หากกล่าวถึง หลวงปู่ทอง วัดน้ำคอกใหม่ พระผู้เปี่ยมไปด้วยศีลาจารวัตรที่งดงาม ท่านเกิดเมื่อใดไม่มีหลักฐานทราบที่ชัดเจนจากการศึกษาค้นคว้า และจากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่พอที่จะสรุปได้ว่าหลวงปู่ทองเกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๑ ตรงกับปลายรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) หลวงปู่ทอง วัดน้ำคอกใหม่ส่วนประวัติของบิดาและมารดาของท่านเป็นใคร ไม่มีใครทราบ เพียงแต่สันนิษฐานว่า ท่านบรรพชาเป็นสามเณรมาก่อน ต่อมาเมื่ออายุได้ ๒๐ ปีท่านจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๑ ณ พัทธสีมาวัดน้ำคอก ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) หลวงปู่ทองท่านเป็นพระภิกษุที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีความเชี่ยวชาญหลายแขนง มีความรู้แตกฉานในพระวินัยปิฎก มีความเชี่ยวชาญด้านวิปัสสนา กรรมฐาน สมุนไพร พุทธอาคมต่างๆ และยังมีความชำนาญด้านการแกะสลัก หลวงปู่ทองท่านเป็นพระสงฆ์ที่เปี่ยมไปด้วยศีลาจารวัตรที่งดงามและมีพุทธอาคมที่เก่งมากองค์หนึ่ง ในยุคก่อนนั้นสมัยเดียวกันกับ หลวงปู่สังข์เฒ่า (เป็นปู่ของหลวงปู่ทิม อิสริโก) สันนิษฐานว่าหลวงปู่ทองได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่สังข์เฒ่าครั้งยังอยู่ในช่วงวัยหนุ่ม ซึ่งหลวงปู่สังข์เฒ่าองค์นี้ท่านเป็นอาจารย์ที่มีอาคมแก้กล้าเป็นที่ประจักษ์ในสมัยนั้น หลวงปู่สังข์เฒ่าท่านปกครองวัดถึง ๓ วัดด้วยกัน คือ วัดละหารใหญ่ วัดละหารไร่ และวัดหวายกรอง เล่าลือกันว่า เมื่อท่าน ถ่ ม น้ำลายลงพื้นพื้นดินจะแยกเป็นรอย แม้แต่ฝนตกหลังคารั่วเมื่อท่านเงยมองฝนก็หยุดตก
|