ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3596
ตอบกลับ: 6
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

หลวงปู่ทวด กับ อาจารย์ทวี ทิวแก้ว อาศรมชีปะขาว

[คัดลอกลิงก์]
อ่านกันสนุกๆรู้นะครับ

ขอขอบคุณ:http://www.oknation.net/blog/sitthi/2009/01/09/entry-1



ครับเรื่องราวอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์มีอยู่มากมายที่ยังหาคำตอบไม่ได้ จึงไม่แปลกครับที่คนยุคใหม่และนักวิทยาศาสตร์จำนวนไม่น้อยที่ไม่เชื่อ....
เรื่องราวของหลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) กับท่านอาจารย์ร้อยเอกทวี ทิวแก้ว ตามบันทึกน้อยของผมตอนนี้ก็เป็นเรื่องของอิทธิปาฏิหาริย์” ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญสักเท่าไรตามหลักของพระพุทธศาสนา….
ตอนที่มนุษย์ยังไม่รู้ว่าโลกเรากลม บรรดานักคิดในสมัยนั้นต่างก็เชื่อและพากันอธิบายกันว่าโลกของเราแบน ซึ่งพวกเราก็เชื่อตามนั้น จนมีคนๆหนึ่งตั้งคำถามขึ้นมาว่าโลกเราแบนจริงหรือ....
ทุกวันนี้เราคงทราบกันแล้วครับว่าโลกของเรากลม” วิทยาศาสตร์มีคำตอบ...
แต่เพื่อนๆเชื่อไหมครับว่าเรื่องของอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์” นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถที่จะหาเหตุผลมาหักล้างได้ เพราะเรื่องเหล่านี้มันเป็นเรื่องของความเชื่อ ที่อยู่เหนือธรรมชาติและมีผลต่อจิตใจของมนุษย์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ว่ากันว่าความเชื่อเหล่านี้จะสามารถลดความหวาดกลัวของมนุษย์ลงไปได้ตลอดจนเป็นการสร้างเกราะกำบังความกลัวและก่อให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาร่วมกัน

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-12 15:15 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ในอดีตกว่าสี่ร้อยปีมาแล้ว บารมีของท่านแผ่ไพศาลจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน เรื่องราวปาฏิหาริย์เกี่ยวกับหลวงปู่ทวดมีมากมายเล่าขานกันไม่หวาดไม่ไหว
สำหรับวัตถุมงคลที่สร้างในรูปแบบพระเครื่องแล้ว เป็นที่เชื่อถือกันในกลุ่มผู้มีคตินิยมแนวนี้ว่า นิรันตราย” เป็นเลิศ
มีเรื่องน่าประหลาดใจอยู่เรื่องหนึ่งครับ....
คือเรื่องราวความเป็นมาของหลวงปู่ทวด ถ้าเราสังเกตดูแล้วจะพบว่าประวัติของท่านมีเพียงแต่การบันทึกในรูปแบบลายลักษณ์อักษรเท่านั้น โดยไม่เคยมีผู้ใดได้เห็นหน้าตาของหลวงปู่ทวดว่าเป็นอย่างไร รูปร่างสูงต่ำขนาดไหน และทำไมถึงมีการจัดสร้างวัตถุมงคลรูปเหมือนของท่านออกมาได้ เขาเหล่านั้นใช้หลักการอะไร จินตนาการแบบไหน วิธีการได้มาทำอย่างไร ฯลฯ

หมุนเข็มนาฬิกาย้อนหลังไปสักประมาณห้าสิบปี ในยุคสมัยนั้น”ร้อยเอกทวี ทิวแก้ว” หรือ “อาจารย์ทวี ทิวแก้ว” แห่ง “อาศรมชีปะขาว” ได้ชื่อว่าเป็น “ผู้ที่มีวิชาอาคมและมีญาณที่เข้มแข็ง” โดยเฉพาะเรื่องของ “พลังจิต
เป็นที่เชื่อถือกันในกลุ่มลูกศิษย์และผู้ที่เคารพในตัวท่านว่าพลังจิตของท่าน “แจ่มใสดุจดั่งดวงแก้ว” จนสามารถติดต่อกับญาณบารมีของพระเกจิอาจารย์หรือพระเถระชั้นสูงที่ได้ล่วงลับไปแล้ว....
อาจารย์ ร.อ.ทวี ทิวแก้ว เกิดเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๔๖๑ เวลา ๒๐.๑๕ น. สมัยที่ท่านยังเป็นเด็ก คุณพ่อคุณแม่ของท่านได้นำท่านไปฝากไว้กับพระที่วัดหนัง(ธนบุรี) ซึ่งช่วงนั้นทางวัดหนัง(ธนบุรี) ได้เปิดให้มีการสอนเด็กๆประมาณ ๗๐ คนให้หัดนั่งปฏิบัติสมาธิกรรมฐาน...
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-12 15:16 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

