บันทึกปฐมเหตุที่ได้พบและการปั้นหล่อรูป บรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัต
เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๗ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะเมีย อาตมาภาพขณะนั้นมีสมณศักดิ์เป็นที่ อง พจนสุนทร (ต่อมาได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นที่ อง สุตบทบวร และบัดนี้เป็นที่ อง สรภาณมธุรส) ได้กระทำพิธีเชิญวิญญาณคุณพูนเพ็ญ จำรูญจันทร์ ภรรยา ร.ต.อ. ทวี จำรูญจันทร์ (ขณะนี้มียศเป็น พ.ต.ต.) ซึ่งได้ถึงแก่กรรมไปนานแล้ว มาประทับร่างทรงบนกุฎีของอาตมา ต่อหน้าสานุศิษย์ ๒ - ๓ คน
เมื่อครั้งคุณพูนเพ็ญยังมีชีวิตอยู่ได้ถวายตัวเป็นศิษย์ของอาตมาภาพ และเป็นพุทธมามกะที่ดีในพระบวรพุทธศาสนา อาตมาภาพได้รับไว้ด้วยความเต็มใจ เพื่อสนองความตั้งใจของคุณพูนเพ็ญ จากนั้นไม่นาน คุณพูนเพ็ญได้ถึงแก่กรรม หลังจากได้ฌาปนกิจศพแล้ว ร.ต.อ. ทวี จำรูญจันทร์ได้นำกระดูกของภรรยามาบรรจุไว้ในเจดีย์เล็ก ซึ่งทำไว้ที่ชานชั้นบนกุฎีของอาตมาภาพ ตามความประสงค์ของคุณพูนเพ็ญ ซึ่งได้สั่งไว้ก่อนที่จะถึงแก่กรรม แต่นั้นมาวิญญาณคุณพูนเพ็ญก็ได้วนเวียนอยู่ใกล้กับอาตมาภาพตลอดมา วิญญาณคุณพูนเพ็ญมาประทับทรงในร่างของ ร.ต.อ ทวี จำรูญจันทร์ เมื่อเวลา ๒๑.๓๐ น ได้กล่าวกับอาตมาภาพตอนหนึ่งว่า “ที่หนูมานี่น่ะ หนูจะมาบอกหลวงพ่อว่า หลวงพ่อเป็นหมอรักษาโรคต่าง ๆ แต่หนูลืมบอกให้หลวงพ่อทูลเชิญท่านชีวกโกมารภัตมาประสิทธิ์ประสาทความรู้ในการรักษาโรค ให้หลวงพ่อถวายตัวเป็นศิษย์ท่านเสีย” อาตมาภาพได้ถามว่า “ท่านชีวกโกมารภัตเป็นใคร ?” วิญญาณคุณพูนเพ็ญได้อธิบายแก่อาตมาภาพว่า “ท่านชีวกโกมารภัต เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ เป็นนายแพทย์ที่ได้ถวายการรักษาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อคราวประชวรที่พระชงฆ์ และถวายพระโอสถเป็นประจำพระองค์เลยทีเดียว” อาตมาภาพมีความสนใจทันทีและได้ถามต่อไปว่า “จะเชิญท่านมาวันไหนจึงจะเหมาะ ส่วนเครื่องสักการบูชานั้น จะจัดทำเช่นไร จึงจะถูกความประสงค์ของท่าน” วิญญาณคุณพูนเพ็ญตอบว่า “ให้หลวงพ่อทูลเชิญท่านในวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง ส่วนเครื่องสักการบูชานั้นจัดเป็นขันธ์ ๕ ถวายแก่องค์ท่าน” คุณวิทย์ ศิวะดิตถ์ เจ้าของห้างเสรีวัฒน์ สะพานหัน พระนคร ซึ่งนั่งอยู่ในที่นั้นด้วย เป็นผู้ทราบเรื่องขันธ์ ๕ ดี รับจะจัดการให้ ครั้นวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ ๒๔๙๗ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะเมีย เวลา ๒๒.