…..เมื่ออยู่ในฤดูทำนาและไม่มีงานเล่นดนตรีไทย หลวงปู่ฯ จะช่วยโยมยายและโยมตาทำนา ปีหนึ่งการทำนาประสบปัญหาน้ำฝนทิ้งช่วงประกอบกับการชลประทานยังไม่ดีเท่าเหมือนทุกวันนี้ทำให้ขาดน้ำจนน้ำไม่ไหลเข้านา โยมยายของท่านที่ชื่อ “ยายครอบ” และโยมตาที่ชื่อ “ตาโล่ห์” หมดหนทางที่จะพึ่งพาจึงพากันจุดธูปกลางทุ่งนาและบนบานศาลกล่าวว่า “ลูกช้างทั้งสองประสบปัญหาน้ำไม่เข้านาหมดที่พึ่งพาอาจน้ำยังไม่เข้าทุ่งนาคงไม่มีข้าวกินและคงไม่มีเงินเลี้ยงลูกหลานแน่ ลูกช้างขอพึ่งพาให้เทพเทวดาจงโปรดช่วยให้น้ำไหลเข้าทุ่งนาด้วย หากเทพยดาทั้งหลายอนุเคราะห์ให้พ้นจากภัยนี้ ลูกช้างทั้งสองจะให้หลานคนโตบวชให้เทพยดาเพื่อเป็นกุศลสร้างบารมี 15 วัน” หลังจากที่ “โยมยายครอบ” และ “โยมตาโล่” จุดธูปบนบานเทพเทวดากลางทุ่งนาได้ 2 วัน ปรากฏว่าฝนได้ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันหลายวันทำให้น้ำไหลบ่าเข้าท่วมทุ่งนาและเป็นผลทำให้โยมยายและโยมตาของหลวงปู่ฯ รอดพ้นจากปัญหาไปได้อย่างเหลือเชื่อ …..หลวงปู่ฯ ประกอบอาชีพทำนาและเล่นดนตรีมาหลายปี จนอายุล่วงเข้า 20 ปีบริบูรณ์ถึงวัยที่จะบวชพระได้ และห่างจากโยมยายและโยมตาได้บนบานไว้ประมาณ 1 ปี โยมยายกับโยมตาจึงปรึกษากับโยมพ่อและโยมแม่ของหลวงปู่ฯ ต้องการให้หลวงปู่ฯ บวชพระตามประเพณีนิยม แต่จะขอให้บวชเณรแก้บนก่อน ทั้งโยมพ่อและโยมแม่รวมทั้งหลวงปู่ฯ ไม่ขัดข้องแต่ประการใด หลวงปู่ฯ จึงได้บรรพชาเป็นสามเณรก่อนบวชพระเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน ซึ่งทำพิธีบรรพชา ณ วัดทำเลไทย โดยมีพระครูพิศาลสรกิจ (หลวงพ่อฟัก) เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้มาพักจำพรรษาที่วัดโปรดสัตว์ หลังจากที่หลวงปู่ฯ ได้บรรพชาเป็นสามเณรเพื่อแก้บนตามความประสงค์ของโยมตาและโยมยายเป็นเวลาประมาณ 1 เดือนแล้ว หลวงปู่ฯ ก็ได้เข้าสู่พิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุโดยมีพระครูพิศาลสรกิจ (หลวงพ่อฟัก) วัดทำเลไทย เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้จำพรรษาที่วัดโปรดสัตว์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา …..หลวงปู่ฯ เล่าให้ฟังว่าเดิมตั้งใจจะบวชตามประเพณีนิยมแค่ 1 พรรษาและพอจะสึกทีไรใจก็ไม่อยากจะสึกเป็นอย่างนี้หลายครั้งหลายหนจนไม่ได้สึกและบวชรับใช้พระพุทธศาสนาอยู่จนถึงทุวันนี้ หลวงปู่เล่าว่าฯ ผู้ที่มีบุญคุณที่ทำให้หลวงปู่ฯ สวดมนต์ได้รวดเร็วและสวดพระปาฏิโมกข์ได้ภายในพรรษาแรก คือ หลวงตาสร้อย หรือที่หลวงปู่ฯ เรียกว่าอาจารย์สร้อย ท่านเป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ด อายุตอนที่หลวงปู่ฯ บวชใหม่ ๆ ประมาณ 75 ปี อุปนิสัยของหลวงตาสร้อยท่านเป็นพระรักสันโดษชอบที่เงียบสัปปายะ ไม่ชอบที่พลุกพล่านและไม่ชอบวัดที่มีลาภสักการะมาก หลวงตาสร้อยท่านให้เหตุผลว่ามันวุ่นวาย เหตุที่หลวงปู่ฯ สวดมนต์ได้รวดเร็วเกิดจากวันหนึ่งหลวงปู่ฯ ในขณะนั้นเพิ่งบวชได้ไม่กี่วันไปยืนดูคนเล่นหมากรุกตรงท้ายกุฏิ และอาจารย์สร้อยเดินมาเห็นเข้า ท่านก็สะกิดให้หลวงปู่ฯ เดินตามออกมา พอเดินมาลับตาคน หลวงตาสร้อยก็ถามหลวงปู่ฯ ทันทีว่า “บวชมาเป็นพระนี้ อยากเป็นพระเก่งหมากรุกรึ บวชมาแล้วไม่อยากเป็นพระเก่งทางมนต์พิธี เก่งในทางสวดมนต์รึ” พอสิ้นเสียงอาจารย์สร้อย หลวงปู่ฯ พูดสวนไปว่า “แล้วเกี่ยวอะไรกับหลวงตาละ” อารมณ์ที่หลวงปู่พูดตอนนั้นเป็นเพราะโกรธและก็เดินออกมา ตอนหลังหลวงปู่ฯ คิดได้ว่าท่านหวังดี จึงได้ไปขอขมากับท่าน หลวงตาสร้อยก็สอนว่าบวชมาเป็นพระต้องถือวินัยเป็นสำคัญ จะทำอะไรเหมือนตอนเป็นคฤหัสถ์ไม่ได้ แม้จะไม่ผิดศีลแต่ถ้าทำแล้วเป็น “โลกวัชชะ” ทำแล้วถูกตำหนิติเตียนจากญาติโยมก็ไม่ควรทำ เพราะพระภิกษุได้ชื่อว่าเป็นผู้วางตัวเหมาะสม เราบวชแล้วต้องวางตัวให้เหมาะกับสมณะที่เราถืออยู่ …..