ต่อมาปรากฏว่า ท่านพระภาวนาโกศล (เอี่ยม)” หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนาม “ท่านเจ้าคุณเฒ่า หรือ หลวงปู่เอี่ยม เจ้าอาวาสวัดหนัง(ธนบุรี)” ในสมัยนั้น ท่านได้คัดเลือกเด็กชายทวี ซึ่งมีอายุเพียง ๗ ขวบเพียงคนเดียวเพื่อให้คอยปรนนิบัติและให้เข้าไปฝึกปฏิบัติสมาธิในกุฏิของท่านทุกคืนจนเด็กชายทวีโตเป็นหนุ่ม (สำหรับเรื่องราวและกิติคุณของหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ปัจจุบันมีคนเขียนถึงท่านมากมายแล้ว เพื่อนๆสามารถหาอ่านได้ตามหนังสือพระเครื่องทั่วไปครับ)
อาจารย์ทวีถูกเกณฑ์ทหารสังกัดกรมการขนส่งทหารบก เมื่อรับราชการจนครบกำหนดแล้ว ท่านจึงลาออกจากราชการทหารและได้ไปทำงานในเรือเดินทะเลค้าขายระหว่างประเทศ ลูกศิษย์ของอาจารย์ทวีท่านหนึ่งได้เขียนถึง คุณวิเศษและลักษณะนิสัย” ของอาจารย์ทวีไว้ว่า....

ครั้งหนึ่งเครื่องยนต์ของเรือได้ดับกลางทะเล แก้ไขอย่างไรก็ไม่สำเร็จ อาจารย์ทวีได้ใช้สมาธิจิตเพ่งจุดหัวเทียน ทำให้เครื่องเรือติดและสามารถวิ่งเข้าฝั่งได้
และด้วยความที่ท่านเป็นคนที่ไม่นิยมการเที่ยวเตร่ ดังนั้นเมื่อกลับเข้าฝั่ง ท่านจึงมักเข้าไปอยู่ในป่าแถบภาคใต้ เพื่อหาความสงบจากการฝึกปฏิบัติสมาธิกรรมฐานตลอดเวลา....”
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-12 15:17 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ในช่วงที่อาจารย์ทวีอยู่ในป่า ท่านได้พบกับพระธุดงค์องค์หนึ่ง ซึ่งมาแสดงอิทธิฤทธิ์ให้ท่านเห็นหลายอย่าง แต่ตัวของอาจารย์ทวีเองกลับไม่รู้สึกตื่นเต้นหรือแปลกใจแต่ประการใด ดังนั้นเมื่อพระธุดงค์องค์นั้นชักชวนให้ท่านไปเรียนวิชา ท่านจึงได้ปฏิเสธออกไป โดยท่านให้เหตุผลว่า.....
ท่านมีครูบาอาจารย์อยู่แล้ว คือ หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง....”

พระธุดงค์องค์นั้นก็ไม่ได้ละความพยายามได้เวียนมาชักชวนท่านถึงสามครั้ง โดยครั้งสุดท้ายพระองค์นั้นได้มาในร่างของสงฆ์แต่ แต่งชุดขาวเป็นชีปะขาว” และบอกว่าชื่อของท่านคือ “หลวงปู่ทวด” มีความต้องการรับอาจารย์ทวีเข้าเป็นลูกศิษย์...
เมื่ออาจารย์ทวีได้ทราบว่าพระธุดงค์องค์นี้คือหลวงปู่ทวด ท่านจึงน้อมรับเข้าฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) และได้รับการถ่ายทอด “วิชาสมาธิจิตและวิชาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับองค์หลวงปู่ทวด” ให้กับท่าน...
หลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) ได้บอกกับท่านว่า หลวงปู่ปรารถนาพุทธภูมิ” คือ “เจตนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคต” แต่ขณะนี้ท่านเป็น “พระโพธิสัตว์” ดังนั้นคาถาที่ใช้สวดบูชาและนมัสการท่านคือ...
นะโม โพธิสัตว์โต อาคันติมายะ อิติภะควา...”

5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-12 15:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตามหลักของพระพุทธศาสนา มนุษย์ประกอบด้วย กาย” และ “จิต” โดย “กายเป็นรูปธรรม” และ “จิตเป็นนามธรรม
อาศรมชีปะขาว เป็นสำนักที่เปิดสอนและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องของสมาธิจิต โดยอาจารย์ทวี ทิวแก้วท่านจะสอนเรื่องของจิตและวิญญาณตามหลักของพระพุทธศาสนา ซึ่งถ้าจะว่ากันไปแล้วคำว่า จิต” และ “วิญญาณ” เป็นเรื่องที่แอบอิงเข้ากันกับเกือบจะทุกศาสนา
เพราะว่าอะไรหรือครับ.....
คำตอบแบบขั้นอนุบาลว่าอย่างนี้
เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ ความเชื่อของมนุษย์” ที่มีมาตั้งแต่อดีต เพียงแต่ว่า “นัยยะความหมาย” ของแต่ละศาสนาจะแตกต่างกันออกไป
คุณสมบัติของจิต...เชื่อกันว่าสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าสิ่งใดๆที่เราเคยรู้จักกัน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่ที่ไหนเพียงเรานึกถึงสิ่งนั้น จิตของเราก็จะวิ่งไปทันที
นอกจากนี้จิตยังสามารถทะลุทะลวงผ่านวัตถุและสิ่งต่างๆได้อย่างไร้ขีดจำกัดและไร้ซึ่งขอบเขต คุณสมบัติทั้งหมดนี้เราเรียกมันว่า ...พลังจิต
พลังจิตต่างจากพลังงานอื่นๆทางวิทยาศาสตร์ เช่นพลังงานไฟฟ้า พลังงานน้ำ ฯลฯ ตรงที่จิตมี ตัวรับรู้อารมณ์” ที่เรียกว่า “วิญญาณ” โดยอาศัยตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ
สิ่งมีชีวิตก็เช่นเดียวกัน..เราสามารถแยกออกได้เป็นสองชนิดคือ สิ่งมีชีวิตแต่ไม่มีวิญญาณ” และ “สิ่งมีชีวิตที่มีวิญญาณ” ซึ่งคำที่เรามักจะได้ยินเสมอเมื่อพูดถึงเรื่องเหล่านี้ก็คือคำว่า “จิตวิญญาณ
ซึ่งวิญญาณนี้ ทางพุทธศาสนาอธิบายความไว้ว่า
เป็นสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง สามารถรับอารมณ์ได้ไกล มีการเกิดดับทุกขณะและมีอยู่ในสมองเป็นส่วนใหญ่.....”

โดยปกติแล้ว จิตกับกาย มักจะคู่กันเสมอ แต่สำหรับผู้ที่มีฌาน”จากการฝึกปฏิบัติสมาธิวิปัสสนาจนถึงขั้น อาจแยกจิตออกจากกายได้ ซึ่งอาจจะเป็นแบบชั่วคราวหรือแยกเป็นแบบระยะเวลาที่ยาวนาน ลักษณะแบบนี้เราเรียกว่า “นิโรธสมาบัติ” ครับ
ดังนั้นไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นคนธรรมดาหรือพระสงฆ์ หากสามารถปฏิบัติจนเข้าสู่ นิโรธสมาบัติ” ได้เป็นประจำก็จะต่อยอดให้เกิด “ฌาน” ต่างๆ เช่น “เจโตรปริญาณ ได้แก่ การอ่านใจผู้อื่น” หรือ “อนาคตังสญาณ ได้แก่ การรู้อนาคต” ฯลฯ

6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-12 15:19 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
นั่งพักกันตรงนี้สักนิดครับ....ที่เขียนมาข้างต้นเพื่อต้องการปูทางของคำว่า การนั่งสมาธิตรวจสอบ” หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “การนั่งทางใน” ว่าทำไมคนที่ได้รับการฝึกฝนทางจิตมาดี สามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆ ได้
เรื่องพวกนี้นอกจากการหมั่นฝึกปฏิบัติตามหลักการและวิธีที่ถูกต้องแล้ว โดยส่วนตัวของผม คำว่า“บุญบารมี”ที่คนๆนั้นเคยทำมาก็ยังมีส่วนด้วยครับ….
คุณวิเศษเฉพาะตัวของอาจารย์ทวี ทิวแก้ว ตามที่ผมได้ศึกษามาจากบทความของท่านพันโท นายแพทย์สมพนธ์ บุณยคุปต์ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ก็คือการที่อาจารย์ทวี สามารถนั่งสมาธิตรวจสอบ” ได้อย่างแม่นยำเป็นที่อัศจรรย์ใจ