๑๐ น คุณวิทย์ ศิวะดิตถ์ ได้จัดขันธ์ ๕ มาให้ตามที่ได้รับปากไว้ อาตมาภาพได้นำเครื่องสักการบูชาขันธ์ ๕ ตั้งบนโต๊ะ ซึ่งได้จัดไว้ที่ระเบียงด้านหน้าชั้นบนกุฎี อาตมาภาพได้ทำพิธีสวดสดุดีและอัญเชิญวิญญาณของบรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัต ให้รับทราบว่า อาตมาภาพขอฝากฝังตัวเป็นศิษย์ของท่านในทางรักษาโรค พร้อมกับขอสักการบูชาด้วยขันธ์ ๕ เป็นการแนะนำตัวเองให้ท่านได้รับทราบไว้ ต่อมา เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๗ ตรงกับวันอาทิตย์ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะเมีย เวลา ๑๒.๑๕ น ขณะที่อาตมาภาพกำลังปรารภอยากจะหาช่างมาปั้นพระพักตร์ของบรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัต ซึ่งอาตมาภาพจะได้อัญเชิญให้มาปรากฏที่หัวแม่มือ เพื่อจะได้นำมาเป็นแบบปั้นรูป และหล่อไว้เป็นที่เคารพบูชาต่อไป คุณโชติ สโมสร (ได้ถึงแก่กรรมแล้ว) ซึ่งมีความสามารถในการปั้นรูป ได้มาหาอาตมาภาพ อาตมาภาพจึงได้นำคุณโชติขึ้นบนกุฎิชั้นบน เพื่อปั้นรูปที่อาตมาภาพจะได้อัญเชิญให้มาปรากฏที่หัวแม่มือ คุณโชติไม่เชื่อว่าอาตมาภาพจะอัญเชิญภาพให้มาปรากฏได้ อาตมาภาพจึงได้บอกกับคุณโชติว่าจะทำให้ประจักษ์ อาตมาภาพได้ทำพิธีอัญเชิญบรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัต ให้ปรากฏภาพพระพักตร์ เพื่อให้คุณโชติปั้นไว้เป็นแบบ เมื่อภาพได้มาปรากฏที่หัวแม่มืออาตมาภาพ คุณโชติมีความแปลกใจถึงกับอุทานว่า “ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองแล้ว จะไม่เชื่อเลย” คุณโชติทำการปั้นรูปพระพักตร์บรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัต ตามที่ได้เห็นที่หัวแม่มือของอาตมาภาพทันที เวลาล่วงไป ๒ ชั่วโมง การปั้นรูปพระพักตร์ของบรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัต ก็ได้สำเร็จอย่างเรียบร้อย ท่ามกลางความแปลกประหลาดใจของคุณโชติผู้ปั้น และเพื่อนฝูงของเขาเป็นอันมาก ที่ได้มาพบเห็นปรากฏการณ์ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ภายในโลกนี้ จากการทำพิธีอัญเชิญของอาตมาภาพ กับศิษย์คนหนึ่งของอาตมาภาพ คุณโชติ สโมสร ได้เปิดเผยความในใจ หลังจากได้เห็นพิธีที่อาตมาภาพได้อัญเชิญภาพพระพักตร์บรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัตให้มาปรากฏที่หัวแม่มือ และได้ปั้นรูปพระพักตร์ขององค์ท่านเสร็จแล้วว่า :- “เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาวัดนี้ (วัดสมณานัมบริหาร) ด้วยอารมณ์อันเลื่อนลอยที่เกิดขึ้นภายในตัวของผมเอง เพราะงานที่ผมทำให้กับอาจารย์ชุม ไชยคีรี ยังค้างอยู่บ้าง ผมมาดูงานปั้นรูปอาจารย์คง ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ เมื่อผมเดินเข้าไปในวัด ก็เลยไปที่ศาลาร่วมบุญ ผมได้พบท่าน อง พจนสุนทร กำลังทำการเสกเป่าคนไข้อยู่ ขณะนั้นผมก็เกิดศรัทธาในองค์ท่านขึ้นมาทันที ซึ่งผมเรียกท่านว่า หลวงพ่อ ผมเลยนั่งดูท่านทำการรักษาคนไข้อยู่พักหนึ่ง หลวงพ่อได้หันมาถามผมว่า “คุณปั้นรูปได้ใช่ไหม ?” ผมตอบท่านว่า “พอจะปั้นได้ครับ ถ้ามีแบบให้ผมดู หลวงพ่อจะให้ผมปั้นรูปอะไรครับ ?” หลวงพ่อได้พูดตอบผมว่า “อาตมาภาพอยากจะให้คุณปั้นรูปของท่านชีวกโกมารภัต” เมื่อผมได้ยินหลวงพ่อพูดเช่นนั้น ก็รู้สึกงงเป็นกำลัง เพราะไม่ทราบว่าท่านชีวกโกมารภัตเป็นใคร เมื่อหลวงพ่อเห็นผมมีสีหน้าแสดงความงงเช่นนั้น หลวงพ่อจึงได้อธิบายให้ฟังว่า “ท่านชีวกโกมารภัต คือ นายแพทย์ที่ทำการรักษาพระพุทธองค์และประจำตัวของพระองค์ อาตมาภาพจะอัญเชิญภาพของท่านให้มาปรากฏที่หัวแม่มือเป็นแบบให้คุณปั้น” พอผมได้ฟังหลวงพ่ออธิบาย ก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองเคยได้รู้เรื่องนี้มาก่อนแต่ลืมไป รู้สึกขันขึ้นมาทันทีและไม่เชื่อเลยว่า หลวงพ่อจะอัญเชิญให้มาปรากฏที่หัวแม่มือได้ ขณะนั้น ท่านอาจารย์ประสาน เปรมปรีชา ผู้มีความชำนาญทางเข้าฌาน ดูทางใน ได้เพ่งมองมายังผม แล้วก็หันไปพูดกับหลวงพ่อว่า “คนนี้ทำได้แน่” ผมได้ยินดังนั้น รู้สึกไม่ตื่นเต้น และไม่เชื่อเอาทีเดียว จากนั้นสักครู่หนึ่งผมก็ได้กราบลาหลวงพ่อกลับไป โดยไม่มีเรื่องนี้อยู่ในความสนใจของผมตามไปด้วยเลย ผมจำได้ว่าวันนี้วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๗ คืนวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ ๒๔๙๗ ผมได้มาเที่ยวที่วัดนี้อีก เมื่อประมาณ ๑๖.๐๐ น ผมได้พบกับหลวงพ่อ หลวงพ่อถามผมว่า “พรุ่งนี้คุณว่างไหม ? อาตมาภาพจะอัญเชิญท่านชีวกโกมารภัตให้มาปรากฏที่หัวแม่มือให้คุณดูเป็นแบบปั้น” ผมรีบบอกท่านว่า “ว่างครับ” แล้วผมก็รับคำหลวงพ่อที่บอกให้ผมปั้นรูปท่านชีวกโกมารภัต ผมไปธุระที่อื่นอีกและกลับถึงบ้านเวลาประมาณ ๒๔.