ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 30739
ตอบกลับ: 9
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

" กระสุนคต เทพศาสตราในตำนานของหลวงปู่ชื่น ติคญาโณ "

[คัดลอกลิงก์]
คันธนูกระสุนคต  
เทพศาสตราในตำนาน ของ
หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ



      "กระสุนคต  เทพศาสตราในตำนาน"  ใช้(คต)แทน(คด) เพราะหมายถึงความศักด์สิทธ์มีดีในตัว  วิชากระสุนคดสืบทอดมาจากตำราพิชัยสงครามที่ชื่อ " ธนุเพธา " เป็นแขนงหนึ่งของการใช้ธนูหรือศรที่เรียกว่า " ธนุรเวท "  เป็นพระเวทสุดวิเศษ     หากเรียนมนต์ธนูรเวทเชี่ยวชาญ  จะมีเดชอำนาจมาก  ไม่มีผู้ใดต่อต้านได้ สามารถชนะได้แม้เทวดา

      
     ผู้ที่จะสร้างกระสุนคตได้ต้องมีบารมีสูงพอ  ต้องรอบรู้ในสรรพเวทวิทยาและมีจิตเข้มแข็งพอจึงจะทำได้สำเร็จโดยไม่เกิดเภทภัย


     กระสุนคต(ธนูคต)นี้เป็นเครื่องรางสุดยอดระดับ(จอมคน)หรือเจ้าสำนักอาคม ที่มีตบะเดชานุภาพ  เพราะเป็นมหาอำนาจข่มนามในตัว  สามารถล้างศัตรูให้พ่ายแพ้  ทั้งยังแผ่อานุภาพคุ้มครองป้องกันอันตรายต่างๆให้บริวาร  และเคหะสถานของผู้เป็นเจ้าของธนูคตด้วย


      การทำคันกระสุน  ต้องหาไม้ไผ่สีสุกตายพราย(ตายเอง)  ถ้าเป็นกลางกอและยอดด้วนจากถูกฟ้าผ่าด้วยยิ่งดี ชื่อกันว่าอาถรรพ์แรง  ให้บัดพลีเอาแล้วตัดให้ขาดในครั้งเดียว  นำมาเหลาโดยให้เหลาไปทางเดียว  ขณะเหลาให้ภาวนาคาถา " พันธุมเสนา "จนเสร็จ  แล้วจึงถักรังกระสุนด้วยหวายและไม้ไผ่ที่เหลือ



สำหรับลูกกระสุนมี3ชนิด

1) เป็นขี้ผึ้งรังร้างมาผสมผงอาถรรพ์
                                    
2)  เป็นกระสุนดิน (มีดินจอมปลวก,ดินรังหมาล่า,ดินในปล้องไผ่,ดอกชัยพฤก,ดินโป่ง,สะเก็ดดาว,เศษไม้ฟ้าผ่า,ผงไม้กาฝาก108ชนิด,ผงอักขระ "นะธนูทอง") ต้องภาวนาคาถากำกับขณะปั้น  จนกระสุนนั้นแห้งคามือ
                                    
3) กระสุนปรอท  เป็นกระสุนวิเศษที่สุด  ใช้รบได้แม้เทวดา  เป็นกระสุนรอดวิถีที่แท้จริง  โดยต้องพลีดักแร่ปรอทตามโบสถ์,ถ้ำ,ป่า,ดิน มาผสมกัน  แล้วไล่โทษปรอท  ใช้อาคมกำกับปรอทให้แข็งตัว ถือว่ากระสุนชนิดนี้เป็นยอดสุด  ครบเครืองทั้งป้องกันและล้างศัตรู        เพียงนำกระสุนปรอทติดตัวก็เป็นเครื่องรางป้องกันตัวได้อย่างวิเศษ


       เมื่อได้ทั้งคันกระสุนและลูกแล้วให้นำมาลงอาคมปลุกเสกตามฤกษ์  จนนิมิตว่าคันกระสุนพลิกได้ดังมีชีวิต  จึงถือว่าปลุกสำเร็จ มีข้อห้ามเด็ดขาดมิให้นำคันกระสุนไปขว้างหรือตีผู้อื่นเพียงเล่นสนุก  เพราะอาจทำให้ผู้นั้นป่วย , พิการหรือเสียสติตลอดชีวิตได้  บาปกรรมจะตกแก่ตัวเละอาจารย์...  ...อุปเท่ห์กล่าวว่าเป็นบุญวาสนาของผู้ครอบครอง  เหมือนแก้วสารพัดนึกคู่บารมีนำความรุ่งเรืองมาสู่เจ้าของ...  ...ในอดีตเกจิอาจารย์ที่สร้างสำเร็จมีหลายท่านเช่นหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ , สมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)


