ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 19359
ตอบกลับ: 5
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เรียกวิญญาณ มาจับโจร

[คัดลอกลิงก์]
ท่านขุนพันธ์  เรียกวิญญาณ มาจับโจร





ท่านขุนพันธ์ ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับความเชื่อทางไสยศาสตร์ ไว้อย่างชัดเจนว่าปาฎิหารย์มีจริง สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เรื่องล่องหนหายตัว เป็นเรื่องที่มีผู้ที่กระทำได้จริง

ซึ่งคำพูดของท่านขุนพันธ์ อาจทำให้ผู้บังคับบัญชา รวมทั้งตำรวจสมัยใหม่ หลายๆคนเกิดความสับสน ไม่แน่ใจ

แต่ทุกครั้ง ที่มีคนถามเรื่องนี้ ท่านขุนพันธ์ ก็จะยืนยันทุกครั้ง ว่าไสยศาสตร์มีจริง หมื่นเปอร์เซ็นต์

เช่นเดียวกับการเรียกวิญญาณคนตาย หรือที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกกันว่าวิชาหมอผี ก็เป็นเรื่องจริง ที่ท่านขุนพันธ์ได้ใช้ วิชานี้ ในการจับโจรมาหลายต่อหลายครั้ง

จนถึงขนาดว่ามีลูกน้องใต้บังคับบัญชา พากันเรียก และขนานนามท่านว่า ขุนพันธ์ หมอผี

ท่านขุนพันธ์ จึงเป็นจึงเป็นนักไสยศาสตร์ครบเครื่องเพราะไม่เพียงแต่จะอยู่ยงคงกระพัน หนังเหนียว กระดูกดี แต่ท่านยังรอบรู้วิชาโหราศาสตร์  และไสยศาสตร์แบบอื่นๆอีกด้วย

มองไปชีวิตของท่านขุนพันธ์ก็ดูจะไม่ต่างไปจากชีวิตของ ขุนแผน เพราะสามารถทำอะไร  ในทางไสยศาสตร์ได้สารพัด ซึ่งในตำนาน ขุนแผนก็เคยใช้วิชา โหงพราย -ผีพราย ในการรบทัพจับศึกที่ได้ผลมาแล้วเช่นกัน

และที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของการใช้วิญญาณ มาช่วยจับโจรผู้ร้าย ที่ขุนพันธ์ท่านเคยทำมาแล้วจริงๆ

ในปีพ.ศ. 2485 ซึ่งเป็นช่วงต้นๆ ของสงครามโลกครั้งที่2 ท่านขุนพันธ์ ท่านย้ายจากพัทลุง ไปดำรงค์ตำแหน่ง รองผู้บังคับกองตำรวภููธร ที่จังหวัดสุราษร์ธานี

และที่นี่เองเป็นที่ๆเกิดเหตุของเรื่องราว มีคดีสำคัญเกิดขึ้น  เสือสาย โจรร้ายภาคกลาง ที่อพยพมาจาก จังหวัดปทุม พร้อมกับพรรคพวก ราวๆประมาณ 30ครอบครัว มาตั้งรกรากอยู่ที่ หมู่บ้านบางใบไม้ ตำบลมะขามเตี้ย อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

โดยเสือสายเป็นผู้ที่มีวิชาไสยศาสตร์พอตัว หลายๆคนเล่าลือกันว่าเป็นไสยศาสตร์ของชาวมอญ

เสือสายเป็นผู้ที่มีจิตใจเหี้ยมโหด ไม่เกรงกลัว ต่อกฏหมาย ซึ่งอาจเป็นเพราะเป็นกลุ่มโจรที่มาอาศัยอยู่ด้วยกัน เป็นจำนวนมาก ทำให้เสือสาย สามารถแผ่อิทธิพลได้มาก และไม่เกรงกลัวใคร

