ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3577
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

อะแวสะดอ ตาและ จอมโจรขมังเวทย์

[คัดลอกลิงก์]
ประวัติของอะแวสะดอ ตาและ"
จอมโจรขมังเวทย์เปิดเผยบันทึกของทางราชการ



ภาพตัวจริงของ อาแวสะดอถูกจับล่ามโซ่บนศาลาข้างทุ่งนาตรงข้ามเป็นสนามฟุตบอลตาดีกาบ้านจำปากอใกล้สะพานลอย

ตามบันทึกของทางราชการกล่าวไว้ว่า "ประวัติของอะแวสะดอ ตาและนั้น เขาเป็นลูกชายของ “โต๊ะฮายี” ชาวอิสลามที่มีผู้คนนับหน้าถือตากันอย่างกว้างขวาง บ้านเดิมของอยู่ที่หมู่บ้านโล๊ะบากู ตำบลจำปะกอ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส วิธิปล้นฆ่าก็โหดเหี้ยมมาก คือจะจับเจ้าทรัพย์ มัดกับเสาบ้าน แล้วใช้กริชประจำตัวของตน แทงที่คอหอยแล้วหมุนวนรอบ ลากเอาคอหอยออกมา หรือใช้กริชประจำตัวแทงไปที่ท้องน้อยแล้วหมุน ลากไส้ออกมา ซึ่งโหดเหี้ยมเกินมนุษยธรรมของคนมีศาสนา อะแวสะดอ ตาและ ขึ้นชื่อในเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการอยู่ยงคงกระพัน เคยถูกจับเข้าคุกมาครั้งหนึ่ง ที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พร้อมลูกน้องคนสำคัญคือ นายสะมาแอ แต่ขังคุกได้ไม่กี่วัน จอมโจรอะแวสะดอ ตาและ ก็ใช้วิชาทางไสยศาสตร์ปลดโซ่ตรวน สามารถหลบหนีออกมาได้ และได้กลับมาล้างแค้นคนที่เคยเป็นสายให้ตำรวจในการจับตนเข้าคุกในครั้งนั้น จึงทำให้ทั้งชาวไทยพุทธ และชาวไทยอิสลามในแถบจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก และจากการที่มีเครื่องรางของขลังที่เป็นข้อห้ามศาสนาอิสลามอยู่ในครอบครอง เช่น ตับคนเป็นเหล็ก 2 ชั้น เคราคนเป็นทองแดง 1 แผ่น ซ้องหมูป่า 1 อัน ผ้าประเจียดคนไทย 1 ผืน นอกจากนี้ยังมีกริชประจำตัว ที่เชื่อว่าเคยเป็นกริชของเจ้าเมืองปัตตานี แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า อะแวสะดอ ตาและ ไม่ได้ยึดถือข้อปฏิบัติทางศาสนาอิสลาม แต่ที่ปล้นฆ่าก็ทำไปเพราะต้องการสร้างสถานการณ์มากกว่า

ช้องหมูป่า



เมื่ออะแวสะดอ ตาและ กับสะมะแอ หนีกลับไปยังนราธิวาสแล้ว จึงมีการรวมสมัครพรรคพวกเที่ยวปล้นสะดม ตามหมู่บ้านต่างๆ ไม่ว่างเว้น และทุกครั้งที่โจรก๊กอะแวสะดอ ออกปล้น มันจงใจปล้นแต่คนไทยพุทธเท่านั้น เมื่อปล้นแล้วจะต้องฆ่าเจ้าของบ้านตายด้วยวิธีการฆ่าซึ่งพิสดารเหี้ยมโหดพิสดารทุกรายไป สำหรับทรัพย์สมบัติที่มันปล้นเอาไปได้ ก็จะนำเอาไปกำนัลหัวหน้าบ้าง หัวหน้าที่ว่านั้นหมายถึงพวกที่บงการหนุนหลังอย่างลับ ๆ คือ สนับสนุนทั้งด้านอาวุธปืน กระสุนปืน รวมทั้งด้านอื่น ๆ ดังนั้นทางราชการจึงจำเป็นต้องตั้งกองปราบปรามพิเศษขึ้น โดยมีผู้บังคับการภูธรเขตเป็นหัวหน้า พร้อมด้วยหม่อมทวีวงศ์ ถวัลศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสในขณะนั้น และมีหลวงจำรูญ ณ สงขลา ปลัดจังหวัดเป็นผู้ช่วย กองปราบพิเศษดังกล่าวนี้ ยังได้เกณฑ์เอาตำรวจสงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส เอาเข้าไปในกองกำลังปราบปรามดังกล่าว จัดตั้งกองอำนวยการขึ้นที่ศาลากลางประจำปะกอ แบ่งหน่วยปราบปรามออกเป็น 3 หน่วย คือ หน่วยที่ 1 ร.ต.อ.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นหัวหน้าใช้กำลังตำรวจกองตรวจสงขลาเป็นลูกน้อง ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา หน่วยที่ 2 ร.ต.อ.ปรี สุศีลวรณ์ เป็นหัวหน้าใช้ตำรวจกองพิเศษปัตตานี หน่วยที่ 3 ร.ต.ท. หม่อมราชวงศ์สะอ้าน ลัดดาวัลย์ เป็นหัวหน้า ใช้ตำรวจนราธิวาสและมี ร.ต.ท. เขตต์ บุณยพิพัฒน์ เป็นเสมียนอำนวยการ การทำงานครั้งนั้นให้หน่วยกองปราบเสือตั้งหน่วยเอาเอง ซึ่งมีการกำหนดจุดต่าง ๆ เอาไว้ 3 จุด คือ จุดที่ 1 ที่เขาแกและ จุดที่ 2 อยู่ที่บาตุตะโมง จุดที่ 3 อยู่ที่วัด หัวเขา


