ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนาน เรื่องเล่า เกร็ดความรู้ เรื่องลี้ลับ
»
"หลวงปู่ชอบ" พบเจอ "เทวดาขี้สงสัย"
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
ดู: 1827
ตอบกลับ: 2
"หลวงปู่ชอบ" พบเจอ "เทวดาขี้สงสัย"
[คัดลอกลิงก์]
รามเทพ
รามเทพ
ออฟไลน์
เครดิต
8083
ไปยังโพสต์
1
#
โพสต์ 2019-5-4 03:22
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
|
โพสต์ใหม่ขึ้นก่อน
|
โหมดอ่าน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2019-5-4 03:24
เหตุการณ์...สุดอัศจรรย์ยิ่ง !!!
"หลวงปู่ชอบ" พบเจอ "เทวดาขี้สงสัย"
ครั้งจำพรรษา ณ ถ้ำนายมเพชรบูรณ์ !!!
ตอนหลวงปู่ชอบท่านจำพรรษาปี ๒๔๗๗ ที่ ถ้ำนายม ตำบลถ้ำนายม อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ องค์ท่านเล่าให้ฟังว่า..
วันนั้นตอนกลางวันเราเดินจงกรมอยู่ในถ้ำนายม เทวดาผู้ชายตนหนึ่งเขานั่งอยู่โขดหินหน้าถ้ำดูเราเดินจงกรม กิริยาเทวดาตนนี้นั้นไม่ต่างอะไรกับคนเรามานั่งดูพระเณรเดินจงกรม พอเราแผ่เมตตาให้เทวดาผู้นี้เขาก็จะพนมมือรับสาธุการทุกครั้ง แล้วเขาก็จะนั่งดูเราเดินจงกรมอยู่อย่างนั้นโดยไม่ไปไหน จนเรานึกแปลกใจในกิริยาของเทวดาผู้นี้
ครูอาจารย์ชอบว่า..ท่านเห็นเทวดามาหลายตน แต่เทวดาผู้นี้ที่ถ้ำนายมเพชรบูรณ์ เขาจะมีกิริยาดูแปลกกว่าเทพเทวดาองค์ไหนๆที่ท่านเคยเห็นมา ท่านว่าเทวดาทั่วไปเมื่อแผ่เมตตาให้แล้วเขาก็จะอนุโมทนาลาจากไปหรือไม่ก็จะเข้ามาสนทนาธรรมกับเรา แต่เทวดานายมผู้นี้จะไม่เข้ามาหา เขาจะนั่งอยู่บนโขดหินดูเราเดินจงกรมอยู่อย่างนั้นโดยไม่ไปไหน
เรากำหนดถาม..เพราะอะไรโยมจึงมาดูอาตมาเดินจงกรม
เทวดาผู้นี้เขาไม่ตอบคำถามเรา เขาลอยไปทางที่พักของตาผ้าขาวสง่าแล้วแสดงกิริยาชี้มือมาทางเราเดินจงกรม จากนั้นเขาก็ลาตาผ้าขาวสง่าลอยตนขึ้นไปบนอากาศ..
หลังเลิกจากเดินจงกรมในถ้ำนายมแล้ว หลวงปู่ชอบท่านก็ลงมายังที่พักของตาผ้าขาวสง่าบ้านนายมเพื่อที่จะฉันน้ำร้อน
ระหว่างที่ฉันน้ำร้อนกันนั้น หลวงปู่ชอบท่านถามพ่อตาผ้าขาวสง่าบ้านนายมว่า..เมื่อตอนกลางวันเทวดาที่มานั่งดูอาตมาเดินจงกรมอยู่ในถ้ำนั้นเขาพูดอะไรกับพ่อตาผ้าขาวสง่าหรือ..
..พ่อตาผ้าขาวสง่าบ้านนายมกราบเรียนหลวงปู่ชอบว่า..