ความเหิมเกริมของเสือสาย ถึงขั้นลงมือ ฆ่าตำรวจผู้เเป็นลูกน้องของท่านขุนพันธ์ ที่มีชื่อว่า พลฯ สังวรณ์ถึงแก่ความตาย ขณะนำหมายศาลไปส่งให้กับเมีย ของเสือสาย

เรื่องนี้ สร้างสร้างความโกรธแค้นให้กับขุนพันธ์เป็นอย่างมาก ถึงกับออกตามล่าเสือสายด้วยตนเอง และสาบานว่าจะต้องนำตัวเสือสาย มาลงโทษให้ได้

การฆ่าตำรวจตายนั้น เกิดจากเสือสาย เข้าใจผิดคิดว่าตำรวจท่านนั้น เป็นท่านขุนพันธ์ เขาจึงจ้วงแทงไม่นับ กะให้ตายคามือ โดยกระหน่ำแทงนับสิบแผล

หลังจากนั้นเมื่อทราบว่าตำรวจที่ถูกฆ่าตายนั้นไม่ใช่ ท่านขุนพันธ์ อย่างที่เข้าใจ เสือสายก็หนีไปหลบซ่อนตัวที่อื่น

แต่ยังไม่วายปากดี ท้าทายให้ท่านขุนพันธ์ ตามไปจับ โดยประกาศว่าหากเจอตัวขุนพันธ์เมื่อใด จะใช้ขวานประจำตัว ทุบศีรษะ ให้ตายคามือ

คำท้าทายนี้ยิ่งสร้างความโกรธแค้น ให้กับขุนพันธ์เป็นทวีคูณ

ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงตัดสินใจ ใช้เคล็ดวิชา เรียกวิญญาณผีตายโหง มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เป็นครั้งแรก

โดยท่านขุนพันธ์ ได้ประกอบพิธีเรียกวิญาณของพลฯสังวรณ์ ผู้ที่ถูกเสือสาย ฆ่าตาย ให้มาร่วมตามล่าเสือสายด้วยกัน

เพราะท่านรู้เคล็ดลับวิชา ในการเรียกผีตายโหง ซึ่งเป็นวิญญาณที่ตายก่อนอายุขัย ย่อมมีความแค้น และเสียดายชีวิต ของตนเอง ที่ไม่มีโอกาส ไปผุดไปเกิดได้ทันที และต้องทนทุกทรมานอย่างมาก

ท่านขุนพันธ์เล่าว่า นอกจากจะต้องใช้เครื่องเซ่น พวกอาหารคาวหวาน  ข้าวปากหม้อ และปลาเป็นตัว มาเซ่นผีตายโหงแล้ว ยังต้องใช้วิชากำกับ เรียกเชิญให้มา โดยต้องดูฤกษ์ยามด้วย

ผลของการเรียกผีตายโหงในครั้งนั้น ถึงกับทำให้ตำรวจหลายๆคน จับไข้หัวโกร๋น เพราะในขบวนตามล่าเสือสาย มีผู้พบเห็นวิญญาณของพลฯสังวรณ์ ติดตาม นำขบวนไปด้วย

ไม่ว่าจะเดินทาง ทางบก หรือทางน้ำ เดินทางทางบกก็มีคนเห็นพลฯสังวรณ์ เดินนำหน้า ไปทางเรือ ก็มีคนเห็นพลฯสังวรณ์ นั่งสงบอยู่ที่หัวเรือ เป็นอยู่เช่นนี้ตลอดเวลาที่ตามล่าเสือสาย

จนในที่สุดวิญญาณของ พลฯสังวรณ์ก็ดลจิตดลใจ ให้ท่านขุนพันธ์ ได้ติดตามไปจนพบเสือสาย เกิดการต่อสู้ และสามารถจับเสือสายได้ ในสภาพบอบช้ำ จากการต่อสู้  

จนเสือสายถึงกับเป็นไข้ แต่ด้วยความใจเด็ด เสือสายไม่เคยจะร้องโอดโอย หรือแสดงความเจ็บปวดใดๆเลย และได้เสียชีวิต ในเวลาต่อมาภายหลังจากท่านขุนพันธ์ส่งตัวเสือสายเข้าห้องขังแล้ว ไม่นาน