๐๐ น เมื่อเข้าไปในบ้านนั่งพักผ่อนอยู่สักครู่หนึ่ง ผมรู้สึกว่าเจตสิกของผมเริ่มมือาการพิกล ผมได้เดินไปหยิบดินน้ำมันในสำนักงานออกมาคลำเล่น พร้อมกับนึกว่า รูปท่านชีวกโกมารภัตที่หลวงพ่อจะให้ปั้นนั้น คงจะมีรูปลักษณะไปทางคนจีน ผมจึงเริ่มปั้นเป็นเค้าคนจีนเพราะเชื่อแน่ว่าหลวงพ่อคงถนัดทางจีนมากกว่า ขณะนั้นฝนเริ่มโปรยลงมาตลอดเวลา ผมปั้นรูปนั้นเสร็จประมาณตีหนึ่งเศษ รุ่งเช้าผมได้ชวนคุณเฉลิม และ คุณจุไรรัตน์ ซึ่งเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยศิลปากรมาด้วยเพื่อพิสูจน์ความจริง มาถึงวัดเวลาประมาณ ๑๒.๐๐ น เมื่อผมได้พบหลวงพ่อแล้ว ผมก็เอารูปปั้นเป็นแบบจีนออกมาถวายให้ดู หลวงพ่อก็บอกว่า “ไม่ใช่ รูปร่างที่แท้จริงของท่านเป็นแขกพราหมณ์ ไม่ใช่จีน” หลวงพ่อได้บอกให้ผมขึ้นไปบนกุฏิพร้อมกัน หลวงพ่อได้ทำพิธีอัญเชิญ ผมได้สนใจเฝ้าดูหลวงพ่อตลอดเวลาทุกอิริยาบถและรู้สึกว่าการทำพิธีอัญเชิญนั้นง่ายเหลือเกิน และแปลกเกินกว่าความคาดหมายของผม หลวงพ่อได้จุดธูป และปักตามที่บูชาต่าง ๆ ในกุฎี และได้ว่าคาถาเป็นภาษาญวนปนไปกับภาษาบาลี ซึ่งผมเองก็ฟังไม่รู้เรื่อง จิตใจของผมในขณะนั้นอยากจะเห็นภาพและทำการปั้น เพื่อพิสูจน์ความจริง คุณเฉลิม และ คุณจุไรรัตน์ ได้ขึ้นมานั่งดูอยู่ด้วย หลวงพ่อได้นั่งบนอาสนะ มือถือธูปที่จุด แล้วกำมือและหัวแม่มือชูขึ้น สายตาของผมจ้องจับอยู่ที่หัวแม่มือของหลวงพ่อ ในไม่ช้า ก็ปรากฏเห็นเป็นจุดขาว และจุดขาวนั้นได้ขยายตัวโตขึ้น.ๆ จนเห็นเป็นภาพ แต่ไม่ชัด ผมตอนนั้นจิตใจรู้สึกตื่นเต้นเพราะได้ประจักษ์สิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน หลวงพ่อได้เปลี่ยนที่นั่งใหม่ ซึ่งมีแสงสว่างน้อย คราวนี้ภาพที่หัวแม่มือของหลวงพ่อได้ปรากฏแจ่มชัด ผมเริ่มปั้นตามภาพใบหน้าที่เห็นในภาพนั้นทันที ใจผมเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ได้ปั้นตามภาพที่ปรากฏให้เห็นนั้น ผมใช้เวลาถึง ๒ ชั่วโมงจึงปั้นเสร็จเรียบร้อย ขณะที่ปั้นอยู่นั้น ผมชักสนุกและรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะบ้าไปทุกขณะ มานั่งปั้นรูปโดยไม่มีเหตุผล คุณเฉลิม และ คุณจุไรรัตน์ ที่ผมชวนมาด้วย ก็เห็นภาพนั้นเช่นเดียวกับผมและยืนยันว่า ภาพที่ปรากฏที่หัวแม่มือหลวงพ่อเหมือนกับรูปที่ผมปั้นทุกประการ เมื่อผมปั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมพร้อมด้วยคุณเฉลิม และ คุณจุไรรัตนได้กราบลาหลวงพ่อกลับ แต่ผมไม่กล้าเอารูปที่ผมปั้นกลับไปบ้านด้วย. วันรุ่งขึ้น ผมได้ไปที่บ้านท่านอธิบดีกรมเจ้าท่า คือ คุณพระพิจารณ์ชลกิจ ขณะที่นั่งคุยอยู่นั้น ผมได้จับหัวแม่มือของผมลูบคลำอยู่ไปมา อัศจรรย์นักเมื่อผมมองดูที่หัวแม่มือของผมเอง เริ่มเห็นปรากฏเป็นภาพของท่านชีวกโกมารภัต เหมือนกับที่ผมได้เห็นที่หัวแม่มือของหลวงพ่อ เสร็จธุระแล้วผมก็ได้กลับจากบ้านท่านอธิบดีกรมเจ้าท่า ผมได้ไปที่วัดสมณานัมบริหารทันที เมื่อเข้าไปในโบสถ์ ผมพบหลวงพ่ออยู่ในโบสถ์แล้ว ผมได้เอาหัวแม่มือให้หมออินเทวดา (ยศ ร.