อ้างอิงข้อมูลจาก : http://writer.dek-d.com/necro99/ ... 5170&chapter=46

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-3-28 13:55 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ธนุรเพท
เทพเจ้าแห่งสงครามและชัยชนะ




        เทพเจ้าที่ชาวฮินดูในวรรณะกษัตริย์นับถือว่าเป็นผู้ประทานชัยชนะเหนือข้าศึกศัตรูนั้นนอกจากตรีมูรติทั้งสามพระองค์แล้วก็ยังนับถือเทพเจ้าอีกพระองค์หนึ่งว่าทรงเป็นที่รวบรวมศาสตร์หรือวิถีทางแห่งชัยชนะเหนือข้าศึกศัตรู ถึงกับให้ความสำคัญปรากฏในคัมภีร์พิไชยสงครามของชมพูทวีปอยู่หลายแห่ง ทั้งปรากฏในคัมภีร์ย่อยและคัมภีร์หลัก  โดยถือว่าความรู้หรือพระเวทย์เรื่องนี้เป็นเทพวิญญาณ คือ  ธนุรเพทนั่นเอง ที่นำมากล่าวในเทพปกรณัมนี้เป็นเรื่องราวอีกมุมหนึ่งของความรู้โบราณที่จัดเป็นศาสตร์ชั้นสูงแม้จะนำมาเล่าใน "อุณมิลิต" ฉบับก่อนๆแล้วก็ตามแต่ที่นำมาเล่านี้เป็นเรื่องราว ที่เกี่ยวข้องกับเทพแห่งการรบพระองค์นี้ในรูปลักษณ์ที่ปรากฏเป็นตัวตน ที่นักเทวะวิทยาฮินดูมักผูกเรื่องราวเทพเจ้าให้ประกอบด้วยเทวลักษณะต่างๆ อันมีที่มาจากนามธรรมที่ เป็นคุณสมบัติประจำตัวของเทพองค์นั้นๆด้วยเช่นกัน



         ความรู้เรื่องธนุรเพท ปรากฏในคัมภีร์โบราณฉบับหนึ่งที่ชื่อว่า "นิติประกาศิกา" กล่าวกันว่าคัมภีร์นี้เป็นของท้าวมหาพรหมและมีเพียงคัมภีร์เดียวเท่านั้น  แปลว่า  ความรู้หรือวิชาธนู หากจะดูความหมายก็เห็นจะเป็นแค่ความรู้อย่างหนึ่ง แต่ความรู้ที่ว่านี้จัดว่าสำคัญเพราะเป็นที่มาของความสำเร็จในกิจการที่สำคัญอย่างการ ทำการรบหรือสงครามซึ่งเป็นเรื่องราวระดับเชื้อชาติเผ่าพันธุ์เลยทีเดียวจึงเชื่อว่า ความรู้นี้มีจิตวิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์ผสมผสานอยู่ เรื่องคัมภีร์ธนุรเพทนี้จัดเป็นองค์หนึ่งในคัมภีร์ อุปเพทซึ่งเป็นคัมภีร์ที่รองจากคัมภีร์ไตรเพทของพราหมณ์เท่านั้นมีอยู่เป็นคัวภีร์ย่อย

      กล่าวกันว่าหากผู้ใดรอบรู้เข้าถึงคัมภีร์ธนุรเวทนี้แล้ว หากมนสิการทำความเข้าใจให้ชำนาญ จะสามารถมีชัยชนะแก่ข้าศึกได้ ทุกสถานมีคำกล่าวว่า แต่ปางก่อนมาอย่าว่าแต่มนุษย์ฝ่ายเดียวเลย ถึงเทพยดาทั้งหลายก็ยังไม่สามารถรู้ซึ้งถึงคัมภีร์ธนุรเพทนี้ได้ตลอด และเพราะเหตุที่เทพยดามี ความรู้ที่พร่องในเรื่องนี้เองจึงต้องพ่ายแพ้แก่อสูร ซึ่งเรื่องนี้ก็คงจับความจากเทวาสุรสงคราม ที่ทางฮินดูมักนำมาประกอบกับเรื่องราวต่างๆเสมอ ครั้นต่อมาเมื่อเทพยดาเหล่านั้นมีโอกาสได้ ร่ำเรียนเนื้อหาของคัมภีร์ธนุรเพท ได้ตลอดจนมีความลึกซึ้งจึงรบชนะอสูรได้ด้วยเหตุที่ ท้าวมหาพรหมได้ประสาทความรู้นี้แก่ทวยเทพนั่นเอง