ท่านขุนพันธ์ ได้นำกระโหลกของเสือสาย มาทำ ที่เขี่ยบุหรี่  ซึ่งอาจจะเป็นความแค้นไม่หาย ที่เสือสายบังอาจมาฆ่าตำรวจ

หรืออาจจะเป็นเคล็ดลับ สะกดวิญญาณของเสือสาย โจรร้ายที่มีวิชาไสยศาสตร์ ของมอญก็อาจจะเป็นได้

ท่านขุนพันธ์ ได้เเคยเขียนถึงเรื่องการเรียกผีหรือวิญญาณ ไว้ในหนังสือความเชื่อทางไสยศาสตร์ ของชาวปักษ์ใต้  ตีพิมฑ์ในหนังสือวิชชาของวิทยาลัยครูพระนครศรีธรรมราชว่าการเรียกผี ต่างจากการทรงเจ้า

โดยการทรงเจ้าเป็นการทำพิธี เพื่อเชิญมาด้วยความเคารพ

แต่การเรียกผี เป็นการใช้อำนาจ เพื่อเรียกผีมาใช้ ทำตามคำสั่ง หรือเรียกวิญญาณ มาสอบถามเรื่องราวที่อยากรู้

ท่านขุนพันธ์ ยังได้เล่าถึงผีนางไม้บางชนิด เช่นผีนางตะเคียน ผีนางตานี และผีนางประดู่ว่า ผีนางตะเคียนมีจริง แต่มีอยู่ในต้นตะเคียน บางต้น

ผีนางตะเคียน มีรูปร่างผิวกายค่อนข้างคล้ำ หรือมีผิวสองสี ดุมาก  

ผีนางประดู่ มีผิวขาวเหลือง ใจดี

ในขณะที่ผีนางตานี มีความสวยงาม และใครก็ตามที่ได้ร่วมประเวณี กับผีเหล่านี้ จะขาดใจตาย กลายเป็นผัวผีทันที
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-8-29 09:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สุดยอดของขลัง ให้แม่เหยียบหัว ...สยบไสยดำ



ต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงของช่วงหนึ่งในชีวิต ของท่านขุนพันธ์ ที่ถือเป็นจุดที่สำคัญ
อะไรคือสุดยอดของขลังที่ท่านขุนพันธ์ใช้สยบไสยดำ ของ อะแวสะดอ ตาและ ขุนโจรชาวมุสลิม ซึ่งเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญด้านไสยศาสตร์ มนต์ดำ ผู้มีสันดานโจน ใจคอโหดร้ายจนไม่มีผู้ใด กล้าแตะต้อง

สิ่งที่ท่านขุนพันธ์ท่านใช้ในการแก้เคล็ด สยบไสยดำนี้ คือการให้มารดาบังเกิดเกล้าของ ท่านใช้เท้าขยี้ลงไปบนศีรษะของตนเองสามรอบ เพื่อเป็นศิริมงคล และเพื่อเป็นการ ทำลายความอาถรรพ์ในตัว ของอะแวสะดอ ตาและ

ด้วยเหตุนี้ จอมวายร้าย อย่างอะแวสะดอตาและ จึงไม่อาจสู้ท่านขุนพันธ์ได้ ไสยเวทมนต์ดำ ที่มันมีอยู่ เครื่องราง ของขลังหลายอย่าง ที่มันใช้ติดตัว จึงมีอันเสื่อมสลายไป เพราะถึงแม้กระสุนปืน ของท่านขุนพันธ์จะทำอะไร อะแวสะดอ ตาและไม่ได้ แต่มันก็หมดเรี่ยวแรง เปลี่ยนสภาพ จากเสือร้าย กลายเป็นแมว ยอมให้จับกุม ในที่สุด

