ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1993
ตอบกลับ: 2
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เสือคน

[คัดลอกลิงก์]
◎วิชาเสือโคร่งคน◎


ไพฑูรย์ย้ำกับผู้เขียนเสมอว่า “คาถาอาคมเป็นของจริง” ผ่านกาลเวลามาเป็นเวลานาน จากขอมดำดินสมัยลพบุรีมาลอบสังหารพระร่วงเจ้าแห่งกรุงสุโขทัย จนถึงกรุงศรีอยุธยาที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงใช้พระโอษฐ์คาบพระแสงดาบปีนค่ายพระเจ้านันทบุเรงถูกทหารรักษาค่ายแทงสวนด้วยหอกทรงพลัดตกลงมาจากบันไดถึง 3 ครา แต่มิได้ทรงมีบาดแผลหรือทรงได้รับอันตราย


มาจนถึงวีรชนค่ายบางระจันพ่อจันหนวดเขี้ยวขี่ควายควงขวานต่อสู้กับพม่าข้าศึกที่ฟันแทงพ่อจันไม่เข้า ต้องใช้ตะลุมพุกทุบศีรษะจึงถึงแก่ความตาย ด้วยเหตุนี้ไพฑูรย์จึงสนใจเรียนวิชาอาวุธโบราณและคาถาอาคมต่างๆอย่างถึงแก่น ยิ่งมาเป็นนายทหารพระธรรมนูญตามความฝันด้วยแล้วไพฑูรย์ว่า “มันรู้สึกแกว่นกล้ายิ่งนัก” ผู้เขียนเคยท้วงว่า “แกร่งกล้ามากกว่ามั้งพี่ไพฑูรย์”


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-11-10 20:52 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


คำตอบคือ

“โบราณเขาใช้คำว่าแกว่น หมายถึง ไม่เคยกลัวใคร ลองมีสิบนิ้วเหมือนกันละก็อย่ามารังแกหรือหยามกัน หาไม่ก็ต้องเจอกันแบบศัตรูในการต่อสู้การเป็นศัตรูย่อมต้องยุ่ยกันไปข้างหนึ่ง ไม่ต้องค้านยุ่ยคือหนังไม่เหนียว”

ผู้เขียนเห็นว่าจะไปกันใหญ่พอดีเที่ยงเลยพาไปหาอะไรกินแถวสะพานวันชาติเพราะสำนักพิมพ์วัชรินทร์การพิมพ์ที่พิมพ์พระเครื่องประยุกต์ตั้งอยู่ที่สะพานวันชาติ (ปัจจุบันปิดกิจการไปแล้ว)

ไพฑูรย์เป็นผู้ที่มีลักษณะหวาดระแวงอยู่แล้วเป็นนิจ โดยเจ้าตัวบอกว่าติดมาจากการซอกซอนหลบหนีเงื้อมมือกฎหมายที่ตามล่าจนต้องระวังตัวอยู่เป็นประจำ แม้ออกจากคุกมาแล้วก็ต้องระวังการทำร้ายล้างแค้นจากวงศาคณาญาติของผู้ที่ไพฑูรย์เคยสังหาร แม้ยามเมื่อบวชเป็นพระก็ไม่เว้นถูกบุกเข้าหมายสังหารให้ตายคาผ้าเหลือง

ไพฑูรย์เล่าว่าในการแหกคุกครั้งสุดท้ายการตามล่าตามล้างของตำรวจเป็นไปอย่างเข้มงวดรวดเร็วเพราะหลวงอดุลทานไม่พอใจที่ไพฑูรย์กระโดดน้ำทั้งโซ่ตรวนขณะท่านคุมตัวมาทางเรือรูดโซ่ตรวนด้วยพระเวทสังข์ถ่วงต่อหน้าต่อตาท่าน จึงออกคำสั่งให้ล่าตัวมาให้ได้ไม่ว่าจะเป็นภาคไหนให้สายสืบออกตามลากคอมาเข้าบางขวางให้ได้ ส่วนคุณพระกล้ากลางสมรที่ท่านได้เป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ท่านก็สั่งให้ทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ร่วมกับตำรวจท้องที่ล่าตัวไพฑูรย์ให้จงได้เพราะเป็นนักโทษที่แหกคุกซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่เคยเกรงกลัวอาญา