     ชาวฮินดูได้กำหนดเรื่องราวของ ธนุรเพทเป็นเทพวิญญาณที่ที่มีลักษณะน่าเกรงขามแสดงถึง คุณสมบัติต่างๆที่ควรจะมี โดยกำหนดให้เป็นเทพที่มีอยู่สี่พระบาท แปดพระกรและมีจักษุถึงสาม เเบบเดียวกับพระศิวะมหาเทพ หนึ่งในตรีมูรติที่สูงสุดในศาสนาฮินดู และยังกล่าวว่าท้าวสางขยายะนะ เป็นต้นวงศ์ของธนุรเพทด้วยพระกรทั้งแปดนั้นจะทรงเทพศาสตราต่างๆดังได้บรรยายไว้ดังนี้

        กรทั้งสี่เบื้องขวาทรงเทพอาวุธสี่อย่าง  คือ  วชิราวุธ พระขรรค์ ธนู จักร ส่วนอีกสี่พระกรข้างซ้าย ทรงเทพศาสตราอีกสี่อย่างคือ      ศะตัฆนี (อาวุธที่ฆ่าได้ครั้งละร้อย)     กระบองทิพย์เรียกว่าคทา   ตรีศูร(สามง่าม)   ขวานรบหรือปัฏฏิษะ   ส่วนอื่นๆ  เช่น  เกี้ยวบนศีรษะ ประดับด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันมีฤทธิ์มากต่างๆนานา บนร่างกายจะเป็น นิติศาสตร์และราชศาสตร์ เครื่องป้องกันร่างกาย ล้วนเป็นเวทมนตร์คาถา กุฑลทั้งสองข้างเป็นอาวุธต่างที่ครบทั้ง สับ ฟัน แทง และพุ่ง ยิง ทิ้ง โยน ซัด ขว้าง ต่างๆ บรรดาเครื่องประดับก็เป็นกระบวนท่าต่างๆที่มาจากกระบวนรบพุ่งทั้งสิ้น ดวงจักษุเป็นสีเหลือง(คงหมายถึงเปลวเพลิง) ที่รอบกายคาดสังวาลย์อันเป็นไชยมงคล และทรงโคผู้เป็นพาหนะ ซึ่งมองดูรูปลักษณ์ก็อาจเข้าใจไปได้ว่าน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของมหาเทพศิวะ แต่ตำราต่างๆไม่ได้ระบุเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจน

          มีความเชื่อในหมู่นักเทววิทยาฮินดูที่ศึกษาศาสตร์ทางจิตโบราณว่า หากบูชาเทพเจ้าองค์นี้ จะทำให้เป็นผู้มีเดชอำนาจมากหาผู้ใดที่จะปราบลงได้ทั้งข้าศึกหรือศัตรูก็จะมีอันคร้ามเกรง และอาจถึงวิบัติสิ้นไปด้วยอำนาจการบูชาเทพเจ้าองค์นี้ ถึงกับมีเวทมนตร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการล้างผลาญศัตรู ไว้สาธยายเช่น โอม นะโมภะคะวะเตทัง…….ฯ และบทสวด(มนตร์)ทำนองนี้อีกหลากหลายมีการแปลมนตร์ ออกมาก็มีเนื้อความน่ากลัวสยดสยองดังมนตร์บทหนึ่งแปลความได้ว่า "ข้าขอนอบน้อมแก่ธรรมอันศักดิ์สิทธิ์คือธนุรเวท ขอจงป้องกันรักษาข้าพเจ้า ขอจงขบกินศัตรูของข้าพเจ้าเสีย" ในทำนองนี้ซึ่งทำให้เห็นภาพเทพเจ้าองค์นี้ที่ดูดุดันน่ากลัวทีเดียว

         ภาพที่นำมาลงประกอบเรื่องนี้นับว่าเป็นครั้งแรกในประเทศไทยก็ ว่าได้ที่มีการกล้าเขียนรูปเทพเจ้าองค์นี้ขึ้นจึงรับรองได้ว่าท่านไม่สามารถหาดูได้จากที่ใด โดยอาศัยเค้าโครงจากตำราพิไชยสงครามฮินดูซึ่งในเมืองไทยมีเพียงฉบับเดียว เป็นหลักในการให้ศิลปินสร้างภาพของเทพเจ้าองค์นี้มาให้ได้ทัศนากันโดยปกติ รูปเทพเจ้าต่างๆที่นำมาลงเผยแพร่ในเทพปกรณัมนั้นจะวาดขึ้น โดยการสื่อจิตถึงภาวะเทพเจ้าองค์นั้นโดยตรงแล้วถ่ายทอดซึ่งศิลปิน   คือ  คุณเอนก ทองรอด ศิลปินที่เราคัดเลือกเเล้วว่ามีความสามารถพอ ที่จะสื่อความเป็นทิพยภาวะของเรื่องราวศักดิ์สิทธิ์ เกี่ยวกับเทพเจ้าออกมาได้การสร้างงานจิตกรรมจึงต้องถือศีลพรตตลอดในการวาดรูปในแต่ละครั้ง

