ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 14351
ตอบกลับ: 62
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

"ป้อม"เล่าเรื่อง

[คัดลอกลิงก์]
  ผ่านมานานแล้ว แต่ผมเองก็ยังม่ายรู้จะหาอะไรมาลงดี พอดีพี่ศร มาถามเรื่องกระทู้เก่านี้ ก็เลยได้ฉุกคิดขึ้นมา งั้นผมขอเปิดกระทู้ "ป้อม"เล่าเรื่อง ด้วย


"แม่ธรณี"

พระแม่ธรณี หรือ แม่พระธรณี หรือ พระศรีวสุนธรา เป็นเทพีแห่งพื้นแผ่นดิน ปรากฏในตำนานทั้งศาสนาพราหมณ์, ฮินดู และพุทธศาสนา
ในคติของศาสนาฮินดูให้ความเคารพนับถือว่าแผ่นดินเป็นสิ่งค้ำจุนสรรพสิ่งทั้งปวงในโลกเปรียบเสมือนมารดาผู้ให้กำเนิดหล่อเลี้ยงโลกและแผ่นดิน จึงได้รับยกย่องว่าเป็นเทพจากธรรมชาติองค์หนึ่งเป็นเพศหญิง เรียกนามว่า "ธรณิธริตริ" แปลว่า "ผู้ค้ำจุนพระธรณี" แม้จะมิค่อยมีรูปเคารพอย่างแพร่หลายเช่นเทพองค์อื่นแต่ก็มีผู้ให้ความเคารพนับถือเป็นจำนวนมิใช่น้อย เพราะถือกันว่าพระธรณีสถิตย์อยู่ตามที่ต่าง ๆ ทุกหนทุกแห่ง จะทำการบูชาด้วย ข้าว ผลไม้ และนมด้วยการวางไว้บนก้อนหิน หรือประพรมลงบนพื้นดิน บางแห่งใช้เหล้าเป็นการสังเวยก็มี นอกจากนี้ชาวฮินดูยังมีการขอขมาลาโทษเมื่อจะวางเท้าลงบนพื้นดินก่อนจะลุกขึ้นในตอนเช้า วัวหรือควายที่มีลูกก่อนที่จะให้ลูกกินนมครั้งแรก เจ้าของจะปล่อยน้ำนมของแม่วัวลงบนพื้นดินเสียก่อนทุกครั้งไป ถ้าเป็นพวกชาวนาก็จะขอให้พระธรณีช่วยคุ้มครองผืนนาและวัวควาย แม้ในพระเวทก็มีการขอร้องต่อพระธรณีให้ช่วยพิทักษ์คุ้มครองวิญญาณของคนตาย และต่อมาได้นับถือว่าเป็นเทพแห่งไร่นาด้วย ในแคว้นปัญจาบเชื่อกันว่าพระธรณีจะนอนหลับเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ของทุก ๆ เดือนชาวไร่ชาวนาจะหยุดไม่ทำงานในระยะนี้
เทพแห่งแผ่นดินหรือพระธรณี ไม่ค่อยมีเรื่องราวประวัติความเป็นมาปรากฏมากมายดังเช่นเทพองค์อื่น หรือมีก็สับสน เช่น บางแห่งว่าพระธรณีมีโอรสกับพระนารายณ์องค์หนึ่งคือพระอังคาร บางแห่งว่าพระอังคารเป็นโอรสของพระศิวะกับพระธรณี หรือในคติพราหมณ์พบเพียงว่าเป็นชายาของพระธุรวะหรือดาวเหนือ