“เทวดาผู้นี้เขามีความสงสัยมาถามข้าน้อยว่า พระองค์นี้ท่านภาวนาได้ภูมิธรรมชั้นไหนแล้ว ข้าน้อยบอกเรื่องนี้ข้าพเจ้าไม่สามารถที่จะตอบท่านได้ ถ้าท่านอยากจะรู้ก็ให้ไปถามท่านอาจารย์ชอบเอาเอง เทวดาตนนี้ว่า..เขาไม่กล้าไปถามด้วยตัวเองเพราะเกรงในบารมีธรรมของท่านอาจารย์”
หลวงปู่ชอบ กล่าวว่า “ ตาผ้าขาวก็รู้ว่าเราภูมิไหน แต่เขาไม่บอกให้เทวดาผู้สงสัยทราบเพราะมันผิดมารยาทในทางธรรม.. ..เทวดาเขาก็มาจากคนเรา บางสิ่งบางอย่างพวกเขาก็มีความสงสัยเหมือนกันกับคนเรานี่แหละ ตอนเราอยู่กับท่านอาจารย์ใหญ่มั่นก็เหมือนกัน พวกเทวดาเขามักพากันมาถามท่านเรื่องนั้นเรื่องนี้เสมอ บางครั้งพวกเทวดาเขาถามท่านถึงเรื่องการปฏิบัติของพระเณรองค์นั้นองค์นี้ว่าเป็นอย่างไร อาจารย์มั่นท่านจะไม่ค่อยตอบข้อสงสัยในเรื่องแบบนี้กับมนุษย์หรือเทวดา..อาจารย์ใหญ่มั่นท่านว่าถ้าบอกไปแล้วจะทำให้มนุษย์หรือเทวดาผู้นั้นจะถือเอาเป็นมานะหลงรู้ในทิฐิตนได้ ต่อไปเขาจะถือในมานะทิฐิหลงรู้อันนี้ไปประมาทในการปฏิบัติของพระสงฆ์องค์เณรนั้นได้ ก็จะทำให้เขาเป็นบาปกรรมเพราะไปประมาทท่านผู้ทรงศีล ทรงธรรม..
..เรื่องหลงในทิฐินี้อย่าว่าแต่มนุษย์เราเลย ถึงเป็นเทวดาอยู่สวรรค์ชั้นฟ้าถ้าได้หลงถือทิฐิว่าตนเองรู้แล้วนั้น ก็จะสามารถทำผิดได้ทุกเมื่อเหมือนกัน เรื่องแบบนี้ครูบาอาจารย์ท่านมักจะไม่ค่อยพูดให้ใครฟัง นอกจากท่านจะพิจารณาเห็นในทิฐิธรรมของผู้นั้นแล้ว ท่านถึงจะบอกเล่าให้ผู้นั้นฟังเพื่อเป็นธรรมทาน
”
อ้างอิงข้อมูลจาก : เพจข่าวสาร "พระกรรมฐาน" และ เพจกลุ่มเครือข่ายชาวพุทธ ข้าวก้นบาตร
บุ๊คมาร์ก
0
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
รามเทพ
รามเทพ
ออฟไลน์
เครดิต
8083
2
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2019-5-4 03:28
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
จำพรรษาที่ถ้ำนายม
•
ละอายตนเอง เป็นพระห่มผ้าเหลืองแท้ๆ
แต่การปฏิบัติทางในของท่านตอนนั้น
ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของตาผ้าขาวท่านนี้เลย
•
หลวงปู่ชอบท่านเดินทางจากถ้ำน้ำบังไปที่ ถ้ำนายม อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ท่านต้องใช้เวลาในการเดินทางเกือบครึ่งวัน เพราะสมัยนั้นเส้นทางระหว่างบ้านถ้ำน้ำบังกับบ้านถ้ำนายมไม่มีถนนหนทางให้เดินอย่างสะดวกสบายเหมือนกับในปัจจุบันนี้ ท่านต้องอาศัยเดินตามทางล้อเกวียนผ่านป่าทึบมาตลอดทาง กว่าท่านจะเดินทางมาถึงที่ถ้ำนายมก็เป็นเวลาบ่ายสามโมง