ต.ต. ตำรวจน้ำ) ดู แล้วถามว่า “ในนี้มีอะไรหรือเปล่า?” หมออินเทวดาดูสักพักหนึ่งก็บอกว่า “มี เห็นหน้าคนมีหนวดคางแพะ” และเห็นเด่นชัดขึ้นประมาณ ๒ นาที ผมทราบได้ทันทีว่าเป็นรูปของท่านชีวกโกมารภัต หลวงพ่อนั่งหัวเราะเมื่อหมออินเทวดาพูดดังนั้น แล้วชวนผมกับหมออินเทวดาไปที่กุฏิ หลวงพ่อหยิบรูปที่ผมปั้นมาให้หมออินเทวดาดู หมออินเทวดาเห็นรูปปั้นก็ร้องเสียงดังว่า “ใช่แล้ว ๆ ” แล้วก้มลงกราบรูปนั้นทันที ผมเห็นดังนั้นชักงง และเริ่มเชื่อว่า เท่าที่ได้เห็นภาพ และปั้นรูปจนสำเร็จนั้นเป็นความจริง ผมก้มลงกราบรูปปั้นของท่านที่ผมได้ปั้นไว้ด้วยคารวะอันสูง อา บัดนี้ผมได้พบกับความมหัศจรรย์ และหลักไสยศาสตร์อันยิ่งใหญ่พร้อมกับหมออินเทวดาเข้าให้แล้ว หมออินเทวดาก็ได้ถวายตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อทันทีพร้อมกับกล่าวว่า “ผมมาที่นี่ด้วยจิตใจเลื่อนลอย หรือด้วยอำนาจอะไรผมก็บอกไม่ถูก แต่ตามความจริงใจแล้ว ผมไม่ต้องการมา เมื่อผมได้มาแล้ว เห็นแล้ว ผมก็ภูมิใจ” ยังอีกครับ ยังไม่เชื่อถนัดนัก วันรุ่งขึ้น เวลาประมาณ ๑๒.๐๐ น ผมได้มาที่วัดสมณานัมบริหารอีก ผมให้คนงานที่กำลังแต่งรูปอาจารย์คงอยู่ มาดูที่หัวแม่มือของผม เขาว่าผมชักจะบ้าเสียแล้ว แต่เมื่อนั่งดูอยู่ประมาณ ๕ นาทีก็ปรากฏเป็นภาพท่านชีวกโกมารภัตขึ้นมา เขาไม่เชื่อ และปกปิดผมด้วย แต่ผมได้มารู้ทีหลัง เมื่อผมเห็นเขาไม่เชื่อ ผมก็เจ็บใจ ให้เขาจับหัวแม่มือของเขาดูเอง คราวนี้ด้วยอำนาจของความศักดิ์สิทธิ์ เขาได้เห็นภาพปรากฏขึ้นที่หัวแม่มือของเขา แต่เห็นด้านข้าง ผมถามเขาว่า เห็นเป็นรูปร่างลักษณะอย่างไร และให้เขาสเก็ตภาพคร่าว ๆ ให้ดู แล้วผมก็หยิบกระดาษข้าง ๆ ตัว นำมาตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยม เพื่อนำมาเขียนภาพที่ปรากฏในหัวแม่มือของคุณอำไพ นักเรียนเตรียมศิลปากร ผมได้เขียนภาพที่ปรากฏนั้นประมาณ ๑๐ นาทีก็ได้ภาพของท่านชีวกโกมารภัต ด้านข้าง ขณะที่ผมกำลังเขียนภาพอยู่นั้น ร.