เทพแห่งแผ่นดินหรือพระธรณี ไม่ค่อยมีเรื่องราวประวัติความเป็นมาปรากฏมากมายดังเช่นเทพองค์อื่น หรือมีก็สับสน เช่น บางแห่งว่าพระธรณีมีโอรสกับพระนารายณ์องค์หนึ่งคือพระอังคาร บางแห่งว่าพระอังคารเป็นโอรสของพระศิวะกับพระธรณี หรือในคติพราหมณ์พบเพียงว่าเป็นชายาของพระธุรวะหรือดาวเหนือ
ในพุทธศาสนา พระแม่ธรณีปรากฏกายเพื่อบีบน้ำจากมวยผมให้ท่วมพญามารที่รังควานสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในคืนวันตรัสรู้ ดั่งรายละเอียดตามพระนิพนธ์ในสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรสว่า



ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-27 15:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


แต่ในชาติอาตมะเป็นพระยาเวสสันดรชาติเดียวนั้น ก็ได้บำเพ็ญทานบารมีถึงบริจาคนางมัทรีเป็นอวสาน พื้นพสุธาก็กัมปนาการถึง 7 ครั้ง แลกาลบัดนี้ อาตมะนั่งเหนืออปราชิตบัลลังก์อาสน์ หมู่มารอริราชมาแวดล้อมยุทธการเป็นไฉนแผ่นพสุธาธารจึงดุษณีภาพอยู่ฉะนี้ แลพระยามารอ้างบริษัทแห่งตนให้เป็นกฎสักขีขานคำมุสา แลพื้นปฐพีอันปราศจากเจตนาได้สดับคำอาตมะในครั้งนี้จงรับเป็นสักขีพยานแห่งข้า แล้วเหยียดพระหัตถ์เบื้องขวาอันประดับด้วยจักรลักษณะอันงามดุจงวงไอยรารุ่งเรืองด้วยพระนขามีพรรณอันแดงดุจแก้วประพาฬออกจากห้องแห่งจีวร ครุวนาดุจวิชุลดาในอัมพรอันออกจากระหว่างห้องแห่งรัตวลาหก ยกพระดัชนีชี้เฉพาะพื้นมหินทรา จึงออกพระวาจาประกาศแก่นางพระธรณีว่า ดูก่อนวนิดาดลนารี ตั้งแต่อาตมะบำเพ็ญพระสมภารบารมีมาตราบเท่าถึงอัตภาพเป็นพระเวสสันดรราช ได้เสียสละบุตรทานบริจาคแลสัตตสดกมหาทานสมณะพราหมณาจารย์ผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งจะกระทำเป็นสักขีพยานในที่นี้ก็มิได้ มีแต่พสุนธารนารีนี้แลรู้เห็นเป็นพยานอันใหญ่ยิ่ง เป็นไฉนท่านจึงนิ่งมิได้เป็นพยานอาตมาในกาลบัดนี้
ในขณะนั้น นางพสุนธรีวนิดาก็มิอาจดำรงกายาอยู่ได้ ด้วยโพธิสมภารานุภาพยิ่งใหญ่แห่งพระมหาสัตว์ ก็อุบัติบันดาลเป็นรูปนารี ผุดขึ้นจากพื้นปฐพียืนประดิษฐานเฉพาะพระพุทธังกุรราช เหมือนดุจร้องประกาศกราบทูลพระกรุณาว่าข้าแต่พระมหาบุรุษราช ข้าพระบาททราบซึ่งสมภารบารมีที่พระองค์สั่งสมอบรมบำเพ็ญมา
แต่น้ำทักษิโณทกตกลงชุ่มอยู่ในเกศาข้าพระพุทธเจ้านี้ ก็มากกว่ามากประมาณมิได้ ข้าพระองค์จะบิดกระแสใสสินโธทกให้ตกไหลหลั่งลง จงเห็นประจักษ์แก่นัยนาในครานี้ แลนางพระธรณีก็บิดน้ำในโมลีแห่งตน อันว่ากระแสชลก็หลั่งไหลออกจากเกศโมลีแห่งนางพสุนธรีเป็นท่อธารมหามหรรณพ นองท่วมไปในประเทศที่ทั้งปวงประดุจห้องมหาสาครสมุทร พระผู้เป็นเจ้ารักขิตาจารย์จึงกล่าวสารพระคาถาอรรถาธิบายความก็เหมือนนัยกล่าวแล้วแต่หลัง