ซ่องลับก็ถูกตำรวจพบสหายทั้ง 3 เตลิดหนีจากซ่องไม่กล้าไปนางเลิ้งเกรงพี่เสงี่ยมจะเดือดร้อนไปด้วย ไพฑูรย์จะไปเยาวราชก็ไม่ได้เพราะตำรวจกองปราบได้ไปพบตั้วเฮียแจ้งให้ทราบว่าการให้ที่พักพิงกับเสือไพฑูรย์เป็นความผิด หากสายรายงานว่าเสือไพฑูรย์เตลิดเข้าเยาวราชทางกองปราบจะร่วมกับตำรวจท้องที่บุกตะลุยเยาวราชทุกตารางนิ้ว

ตำรวจกองปราบทำงานได้ผลทางด้านจิตวิทยาเพราะรู้ดีว่าในเยาวราช  ณ  เวลานั้นทำอะไรกันอยู่ การที่ตำรวจให้ปกครองดูแลกันเองไม่เข้ามาตรวจค้นถือว่าเป็นการให้เกียรติแก่ตั้วเฮียและชาวจีนในเยาวราช ตั้วเฮียให้เถ้าแก่ไปแจ้งแก่แม่ดอกเหมยที่รักว่าห้ามรับไพฑูรย์มาหลบภัยเป็นเด็ดขาดเธอจึงต้องยอมทำตาม

สำหรับไพฑูรย์แล้วเสือไม่เคยจนตรอกเมื่อเมืองไทยอยู่ไม่ได้ก็หลบหนีไปให้พ้นจากแผ่นดินสยามแต่การจะออกจากแผ่นดินสยามนี่ซีต้องหาช่องทางให้ดีที่สุด เพราะช่องทางพรมแดนตำรวจจะส่งกำลังผลัดกันไปเฝ้า ต้องเดินเท้าเข้าไปตามป่าตามช่องทางที่พรานป่าเขาใช้กัน จะให้พรานช่วยก็ไม่ได้เพราะเกรงว่าเรื่องจะไปถึงหูตำรวจ



3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-11-10 20:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
คราวนั้นมุ่งไปยังเกาะลังกาวีในดินแดนมาเลเซียอีกครา หลังจากที่เคยแหกคุกจากเกาะตะรุเตาด้วยการคำนวณยามอุบากองของท่านโหรเลี่ยมที่นักโทษการเมืองให้ความนับถือเรียกว่า “อาจารย์เลี่ยม” จนติดปาก แต่ไปไม่ได้เพราะเพื่อนนักโทษหาเรือให้ไม่ได้อีกทั้งเป็นฤดูมรสุมไม่มีใครกล้าออกเรือ

ไพฑูรย์ลงมาถึงราชบุรีแล้วเข้านครปฐมไปไหว้หลวงพ่อแช่มวัดตาก้องก่อนออกเดินทางไปกาญจนบุรี ซ่อนตัวอยู่ 7 วันไม่ได้ออกไปไหน จนที่สุดเมื่อทุกอย่างเงียบเชียบไพฑูรย์จึงได้รับการนำทางจากพรานป้อเข้าไปสู่ประเทศพม่าทางด้านรถไฟสายมรณะอันเป็นช่องทางที่หากไม่ใช่พรานแล้วจะหลงทางตายในป่า พรานป้อเป็นพ่อของนักโทษชายหมื่นที่ต้องคำพิพากษาศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ให้จำคุกตลอดชีวิตที่ไปฆ่าลูกชายของกำนันอิทธิพลทั้งๆที่เป็นการป้องกันตัวเอง

แต่ด้วยตำรวจกับอัยการทำสำนวนมัดโดยสอบพยานทางฝ่ายโจทก์ส่วนทางฝ่ายจำเลยทำแบบเสียไม่ได้ ไพฑูรย์ช่วยเขียนฎีการ่วมกับทนายความที่เป็นสหายกันเมื่อไพฑูรย์เป็นนายทหารพระธรรมนูญ ช่วยหาหลักฐานใหม่มาสู้คดีจนในที่สุดศาลฎีกาตัดสินให้เป็นการป้องกันตัวลดโทษเหลือเป็นการจำคุก 20 ปี ทำให้นักโทษชายหมื่นบอกกับพ่อเมื่อตอนมาเยี่ยมที่บางขวางว่า