ต. ประมวล นั่งอยู่ด้วย ได้กล่าวว่าผมเป็นบ้าไปแล้ว แต่ผมไม่ถือเพราะผมเห็นเช่นนั้น “คืนวันนั้น ผมได้นำภาพที่ผมเขียนขึ้นไปถวายให้หลวงพ่อดูที่วัด ภาพนั้นเหมือนรูปที่ผมปั้นทุกประการ ผมขอรับรองว่า ภาพท่านชีวกโกมารภัตนี้ สูงเกินกว่าจะมีศิลปินผู้ใดจะมีมโนภาพเห็นได้ขนาดนี้ และยากที่จะทำได้เช่นนี้ถ้าขาดอำนาจศักดิ์สิทธิ์มาดลจิตใจให้เกิดกำลังความคิด และฝีมือที่ปั้น ส่วนกระดาษที่ผมนำมาตัดเขียนภาพนั้น เมื่อมาถึงวัด ผมสังเกตเห็นอักษรภาษาฝรั่งท้ายภาพนั้น เป็นคำว่า ‘SERVICE MEDICAL’ ผมได้ไปเปิดปทานุกรมภาษาอังกฤษดู ก็ทราบคำแปลเป็นภาษาไทยว่า ‘สถานบริการทางการแพทย์’ ผมรับรองว่า ไม่ได้จงใจให้เหลือคำดังกล่าวนั้นเลย จะเป็นด้วยความบังเอิญหรือเหตุใดผมไม่ทราบ ตั้งแต่นั้นมา ผมก็เชื่อทันทีว่า วิญญาณนั้นมีจริง และสิงสถิตอยู่ตามขั้นบุญและบาป ที่บุคคลนั้น ๆ ได้กระทำไว้ ที่ผมเชื่อเพราะผมได้เห็นประจักษ์กับตาของตนเองทีเดียว เป็นข้อพิสูจน์ที่มีค่าเกินกว่าข้อพิสูจน์ใด ๆ ทั้งสิ้นในโลก” คืนวันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ ๒๔๙๗ ตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเมีย เวลากลางคืน ได้มีศิษย์และผู้รู้จักมักคุ้นหลายคนมาสนทนากับอาตมาภาพที่กุฎี จนกระทั่งเวลา ๒๒.๐๐ น คุณนายสมาน พงษ์สุวรรณ ได้ปรารภกับอาตมาภาพว่า อยากจะให้อาตมาภาพอัญเชิญเทพยเจ้าท้าวใจภักดิ์ อันเป็นที่เคารพนับถือมาประทับร่างทรง ด้วยต้องการจะถามกิจการบางอย่าง อาตมาภาพก็รับจะอัญเชิญให้ ทั้งหมดได้ลงมายังศาลาร่วมบุญ อาตมาภาพให้คุณชอุ่ม วัฒนแจ้ง หลานของคุณนายนั่งเป็นร่างประทับทรง อาตมาภาพได้ประกอบพิธีอัญเชิญ สักครู่หนึ่งเทพยเจ้าท้าวใจภักดิ์ก็เริ่มเข้าประทับทรงในร่างของคุณชอุ่ม แต่ไม่เข้าประทับทรงเต็มที่ ทำให้คุณชอุ่มเหนื่อยอ่อนไปทีเดียว ขณะนั้น คุณประทุม จันทรสมบูรณ์ ศิษย์หญิงคนหนึ่งของอาตมาภาพ กลัวว่าคุณชอุ่มจะเหนื่อยมาก จึงบอกกับอาตมาภาพขอเป็นผู้นั่งเป็นร่างประทับทรงแทน ถ้ามิฉะนั้นแล้วเทพยเจ้าท้าวใจภักดิ์จะไม่ยอมออกจากร่างคุณชอุ่มแน่ เมื่อคุณประทุมนั่งเป็นร่างประทับทรงแทนแล้ว สักครู่เทพยเจ้าท้าวใจภักดิ์ก็เข้าประทับทรงในร่างคุณประทุมทันที คุณชอุ่มก็เป็นปกติ เมื่อคุณนายสมาน ได้ถามเรื่องราวพอสมควรแล้ว อาตมาภาพถามเทพยเจ้าท้าวใจภักดิ์ว่า “อาตมาภาพมีความประสงค์จะอัญเชิญท่านชีวกโกมารภัตมาประทับร่างทรงบ้าง จะต้องปฏิบัติเช่นไร และท่านประสงค์เข้าประทับทรงในร่างของผู้ใด” เทพยเจ้าท้าวใจภักดิ์ในร่างประทับทรงบอกว่า “จะอัญเชิญท่านชีวกโกมารภัตมาประทับร่างทรงนั้น อัญเชิญได้ แต่ต้องให้ท่านนั่งบนผ้าขาวสะอาด เพราะเป็นเทพยเจ้าชั้นสูง” แล้วชี้มือไปยัง ร.ต.อ. ทวี จำรูญจันทร์ ( บัดนี้เป็น พ.ต.ต. ) ให้เป็นผู้นั่งเป็นร่างประทับทรง เพราะเป็นคนสะอาดพอ แต่ ร.ต.