ครั้งนั้น หมู่มารเสนาทั้งหลายมิอาจดำรงกายอยู่ได้ ก็ลอยไปตามกระแสน้ำปลาตนาการไปสิ้น ส่วนคิรีเมขลคชินทรที่นั่งทรงองค์พระยาวัสวดีก็มีบาทาอันพลาดมิอาจตั้งกายตรงอยู่ได้ ก็ลอยตามชลธารไปตราบเท่าถึงมหาสาคร อันว่าระเบียบแห่งฉัตรธวัชจามรทั้งหลาย ก็ทักทบท่าวทำลายล้มลงเกลื่อนกลาดและพระยามาราธิราชได้ทัศนาการเห็นมหัศจรรย์ ดังนั้น ก็บันดาลจิตพิศวงครั่นคร้ามขามพระเดชพระคุณเป็นอันมาก พระคันถรจนาจารย์จึงกล่าวพระคาถาสรรเสริญคุณานุภาพโพธิสัตว์อรรถาธิบายความก็ซ้ำหนหลัง
ครั้งนั้นมหาปฐพีก็ป่วนปั่นปานประหนึ่งว่าจักรแห่งนายช่างหม้อบันลือศัพท์นฤนาทหวาดไหวสะเทือนสะท้าน เบื้องบนอากาศก็นฤโฆษนาการ เสียงมหาเมฆครืนครั่นปิ่มปานจะทำลายภูผาทั้งหลาย มีสัตตภัณฑ์บรรพต เป็นต้น ก็วิจลจลาการขานทรัพย์สำเนียงกึกก้องทั่วทั้งท้องจักรวาล ก็บันดาลโกลาหลทั่วสกลดังสะท้าน ปานดุจเสียงป่าไผ่อันไหม้ด้วยเปลวอัคคี ทั้งเทวทุนทุภีกลองสวรรค์ก็บันลือลั่นไปเอง เสียงครืนเครงดุจวีหิลาชอันสาดทิ้ง ถูกกระเบื้องอันเรืองโรจน์ร้อนในกองอัคนี การอัสนีบาตก็ประหารลงเปรี้ยง ๆ เพียงพื้นแผ่นปฐพีจะพังภาคดังห่าฝน ถ่านเพลิงตกต้องพสุธาดลดำเกิงแสงสว่างหมู่มารทั้งหลายต่าง ๆ ตระหนกตกประหม่า กลัวพระเดชานุภาพแพ้พ่าย แตกขจัดขจายหนีไปในทิศานุทิศทั้งปวงมิได้เศษ แลพระยามาราธิราชก็กลัวพระเดชบารมี ปราศจากที่พึ่งที่พำนักซ่อนเร้นให้พ้นภัยหฤทัย ท้อระทดสลดสังเวชจึงออกพระโอษฐ์สรรเสริญพระเดชพระคุณพระมหาบุรุษราชว่า ดังอาตมาจินตนาการอันว่าผลทานศีลสรรพบารมีแห่งพระสิทธัตถกุมารนี้ ปรากฏอาจให้บังเกิดมหิทธฤทธิ์สำเร็จกิจมโนรถปรารถนาทุกประการ มีพระกมลเบิกบานแผ่ไปด้วยประสาทโสมนัส จึงทิ้งเสียซึ่งสรรพาวุธประนมหัตถ์ทั้ง 2,000 อัญชลีกรนมัสการ ก็กล่าวสารพระคาถาว่า นโม เต ปุริสาชญญ เป็นอาทิ อรรถาธิบายความว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ปุริสาชาไนยชาติเป็นอุดมบุรุษราชในโลกนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายวันทนาการชุลีพร้อมด้วยทวารทั้ง 3 คือกายวจีมโนประณามประณตในบทบงกชยุคลบาท บุคคลผู้ใดในมนุษย์โลกธาตุกับทั้งเทวโลก ที่จะปูนเปรียบประเสริฐเสมอพระองค์คงเทียมเทียบนั้นมิได้มี พระองค์ได้ตรัสเป็นพระศรีสรรเพชญ์เสร็จแจ้งจตุราริยสัจจ์ศาสดาจารย์มีพระเดชครอบงำชำนะหมู่มาร เป็นปิ่นปราชญ์ฉลาดในอนุสัยแห่งสรรพสัตวโลกจะข้ามขนนิกรเวไนย์ให้พ้นจตุรโอฆกันดารบรรลุฝั่งฟากอมฤตมหานฤพานอันเกษมสุขปราศจากสังสารทุกข์ในครั้งนี้ แลพระยาวัสวดีมารโถมนาการพระคุณพระมหาบุรุษราชด้วยจิตประสาทเลื่อมใส ผลกุศลนั้นจะตกแต่งให้ได้ตรัสแก่พระปัจเจกโพธิญาณในอนาคตกาลภายหน้า เมื่อพระยามารกล่าวสัมภาวนากถาสรรเสริญคุณพระโพธิสัตว์ แล้วก็นิวัตตนาการสู่สกลฐานเทวพิภพ

