ภาพขบวนแห่นาค ที่หลวงพ่อบุญธรรม รับอุปการะเป็นเจ้าภาพอุปสมบทให้ ปีละหลายองค์ ภาพนี้บิดาผู้เขียนถ่ายจากถนนหลังพระ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๕
ในส่วนของพระภิกษุ-สามเณร ที่ท่านได้เป็นกรรมวาจานุสาวนาจารย์ให้เมื่อถึงวันเปิดโรงเรียนพระปริยัติธรรม ท่านก็เรียกมาประชุมแจกสมุดหนังสือเรียนโดยทั่วถึงกันทั้งเก่าและใหม่เป็นประจำทุกปี ทั้งนี้เพราะท่านเคยปรารถนาอยู่เสมอว่า ท่านเองเกิดมาชาตินี้มีปัญญาน้อยไม่ได้เล่าเรียนอะไรไว้ก็อยากจะสนับสนุนลูกศิษย์ลูกหาทุกคนให้ได้ดิบได้ดีในการเรียนให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้เป็นอานิสงฆ์ต่อไปในภายหน้าให้ท่านได้เกิดมามีสติปัญญาดีเหมือนผู้อื่นเขาบ้าง ดังนั้นท่านจึงได้พยายามส่งเสริมในด้านการศึกษานี้อยู่เสมอ สำหรับศิษย์วัดที่มีผู้นำมาฝากไว้ให้อยู่ปรนนิบัติท่าน ท่านก็เลี้ยงดูอุปการะเป็นอย่างดี ให้การศึกษาและอบรมให้อยู่ภายในระเบียบวินัยอันดีงาม จนได้รับความชมเชยจากท่านผู้ใหญ่และบิดา-มารดาของเด็ก ๆ เหล่านั้นว่า ท่านอบรมเด็กได้ดีมีกิริยามารยาทเรียบร้อยทุกคน
พระภิกษุและสามเณร ที่เป็นศิษย์ของท่าน ๆ มีวิธีชักจูงใจให้สนใจการศึกษาคือ การให้รางวัลแก่ผู้ที่สอบนักธรรมหรือเปรียญชั้นใดชั้นหนึ่งได้ นอกจากนี้ท่านก็ได้ช่วยเหลือในเรื่องอุปกรณ์การสอนและอุปการะการเงินเป็นนิตยภัตรเงินเดือนครูผู้สอน ปีหนึ่ง ๆ ท่านต้องสิ้นเงินเหล่านี้ปีละไม่ใช่น้อย เป็นที่ซาบซึ้งใจแก่ศิษย์ของท่านทั่วหน้ากันตลอดมา
เนื่องจากหลวงพ่อบุญธรรมท่านเป็นพระภิกษุ ไม่โลภจริต ไม่เห็นแก่ตัว คือท่านไม่สะสมข้าวของเงินทองไว้เป็นประโยชน์สำหรับส่วนตัวเองเลยแม้แต่น้อย เมื่อมีมากท่านจะนำไปทอดกฐินหรือทอดผ้าป่าตามวัดที่กันดารในชนบทที่ห่างไกลหรือโดยวิธีก่อสร้างถาวรวัตถุและสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์เพื่อผู้อื่นแทบทั้งสิ้น ส่วนค่าใช้จ่ายของท่านเองก็มีไว้แต่พอสมควรแก่อัตภาพเท่านั้น
ในฐานะเดิมท่านเคยเป็นแพทย์แผนโบราณมาก่อนอุปสมบทเป็นเวลานาน ฉะนั้นเมื่ออุปสมบทแล้ว จึงยังมีคนเจ็บป่วยมาขอความช่วยเหลือจากท่านอยู่ตลอดเวลา ท่านก็ได้อนุเคราะห์ให้ด้วยดีเป็นเหตุให้ท่านต้องแยกออกมาจากกุฏิหลังเดิมมาปลูกสร้างกุฏิหลังใหม่อยู่ริมวัดพระปฐมเจดีย์ ด้านทิศตะวันตก หน้าตึกธรรมศรัทธาสหชน (ในปัจจุบัน) เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๖ แล้วสร้างเรือนพักคนไข้ขึ้นข้าง ๆ ทำการรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วยทั้งไข้สามัญและวิกลจริต จนมีชื่อเสียงไปทั้งจังหวัด
ต่อมาเมื่อลูกศิษย์และผู้เลื่อมใสศรัทธาท่านมากขึ้น ๆ กุฏิและเรือนพักอาศัยคนไข้ไม่พอรองรับท่านจึงได้ขยับขยายไปสร้างกุฏิถาวรสองชั้นฝาไม้กระดานขึ้นอีกหลังเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๐ ให้ชื่อว่า “กุฏิมิตตสามัคคี” มีพระภิกษุสามเณรและลูกศิษย์มาสมัครปรนนิบัติท่านเป็นจำนวนมาก และผู้ที่ศรัทธาเคารพนับถือท่านก็มากขึ้นทุกที พอถึงงานประจำปีของท่านต่างก็พร้อมใจกันมาร่วมกุศลกับท่านอย่างหนาแน่น จนเป็นเหตุให้กุฏิมิตตสามัคคีไม่พอรองรับอีกท่านจึงจำเป็นต้องขยายกุฏิด้านหลังและด้านข้างขวามือออกไปอีก จนมีสถานที่ใหญ่โตเพียงพอที่จะต้อนรับลูกศิษย์ได้ในคราวมีงานประจำปีอย่างสบาย
นอกจากนี้ท่านยังหาทุนทรัพย์ ก่อสร้างพระอุโบสถ โรงเรียน กุฏิสงฆ์ ถนน ให้แก่วัด ต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลาเท่าที่พอจะประมวลมากล่าวย่อไว้ในที่นี้ได้ เช่น
ปี พ.ศ. ๒๔๘๔ เป็นประธานในการหาทุนทรัพย์ก่อสร้างพระอุโบสถวัดสุวรรณาราม ต.ศาลายา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
ปี พ.ศ. ๒๔๙๑ ร่วมการก่อสร้างพระอุโบสถวัดบ้านนา อ.เมือง จ.สุโขทัย
ปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ช่วยจัดหาทุนทรัพย์สร้างที่ว่าการอำเภอศรีสำโรง จ.สุโขทัย
ปี พ.ศ. ๒๔๙๔ จัดหาทุนทรัพย์ในการก่อสร้างโรงเรียนวัดไชโย จ.อ่างทอง
ปี พ.ศ. ๒๔๙๕ จัดหาทุนทรัพย์สร้างพระอุโบสถวัดลำพยา อ.บางเลน จ.นครปฐม
ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ จัดหล่อพระประธานประจำพระอุโบสถ มอบให้กับวัดต่าง ๆ
และสร้างหอระฆังและหอกลองทรงปั้นหยาสูง ๓ วาเศษ ณ วัดพระปฐมเจดีย์ ในส่วนสิ่งก่อสร้างภายในวัดพระปฐมเจดีย์นอกจากหอระฆัง-หอกลองซุ้มประตูวัด ถนนพื้นคอนกรีต เสริมเหล็ก กว้าง ๔ เมตร แล้วท่านยังปลูกสร้างถาวรวัตถุไว้อีกจำนวนมาก เพราะตลอดชีวิตท่านผูกพันอยู่กับวัดพระปฐมเจดีย์โดยตลอดอายุขัย
|