ตาผ้าขาวนายมเห็นหลวงปู่ชอบเขาจึงออกมาต้อนรับท่าน โดยนิมนต์ท่านนั่งพักเพื่อฉันน้ำคลายความเหนื่อยเมื้อยล้า ตาผ้าขาวนายมกราบท่านเพื่อแสดงความเคารพด้วยไมตรีจิต เขาได้บอกกับท่านว่า ข้าน้อยต้มน้ำร้อยน้ำยาไว้รอท่านอาจารย์ตั้งแต่ตอนเที่ยงจนน้ำเดือนไปหลายเที่ยวแล้ว ข้าน้อยก็รอดูอยู่ว่าเมื่อไรท่านอาจารย์จะเดินทางมาถึงซักที
หลวงปู่ชอบท่านแปลกใจที่ตาผ้าขาวเขารู้ได้อย่างไรว่าท่านจะเดินทางมาหาเขาที่ถ้ำนายม ทั้งๆ ที่ท่านเองก็ไม่ได้บอกใครให้มาแจ้งเรื่องนี้กับตาผ้าขาว ท่านถามตาผ้าขาวว่าโยมรู้ได้อย่างไรว่าอาตมาจะมาที่นี่ ตาผ้าขาวบอกกับท่านว่าข้าน้อยรู้จากภูมิเทวดาที่ถ้ำน้ำบังเขามาบอกข้าน้อยว่าจะมีพระกรรมฐานท่านมาปฏิบัติอยู่ที่นี่
หลวงปู่ท่านว่าตาผ้าขาวนายมผู้นี้เป็นผู้มีความรู้ภายนอกภายในพิสดารมาก เขาจะรู้เรื่องราวภายนอกที่เป็นสิ่งลึกลับ และเรื่องราวภายในที่เป็นความรู้ในธรรมละเอียดลึกซึ้งมาก จนท่านยอมรับในภูมิความรู้ของตาผ้าขาวนายมท่านนี้ ตาผ้าขาวบอกท่านว่านี่จวนใกล้จะเข้าพรรษาแล้ว ข้าน้อยขอนิมนต์ท่านอาจารย์ให้อยู่จำพรรษาด้วยกันที่นี่ ข้าน้อยขอปวารณาเป็นผู้ดูแลเรื่องอาหารการขบฉันของท่านอาจารย์เองทั้งหมด ขอท่านอาจารย์อย่าเป็นกังวลในเรื่องปัจจัยสี่ข้าน้อยจะเป็นผู้จัดการเอง
หลวงปู่ท่านตั้งใจที่จะมาดูสถานที่ที่ถ้ำนายมว่าเหมาะแก่การจำพรรษาหรือไม่ เบื้องต้นท่านบอกกับตาผ้าขาวว่าอาตมาขอพิจารณาดูก่อน แล้วจะแจ้งให้ผ้าขาวรู้ดอกว่าอาตมาจะจำพรรษาอยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่ เบื้องต้นอาตมาขอพักภาวนาอยู่ที่นี่ซักระยะหนึ่งก่อน ตาผ้าขาวจึงนิมนต์ท่านให้ท่านไปพักอยู่ที่กระท่อมหน้าถ้ำซึ่งเป็นกระท่อมของเขาเอง ส่วนตาผ้าขาวเขาเข้าไปอยู่ภายในถ้ำนายม
หลังจากหลวงปู่ท่านพักอยู่ที่ถ้ำนายมได้ประมาณสามสี่วัน ท่านเห็นว่าสถานที่แห่งนี้สงบเงียบเหมาะสมแก่การจำพรรษา ท่านจึงบอกกับตาผ้าขาวว่าจะอยู่จำพรรษที่นี่ ตาผ้าข้าวจึงเข้าไปที่หมู่บ้าน เพื่อไปบอกลูกชายและลูกเขยของเขาให้พากันมาทำที่พักให้กับท่าน ลูกชายและลูกเขยของตาผ้าขาวทำที่พักให้ท่านอยู่ห่างจากปากถ้ำนายมประมาณร้อยเมตร และทำทางจงกรมไว้ให้ท่านสองเส้น เส้นหนึ่งทำไว้อยู่ข้างกุฏิที่พักของท่าน อีกเส้นหนึ่งทำไว้ที่ถ้ำนายมเวลาที่ฝนตกท่านจะได้มีที่จงกรมเพื่อบังฟ้าบังฝน
