|
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-10-31 20:44
อะไรที่จัดเป็นอนันตริยกรรมฐานทำสังฆเภท (ทำสงฆ์สาวกแตกแยก)
๑) พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าปฏิบัติถูกต้องตรงทางแล้วยุยงให้แตกแยกกัน แต่ถ้าพระสงฆ์สาวกเป็นเดียรถีย์ เป็นพระปลอม เราไปจับสึก ทำลายเสีย อย่างนี้ ไม่ใช่สังฆเภท เพราะสิ่งที่ทำลายไปนั้น นับว่าเป็น “พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้” การนับว่าเป็น “สังฆเภท” ก็ต่อเมื่อได้กระทำต่อพระสงฆ์สาวกอันแท้จริงของพระพุทธเจ้าที่ปฏิบัติถูกต้องตรงทางเท่านั้น ของปลอมไม่นับเป็นสังฆเภท ได้รับกรรมเท่ากับ “การยุยงกลุ่มคนให้แตกกัน” เฉยๆ ไม่มีกรรมต่อพุทธศาสนา
๒) พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าปฏิบัติถูกต้องตรงทางแล้ว ไม่ได้ยุยงให้แตกแยกกัน แต่ทำความดีแล้วชักชวนให้ไปปฏิบัติต่างไปในทางของตนอีกแบบ แม้ได้รับการยอมรับนับถือมากมาย แต่เพราะปฏิบัติแตกต่างไปจากเดิมจนเป็นเหตุให้ ไม่ได้นิพพานนั้น คือ “อนันตริยกรรม” ทำหมู่สงฆ์เดิม แยกออกไปสู่นิกายใหม่ แต่ถ้าเกิดนิกายใหม่ที่ไม่ได้นิพพานอยู่ก่อนแล้ว ตนพยายามหาทางนิพพานแต่ไม่สำเร็จ รู้ว่านิกายเก่าไม่ได้นิพพาน จึงชักชวนเพื่อนแยกเป็นนิกายใหม่ อันนี้ ไม่เข้าข่ายสังฆเภท เพราะสงฆ์ในนิกายนั้น ไม่ใช่พระสงฆ์สาวกในแบบเดิมแท้
๓) พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าปฏิบัติถูกต้องตรงทางแล้ว ก็ไปให้การช่วยเหลืออย่างดี แล้วบอกแก่ท่านเหล่านั้นว่าท่านทำดังนี้เถิดไม่ถือ ไม่ผิดธรรมวินัย ไม่มีใครต่อว่าดอก อันส่งผลให้พระสงฆ์เชื่อ แล้วทำตามๆ กันมากมาย จนเกิดแนวทางการปฏิบัติที่ไม่ได้นิพพานดังเก่าก่อน อันนี้เป็น “สังฆเภท” สำเร็จสมบูรณ์แล้ว แม้ไม่มีการแตกกลุ่ม ยังอยู่ร่วมกันอยู่ก็ตาม แต่ถ้าเอากลุ่มที่ปฏิบัติไม่ได้นิพพานออกไปตั้งนิกายใหม่ ก็จัดเป็น “สังฆเภท” ได้ทันที ทว่า ถ้ามีใครแยกเอากลุ่มที่ปฏิบัติผิดทางให้ “สึก” ไป ไม่นับเป็น “สังฆเภท” แต่เป็น “สังคายนา”
๔) พระสงฆ์สาวกถูกทำให้แตกแยก หรือถูกภัยสงครามอยู่ก่อนแล้ว ตนมีเจตนาดีที่อยากรวบรวมหรือฟื้นฟูขึ้นใหม่ แล้วบอกแก่หมู่พระสงฆ์ว่าตนนี่แหละ มีแนวทางปฏิบัติเพื่อนิพพาน (แต่ไม่ได้นิพพานจริง) แม้ผู้คนนับถือมากมายตั้งนิกายสำเร็จ แต่ไม่นิพพานจริง เมื่อไม่มีใครแจ้งว่าพุทธศาสนาที่แท้จริงอยู่ที่ใด ยังไม่จัดเป็น “สังฆเภท” แต่เมื่อใดที่มีผู้แจ้งว่าศาสนาพุทธที่แท้จริงยังมีอยู่ แต่ไม่สนใจ แย่งดึงคนออกจากศาสนาพุทธที่ถูกต้องได้สำเร็จแม้คนเดียว เป็น “สังฆเภท” ทันที แม้สงฆ์จะแตกกันอยู่ก่อนแล้ว แต่เพราะไปดึงคนออกจากแนวทางที่ถูกต้อง (แต่ถ้าประกาศว่าตนไม่ได้นิพพาน แค่มาช่วยเบื้องต้นเท่านั้น อันนี้ไม่เป็นสังฆเภท)
๕) สร้างนิกายใหม่ ที่ไม่เคยมีมาก่อนเลย แม้ว่าพระพุทธศาสนาที่แท้จริงไม่ปรากฏ แต่ได้ประกาศแก่คนทั่วไปว่านิกายนี้นิพพานได้แน่ แต่ไม่ได้นิพพานจริง ถ้ายังมีพุทธศาสนาจริงเหลืออยู่ ยังไม่นับเป็น “สังฆเภท” ต่อเมื่อมีพระสงฆ์ที่อยู่ในพุทธศาสนาที่แท้จริงแม้แต่หนึ่งรูปแยกออกจากแนวทางที่ถูกต้องนั้นมาสู่นิกายใหม่นี้ นับเป็น “สังฆเภท” ทันที คือ เขานั้นจะได้นิพพานในศาสนาที่ถูกต้องอยู่แล้ว แต่เพราะคำโฆษณาของนิกายนั้นๆ ทำให้แยกออกมา จึงเป็น “สังฆเภท” ทันที