กริชประจำตัวของอะแวสะดอ ตาและ

ขุนพันธรักษ์ราชเดชได้ทราบฤทธิ์เดช และความเหี้ยมโหดของ อะแวสะดอ มาเป็นอย่างดี เพราะสืบข่าวทราบมาว่าตำรวจเคยยิงกับมันมาแล้วถึง 4 ครั้ง มีทั้งเคยยิงกันกลางวัน และกลางคืนแต่ไม่สามารถจับตัวได้ อะแวสะดอ ตาและ จึงเหิมเกริมมากขึ้น เมื่อมันรู้ว่าตำรวจหน่วยไหนก็ปราบปรามมันไม่ได้ ในขณะที่จอมโจรอะแวสะดอ กำลังลำพอง และผยองในความยิ่งใหญ่ของมันอยู่นั้น หน่วยของขุนพันธรักษ์ราชเดชยังไม่เคยปะทะกับอะแวสะดอฯ เลย ดังนั้นโจรใหญ่อย่างอะแวสะดอ จึงประกาศว่ามันไม่เคยกลัวใครแม้แต่ตำรวจสงขลาที่ขุนพันธรักษ์ราชเดชสังกัดอยู่ คำประกาศของจอมโจรอะแวสะดอเท่ากับเป็นการประกาศท้ารบกับขุนพันธรักษ์ราชเดช โดยชักธงเหลืองขึ้นเหนือยอดเขาบูโด ซึ่งขุนพันธรักษ์ราชเดชก็ยินดีรับคำท้านั้น เมื่อมีการจัดตั้งกองปราบปรามพิเศษ ขึ้นเพื่อดับรัศมีเจ้าพ่อบูโดในครั้งนั้น ขุนพันธรักษ์ราชเดชยอมรับว่าอะแวสะดอมีของขลังมากเพราะตำรวจชุดอื่นๆ เคยยิงกับมัน 7- 8 หน ยิงกันซึ่งๆ หน้า เสร็จแล้วต่างคนต่างถอยทำอะไรกันไม่ได้ ตอนหลังมันกำเริบใหญ่มาก ประกาศว่าตำรวจปัตตานี ตำรวจยะลา และนราธิวาสมันไม่กลัวเลย เพราะพบกันมาแล้วหลายครั้ง เห็นทำอะไรมันไม่ได้ แต่ตำรวจสงขลายังไม่เคยลอง ขุนพันธรักษ์ราชเดชเองคิดอยู่ว่า คนที่มีอาคม ไสยเวท ยิงไม่เข้า ฟันไม่เข้า อย่าง อะแวสะดอ มันต้องสู้กันแบบ ยิงถึงตัวหรือต่อยหรือจับตัวมัดเอาให้ได้




ขุนพันธ์ถอดด้ามกริชนี้ออก ตัวด้ามเดิมของกริชเล่มนี้จ
ะเป็นรูปพังกะหรือรูปนกกระเ
ต็น และได้นำมาห่อด้วยกาบหมาก ต่อมาจึงทำด้าม กับกระบังขึ้นมาใหม่อย่างที
เห็นในรูปภาพ


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2019-8-22 08:37 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่...


http://goosanook.blogspot.com/2016/07/blog-post_16.html


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้