ท่านว่าถ้ำนายมเป็นถ้ำใหญ่และลึกมาก มีซอกซอยช่องหินเงื้อมถ้ำสลับซับซ้อนไปมา ถ้ำนายมเป็นถ้ำที่มีความอาถรรพ์ลี้ลับอีกถ้ำหนึ่งที่ท่านเคยไปพักมา ภายในถ้ำมีถ้วยโถโอชามของโบราณ และพระพุทธรูปอยู่มากมาย ท่านถามตาผ้าขาวว่าของใช้ภายในถ้ำนี้เป็นของใคร เขาบอกท่านว่าเกิดมาก็เห็นของเหล่านี้อยู่ในถ้ำแล้ว คนที่นี่เขาไม่กล้าที่จะเอาของภายในถ้ำไปเป็นสมบัติส่วนตัว เพราะเขากลัวสิ่งลี้ลับจะตามไปทวงเอาของคืน เขากลัวจะได้รับอันตรายจากอำนาจมือที่มองไม่เห็น
ที่ถ้ำนายมท่านว่าในแต่ละวันจะมีเทวดามาหาตาผ้าขาวอยู่มิได้ขาด เทวดาบางกลุ่มเขาก็มาขอฟังธรรมกับตาผ้าขาว เทวดาบางกลุ่มก็มาอนุโมทนายินดีในการปฏิบัติของตาผ้าขาว เพราะว่าตาผ้าขาวผู้นี้ท่านมีภูมิธรรมชั้นสูงเป็น “พระอนาคามี” เป็นผู้หลุดพ้นจากบ่วงกามคุณแล้วทั้งหมด ท่านเองในตอนนั้นก็นึกละอายตนเอง ว่าท่านเป็นพระห่มผ้าเหลืองแท้ๆ แต่การปฏิบัติทางในของท่านตอนนั้นยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของตาผ้าขาวท่านนี้เลย ท่านจึงมีความมุมานะทำความเพียรอย่างหนักหน่วงเพื่อหวังธรรมอันหลุดพ้น
หลวงปู่ชอบ “จะบ่ให้เรามีความมุมานะได้ยัง ตาผ้าขาวเป็นถึงพระอนาคามีแต่มาทำอาหารให้เราฉันเกือบทั้งพรรษา มันเกิดความละอายตนเองกลัวจะเป็นบาปกรรม เราจึงเร่งความเพียรเอาแบบแข่นๆ ทำความเพียรอย่างหนักหน่วงจนลืมวันลืมคืน ผลที่ได้จากการที่ตนเองทำความเพียรอย่างหนักนั้น จิตของเราได้ตั้งมั่นต่อพระนิพพานเพียงอย่างเดียวในชาตินี้ จิตเป็นภูมิอริยะเบื้องต้น (พระโสดาบัน) ตอนจำพรรษาอยู่ถ้ำนายมนี่แหละ”
“ตาผ้าขาวผู้นี้เขามีจริตคล้ายกันกับเรา เป็นพวกจริตโลดโผนชอบอยากรู้ บางครั้งเรายังให้เขาอธิบายธรรมภาคปฏิบัติให้ฟังแต่ละขั้นตอนนั้นผ่านมาได้อย่างไร ตาผ้าขาวจะเล่าให้เราฟังทั้งหมดทั้งเรื่องภายนอกภายใน ตาผ้าขาวคนนี้ภาวนาเก่งจนสามารถทำลายกามคุณในจิตใจของตนเองลงได้ กามราคะนี้เป็นกิเลสที่หยาบหนาที่สุด ถอดถอนยากที่สุด ถ้าผู้ใดละกิเลสกามออกไปจากจิตใจของตนได้แล้ว พระนิพพานธรรมธาตุแท้ก็ปรากฏให้ผู้นั้นได้เห็นอยู่ต่อหน้า ต่อตา คือจั่งว่าสิคว้าเอาได้เลย”...