ในสมัยพุทธกาล พระสงฆ์สาวกมีสองประเภท คือ ประเภทที่ปรารถนานิพพาน และแบบที่ปรารถนาพุทธภูมิ (คือยังไม่เอานิพพาน) ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงรับบวชทั้งสองแบบ แต่ไม่ได้แยกออกเป็นนิกาย ทว่า ทรงให้ปฏิบัติห่างไกลกัน เพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยก และมีศูนย์รวมใจที่เดียวคือพระพุทธเจ้า ไม่มีเจ้าสององค์ ไม่มีสองนิกายในศาสนาเดียว เช่น พระมหากัจจายนะ ก็ปรารถนาพุทธภูมิ แต่ต้องไปเผยแพร่ศาสนาไกลมาก ในแคว้นที่กันดาร แต่ทุกรูปก็ไม่มีใครมีใจแตกออกไปจากพระพุทธเจ้า จนเกิดนิกายใหม่ก็หาไม่
การทำสังฆเภท ไม่ได้แปลตื้นๆ แค่ว่าทำพระสงฆ์แตกแยกกัน แต่มีความหลายลึกซึ้งด้วยว่า หมายถึงทำให้พระสงฆ์ที่ปฏิบัติถูกต้องตรงทางทั้งสองแบบ ต้องแยกออกไปนอกลู่นอกทาง แม้แต่รูปเดียว ไม่ใช่เป็นกลุ่ม เป็นหมู่คณะ ก็นับว่า “สังฆเภท” แล้ว เพราะเราไม่ทราบว่าพระสงฆ์ที่แยกออกไปแม้รูปเดียวนั้น อาจไปสร้างนิกายใหม่ๆ ที่ไม่ได้นิพพาน แล้วแย่งคนไปจากพระพุทธศาสนาที่ถูกต้องอีกเท่าใดในอนาคต ดังนั้น แม้แย่งคนแค่คนเดียวที่ปฏิบัติถูกต้องตรงทางออกมา ก็เกิดกรรมหนัก คือ “สังฆเภท” แล้วโดยสมบูรณ์ ยกเว้นว่าท่านที่ปฏิบัติถูกต้องตรงทางนั้น ท้อแท้ แล้วลาสิกขาเอง อันนี้ไม่เป็นสังฆเภท ถ้าเขาสึกออกเสียจากพระสงฆ์แล้วไปตั้งนิกายใหม่ที่ประกาศตนว่าไม่ใช่พระพุทธศาสนา ก็ไม่เป็นสังฆเภท แต่เมื่อใดก็ตามที่ทำเป็นพระพุทธศาสนาแต่ไม่ได้นิพพาน กลับไปชักชวนคนที่ปฏิบัติถูกต้องให้แยกออกมา จะจัดเป็นสังฆเภททันที
อะไรบ้างที่คล้ายสังฆเภทแต่ไม่ใช่สังฆเภท
๑) ทำให้สงฆ์ในนิกายที่ผิด แตกกัน อันนี้ให้ผลกรรมไม่ถึงสังฆเภท เพราะพระสงฆ์เหล่านั้นเดิมปฏิบัติผิดทางอยู่ก่อนแล้ว กรรมหนักไม่มากเท่าท่านที่ปฏิบัติตรงทาง ไม่ใช่อนันตริยกรรม เป็นเพียง กรรมที่กระทำให้หมู่คนแตกแยกกันเท่านั้น
๒) เอาหมู่สงฆ์แยกออกมาจากลัทธินิกายที่ผิด แล้วเร่งปฏิบัติให้ถูกต้องตรงทาง โดยมีศูนย์รวมใจที่พระพุทธเจ้าองค์เดียว ไม่มีใครเป็นเจ้าลัทธิ เจ้านิกาย ไม่มีหัวหน้า ทุกคนเท่าเทียมกัน ช่วยเหลือกัน ฐานะสาวกเช่นเดียวกัน ไม่มีอื่นอีก
๓) จับพระสงฆ์ปลอมให้สึกเสีย ไปจากกลุ่มพระสงฆ์ที่ปฏิบัติถูกทาง อันนี้ไม่ใช่สังฆเภท แต่ถ้าจับแยกออกแล้ว ให้เขาไปตั้งนิกายใหม่ในพระพุทธศาสนา อันนี้เป็นสังฆเภท ถ้าสงสารต้องให้สึก แล้วให้เขาตั้งศาสนาอื่น ที่ไม่ใช่พระพุทธศาสนา
พระรัตนตรัยนั้น มีพระพุทธเจ้านิพพานแล้ว เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธ, มีพระธรรมวินัยทิ้งไว้ตามแหล่งหนังสือต่างๆ, มีพระสงฆ์สาวกแท้ รออยู่ที่ใดที่หนึ่งที่ไม่ใช่ในนิกายต่างๆ ขอเพียงเราตั้งจิตตรงต่อพระรัตนตรัยแน่วแน่ ย่อมได้พบพระพุทธศาสนาที่แท้จริง หากวิริยะพากเพียรในป่าอย่างถึงที่สุดแล้ว ย่อมจะได้พบพระอรหันต์แท้มาโปรดเราได้
โดย physigmund_foid |
|