ประวัติพระอุปคุต
พระอุปคต ผู้เป็นพระอรหันตสาวกที่ทรงมหิทธานุภาพ ชอบความวิเวกวังเวงและอยู่ตามลำพังผู้เดียวไม่ชอบเกี่ยวข้องกับผู้อื่น เป็นพระอรหันต์หลังสมัยพุทธกาลเพราะไม่พบประวัติของท่านในพระไตรปิฏก แต่ปรากฎอยู่ในจารึกพระอโศกมหาราช ซึ่งเขียนขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีหลังพุทธปรินิพพานและปรากฎอยู่ในพระปฐมสมโพธิกถา ซึ่งเป็นพระนิพนธ์กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรสโดยอยู่ปริจเฉทที่ ๒๘ ที่มีชื่อว่า "มารพันธปริวรรต" เรื่องชื่อของท่านนั้นนอกจากจะเรียกว่า "พระอุปคุตเถระ" แล้วยังมีชื่อเรียกเป็นอย่างอื่นอีก เช่น"พระเถรอุปคุต" ชื่อนี้เรียกเป็นภาษาชาวบ้านโดยนำเอาคำว่า "เถระ" อันเป็นสัญลักษณ์ที่ชี้บอกถึง "ความมั่นคง" ในพระธรรมวินัย หรือ บวชพระครองเพศสมณะมาแล้วตั้งแต่ ๑๐ พรรษาขึ้นไป
"พระนาคอุปคุต" ชื่อนี้ใช้เรียกเพื่อกันมิให้ซ้ำกับชื่อของพระเถระรูปอื่นและมีความหมายว่า
พระอุปคุตผู้ประเสริฐ
"พระกีสนาคอุปคุต" ชื่อนี้เป็นชื่อเต็มที่เรียกตามนิมิตหมายแห่งร่างกายของท่านคือ ท่านเป็นผู้มีร่างกายซูบผอม (กีสะ แปลว่า ผอมหรือบอบบาง)
และอีกชื่อหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ของนักสะสมพระเครื่องคือ "พระบัวเข็ม" หรือ "หลวงพ่อบัวเข็ม" ชื่อนี้เรียกกันเป็นภาษาไทยและเหตุที่เรียกอย่างนี้เพราะว่ามีใบบัวคลุมศรีษะและมีเข็มปักอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายท่าน
แต่ชื่อของท่านที่ใช้เรียกันอยู่โดยทั่วไปนิยมเรียกเพียงสั้นๆ ว่า พระอุปคุต เป็นศัพท์ทางภาษาบาลี หรือ พระอุปคุปต์ เป็นศัพท์ทางภาษาบาลี หรือ พระอุปคุปต์ เป็นภาษาสันสกฤต
โดยทั้งสองชื่อมีความหมายว่าผู้มีความคุ้มครองมั่นคง
พุทธพยากรณ์
กล่าวกันว่า....ก่อนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพานพระองค์ได้มีพราะพุทธดำรัสกับพระอานนท์ว่า...
"ดูกร อานนท์ ณนครมถุราอีกร้อยปีแต่ตถาคตนิพพานแล้ว จะมีพ่อค้าขายน้ำหอม ชื่อ คุปตะ เขาจะมีลูกชื่อ
อุปคุต ซึ่งจะได้เป็นอนุพุทธที่ปราศจากมหาปุริสลักษณะ (พระมหาปุริสลักษณะ หมายถึง ลักษณะ ๓๒ ประการของมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่) ท่านผู้นี้จะทำงานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อไปเทศนาของผู้นี้จะช่วยให้พระภิกษุเป็นอันมากเอาชนะกิเลสมารได้จนเข้าถึงอรหัตตผล..... นอกจากนี้แล้วพระอุปคุตรูปนี้จะเป็นเอตทัคคะในบรรดาธรรมกถึกทั้งหลายของเรา
อานนท์ เธอแลเห็นสั้นยาวสีคล้ำทางสุดสายตาโน้นไหม นั่นแลอานนท์คือภูเขาชื่อ อุรุมมุณฑะ อีกร้อยปีแต่ตถาคตนิพพานแล้วพระภิกษุรูปหนึ่งชื่ออุรุมมุณฑะ อีกร้อยปีแต่ตถาคตนิพพานแล้วพระภิกษุรูปหนึ่งชื่อ ศาณกวาสิน จะให้สร้างวัดขึ้นที่นั่นแล้วจะให้อุปสบทแก่อุปคต.....