#ที่มา
พระอรหันต์ ผู้ทรงฤทธิ์แห่งยุค
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
รามเทพ
รามเทพ
ออฟไลน์
เครดิต
8083
3
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2019-5-4 03:45
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เรื่อง "ตาผ้าขาวถ้ำนายม ผู้บรรลุพระอนาคามี"
(โดย หลวงปู่ชอบ ฐานสโม)
วัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย
ตาผ้าขาวนายมท่านนี้มีชื่อว่า “ พ่อสง่า ” อายุหกสิบกว่าปี พ่อสง่าท่านเป็นคนบ้านนายม ตำบลนายม อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ พ่อสง่ามีลูกสาวลูกชายทั้งหมดสี่คน พอภรรยาตาย พ่อสง่าอยากจะบวชเพื่ออุทิศบุญให้กับภรรยาคู่ชีวิตของท่าน แต่ลูกๆทุกคนไม่อยากให้พ่อบวชเพราะเป็นห่วง เกรงว่าพ่อจะลำบากเนื่องจากพ่อสง่ามีอายุมากแล้ว
เมื่อลูกไม่ให้บวชพ่อสง่าจึงประพฤติพรหมจรรย์ โดยการถือศีลแปดฝึกฝนอบรมสมาธิทุกวันอยู่ที่บ้าน พ่อสง่าจะอยู่ปฏิบัติสลับกันไปมาระหว่างบ้านกับวัด วันธรรมดาก็จะปฏิบัติอยู่ที่บ้านของตนเอง วันพระก็จะไปปฏิบัติอยู่ที่วัดในหมู่บ้าน
พ่อสง่าท่านเป็นผู้ที่มีวาสนารู้ธรรมได้เร็วมาก ท่านปฏิบัติภาวนาอยู่ที่บ้านจนบรรลุธรรมเบื้องต้นเป็นพระโสดาบัน จากนั้นท่านเกิดความเบื่อหน่ายในการใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว อยากออกไปปฏิบัติตามป่าเขาโดยเพียงลำพัง ท่านจึงบอกลูกหลานว่าจะไปอยู่ถือศีลภาวนาอยู่ที่ถ้ำนายม
แรกๆ เมื่อมาอยู่ที่ถ้ำนายมตาผ้าขาวสง่าท่านจะพักเพียงคืนสองคืนก็กลับมาที่บ้านครั้งหนึ่ง ต่อมาพอเข้าพรรษาท่านก็ขอลูกหลานมาจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำนายม เบื้องต้นลูกหลานก็คัดค้านเพราะเป็นห่วงพ่อ อยากให้พ่อจำพรรษาอยู่ที่วัดในหมู่บ้าน แต่ท่านไม่อยากจำพรรษาที่วัดในหมู่บ้าน เพราะมีเหตุบางอย่างที่มันติดขัดกับธรรมอยู่ในใจของท่าน สุดท้ายลูกหลานก็ยอมให้พ่อไปถือศีลภาวนา จำพรรษาอยู่ที่ถ้ำนายม
ตาผ้าขาวสง่ามาจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำนายมได้ไม่ถึงเดือน ลูกหลานก็พากันมาอ้อนวอนรบเร้าให้ท่านกลับไปอยู่ที่บ้านเพราะเป็นห่วงพ่อ ตาผ้าขาวท่านจึงขอกับลูกหลานว่าออกพรรษาพ่อถึงจะกลับบ้าน พ่อขอจำศีลภาวนาอยู่ที่นี่ให้พ้นพรรษาตามที่ได้ตั้งสัจจะวาจาไว้ ลูกหลานก็จนใจจำยอม ลูกหลานจะพากันมาเยี่ยมนำเสบียงมาส่งให้ท่านทุกสามสี่วันครั้งหนึ่ง
พอออกพรรษาตาผ้าขาวสง่าท่านก็ไม่ยอมกลับบ้าน ลูกหลานพากันมาอ้อนวอนให้กลับบ้านอย่างไรท่านก็ไม่ยอมกลับ เมื่อรบเร้าอ้อนวอนเท่าไหร่พ่อก็ไม่ยอมกลับบ้าน ลูกชายกับลูกเขยจึงพากันจับตาผ้าขาวมัดมือมัดเท้าแบกท่านกลับบ้าน
หลวงปู่ชอบท่านเห็นเหตุการณ์นี้ องค์ท่านถึงกับสลดใจ ต่างคนต่างภูมิจึงไม่รู้ข้างในจิตใจกัน
ที่ตาผ้าขาวท่านไม่อยากอยู่บ้าน เพราะท่านไม่อยากให้ลูกหลานญาติพี่น้องของท่านเป็นกรรม ซึ่งบางครั้งเขาอาจเผลอสติประมาทพลาดพลั้งท่าน ตามประสากิเลสของใจตนบงการ
ตาผ้าขาวสง่าบอกท่านไว้ว่า
"ลูกหลานของข้าน้อยจะพากันมาเอาตัวข้าน้อยกลับบ้าน ถ้าวันใดลูกหลานมาคุมตัวข้าน้อยกลับบ้าน อายุขัยของข้าน้อยก็จะสั้นลง "
เมื่อหลวงปู่ชอบท่านเห็นเหตุการณ์นี้ องค์ท่านถึงกับสลดใจ
ตาผ้าขาวกลับไปอยู่บ้านได้สองสามวัน พอลูกหลานเผลอก็แอบหนีออกจากบ้านกลับมาที่ถ้ำนายม เพื่อมากราบลาองค์ท่านหลวงปู่ชอบเป็นครั้งสุดท้าย ตาผ้าขาวสง่ามากราบลาและบอกกับองค์ท่านว่า
"ชาตินี้ข้าน้อยบ่มีวาสนาที่จะได้บวชเหมือนกับอาจารย์ ข้าน้อยบ่ได้สร้างบารมีทางนี้มา จากนี้ไปบ่นานดอกอายุขัยของข้าน้อยก็จะสิ้นแล้ว ข้าน้อยจะตายด้วยโรคลมปัจจุบัน เป็นเหตุให้ตนเองตกบ้านถูกไม้ค้ำเกวียนเสียบตาย.."