การให้แม่ใช้เท้าขยี้ศีรษะนี้  เพราะท่านขุนพันธ์ถือความกตัญญูเป็นสิ่งสูงสุด ฝ่าเท้าของแม่ เทียบเท่าฝ่าเท้าของพระอรหันต์หรือ พระพรหม วิชาความรู้ใดๆที่เรียนมาย่อมต่ำกว่าเสมอ

วิธีการถือเคล็ดแบบนี้ มีมาแต่โบราณกาล นักรบโบราณขอเศษชายผ้าถุงแม่ หรือขอชานหมากของพ่อติดตัวไป ก่อนไปออกสนามรบ ก็ล้วนเกิดปาฎิหารย์มากมาย

ย้อนกลับไปช่วงเวลา ที่ท่านขุนพันธ์ ต้องปราบโจร อะแวสะดอ ตาและ ตรงกับปี พ.ศ. 2481ซึ่งเป็นช่วงเวลา ที่ท่านขุนพันธ์ จัดว่ามีความรู้ทางด้าน ไสยศาสตร์เต็มตัว ส่วนอะแวสะดอ  ตาและ เป็นจอมโจร แห่งเทือกเขาบูโด มีความเชี่ยวชาญทางไสยศาสตร์ อย่างหาตัวจับ ยาก

ทั้งๆที่เป็นชาวมุสลิม เขาสามารถรูดโซ่ตรวน สะเดาะกุญแจ แคล้วคลาด คงกระพัน ตัวเขามีของขลังติดตัวอยู่5ชนิด คือ ตับเหล็ก เคราทองแดง ช้องหมูป่า ผ้าประเจียด และกริชอาคม

อะแวสะดอตาและ มีพฤติกรรมการปล้นฆ่าที่น่ากลัวมาก เลือกปล้นเฉพาะคนไทย ฆ่าเจ้าทรัพย์ทุกราย โดยวิธีใช้กริชแทงคอ หมุนเอาหลอดลมออกมา และบางรายเขาก็จะใช้กริช ขว้านท้องดึงไส้ออกมา ซึ่งเขาจะเลือกฆ่าเฉพาะคนไทยพุทธเท่านั้น กว่าทางตำรวจจะจัดการกับเขาได้ ต้องใช้เวลาตามจับอยู่นาน

ท่านขุนพันธ์ เล่าไว้ว่าตอนที่ยิงต่อสู้กันนั้น อะแวสะดอ ตาและ แกล้งทำเป็นตาย เพราะถูกตำรวจ ล้อมไว้  แต่พอถูกจับได้ เขากลับอ้าปากคลายกระสุน ออกมาให้ดู9นัด หน้าตาเฉย

เขาจึงเป็นโจรไสยศาสตร์อีกคนหนึ่งที่อาวุธของท่านขุนพันธ์ไม่สามารถ ทำอะไรได้

ว่ากันว่าอะแวสะดอตาและนี่ เวลาเกิดคุ้มคลั่งของขึ้นๆมา เขาจะให้ลูกน้องรุมยิงด้วยอาวุธปืน นาๆชนิด แต่กระสุนปืนก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้  

ที่น่าสังเกตุคือ แม้จะเป็นมุสลิม แต่ อะแวสะดอ ตาและ นับถือเครื่องรางของขลัง ของไทย ทุกชนิด และเขาแขวนผ้ายันต์ติดคอเขาไว้ตลอด แม้กระทั่งเวลาถูกจับกุม

ภายหลังถูกจับกุม เครื่องรางของขลังต่าง ๆถูกยึดไว้เป็นหลักฐาน

ยกเว้นกริช ประจำตัวของอะแวสะดอ ตาและ ที่ท่านขุนพันธ์ ขอไว้เป็นที่ระลึก โดยให้เหตุผลว่าเป็นของมีอาคม หากตกไปอยู่กับคนอื่น อาจสร้างปัญหาขึ้นอีก ดังนั้นกริชนนั้นจึงตกเป็นของท่านขุนพันธ์ตั้งแต่นั้นมา