“ฝากอาจารย์ไพฑูรย์  พันธุ์เชื้องาม ด้วยหากเดือดร้อนไปพึ่งพาเพราะช่วยให้ผมได้รับการลดโทษลงมาเหลือ 20 ปี ถ้าอาจารย์ไม่ออกหน้าคงไม่มีโอกาส”

เมื่อไพฑูรย์ไปขอความช่วยเหลือพรานป้อจึงพาไปพักในป่ารอจนกว่าทางปลอดจะไปนำทางเข้าไปในพม่าทางด้านทางรถไฟสายมรณะ ครั้นได้เวลาปลอดพรานป้อจึงนำทางไพฑูรย์เข้าไปในพม่าซึ่งในตอนนั้นญี่ปุ่นเริ่มถอยร่นจากพม่า จีน และเกาหลีเพื่อรับมือกับสหรัฐอเมริกาด้านแปซิฟิก ทางรถไฟสายมรณะจึงไม่มีรถไฟวิ่งต่อเข้าไปในพม่ากลายเป็นรางร้าง เล่าลือกันว่าผีดุ เพราะมีการพูดเปรียบเทียบว่ากันว่าทุกไม้หมอนจะมีศพเชลยศึกที่เสียชีวิตนอนอยู่หนึ่งศพ

ตอนกลางดึกสงัดชาวบ้านป่าที่อยู่สองข้างทางรถไฟจะได้ยินเสียงคนทำงานส่งเสียงเอะอะเหมือนตอนที่สร้างรางรถไฟเชื่อกันว่าวิญญาณเชลยศึกที่เสียชีวิตระหว่างรางรถไฟออกมาสำแดงเดชเพราะศพเชลยศึกนิรนามอีกหลายร้อยศพมิได้รับการค้นพบและนำมาฝังไว้ในสุสานเชลยศึกนิรนามเมืองกาญจนบุรี

พรานป้อเป็นพรานอายุรุ่นราวคราวเดียวกับบิดาของไพฑูรย์ เป็นพรานจอมขมังเวทคนหนึ่งสอนคาถาให้ไพฑูรย์หลายบท การเลือกทำเลพักนับว่าเป็นยอด จะนอนที่ใดจะร่ายพระเวทสะกดไพรมิให้สัตว์ร้ายมากล้ำกรายได้เลย โดยเฉพาะเสือโคร่งในเขตพม่าน่ากลัวมาก ตัวใหญ่และดุร้าย พรานป้อบอกว่าเสือธรรมดาไม่น่ากลัวแต่เสือที่เกิดจากคนที่กลายร่างเป็นเสือเรียกว่า “เสือโคร่งคน” น่ากลัวกว่า วิชานี้ตกทอดกันมาในหมู่ชาวพม่าที่นับถือคาถาอาคม เสืออาคมหากทำผิดครูแล้วละก็จะเกิดภัยแก่ตัวเอง

การผิดครูหรือที่เรียกกันเป็นภาษาไทยว่า “คะลำ” ผู้นั้นจะกลายเป็นเสือในวันแรม 15 ค่ำอันเป็นวันเดือนดับ  (อวมาสี) ออกหาสัตว์หรือคนกิน ตอนกลายร่างเป็นเสือจะไม่รู้สึกตัวครั้นก่อนรุ่งสางจะกลับเป็นคน มีคราบเลือดติดปากติดมือและส่วนต่างๆของร่างกายได้แต่เสียใจแต่ทำอะไรไม่ได้สายไปเสียแล้ว

พรานป้อบอกว่าทุกวันนี้มีเสือโคร่งคนเหลืออยู่เพียงตัวเดียวชื่อ ตุนวิน หากินอยู่ใน         ระแวกพรมแดนไทยพม่าที่เรากำลังเดินทางอยู่นี่แหละ พรานป้อบอกว่าทุกวันเดือนดับตุนวินจะ กลายร่างออกอาละวาดฆ่าฟันสัตว์และคนเป็นอาหาร พรานป้อบอกว่าตุนวินเป็นพรานเหมือนกันจึงมีสัญชาตญาณผิดกับเสือโคร่งแท้ๆในการหนีอันชาญฉลาดกับการย้อนรอยพรานระหว่างการล่า

