“เสือตาคำ” โจรป่าฉายา(เสือสั่งฟ้า)
พรานซอแลเดินทางออกมาจากป่าในเวลาย่ำเช้า เดินมาพบเจอหมู่บ้านนึงตั้งอยู่ปลายทางชายป่าภูเขา พรานได้ขออยู่อาศัยกับสามีภรรยาคู่นึง ซึ่งได้บอกเล่าเรื่องราวต่างๆที่อยู่รอบหมู่บ้าน ทำให้แกรู้ว่าคนที่นี่ทำการเกษตรแค่ในหมู่บ้าน การเข้าไปหาของป่า ล่าสัตว์ในป่าใหญ่ที่ภูเขาดำทะมึนอีกลูกนั้น ไม่มีใครกล้าเข้าไปเลย แกถามว่าเพราะอะไร? คำตอบคือมีรังโจรของเสือคนหนึ่ง เป็นโจรที่ชอบปล้นหมู่บ้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นฝั่งไทยหรือฝั่งพม่า ว่ากันว่าหัวหน้ากลุ่มโจรนั้นมีอาคมแก่กล้ามาก ฟันแทงไม่เข้าแปลงกายเป็นผู้อื่นคัดเลือดกำบังกายทำได้หมด ที่หมู่บ้านนี้ยังไม่ถูกปล้นน่าจะเป็นเพราะพระอาจารย์ที่หมู่บ้านท่านเดินธุดงค์ขึ้นไปบนเขาขอบิณฑบาตรไว้ ขณะนั้นพรานแกอายุได้ 30 ต้นๆ เรียนวิชากับพ่อและครูบาทางเหนือและหลวงพ่อพุทโธด้วย แกคิดว่าน่าสนใจอยากรู้ว่าในป่านี้มันต้องมีของดีอยู่แน่เพราะไม่งั้นโจรคงไม่ไปสร้างรังชุมนุมอยู่เป็นแน่แท้ ถามสามีเจ้าของบ้านนั้นว่านอกจากโจรร้ายแล้วในป่านี้มีอะไรแปลกๆหรือไม่? คำตอบคือพระอาจารย์บอกว่ามีเหล็กไหลอยู่ในถ้ำใหญ่ กลางเขาก็มีน้ำตกเล็กๆมีงูใหญ่สีทองเฝ้าในบึงนั้น ใต้บึงจะมีลูกแก้วที่สวยมากๆ และมีว่านสีเลือดที่เอามารักษาโรคร้ายทุกชนิดให้หายได้ แกฟังแล้วมีความสนใจเป็นอย่างมาก บอกกับสามีภรรยาคู่นั้นว่าอีกสองวันจะลองขึ้นไปบนเขาลูกนี้ แต่ไม่ไปถึงรังโจรนั้นหรอก เพราะไม่ไปรบกวนกันอีกอย่างแกก็ไม่มีของมีค่าอะไรมากมาย มีเพียงมีดหมอกับตะกรุดที่หลวงพ่อพุทโธจารมือให้ห้อยคอเพียงดอกเดียว แกบอกว่าอยากไปเอาเหล็กไหลกับลูกแก้วใต้บ่อน้ำตก ไม่ว่าสองคนนั้นจะทัดทานเพียงใด แกก็ยืนยันว่าจะขึ้นไปเพราะคิดว่าอาคมคาถาของแกพอตัวไม่เป็นสองรองใคร จนถึงเวลารุ่งเช้าวันที่จะออกเดินทาง พรานกำลังจะเดินขึ้นไปบนเขาทำพิธีเปิดป่าแล้วจะเดินไปได้ยินเสียงพูดนึงดังจากทางด้านหลังว่า ‘อาตมาขอบิณฑบาตรได้ไหมโยม? อย่าขึ้นไปเลยมันอันตรายมาก’ ‘ผมขอขึ้นไปชมและดูของลึกลับที่เขาเล่าขานว่ามีจริงๆแค่นั้นครับพระอาจารย์’ ‘ถ้ายังยืนยันแบบนั้น อาตมาขอไปด้วยได้ไหมโยม’ พรานก็แปลกใจแต่ก็คิดว่าอย่างน้อยท่านไปด้วยจะได้ช่วยนำทาง อีกอย่างถ้าเจอโจรจริงๆมันคงไม่กล้าทำอะไรท่านและแกแน่นอน เดินขึ้นไปได้เพียงเล็กน้อย พระอาจารย์บอกว่าทางเดินมันปิดแล้ว สงสัยเสือคำตาจะมาเป่าปิดทางไว้ พรานถามท่านว่าแล้วเราจะไปทางไหนดีครับ ท่านเดินไปหยิบกิ่งไม้เล็กๆมาหนึ่งกิ่งขนาดเท่านิ้วชี้คน พอมาถึงท่านเป่าไปครั้งแรกใบไม้ที่ติดอยู่ร่วงลงพื้นดิน ครั้งที่สองคือจากไม้เล็กๆกลายเป็นไม้เท้ายาวหนึ่งศอก แกยืนอึ้งทันทีบอกว่าไม่ได้กระพริบตาด้วยซ้ำ แล้วพระอาจารย์ท่านก็เดินไปข้างหน้าสามก้าวเอาไม้เท้าเคาะพื้นสามครั้ง แกบอกว่ามองไปข้างหน้าจากป่าที่ปิดมองไม่เห็นสิ่งใดๆกลายเป็นว่ามีทางเดินถางไว้เพื่อขึ้นไปบนเขา ตอนนั้นพรานรู้แล้วว่าท่านคงไม่ใช่พระภิกษุธรรมดาแน่ เดินขึ้นไปสักพักทั้งสองได้ยินเสียงปืนดังขึ้นในป่า พระอาจารย์หันมาบอกว่าเสือคำตาคงออกมาล่าสัตว์กับลูกน้อง แกสงสัยว่าเสียงปืนมันดังและใกล้มากทำไมไม่เห็นคนยิงเลย สิ้นคำพูดแกได้ยินเสียงคนย่ำใบไม้เดินเข้า แต่แกมองไม่เห็นคนที่เดิน ท่านจึงพูดว่าเขามาดีไม่ได้เป็นคนไปรายงานกับทางการจริงๆ เท่านั้นภาพที่เห็นคือ ชายหนุ่มคนนึงใส่หมวกปีกกว้างหน้าตาหล่อเหลาสักลายแล้วถือปืนสั้นกำลังยืนมองดูแกกับท่านอยู่ ชายคนนั้นยกมือไหว้พระอาจารย์เสร็จแล้วเอาปืนชี้มาที่พรานพร้อมกับถามว่า ‘มาทำอะไรที่นี่?’ แกไม่กลัวยิ้มให้เสือคำตาแล้วบอกว่า ‘ข้าขึ้นมาที่นี่เพราะเห็นคนในหมู่บ้านข้างล่างบอกว่ามีของดีวิเศษอยู่บนนี้ก็เท่านั้น’ ‘แน่ใจเหรอว่าจะมาเอา อันตรายมากนะ! พระอาจารย์ท่านไม่ได้บอกเขาหรือครับ?’ ท่านพยักหน้าให้เสือคำตา
|