เช่นการที่นายแพทย์สมพนธ์ ได้นำผ้าเช็ดหน้าห่อพระเครื่องไว้สามองค์ อาจารย์ทวีสามารถนั่งสมาธิตรวจสอบได้ว่าในห่อผ้านั้นมีพระอยู่กี่องค์และเป็นพระอะไร ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้อาจารย์ทวี ท่านได้บอกไว้ว่าเป็นเรื่องของการใช้ พลังจิต” อธิบายความได้ว่า...
เกิดจากการทำสมาธิให้จิตนิ่งและนำจิตนั้นไปใช้งาน เหมือนพลังงานอื่นๆ.....”
และเมื่อนายแพทย์สมพนธ์ ต้องการทดสอบเรื่องของ ความแรงของพลังจิต” โดยให้ช่วยตรวจสอบพลังของพระพุทธรูปที่บ้านพัก อาจารย์ทวีก็สามารถบอกได้อย่างถูกต้องว่า“พระพุทธรูปเชียงแสน ๑ ที่บ้านของนายแพทย์สมพนธ์ มีพลังงานแรงมากแต่ชำรุด” ซึ่งเมื่อมีการนำพระองค์ดังกล่าวมาตรวจสอบก็พบว่า..”พระองค์นั้นเศียรหักและถูกต่อคอเอาไว้...”
ด้วยความที่นายแพทย์สมพนธ์ ท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทำให้ท่านอยากพิสูจน์พลังของจิต” ท่านจึงได้เอาแผ่นตะกั่วที่กันแสงเอกซเรย์ได้ มาทุบเป็นกล่องสี่เหลี่ยมครอบกันเอาไว้แล้วเอาเงินใบละสิบบาทพับใส่ลงในกล่อง เสร็จแล้วก็ครอบฝาปิดกล่องเอาไว้ ท่านเล่าว่าได้นำกล่องใบนี้ไปให้อาจารย์ทวีโดยบอกว่า....
อยากทดสอบพลังของจิตว่าแรงกว่าเครื่องเอกซเรย์หรือไม่....”
อาจารย์ทวี มองลอดแว่นแล้วบอกว่าเรื่องนี้ไม่ต้องถึงท่านก็ได้ ให้ หูทิพย์” ดูก็ได้ “หูทิพย์”ในที่นี้คือ “ด.ช.โสตรทิพย์ ทิวแก้ว” บุตรชายของท่านที่พิการแต่กำเนิด
กล่าวคือหูทิพย์”เป็นเด็กที่ไม่มีรูหู ซึ่งตามปกติแล้วคนที่ไม่มีรูหูมักจะเป็นใบ้ แต่อาจารย์ทวี ท่านได้ใช้พลังจิตรักษาและสอนภาษาตั้งแต่เล็กๆ จนหูทิพย์ สามารถพูดได้ ฟังได้และเรียนหนังสือได้ โดยอาศัยการดูปากและเสียงที่มากระทบบริเวณแก้ม
ท่านเล่าว่าขณะนั้น ด.ช.โสตรทิพย์ มีอายุได้สักประมาณสิบกว่าขวบและกำลังวิ่งเล่นอยู่ อาจารย์ทวีได้เรียกให้เขามานั่งดูของในกล่อง ด.ช.โสตรทิพย์นั่งหลับตาดูสักพักจึงลืมตาแล้วบอกว่า....
แบงค์พ่อ แบงค์..”
อาจารย์ทวี ถามต่อว่า ใบละเท่าไร...”
ด.ช.โสตรทิพย์นั่งหลับตาอีกแล้วบอกว่า...
แบงค์สิบพ่อ..”
และเมื่ออาจารย์ทวี ถามต่อว่ามีเลขอะไรบ้าง ด.ช.โสตรทิพย์ก็บอกเลขออกมา เมื่อนายแพทย์สมพนธ์ท่านได้เปิดฝากล่องและดูเบอร์ของธนบัตร ท่านพบว่า
ตัวเลขตรงกันแต่มีสลับที่กันอยู่บ้าง...”
แต่ท่านว่าเพียงเท่านี้ก็สร้างความมหัศจรรย์ใจให้กับตัวท่านแล้ว ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ทำให้ท่านมีความเชื่อว่า...
พลังจิตมีความมหัศจรรย์จริงๆ และไม่มีข้อขีดขั้นของอายุผู้ปฏิบัติ...”