พรานป้อบอกว่าเสืออาคมจะคำรามไม่เหมือนเสือทั่วไปแต่จะเพี้ยนเหมือนเสียงคนเราเลียนแบบเสียงเสือแห้งๆไม่มีความกังวานหรืออำนาจอยู่ด้วย  ไพฑูรย์นอนะวังตัวได้ยินเสียงคำรามของเสือจึงสะกิดพรานป้อๆตื่นเงี่ยหูฟัง พอเสือคำรามอีกครั้งพรานป้อก็มีสีหน้าไม่ดีกระซิบบอกไพฑูรย์ว่า

“เตรียมตัวให้พร้อมอย่าตื่นเต้นตกใจ นั่นแหละมันล่ะไอ้ตุนวิน วันนี้เป็นวันเดือนดับพอดีเชียว ผมมาหลายเที่ยวไม่เคยเจอ แต่วันนี้คุณไพฑูรย์แปลกหน้ามามันจึงผิดกลิ่นออกมาลองดี เอาละเอาอย่างนี้ ตอนนี้กองไฟหรี่แสงลงแล้วปล่อยไว้อย่างนั้นแหละไม่ต้องไปซุนหรือเติมฟืนไม่ต้องลุกขึ้นให้ผิดสังเกต เตรียมปืนให้พร้อม ค่อยๆพลิกตัวคว่ำแล้วเสือกตัวไปข้างหน้าไปหาโคนไม้ใหญ่โน่นพลิกตัวกลับเสือกตัวบังต้นไม้ อย่าผลีผลามยิงให้ผมยิงก่อนแล้วคุณซ้ำเข้าไปอีกที”

ไพฑูรย์เล่าว่าเป็นปืนลูกซองเดี่ยวตราเสือแบบลูกโดดในมือของลุงป้อถูกประทับบ่าเล็งไปทางกองไฟที่ค่อยๆหรี่แสงลง ลมพัดมาวูบหนึ่งกลิ่นสาบเสือลอยมากระทบจมูก เสียงพรานป้อกระซิบเตือนว่า “อย่าขยับตัวนะคุณไพฑูรย์”

ทันใดนั้นเสียงคำรามเลียนแบบเสือแห้งๆดังขึ้นติดกันสามครั้ง ร่างของเสือโคร่งลายพาดกลอนวิ่งผ่านข้างกองไฟพอได้ระยะจึงกระโดดลอยตัวเข้าหาพรานป้อที่ประทับปืนเตรียมอยู่แล้วลั่นไกใส่ทันที

“ตั้ม บึ้ม บึ้ม บึ้ม โครก โครก บั้ก”

ตั้มเป็นสียงปืนจากอีเดี่ยวตราเสือในมือพรานป้อแผดเสียงคำรามก่อน ตามด้วยปืนพกในมือของไพฑูรย์ติดต่อกันสามนัด เห็นชัดเลยว่าอีเดี่ยวระเบิดกระสุนลูกโดดทะลวงร่างของเสือที่พุ่งเข้ามาอย่างจัง ติดตามด้วยลูกปืนของไพฑูรย์ จนหล่นลงกระแทกพื้นจากนั้นจึงกระโดดหนีไปด้านข้าง เสียงพรานป้อกระซิบว่า ไม่ต้องตามรอสว่างก่อนตอนนี้กลับไปเติมฟืนไห้สว่างก่อน เดี๋ยวเสือจริงมาจะยุ่งกันใหญ่

รุ่งอรุณวันใหม่หลังจากจัดการอาหารเช้าแล้วลุงป้อดับกองไฟเดินไปดูรอยเลือดที่หยดอยู่บนพื้นชายป่าแล้วบอกไพฑูรย์ว่า

“ออกเดินทางกันได้แล้ว มีหมู่บ้านข้างหน้าเดี๋ยวก็รู้ว่าเป็นอย่างไร”

ไปถึงหมู่บ้านผู้คนกำลังโกลาหล ลุงป้อเข้าไปสอบถามเป็นภาษาพม่ากับคนที่ท่าทางเป็นหัวหน้าหมู่บ้านว่าเกิดอะไรขึ้นพอได้คำตอบแล้วจึงหันมาบอกกับไพฑูรย์ว่า