หลังจากอะแวสะดอตาและถูกจับได้ไม่นาน เขาก็กินยาพิษฆ่าตัวตาย ในห้องขังนั้นเอง

จากการปราบโจร อะแวสะดอตาและ ในครั้งนั้น ทำให้ท่านขุนพันธ์ ท่านได้รับการขนานนาม จากชาวไทย มุสลิมว่า รายอกะจิ หมายถึง มือปราบพริกขี้หนู หรือ อัศวินตัวเล็ก อะไรทำนองนั้น

นอกจากนี้ ท่านขุนพันธ์ ยังได้รับรางวัล จากเจ้าเมือง รัฐกลันตัน ประเทศ มาเลเซีย ส่งมีดพกเล่มหนึ่ง มาให้ ซึ่ง ท่านขุนพันธ์ ถือเป็นเกียรติอย่างสูง ในชีวิต  

ในสมัยที่ท่านรับราชการอยู่ที่เมืองพิจิตร ท่านจะพกกริชของอะแวสะดอ ตาและ ไว้ที่เอวซ้ายตลอดเวลา และพกปืนเมาเซอร์ ต่อด้ามเหล็ก ไว้ที่เอว ด้านขวา อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-8-29 09:24 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เสือกลับ  คำทอง ผู้กำเคล็ดลับ วิชา หายตัว

เรื่องของการล่องหนหายตัว เป็นเรื่องที่เราคงจะเคยได้ยินกันมาบ้าง ว่าคนโบราณที่มีวิชาเก่งกล้า บางท่าน ท่านมีวิชาล่องหนหายตัวได้ ส่วนจะจริงหรือไม่ก็ยังไม่มีใครรู้และแน่ใจ แต่เรื่องที่จะเล่านี้ เป็นเรื่องราว อีกส่วนหนึ่งในชีวิต ของท่านขุนพัน์อีกเช่นกัน ที่ท่านได้กล่าวบอกเล่าไว้ด้วยตัวท่านเอง กับคนใกล้ชิด ว่าเรื่องล่องหนหายตัวนี้มีจริง

วิชาหายตัวนี้ เป็นสุดยอดวิชาไสยศาสตร์ ที่ได้รับคำยืนนัน จากผู้มีความรู้ทางไสยศาสตร์ และจากพระเกจิอาจารย์หลายท่าน ว่ามีอยู่จริง และทำได้จริง โดยมีการอ้างอิงถึงอรรถกถา หรือเรื่องราวในตำนาน ศาสนาพุทธด้วย

หรือแม้แต่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านก็มีเคล็ดลับวิชานี้ และได้เคยถวายการสอนวิชานี้ ให้แด่เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ มาแล้วเช่นกัน โดยถวายการสอนเบื้องต้นไว้ว่าเมื่อใครต้องการจะหนีใคร หรือไม่ต้องการให้ใครเห็น ให้หาต้นไม่ใหญ่ ยึดไว้ แล้วกำหนดสมาธิให้ได้ แล้วให้ว่าคาถาตามที่ท่านสอนไว้ให้ เป็นคาถาสั้นๆ เพียงเท่านี้ก็จะ ไม่มีใครเห็นเราแม้จะเดินเข้ามาใกล้แค่ไหนก็ตาม

ซึ่งเรื่องราวการล่องหนหายตัวนี้ ท่านขุนพันธ์ก็ได้เล่าไว้ตรงกันว่า แม้ท่านจะไล่ตามหา เสือ กลับ นานแค่ไหนก็มองไม่เห็น แต่เสือกลับ คำทอง กลับมองเห็นท่านขุนพันธ์ และได้ยินได้ฟัง สิ่งที่ท่านขุนพันธ์ พูดทั้งหมด