กำเนิดอุปคุต
ร้อยปีเศษหลังพุทธปรินิพพาน เมื่อพระศาณกวาสินเถระให้สร้างวัดบนภูเขาอุรุมมุณฑะเสร็จแล้ว ท่านระลึกได้ว่าเคยมีพุทธพยากรณ์ว่าจะมีพระอุปคุตได้เป็นพระอนุพุทธ และจะได้ประกอบกรณียกิจของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระคุณเจ้าจึงได้กำหนดจิตดูว่า พ่อค้าน้ำหอมที่ชื่อว่า คุปตะ ได้ถือกำเนิดหรือยังและแล้วก็ปรากฏแก่ญาณว่าเขาได้เกิดแล้วพระคุณเจ้าจึงกำหนดจิตต่อไปว่าบุตรของเขาที่ชื่อว่าอุปคุตถือกำเนิดหรือยัง ก็ปรากฏว่าเขายังไม่เกิด
ด้วยกุศโลบายภายในไม่ช้า คุปตะพ่อค้าน้ำหอมก็มานับถือพระธรรมของพระผู้มีพระภาควันหนึ่งพระศาณกวาสินจึงไปสู่คฤกาสน์ของเขาพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ วันต่อมาพระศาณกวาสินไปกับพระภิกษุรูปหนึ่งครั้นวันที่สามพระคุณเจ้าไปเพียงลำพัง คุปตะเห็นดังนั้นจึงถามว่า... ทำไมท่านมาเพียงลำพัง ?
พระเณรเจ้าตอบว่าท่านชราภาพแล้ว แต่ไม่มีผู้อุปัฎฐากผู้ติดตาม คุปตะจึงตอบว่าเขายังยินดีในกามคุณทั้ง ๕ ไม่สมควรที่จะออกบวช แต่เมื่อมีบุตรแล้วจะถวายบุตรให้เป็นผู้อุปัฎฐากพระคุณเจ้า
ต่อมาคุปตะได้บุตรชาย ๒ คนคือ อุศวคุปต์ และ ธนคุปต์ ก็ยังไม่ยอมให้บวชอ้างว่าคนโตต้องไปหาซื้อของจากเมืองไกล คนที่สองต้องคอยเฝ้าบ้านถ้ามีคนที่สามจะถวายพระคุณเจ้า พระศาณกวาสินกำหนดจิต รู้ว่าเด็ก ๒ คนนี้ไม่ใช่ จึงรอบุตรคนที่ ๓
ในที่สุดอุปตะก็ได้บุตรชายคนที่ ๓ เป็นเด็กน่ารัก งดงาม ก่อให้เกิดความยินดีแก่ผู้พบเห็น มีรูปลักษณ์ดีกว่าใครๆ เมื่อกำหนดทำขวัญเนื่องในวันเกิด ได้ตั้งชื่อว่า อุปคุต (อุปคุปต์)
เมื่ออุปคุตเจริญวัย พระศาณกวาสินได้ไปยังบ้านคุปตะพ่อค้าน้ำหอม แล้วกล่าวขอให้อุปคุตบวช แต่คุปตะกลับกล่าวว่า
"ถ้าบุตรคนนี้ไม่เป็นผลในทางกำไรหรือขาดทุนอีกแล้ว จะอนุญาตให้เขาบวชได้"
เมื่อตกลงกันเช่นนี้ไม่นานพญามารได้เข้ามาทำนครมถุราให้เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น ชาวเมืองจึงมาซื้อน้ำหอมจากอุปคุต ซึ่งขายได้มาก พระศาณกวาสินได้ไปหาอุปคุตผู้ขายน้ำหอมอยู่ และกล่าวธรรมมิกถากับอุปคุต เขาฟังธรรมมิกถาของพระเถระแล้วเกิดสังเวชคือ ความสลดใน และมีดวงตาเห็นธรรม หรือที่เรียกว่าได้บรรลุโสดาปัตติผล เป็นพระอริยบุคคลขั้นต้นในพระพุทธศาสนา