“เรียบร้อย ไอ้ตุนวินจอดสนิท เดี๋ยวเราไปดูกันว่าเป็นอย่างไร”
ร่างของตุนวินนอนหงายเหยียดยาวอยู่ที่พื้นดินหน้ากระท่อมพัก ที่หน้าอกด้านซ้ายมีรูกระสุนปืนลูกซองแบบลูกโดดทะลวงเข้าไปเป็นรูโบ๋ ตามด้วยกระสุนปืนพกของไพฑูรย์ ไพฑูรย์บอกว่าที่น่ากลัวที่สุดคือมือซ้ายของตุนวินกลับเป็นอุ้งตีนเสือ ลุงป้อบอกกับผมว่า

“เจ้าตุนวินมันกลายร่างเป็นคนแต่ไม่ทันหมดก็สิ้นใจก่อนจึงเหลือมือซ้ายเป็นอุ้งตีนเสือ”

ลุงป้อกล่าวคำอำลาหัวหน้าหมู่บ้านเตรียมเดินทางต่อระหว่างทางลุงป้อบอกว่า

“หัวหน้าหมู่บ้านบอกว่าขอบคุณที่ช่วยกำจัดเสือโคร่งคนให้เพราะพวกชาวบ้านไม่กล้า”

ไพฑูรย์ถามพรานป้อว่าทำไมเสือโคร่งคนจึงไม่ทนกระสุนลุงป้อหัวหึๆก่อนจะตอบว่า

“มันเป็นเคล็ด ผมเอาลูกโดดไปคลุกกับน้ำใบสาบเสือคั้นเสกด้วยหัวใจเสือโคร่งว่า โอมพยัคโฆนะโมพุทธายะซ้ำเสือคนมันแพ้ใบสาบเสือครับคุณไพฑูรย์”

(กลับมาเเล้วครับ)

https://www.youtube.com/watch?v=KxyOA3i3V8w หลักการภาวนาตอนที่1
https://www.youtube.com/watch?v=4Xb3AzxUB8Q หลักการภาวนาตอนที่2

สำหรับแฟนเพจที่สงสัยว่าคาถาอาคมไสยศาสตร์นั้นเป็นเรื่องงมงายเหนือธรรมชาติโปรดฟังพระอาจารย์ท่านบรรยายครับเมื่อฟังจบเเล้วจะรู้ได้ทันทีว่า ไม่ใช่เรื่องที่เกินไปกว่าจิตมนุษย์ทำได้เลย แม้เเต่พระพุทธเจ้าเองท่านก็ยังเคยใช้ไสยศาสตร์ครั้นเมื่อท้าวจตุโลกบาลทั้ง4ได้นำบาตรทั้ง4ใบมาถวายพระองค์จะรับของใครคนใดคนหนึ่งไว้ก็เกรงที่เหลือจะน้อยใจจึงทรงอธิษฐานด้วยพระคาถาว่า ''จัตตาโร ยะถา ปัตโต เอโก ปัตโต อธิษฏฐามิฯ''   

อธิษฐานให้บาตรทั้ง4รวมเป็นใบเดียว   ไม่ว่าใครๆก็เคยใช้ไสยศาสตร์มาด้วยกันทั้งนั้นบางคนไม่เชื่อในไสยศาสตร์แต่กลับใช้ไสยศาสตร์โดยไม่รู้ตัวก็มี ดังเช่นว่า เมื่อท่านกราบพระสวดมนต์ภาวนาเพื่อให้จิตสงบจากกิเลสทั้งหลายโดยไม่หวังผลอะไรนั้นเรียกว่าการอบรมจิต  หากท่านสวดมนต์ภาวนาทั้งหลายโดยหวังผลตอบเเทนจากการกระทำนั้นจะกลายเป็นท่านใช้ไสยศาสตร์ทันที ไปไหว้พระขอให้ถูกหวย ขอให้อายุยืน ขอให้แคล้วคลาด ขอรวย ฯลฯโดยที่ท่านหวังผลประโยชน์สิ่งตอบเเทนทุกสิ่งเรียกว่าไสยศาสตร์

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้