หลังจากนั้นหลวงตาสร้อยก็ใช้อุบายท้าให้หลวงปู่ฯ สวดมนต์บทนี้บทนั้น โดยท้าให้สวดมนต์แข่งกับท่านจนหลวงปู่ฯ สามารถสวดมนต์ได้ทุกบทภายในระยะอันรวดเร็ว สุดท้ายอาจารย์สร้อยท่านก็ยอมรับและชมหลวงปู่ ว่าจำเก่งสวดมนต์ได้เร็ว และท่านก็มอบช้อนส้อมมาเป็นรางวัลคู่หนึ่งให้กับหลวงปู่ฯ ตอนหลังหลวงตาสร้อยมาบอกให้หลวงปู่ฯ สวดปาฏิโมกข์ เพราะหาคนสวดยากต้องเป็นคนมีบุญและจำเก่งเท่านั้นที่จะสวดได้ หลวงปู่ก็เริ่มหัดท่องหัดสวดโดยมีอาจารย์สร้อยเป็นผู้ทานคำสวดจนหลวงปู่สวดได้ภายในระยะเวลา 2 เดือนหลังจากที่บวชเป็นพระ หลังจากที่หลวงปู่สวดพระปาฏิโมกข์ได้ ทางพระอุปัชฌาย์ของหลวงปู่ฯ หรือหลวงพ่อฟัก วัดทำเลไท ก็ให้หลวงปู่ฯ สวดในพระอุโบสถ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา …..หลวงปู่ฯ เล่าให้ฟังว่าท่านได้เรียนวิชากับหลวงพ่อเขียวเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ตอนนั้นอายุท่าน 90 ปีปลาย ๆ ท่านเป็นพระที่อยู่วัดท้ายน้ำ จ.พิจิตร เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร หลวงพ่อเขียวเคยเดินธุดงค์พบกับหลวงพ่อฟัก ภายหลังบั้นปลายชีวิตของหลวงพ่อเขียวได้มาจำพรรษาที่วัดโปรดสัตว์โดยการชักชวนของหลวงพ่อฟัก ท่านมาจำพรรษาได้ไม่นานก็มรณภาพ หลังจากนั้นหลวงปู่ฯ ก็ได้ไปเรียนวิทยาคมกับหลวงพ่อบุญวัดช่างทอง และหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงปู่ฯ ได้ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าท่านไม่เคยพบกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ไม่เคยพบกับหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ และไม่เคยพบหรือเกี่ยวข้องกับเสด็จกรมหลวงชุมพร แต่อย่างไร เคยเรียนถามหลวงปู่ฯ ว่ารู้ไหมว่ามีการเขียนประวัติหลวงปู่ฯ เกินความจริง หลวงปู่ฯ ท่านตอบว่า “พวกที่ทำวัตถุมงคลมันเขียนเกินความเป็นจริง มันอยากขายของที่มันทำโดยไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ไม่รู้จักบุญบาป สมัยก่อนที่ฉันยังแข็งแรงก็มีพวกนี้มาขอทำโน้นทำนี้ ขอทำหนังสือทำประวัติของฉัน แต่ฉันไล่ไปหมด ฉันไม่อยากดังหรอก ฉันอยากเป็นพระธรรมดา” หมายเหตุ: 1. เหตุการณ์และรายชื่อบุคคลที่กล่าวมาเป็นคำบอกเล่าจากปากของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ หากผิดพลาดไม่ถูกต้องประการใดผมขออภัยและขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียว ทั้งนี้จะขอบพระคุณเป็นอย่างมากถ้ามีส่วนใดที่ผิดพลาดและกรุณาแจ้งให้ผมทราบโดยตรงเพื่อแก้ไขให้ถูกต้องต่อไป 2. มีสมาชิกบางท่านได้นำประวัติของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ โดยคัดลอกข้อมูลมาลงผิดไปจากเรื่องที่หลวงปู่ฯ เล่าให้ผมฟัง จึงขอนำข้อมูลที่ถูกต้องมาลง ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาเกียรติและชื่อเสียงของหลวงปู่ฯ และเพื่อเป็นหลักฐานหนึ่งว่าท่านไม่ได้เป็นคนให้ข้อมูลผิด ๆ อย่างนั้น หากมีคนสอบประวัติ และทาน พ.ศ. ของเหตุการณ์ต่าง ๆ จะว่าหลวงปู่ฯ มิได้ ….ขอความสุข ความรุ่งเรือง และความเจริญในธรรมจงมีแก่ศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่ฯ ทุกท่านครับ….. เขียนโดย : สมปองศิษย์หลวงพ่อทองหล่อ
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : ศิษย์หลวงปู่ทองหล่อวัดโปรดสัตว์ โพสโดยคุณ Weerasak Kwanmongkolpong
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆโดย : คุณ Art Bang Pa-In
|