ตาผ้าขาวเล่าถึงอดีตกรรมของท่านให้หลวงปู่ชอบฟังว่า
" เหตุที่ชาตินี้ตนเองไม่ได้บวชเพราะอดีตชาติครั้งหนึ่งท่านเป็นผู้ที่มีมิจฉาทิฐิ ตำหนิพระสงฆ์องค์เณรว่าเป็นคนเกียจคร้านไม่อยากทำงานจึงหนีไปบวช ลูกชายของตนเองในชาตินั้นมีศรัทธาอยากจะออกบวช ตนเองไม่อนุญาตห้ามลูกไว้ไม่ให้บวช กรรมนี้จึงส่งผลมาในชาติปัจจุบันเป็นเหตุให้ตนเองถูกขัดขวางไม่ให้บวช"
อีกชาติหนึ่งของตาผ้าขาว ท่านเคยเกิดเป็นนาย เพชฌฆาต มีหน้าที่จับนักโทษประหารโยนลงเหว กรรมนี้จะเป็นเหตุให้ตนเองตกจากที่สูงตายในชาติปัจจุบัน
ตาผ้าขาวบอกวันเวลาที่ตนเองจะตายให้องค์ท่านหลวงปู่ชอบฟังทั้งหมด ตาผ้าขาวมาพักอยู่กับท่านที่ถ้ำนายมหนึ่งคืน พอพ้นอีกวันลูกหลานก็พากันมาตามให้ตาผ้าขาวสง่ากลับบ้าน ตาผ้าขาวสง่ากราบลาองค์ท่านหลวงปู่ชอบกลับบ้านพร้อมกับลูกหลาน นั่นคือครั้งสุดท้ายที่หลวงปู่ชอบท่านได้เห็นตาผ้าขาวสง่าตอนท่านมีชีวิต
ตาผ้าขาวสง่าท่านกลับไปอยู่ที่บ้านได้ไม่นานนัก ท่านก็ตายตามวันเวลาที่ได้บอกกับองค์ท่านหลวงปู่ชอบไว้ไม่มีผิด
วันที่ท่านตาผ้าขาวสง่าตายนั้น ท่านเดินจงกรมอยู่ที่ระเบียงชานบ้านของตัวเอง เวลาประมาณสิบเอ็ดโมงกว่าๆท่านเป็นลมหน้ามืด พลัดตกจากบ้านถูกไม้ค้ำเกวียนเสียบอกตาย วันเวลาการตายตรงกับที่ท่านได้บอกกับหลวงปู่ชอบไว้ว่า "ท่านจะตายตอนพระเณรฉันเพล"
หลวงปู่ชอบท่านบอกว่า
"ผู้ที่สำเร็จคุณธรรมเป็นพระอริยะบุคคลไม่ว่าชั้นใดก็ตาม ท่านจะอยู่ร่วมครองเรือนกับฆราวาสทั่วไปลำบาก การอยู่ครองเรือนย่อมจะมีกระทบกระทั่งกันทางอารมณ์ ผู้ที่มีภูมิธรรมท่านจะรู้จักละปลงปล่อยวางเป็น แต่ปุถุชนคนธรรมดาจะละวางไม่เป็น เมื่อมีเหตุกระทบกันจะทำให้เป็นบาปกรรมได้ ด้วยวิสัยของท่านผู้มีภูมิธรรม ท่านจะพิจารณาถึงอนาคตข้างหน้าของตนเอง หากท่านมีวาสนาทางเนกขัมมะบารมีท่านก็จะออกบวชเพื่ออยู่โปรดสัตว์โลก หากท่านพิจารณาเห็นตนเองไม่มีวาสนาบารมีในทางนี้ ท่านก็จะพิจารณาปลงสังขารละขันธ์ไปในที่สุด"
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...