แม้เธอจะมีวิบากกรรมจากกรรมที่ทำไม่ดีมาในอดีต จนทำให้เธอต้องทนทุกข์กับโรคปวดศีรษะถึงขนาดต้องหามส่งโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็เป็นโชคดีของเธอที่มีผู้แนะนำให้ได้รู้จักหลวงปู่ (ราว พ.ศ. ๒๕๒๒) โดยที่เธอได้เห็นหลวงปู่ตั้งแต่ก่อนจะไปวัดเสียด้วยซ้ำ
เธอเล่าว่าก่อนที่จะเดินทางไปวัดสะแกตามคำชวนของคนรู้จัก เธอได้ฝันไปว่าได้เดินทางไปวัดแห่งหนึ่ง พอพ้นสะพานเล็ก ๆ เธอก็เลี้ยวซ้ายเข้าวัด เห็นประตูวัด ข้างบนเขียนว่าดาวดึงส์ (แต่พอมาเห็นจริง ๆ เป็นป้ายวัดสะแก) เดินลึกเข้ามาก็เลี้ยวซ้ายขึ้นบันไดเข้ากุฏิพระ ด้านซ้ายก็มีที่ต้มน้ำ ถัดจากนั้นก็เห็นหลวงปู่ (รู้จักภายหลังว่าเป็นหลวงปู่ดู่) หน้าท่านเฉย ๆ พื้นไม้กระดานสวยงามสะอาดสะอ้าน
เธอจดจำความฝันนั้นไว้ พอมีโอกาสตามเพื่อนไปวัดสะแกก็ปรากฏว่าเป็นไปอย่างที่เห็นในฝันทุกอย่าง (ยกเว้นป้ายวัด)
จากนั้นมาเธอก็ได้มากราบและทำบุญกับหลวงปู่อีกหลายครั้ง กระทั่งเย็นวันหนึ่ง เธอและสามีได้แวะมากราบหลวงปู่ ขณะนั้นลุงแกละกำลังหิ้วน้ำอุ่นไว้ถังหนึ่ง เพื่อจัดเตรียมให้หลวงปู่สรงน้ำ ณ บริเวณข้างโอ่งน้ำที่หลวงปู่สรงเป็นประจำ
เมื่อเห็นอย่างนั้น ทั้ง ๒ คนก็ดีใจมาก ฝ่ายสามีบอกว่าโชคดีจัง ขออนุญาตสรงน้ำหลวงปู่กันดีกว่า แล้วพากันเข้าไปขออนุญาตท่าน
ฝ่ายสามีก็เอาน้ำมาเช็ดล้างที่บริเวณเท้าหลวงปู่ ในขณะนั้นเอง หลวงปู่ก็บอกกับหญิงผู้นั้นว่า "แกเป็นตรงไหน ให้รดตรงนั้น" ด้วยความดีใจ หญิงผู้นั้นก็รีบตักน้ำอุ่นในถังแล้วค่อย ๆ รดไปที่ศีรษะหลวงปู่ สามีเห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงดุว่าทำไมทำอย่างนั้น เธอจึงตกใจ วางขันน้ำ ก้มลงกราบขอขมาหลวงปู่แล้วร้องไห้ด้วยความตกใจ กลัวบาปกรรม
หลวงปู่ท่านพูดพลางยิ้มว่า "ไม่เป็นไร ข้าอนุญาต"
และแล้วเรื่องอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นกับเธอ เพราะนับจากวันนั้น อาการปวดศีรษะของเธอก็ทุเลาลงเรื่อย ๆ กระทั่งหายสนิท
นี้แหละความเมตตาของครูบาอาจารย์ที่หากไม่เหลือวิสัยและกฎแห่งกรรมแล้ว ท่านย่อมสงเคราะห์ให้ด้วยเมตตาที่หาประมาณมิได้ดังที่ได้เล่ามาให้ฟังนี้
ขออนุญาติพี่พรสิทธิ์ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