเท้า  ไปมืดค่ำที่ไหนก็ปักกลดนอนพักที่นั่น  จนไปถึงเกาะภูเก็ต
15#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-18 12:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้




พระ สงฆ์ได้สมัครเป็นศิษย์  ของพระอาจารย์รอด  สอนวิชาวิปัสสนากรรมฐานที่วัดโต๊ะแซ สมัยนั้นยังเป็นวัดป่า  (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นวัดโฆสิตวิหาร)   พระสงฆ์ได้ฝึกปฏิบัติวิปัสสนาที่วัดนี้ พอออกพรรษา  ก็คิดว่าตนมีความสามารถพอที่จะออกไปเดินธุดงค์ต่อ จึงขออนุญาตพระอาจารย์  แต่พระอาจารย์ไม่อนุญาต  รออยู่จนพรรษาที่ ๓  จึงไปขออนุญาตอีก   คราวนี้พระอาจารย์อนุญาตและพูดว่า
“ไปแล้วอย่ามาอีก  ฉันไม่ใช่อาจารย์ที่แท้จริงของคุณ  อาจารย์ที่แท้จริงของคุณอยู่ที่ท่าข้าม  พุนพิน แล้วพระอาจารย์ก็บอกทางลัดให้  “พอขึ้นจากเรือที่ฝั่งแล้ว   ให้เดินตรงไปที่ภูเขาสูง  จะมีผู้รออยู่และนำทางคุณไป”


พระสงฆ์จึงออกจากวัดโต๊ะแซ  เดินเท้ามาตามทางเดิม  แวะหยุดพักปักกลดมาเป็นระยะ  ใช้เวลาเป็นเดือน   กว่าจะมาถึงที่ข้ามฟากจากเกาะภูเก็ตมาสู่ฝั่งพังงา  (ปัจจุบันคือ  ท่าฉัตรชัยกับท่านุ่น)  อันเป็นที่ ๆ แคบที่สุดของทะเลที่ขวางกั้น   ระหว่างเกาะภูเก็ตกับแผ่นดินพังงา  
พระสงฆ์ขออาศัยเรือชาวบ้านข้ามฝั่งแล้วก็หมายตายอดเขา   ถึงเชิงเขาเป็นเวลาใกล้ค่ำ  จึงเตรียมกางกลด เพื่อพักผ่อน พลางนึกในใจว่า   ในป่าในเขาแถบนี้ ไม่มีบ้านเรือนของผู้คน   แล้วจะไปพบผู้นำทางที่พระอาจารย์บอกได้ที่ไหน   แต่พระหนุ่มสงฆ์ยังไม่ทันจะได้ปักด้ามกลด  ลงดินก็ได้ยินเสียงดังสวบสาบมาจากป่า
16#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-18 12:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้



พอหันไปมองก็เห็นช้างพลาย (ช้างตัวผู้)  รูปร่างสง่างามสูงใหญ่   กำลังใช้งวงจับรูดใบไผ่และยอดไผ่อ่อนใส่ปากเคี้ยว  พอเห็นพระหนุ่ม  ช้างโบกหูอันใหญ่โตขึ้นลง ๓ หน พร้อมชูงวงชี้มาที่พระ แล้วผงกหัวขึ้นลงอีก ๓  ครั้ง แสดงความเคารพ  จากนั้นก็หันไปสนใจกับยอดไม้ต่อ   พระหนุ่มสงฆ์พิจารณาแล้วก็นึกว่า   คงเป็นผู้นำทางตามที่พระอาจารย์ว่าไว้แน่ๆ
คืนนั้นพระหนุ่มนั่งบำเพ็ญภาวนาอยู่ในกลด  โดยมีช้างคอยอารักขา   แต่พอรุ่งเช้า พระหนุ่มเก็บกลดเสร็จ  ยังไม่ทันจะได้หาลูกไม้ฉัน   ช้างป่าก็ออกเดิน  ทำให้พระหนุ่มต้องรีบเดินตามช้างเชือกนั้นไป
17#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-18 12:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้



ช่วงเวลาที่พระสงฆ์เดินทางออกมาจากวัดโต๊ะแซ  พระอาจารย์รอดอาพาธแล้วก็มรณภาพ ส่วนพระสงฆ์ ช้างพาเดินขึ้นเขา ลงห้วย  จนไม่มีเวลาแม้แต่จะหาผลไม้ขบฉัน  พอช้างหยุดเดิน ช้างกินใบไผ่  กินหยวกกล้วย  แต่พระสงฆ์เลยเพลฉันอะไรไม่ได้ก็ต้องอด  อาศัยการเจริญภาวนาทำให้พระหนุ่มสงฆ์ไม่อ่อนเพลีย  จนล่วงเข้าบ่ายวันที่ ๓   ขณะเดินอยู่บนเชิงเขา  พระหนุ่มจึงเห็นหลังคาบ้านหลายหลังอยู่เบื้องล่าง   ช้างนำทางก็หยุดหันหน้าไปทางหมู่บ้าน โบกใบหูขึ้น ๓ ครั้ง   ก่อนจะหันกลับไปสู่ทิศทางเดิม