        ดังนั้นรูปที่พิมพ์เผยแพร่ ในเทพปกรณัมของอุณมิลิตจึงมีเทวลักษณะที่ค่อนข้างเหมือนจริง โดยสื่ออารมณ์ได้ ถึงทิพยภาวะของเทพองค์นั้นๆได้ แต่ในคราวที่วาดรูปธนุรเพทนี้ ต้องยอมรับว่ายาก และมีอาถรรพ์ค่อนข้างสูงงานนี้ถึงกับเล่นเอาศิลปินเดี่ยวของเรา ป่วยไปหลายวันทีเดียว

           การบูชาธนุรเพทเป็นศาสตร์ขั้นสูงในระดับผู้นำที่ต้องการเดช อำนาจในการหยุดหรือห้ามอุปสรรคภยัน อันตรายต่างๆเพื่อเอาชนะข้าศึกศัตรูหรือคู่แข่งขัน ทั้งมีอานุภาพข่มนามศัตรูให้แพ้ภัยตัวเองไปได้ ทำนองเดียวกับ "พระกาฬ" ที่เป็นศาสตร์อิงอำนาจเทพแห่งความตายนั่นเอง

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x


อาวุธ ชิ้นนี้พลานุภาพ ร้ายแรงจริงๆๆครับ
เคยได้ยินว่าหลวงปู่หล้า วัดวังโพรงเข้ท่านก็มี
ท่านยิงจากวัดวังโพรงเข้ อ.โคกสำโรง ไปไกลถึง ลพบุรี
มนตราใช่ของเล่น

คนสมัยใหม่เชื่อวิทยาศาสตร์ กล่าวหาเรื่องลี้ลับว่าไร้สาระ

หารู้ไม่ว่า ตาบอดดักดาน แท้จริงแล้ว เรื่องทางด้านไสยศาสตร์ พระเวทย์ สิ่งลี้ลับ มันก้าวหน้าเกินกว่าวิทยาศาสตร์จะตามทัน ถึงได้เพิ่งมารู้จักว่า ออร่า รอบสิ่งมีชีวิตมีอยู่ พลัสม่ามีอยู่ ฯลฯ เมื่อไม่กี่สิบปีมานี้ และคงต้องใช้เวลาอีกนาน กว่าตะกระจ่างแท้

เคยได้เห็นธนูกระสุนคตของหลวงปู่ที่สำนัก ดีใจหลายๆ
กราบ กราบ กราบ สาธุ สาธุ สาธุ
ไม่กล้าสัมผัส ตอนนั้นดูอย่างเดียว บุญตาหลายๆ


ในตำนานของหลวงปู่ศุข ได้บันทึกถึงวิชากระสุตคตไว้เช่นกัน
ว่าวิชานี้มีจริง ๆ








  ทางคด   บางแห่งเรียกกระสุนคด  วิชานี้นับว่ามีอันตรายอย่างสูง  ถ้าตกอยู่กับคนไม่ดี  เพราะวิชานี้เสกลูกปืนเพียงลูกเดียวยิงเข้าไปในกองทัพข้าศึก  ทหารจะล้มตายทั้งกองทัพ  วิชานี้หลวงปู่ศุขเคยทำให้พระองค์เห็นเมื่อครั้งหลวงปู่รับนิมนต์ไปพักที่วังนางเลิ้ง  โดยหลวงปู่เสกลูกปืนลูกเดียวยิงใบบัวในสระทะลุทุกใบ




(คันกระสุนวิเศษที่ใช้ยิง “ทางคต”  นี้ทำจากไม้ที่ถูกฟ้าผ่า


โดยหลวงปู่ทำขึ้นด้วยมือท่านเอง   ปัจจุบันอยู่ที่วัดศรีวิชัยวัฒนาราม   จ.ชัยนาท)
ใครจะรู้ หลวงปู่เราเองก็ทำได้ เพียงแต่ท่านด่วนละสังขารไปก่อน ไม่งั้นท่านคงเป็นหลักให้แก่พวกเราและเหล่าสาธุชนได้อีกมากมาย
คันธนูกระสุนคต  
เทพศาสตราในตำนานของ  หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ

            "กระสุนคต  เทพศาสตราในตำนาน"  ใช้(คต)แทน(คด)เพราะหมายถึงความศักด์สิทธ์มีดีในตัว วิชากระสุนคดสืบทอดมาจากตำราพิชัยสงครามที่ชื่อ " ธนุเพธา "เป็นแขนงหนึ่งของการใช้ธนูหรือศรที่เรียกว่า " ธนุรเวท "  เป็นพระเวทสุดวิเศษ     หากเรียนมนต์ธนูรเวทเชี่ยวชาญ  จะมีเดชอำนาจมาก  ไม่มีผู้ใดต่อต้านได้ สามารถชนะได้แม้เทวดา
     ผู้ที่จะสร้างกระสุนคตได้ต้องมีบารมีสูงพอ ต้องรอบรู้ในสรรพเวทวิทยาและมีจิตเข้มแข็งพอจึงจะทำได้สำเร็จโดยไม่เกิดเภทภัย
      กระสุนคต(ธนูคต)นี้เป็นเครื่องรางสุดยอดระดับ(จอมคน)หรือเจ้าสำนักอาคมที่มีตบะเดชานุภาพ เพราะเป็นมหาอำนาจข่มนามในตัว สามารถล้างศัตรูให้พ่ายแพ้ ทั้งยังแผ่อานุภาพคุ้มครองป้องกันอันตรายต่างๆให้บริวาร  และเคหะสถานของผู้เป็นเจ้าของธนูคตด้วย
        การทำคันกระสุน  ต้องหาไม้ไผ่สีสุกตายพราย(ตายเอง)  ถ้าเป็นกลางกอและยอดด้วนจากถูกฟ้าผ่าด้วยยิ่งดีชื่อกันว่าอาถรรพ์แรง ให้บัดพลีเอาแล้วตัดให้ขาดในครั้งเดียว นำมาเหลาโดยให้เหลาไปทางเดียว ขณะเหลาให้ภาวนาคาถา " พันธุมเสนา "จนเสร็จ  แล้วจึงถักรังกระสุนด้วยหวายและไม้ไผ่ที่เหลือ
สำหรับลูกกระสุนมี3ชนิด
1) เป็นขี้ผึ้งรังร้างมาผสมผงอาถรรพ์
2)  เป็นกระสุนดิน (มีดินจอมปลวก,ดินรังหมาล่า,ดินในปล้องไผ่,ดอกชัยพฤก,ดินโป่ง,สะเก็ดดาว,เศษไม้ฟ้าผ่า,ผงไม้กาฝาก108ชนิด,ผงอักขระ"นะธนูทอง") ต้องภาวนาคาถากำกับขณะปั้น จนกระสุนนั้นแห้งคามือ
3) กระสุนปรอท  เป็นกระสุนวิเศษที่สุด  ใช้รบได้แม้เทวดา  เป็นกระสุนรอดวิถีที่แท้จริง  โดยต้องพลีดักแร่ปรอทตามโบสถ์,ถ้ำ,ป่า,ดิน มาผสมกัน  แล้วไล่โทษปรอท  ใช้อาคมกำกับปรอทให้แข็งตัวถือว่ากระสุนชนิดนี้เป็นยอดสุด ครบเครืองทั้งป้องกันและล้างศัตรู       เพียงนำกระสุนปรอทติดตัวก็เป็นเครื่องรางป้องกันตัวได้อย่างวิเศษ
         เมื่อได้ทั้งคันกระสุนและลูกแล้วให้นำมาลงอาคมปลุกเสกตามฤกษ์  จนนิมิตว่าคันกระสุนพลิกได้ดังมีชีวิต  จึงถือว่าปลุกสำเร็จ มีข้อห้ามเด็ดขาดมิให้นำคันกระสุนไปขว้างหรือตีผู้อื่นเพียงเล่นสนุก  เพราะอาจทำให้ผู้นั้นป่วย , พิการหรือเสียสติตลอดชีวิตได้  บาปกรรมจะตกแก่ตัวเละอาจารย์... ...อุปเท่ห์กล่าวว่าเป็นบุญวาสนาของผู้ครอบครอง  เหมือนแก้วสารพัดนึกคู่บารมีนำความรุ่งเรืองมาสู่เจ้าของ... ...ในอดีตเกจิอาจารย์ที่สร้างสำเร็จมีหลายท่านเช่นหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ , สมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้