อ ทวี ได้หนีออกไปจากศาลาร่วมบุญเสียแล้ว อาตมาภาพจึงให้คุณชอุ่ม วัฒนแจ้ง คุณเกษม สวาวสุ และ พ.อ. อร่าม เมนะคงคา แห่งกองพันที่ ๑ ทหารปืนใหญ่รักษาพระองค์ เป็นผู้นั่งเป็นร่างประทับทรง แล้วอาตมาภาพก็ทำพิธีอัญเชิญท่านชีวกโกมารภัต ทันที ขณะที่อาตมาภาพกำลังทำพิธีอัญเชิญอยู่นั้น ร.ต.อ ทวี ได้กลับเข้ามาในศาลาอีก แล้วนั่งซึมอยู่ทางอีกด้านหนึ่งเพียงคนเดียว ชั่วครู่หนึ่ง ร.ต.อ ทวี ก็มีอาการผิดปรกติ เอามือตบเตียงดังฉาดใหญ่ จุดสนใจของคนทั้งหมดที่อยู่ในศาลา ก็หันไปทางเดียวกันเหมือนนัดหมาย ท่านชีวกโกมารภัตได้เข้าประทับทรงในร่าง ร.ตอ ทวี แล้ว หนีไม่พ้นเหมือนคำเทพยเจ้าท้าวใจภักดิ์บอกทุกประการ เมื่อท่านชีวกโกมารภัตได้เข้าประทับทรงเต็มที่แล้ว อาตมาภาพได้อัญเชิญให้ท่านนั่งบนอาสนะผ้าขาว ซึ่งได้จัดเตรียมไว้แล้ว อาตมาภาพได้กล่าวฝากฝังตัวเองเป็นศิษย์ ศึกษาวิธีรักษาโรคกับท่าน ท่านก็ได้รับไว้ด้วยความเต็มใจ อาตมาภาพก็ได้ถามถึงประวัติของท่าน และเรื่องอื่น ๆ สักครู่ แล้วท่านก็ได้ออกจากร่างประทับทรงไป นับเป็นครั้งแรกที่อาตมาภาพได้พบกับท่านชีวกโกมารภัต ในร่างประทับทรง และได้พูดจากับท่าน ต่อมา เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ ๒๔๙๗ วันอาทิตย์ แรม ๖ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเมีย เวลา ๒๓.๒๐ น. อาตมาภาพได้ประกอบพิธีอัญเชิญท่านชีวกโกมารภัตเข้าประทับทรงในร่างของ ร.ต.อ ทวี จำรูญจันทร์ ในพระอุโบสถวัดสมณานัมบริหาร อาตมาภาพได้ขออนุญาตหล่อรูปของท่านเท่าตัวคนจริง ๑ รูป และรูปเล็กขนาดหน้าตัก ๓ นิ้วอีก ๑๐๘ รูป เพื่อทำการสักการบูชา และให้ผู้ที่มีความเคารพนับถือไว้บูชา โดยนำรูปปั้นที่คุณโชติ สโมสร ปั้นไว้ให้ท่านดู ท่านชีวกโกมารภัตได้พูดว่า “เรื่องนี้จะไม่ใหญ่โตไปหรือ? แต่ถ้าเป็นความประสงค์ของท่านและลูกหลาน ก็อนุญาต” และท่านชีวกโกมารภัตได้ประสิทธิ์ประสาทคาถารักษาโรคให้ว่า “นะอะนะวะ โรคาพยาธิ วินาสสันติ” เมื่อได้รับอนุญาตจากท่านชีวกโกมารภัตดังกล่าวแล้ว อาตมาภาพได้ให้นายชิ้น ชื่นประสิทธิ์ ปั้นรูปของท่านขนาดองค์จริง ๆ ๑ รูป และรูปเล็กขนาดหน้าตัก ๓ นิ้ว ๑๐๘ รูป การปั้นหุ่นจำลองรูปของท่านชีวกโกมารภัตได้ทำขึ้นด้วยความยากลำบาก และความอุตสาหะ ความยากของเรื่องได้เกิดขึ้นเนื่องจากอาตมาภาพต้องการให้ได้รูปหุ่นที่ปั้นเหมือนท่าน ครั้งเมื่อมีชีวิตอยู่จริง ๆ นายชิ้นได้ปั้นหุ่นอยู่ถึง ๒ ปี จึงสำเร็จ พร้อมที่จะทำการหล่อด้วยโลหะได้ มีความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง ที่แทบไม่น่าเชื่อถือได้เลย คือ เมื่อนายชิ้นปั้นหุ่นรูปของท่านชีวกโกมารภัตเสร็จแล้ว อาตมาภาพได้ไปที่โรงงานของนายชิ้น พร้อมด้วยคุณประทุม จันทรสมบูรณ์ อาตมาภาพได้ทำพิธีอัญเชิญเทพยเจ้าท้าวใจภักดิ์เทพยราชเลขาธิการ ผู้ชำนาญในการปั้นมาประทับร่างทรง เพื่อให้ตรวจดูความถูกต้องของรูปที่นายชิ้นได้ปั้นเสร็จแล้วนั้น วิญญาณเทพยเจ้าท้าวใจภักดิ์ ซึ่งมาประทับร่างทรงแล้ว ได้บอกเลยทันทีว่าแขนซ้ายและแขนขวา ซึ่งช่างได้ปั้นเสร็จแล้วนั้น ไม่เท่ากัน ทั้งนี้ไม่มีใครรู้มาก่อนเลย แม้แต่ช่างที่ปั้น เมื่อได้รับคำบอกกล่าวเช่นนั้น ช่างได้ทำการแก้ไข นอกจากนี้แล้วเทพยเจ้าท้าวใจภักดิ์ยังได้บอกให้แก้ไขส่วนต่าง ๆ ที่ยังไม่ถูกต้องหลายแห่ง บางครั้งก็ลงมือแก้ไขเสียเอง ทั้ง ๆ ที่คนที่ท่านประทับทรงหลับตาอยู่ อาตมาภาพใจหายใจคว่ำด้วยเกรงว่ารูปที่ช่างได้ปั้นเสร็จแล้วจะชำรุดเสียหาย แต่แล้วอาตมาภาพกลับปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่งที่ได้รูปหุ่นที่งามสง่าสมส่วน ถูกต้องตามลักษณะที่แท้จริง และเพศของท่านทุกประการ ด้วยการปั้นที่มิใช่มาจากมโนภาพ ภาพประดิษฐ์ หรือแบบจากที่ใด แต่ได้มาจากอัญเชิญภาพให้ปรากฏที่หัวแม่มืออาตมาภาพ นายชิ้นช่างที่ทำการปั้น ก็ได้ให้คำรับรองว่าถูกต้อง และงดงาม เหมือนมนุษย์มีชีวิตอย่างแท้จริง เมื่อรูปหุ่นที่ช่างได้ปั้นเสร็จแล้ว พร้อมที่จะทำพิธีหล่อ อาตมาภาพได้ทำพิธีพุทธาภิเษกหล่อรูปท่านชีวกโกมารภัต พร้อมด้วยรูปขนาดเล็กมี ๑๐๘ องค์ ในวันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ ๒๔๙๙ วันอังคาร ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๖.ปีวอก เวลา ๕.๐๐ น เมื่อหล่อเสร็จแล้ว ช่างได้ทำการตกแต่งรูปของท่านแล้วรมด้วยสีดำ อาตมาภาพได้อัญเชิญท่านชีวกโกมารภัตมาทำพิธีประจุฤทธิ์รูปหล่อขนาดเท่าองค์จริง ๑ รูป และรูปหล่อขนาดเล็กอีก ๑๐๘ รูป เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ ๒๕๐๐ ตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา เวลา ๒๑.๐๐ น อีกครั้งหนึ่ง เป็นอันว่าอาตมาภาพได้รูปหล่อที่มีลักษณะเหมือนท่านครั้งมีชีวิตอยู่ไว้สักการบูชาตามที่ได้ปรารถนาไว้ และอาตมาภาพได้ขนานนามรูปหล่อท่านชีวกโกมารภัตว่า “บรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัต” รูปหล่อของบรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัตได้ประดิษฐานไว้สักการบูชาทางด้านซ้ายมือของพระประธานในพระอุโบสถวัดสมณานัมบริหาร (ลงนาม) อง สรภาณมธุรส เจ้าอาวาสวัดสมณานัมบริหาร ๒๕ ธันวาคม ๒๕๐๑. |