18#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-18 12:05 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระสงฆ์สวดอวยพรขอบคุณช้าง  แล้วเดินลงไปที่หมู่บ้าน   สอบถามชาวบ้านถึงทางที่จะไปบ้านท่าข้าม   ชาวบ้านในแต่ละหมู่จึงช่วยนำทางต่อให้เป็นระยะ ๆ จนถึงบ้านท่าข้าม  อำเภอพุนพิน  จังหวัดสุราษฎร์ธานี   ลงเรือข้ามไปยังฝั่งด้านเหนือของแม่น้ำตาปี   พบชายคนหนึ่งเดินแบกไม้สวนทางมาจึงถาม  “แบกไม้ไปทำอะไรโยม?”
“เอาไปทำเพิงให้พระเผื่อฝนตกจะได้ไม่เปียกขอรับ”  ชายคนนั้นตอบ
ตอน แรกพระสงฆ์กะจะทักทายเพื่อถามเส้นทาง  แต่พอได้ยินชายแบกไม้พูดถึงพระ   ทำให้พระสงฆ์เกิดฉุกคิดขึ้นมา หรือว่าจะเป็นพระที่อาจารย์ให้มาหา


19#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-18 12:05 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระสงฆ์จึงเดินตามชายคนแบกไม้ไป   ก็ไปพบพระธุดงค์วัยกลางคน  ชื่อหลวงพ่อเวียน  จึงขอมอบตัวเป็นศิษย์   แต่หลังจากฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน  กับหลวงพ่อเวียนได้ ๓ วัน   หลวงพ่อเวียนก็บอกว่า  
“น้องเจ้ารออยู่ที่นี่นะ  หลวงพี่จะไปทำธุระสักพัก”
หลวงพ่อเวียนไม่ได้บอกจุดหมายให้ลูกศิษย์รู้ว่าไปไหน  จน ๑  เดือนผ่านไปหลวงพ่อเวียนก็ไม่กลับ   พระสงฆ์ไม่รู้จะไปตามหาหลวงพ่อเวียนได้ที่ไหน   จึงเดินธุดงค์ขึ้นเหนือก็ไม่พบพระอาจารย์   พระสงฆ์เลยตั้งใจว่าจะไปให้ถึงจังหวัดสระบุรี  เพื่อกราบนมัสการรอยพระพุทธบาท
ตอนผ่านหมู่บ้านหนองไม้เหลือง เขตจังหวัดเพชรบุรี


20#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-18 12:05 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
โจรป่าคนหนึ่งเห็นพระเดินมารูปเดียว ก็คิดว่าในบาตร น่าจะมีข้าวของมีค่า   เพราะที่ผ่าน ๆ มา เคยปล้นพระได้ทรัพย์สินทองที่ติดตัวพระมากมาย   แต่พระสงฆ์มีร่างสูงใหญ่  โจรกลัวว่าถ้าเข้ายื้อแย่งเอา   คงสู้กำลังของพระไม่ได้  จะวิ่งไปตามหัวหน้าโจรและพวกมาช่วย   ก็กลัวจะล่าช้า  จึงวิ่งไปดักหน้า ใช้มีดและดาบคม  ฝังลงไปในทางเดินที่มีดินปนทราย โดยหงายเอาคมขึ้น   กะให้พอดีกับระยะจังหวะก้าวย่าง  และใช้ใบไม้แห้งโรยพรางตาไว้อีกชั้นหนึ่ง   คิดว่าพอพระสงฆ์เหยียบมีด ดาบ เท้าเป็นแผลเจ็บ ก็จะเข้าแย่งบาตรและย่ามไป

พระสงฆ์ได้เดินเหยียบคมมีดดาบนั้น  โดยไม่เป็นอันตราย  ทำให้โจรผิดหวัง  รีบไปคว้าดาบขึ้นมาใหม่แล้ววิ่งไล่ตาม  พอไล่ทันก็เงื้อดาบขึ้นจะฟัน   แต่พอจะฟันก็เกิดอาการเข่าอ่อนยืนไม่ไหวต้องทรุดตัวลง  เหมือนขาไม่มีแรง  โจรพยายามลุกขึ้นใหม่จะฟันอีกหลายครั้ง  แต่ทุกครั้งก็เข่าอ่อนฟันไม่ได้   สุดท้ายก็วิ่งไปดักหน้าร้องถามว่า
“ท่านมีของดีอะไร  ทำไมมีดดาบจึงไม่ทำอันตรายแก่ท่าน?”
พระ สงฆ์ตอบ “เรามีดีที่ใจ”  (ไม่มีโลภ โกรธ หลง)  มีแต่ชีวิตที่อุทิศเพื่อพระพุทธศาสนา  พาตนเองให้พ้นจากทุกข์   และเพื่อสอนคนอื่นให้พ้นจากทุกข์


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้