จะว่าไปแล้วเรื่องราวของคุณวิเศษและความสามารถพิเศษในเรื่องพลังจิตของอาจารย์ทวี ทิวแก้วและบุตรชายคือ ด.ช.โสตรทิพย์ ทิวแก้ว ยังมีอีกมากมาย ตลอดจนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็เกิดขึ้นต่อหน้าบุคคลหลายๆท่าน ซึ่งบุคคลต่างๆที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ก็เป็นเสมือนพยานบุคคล”ที่เข้ามาเป็นส่วนประกอบสำคัญยืนยันในเรื่องเหล่านี้...
ความมหัศจรรย์ของพลังจิตที่เกิดขึ้น หมายรวมถึง..การทำนายทายทัก การวิเคราะห์โรค การติดต่อสื่อสารกับสิ่งเร้นลับ รวมไปถึงการติดต่อกับญาณบารมีของพระเกจิอาจารย์ที่ได้ล่วงลับไปแล้วอย่าง หลวงปู่ทวด...

อาจารย์ทวี ในสมัยนั้นท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย มีทั้งบรรดาพ่อค้าประชาชนทั่วไปและรวมไปถึงข้าราชการนายทหารชั้นผู้ใหญ่อีกหลายท่าน ซึ่งแต่ละท่านได้ให้ความเคารพนับถือถวายตัวเป็นลูกศิษย์....
อาจารย์จิตร บัวบุศย์ อดีตอาจารย์วิทยาลัยเพาะช่าง ก็เป็นศิษย์คนหนึ่งของอาจารย์ทวี ทิวแก้ว เช่นเดียวกัน
ครั้งนั้นอาจารย์จิตร ต้องการจะหาเงินเพื่อสร้าง วัดวังรี จ.นครนายก และวัดสุทธาวาส จ.ฉะเชิงเทรา โดยท่านคิดว่าจะสร้างพระหลวงปู่ทวด(เหยียบน้ำทะเลจืด) แต่ช่างปั้นก็ไม่รู้ว่าจะปั้นอย่างไร เพราะไม่มีรูปของหลวงปู่ทวดเป็นแบบและก็ไม่เคยมีใครได้เห็นหลวงปู่ทวดมาก่อน...
ด้วยเหตุนี้ทำให้อาจารย์จิตร จึงต้องให้อาจารย์ทวี ทิวแก้ว มาเป็นผู้ชี้ทางสว่าง....

วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๐๕ ท่านอาจารย์ทวี ทิวแก้วได้จัดพิธีขึ้นที่อาศรมชีปะขาว สิ่งมหัศจรรย์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่ออาจารย์ทวี ท่านได้นำอาจารย์จิตรเข้ามาร่วมในพิธี....อาจารย์จิตรได้บรรยายความรู้สึกขณะนั้นว่า....
ร่างกายร้อนฉ่า...ความร้อนนั้นค่อยๆเคลื่อนตัวไปที่ต้นแขน...ไปที่ปลายมือและวูบวาบไปที่มือ ไปประจวบรวมกันที่หัวแม่มือ..จนอาจารย์จิตรต้องยกนิ้วมือขึ้นมอง...”
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-12 15:21 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ทันใดนั้น สิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นในชีวิตก็ปรากฏขึ้น..

เมื่อนิ้วหัวแม่มือของอาจารย์จิตรที่บริเวณเล็บนั้น คล้ายกับเป็นแสงสว่างวูบขึ้นแวววาว จากนั้นก็ค่อยๆ หรี่ลงๆ และปรากฏเป็นภาพรางๆ ที่ค่อยๆ ชัดขึ้นที่ละน้อย กลายเป็นภาพของหลวงปู่ทวด ซึ่งปรากฏเห็นอย่างชัดเจน ไปจนถึงพระอุระของท่าน....”
ภาพที่เกิดขึ้นบนเล็บของอาจารย์จิตร บัวบุศย์นั้นชัดเจน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ก็มีหลายคนอยู่ร่วมเหตุการณ์ สามารถยืนยันได้ ซึ่งตัวอาจารย์จิตรเอง ท่านก็ได้บันทึกเหตุการณ์นี้ไว้เป็นลายลักษณ์อักษรว่า นับเป็นเหตุการณ์ปาฏิหาริย์
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้