และเมื่อท่านขุนพันธ์และลูกน้อง นายตำราจขึ้นไปค้นหาหลักฐานแต่ไม่พบ ทั้งๆที่เสือกลับ ซ่อนของไว้บนบ้าน นั่นย่อมแสดงว่าเสือกลับ มีวิชากำบังกาย และกำบังสิ่งของ ไม่ให้คนเห็น

เสือกลับ นี้เป็นผู้ร้าย รุ่นเดียวกับ ดำ หัวแพร และร่ง ดอนทราย เสือร้ายสมัยรัชกาลที่6 และ รัชักาลที่ 7ทางการพยายามจับตัว เสือกลับ หลายครั้ง เคยจับได้ครั้งหนึ่งแล้วแต่เสือกลับ แหกคุกที่จังหวัดตรัง แล้วหนีรอดไปได้ เล่ากันว่า เสือกลับ ใช้วิธีสะเดาะกุญแจ และโซ่ตรวน แล้วหนีออกจากคุกไป

เสือกลับ เป็นเพียงโจรลักเล็กโขมยน้อย ไม่ใช่เสือร้ายที่ปล้นฆ่าแบบคนอื่น ที่เสือกลับต้องเป็นโจร เพราะเกิดบันดาลโทษะ ฆ่าคนตาย  เนื่องจากถูกพี่เขยตบหน้า และด่าบุพการี เข้าทำนองเป็นโจร เพราะจำใจ  เสือกลับ เลืกปล้นเฉพาะบ้านผู้มีอันจะกินเท่านั้น

และด้วยสำนึกว่าตนเองเป็นชาวพัทลุง และเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ทองเฒ่า และสำนักเขาอ้อ พัทลุง เขาจึงไม่เคยปล้น หรือลักเล็กขโมยนน้อย ในบ้านเกิดของตนเอง ไม่สู้ ไม่ทำร้ายตำรวจ ไม่ฆ่าเจ้าทรัพย์ ปล้นเอาแต่พอกินเท่านั้น

พฤติกรรมของเสือกลับ จึงถือว่าเป็นโจรคุณธรรม และเพราะคุณธรรมนี่เอง คือเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ วิชาของเสือกลับ แก่กล้า เข้มขลัง

ซึ่งนอกจากจะล่องหนหายตัวได้แล้ว ยังอยู่ยง คงกระพันยิงแทงไม่เข้า เสือกลับ เคยถูกตำรวจ ลูกน้องของท่านขุนพันธ์ ยิงถึง2นัด แต่กระสุนปืน ไม่สามารถ ทำอะไรเขาได้

และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เสือกลับ ไม่ไว้ใจ ท่านขุนพันธ์ อีกเลย เพราะเขาเชื่อว่า ท่านขุนพันธ์เป็น ผู้ลงมือยิงตนเอง ถึงกับไม่ยอม ให้ท่านขุนพันธ์ ได้พบตัว จนตายจากกันไปในที่สุด

เคล็ดลับวิชาไสยศาสตร์และวิชาล่องหนหายตัวนี้ นอกจากจะเป็นวิชาที่เรียนยากแล้วยังรักษายาก

บางคนทำได้แค่ครั้งเดียว แล้วทำไม่ได้อีก

บางคนฝึกฝนตลอดชีวิต แต่ทำไม่ได้ เพราะต้องใช้สมาธิจิตขั้นสูง

วิชาล่องหนหายตัวนี้ จัดเป็นสุดยอดวิชาไสยศาสตร์ ที่เชื่อกันว่าหากนำไปใช้ในทางที่ผิดเพียงครั้งเดียว วิชาจะเสื่อมทันที และทำอีกไม่ได้

ผู้ใช้ต้องมีคุณธรรมและพลังจิตที่สูงมาก

ไสยศาสตร์ ไม่ได้สำคัญที่คาถาอย่างเดียว แต่สำคัญที่พลังจิต ของผู้ใช้ด้วย อย่างที่เขาว่ากันว่า ของจะขลังหรือไม่อยู่ที่คนใช้ .
เยี่ยม
ล่องหนหายตัว....ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้