(ข้อมูลการท่องเที่ยวพิษณุโลก) ผู้คนชาวจังหวัดพิษณุโลก มีความเลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนาสังเกตจากจำนวนวัดวาอารามต่างๆ ใน จังหวัดพิษณุโลกซึ่งมีจำนวนมาก วัดสำคัญในจังหวัดพิษณุโลกซึ่งคนทั่วไปรู้จักกันดีได้แก่ วัดพระศรีมหาธาตุ วรมหาวิหาร ชาวบ้านมักเรียกขานกันว่า วัดใหญ่ หรือวัดพระศรีกันจนติดปาก แม้นแต่พระประธานองค์ใหญ่ที่ประดิษฐาน ในวิหารคือ พระพุทธชินราช ชาวเมืองพิษณุโลกก็ยังเรียกว่าหลวงพ่อใหญ่ วัดใหญ่เป็นพระอารามหลวงที่สำคัญของจังหวัด เป็นศูนย์รวมทางด้านจิตใจของชาวเมืองและชาวไทย ทั้งประเทศ ภายในวัดมีโบราณสถาน โบราณวัตถุล้ำค่ามากมาย อาทิ พระพุทธชินราช พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ขนาดหน้าตักกว้าง 5 ศอก 1 คืบ 5 นิ้ว สูง 7 ศอก พระพุทธลักษณะงดงามที่สุดในประเทศ เส้นรอบนอกพระวรกายอ่อนช้อย พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระ ขนงโก่ง พระเกตุมาลาเป็นรูปเปลวเพลิง มีลักษณะพิเศษที่เรียกว่า ทีฒงคุลี คือ ที่ปลายนิ้วทั้งสี่ยาวเสมอกัน ซุ้ม เรือนแก้วทำด้วยไม้แกะสลัก สร้างในสมัยอยุธยาแกะสลักเป็นรูปตัวมกร (ลำตัวคล้ายมังกรและมีงวงคล้ายช้าง) อยู่ตรง ปลายซุ้มและตัวเหลา (คล้ายจระเข้) อยู่ตรงกลางซุ้ม และมีเทพอสุราคอยปกป้ององค์พระอยู่ 2 องค์ คือท้าวเวสสุวัณ และอารวยักษ์ ตำนานการสร้างพระพุทธชินราช กล่าวว่า สร้างในสมัยพระศรีธรรมไตรปิฎก (พระยาลิไทย) ในครั้งนั้น โปรดให้สร้างพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ขึ้น 3 องค์ คือ พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา การทำพิธีเททองสัมฤทธิ์ ปรากฏว่า หล่อได้สำเร็จเพียง 2 องค์ คือ พระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดา เท่านั้น ส่วนพระพุทธชินราชปรากฏว่า ทองแล่นไม่ตลอดจึงชำรุด ต้องทำพิมพ์หล่อใหม่ถึง 3 ครั้ง ครั้งสุดท้ายพระอินทร์ต้องแปลงองค์เป็นชีปะขาวมาช่วย ได้เททองหล่อพระพุทธรูปเมื่อวันพฤหัสบดีขึ้น 2 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง นพศก จุลศักราช 319 จึงสำเร็จบริบูรณ์ พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ วัดชีปะขาวหาย เป็นวัดโบราณที่มีตำนานเล่าขานสืบมาว่าในครั้งที่มีการหล่อพระพุทธชินราช ในสมัยพระ มหาธรรมราชาลิไทเพื่อมาประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก ได้มีชีปะขาวท่านหนึ่งมาทำการช่วยงาน ใน การหล่อพระพุทธชินราชตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จพิธี และเมื่อทำการหล่อเป็นองค์พระแล้วก็ได้เดินจากหายตัวไปอย่างไร้ ร่องรอย ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันสร้างวัดขึ้นมาตรงที่ชีปะชาวผู้นั้นเดินหายตัวไป โดยตั้งชื่อว่าวัดชีปะขาวหาย นอกจากนี้ชาวบ้านยังเชื่ออีกด้วยว่าชีปะขาวท่านนั้นคือพระอินทร์ที่แปลงลงมาช่วยสร้างพระพุทธชินราช ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เรื่องที่เล่ามานี้จะเห็นว่าพระอินทร์มีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับการสร้างพระพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก คนทั่วไปคุ้นเคยกับชื่อเรียกของพระอินทร์ บางคนรู้ว่ากายของท่านมีสีเขียว แต่รายละเอียดลึกๆ เกี่ยวกับพระอินทร์ เชื่อ ว่ามีคนจำนวนไม่น้อย ยังไม่ทราบประวัติความเป็นมาของท่าน พระอินทร์ ท่านเป็นเทวดาผู้เป็นใหญ่ สถิตอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ กายของท่านมีสีเขียว มีพระเนตร มากมายถึงพันดวง มีวัชระ (สายฟ้า) เป็นอาวุธ มีช้างเอราวัณเป็นพาหนะ พระอินทร์มีมเหสีมาถึง 4 องค์ คือ สุจิตรา สุ ธรรมา สุนันทา และสุชาดา หน้าที่ของพระอินทร์ คือผู้ดูแลทุกข์สุขของมนุษย์โลก ยามใดที่มีเรื่องเดือดร้อนเกิดขึ้นบนโลก อาสนะ ของพระองค์ที่เคยอ่อนนุ่มก็จะแข็งกระด้างในบางครั้งจนไม่สามารถประทับอยู่ได้ ท่านจะรีบลงไปช่วยเป่าความทุกข์ร้อน นั้นทันที พระอินทร์มีชื่อเรียกอย่างอื่น เช่น ท้าวสหัสนัยน์ ท้าวโกลีย์ ท้าวสักกะ เทวราชอมรินทร์ ศักรินทร์ มัฆวาน และเพชรปาณีผู้ใดที่กราบไหว้พระอินทร์เป็นประจำ เชื่อกันว่าชีวิตจะได้พบความเจริญ รุ่งเรือง มีโชคลาภและ เงินทองไหลมาเทมา หน้าที่การงานมีความเจริญก้าวหน้า สำหรับการกราบไหว้บูชาพระอินทร์ สิ่งของที่ผู้คนนำมาถวาย พระอินทร์คือ ผลไม้ที่มีชื่อและสีเป็นศิริมงคล ซึ่งผลไม้ควรรองด้วยผ้าสีเขียวผู้ที่เกิดวันพุธ (กลางวันและกลางคืน) วัน ศุกร์ และวันอาทิตย์ หากบูชาพระอินทร์เป็นประจำจะทำให้เกิดพลังอำนาจในตัวเอง เป็นโบราณสถานที่มีมาก่อนสมัยสุโขทัยเคยเป็นที่ตั้งของเมืองสองแควเก่า ตาม ประวัติศาสตร์กล่าวว่าสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงสร้างพระวิหารและเสด็จออกผนวชที่วัดนี้ เมื่อ พ.ศ. 2007 เป็น เวลา 8 เดือน 15 วัน โดยมีข้าราชบริพาร ออกบวชตามเสด็จถึง 2,348 รูป มีโบราณสถานสำคัญคือ ปรางค์แบบขอม ขนาดย่อม ตามความเชื่อของคนโบราณ วัดจุฬามณีมีประตูไปสู่เมืองบาดาล ซึ่งเป็นที่อยู่ของพญานาค ตามประวัติ ยังกล่าวอีกว่า วัดจุฬามณี จังหวัดพิษณุโลก เป็นวัดต้องคำสาป เรื่องนี้จะเท็จจริงอย่างไรไม่ขอยืนยันแต่ในตำนานได้ กล่าวเช่นนั้นจริงๆ ที่มา จากหนังสือตำนานมหัศจรรย์ ภาพประกอบ จากอินเตอร์เน็ต
|