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-27 15:57 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระแม่ธรณีภาคอินเดียใต้



พระธฤติมาตามหาเทวี{พระธรณี}


พระธรณีเป็นเทพมารดาแห่งโลก เพราะเป็นผู้ที่มีคุณต่อสรรพชีวิตบนโลกนี้ที่ต้องอาศัยคุณของแม่พระธรณี ในศาสตร์ทางจิตเกือบทั่วทุกมุมโลกล้วนคำนึงถึงพลังจากปถพีนี้เสมอมา แม้ในพระพุทธศาสนาที่ว่าด้วยหลักการและเหตุผลก็ยังกล่าวอ้างถึงดังปรากฏในปฐมสมโพธิญาณ ตอนพระสิทธัตถะบำเพ็ญจิตเพื่อบรรลุพระโพธิญาณ แล้วถูกพญามารตามผจญก็อธิษฐานแม่พระธรณีเป็นพยานในบุญบารมีที่ทรงบำเพ็ญมาเอนกชาติจนชนะหมู่มารในที่สุดคุณแม่พระธรณีในทางพระเวทจึงถือเป็นจุดเริ่มต้นและจุดสูงสุดของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกประการ



พระแม่ธรณีเทพีผู้รักษาแผ่นดินโลก



พระแม่ธรณี เป็นเทพีที่ยิ่งใหญ่ เปรียบเสมือนมารดาของโลก ท่านได้โอบอุ้มพืนปฐพีและอุ้มชูสัตว์โลกมนุษย์ทั้งหลาย ท่านถือความสันโดษ มักบำเพ็ญตบะ ตำนานครั้งยิ่งใหญ่ของท่าน

  

ในกาลครั้งหนึ่งครั้นเมื่อเจ้าชาย
"สิทธัตถะ"กำลังเข้าถึงปรินิพาน แต่กาลนั้นได้มีหมู่พญามารมาสะกัดกั้นไว้ด้วยเดชะบุญของพระพุทธเจ้าได้สั่งสมมาสิบชาติ จึงทำให้พระแม่ธรณีได้หยั่งรู้ทุกอย่างของท่าน ครั้งนั้นพญามารได้มีเจตนาจะยึดครองบัญลังค์ แต่ด้วยความมี"สติปัญญาและความปรีชาญาณของสมโพธิญาณนั้น ท่านจึงนึกถึงแม่พระธรณี จึงเอาดัชนีจี้ลงสู่พื้นธรณีเพื่อให้ พระแม่มาเป็นสักขีพยาน

      

จากนั้นพระแม่ธรณีได้ปรากฎพระองค์ขึ้นมาจากพื้นดิน ซึ่งเป็นเทพีที่งดงามมาก มีทรวดทรงอรชรสวยงามมีเกษาที่ยาวโดดเด่นและเต็มเปลี่ยมไปด้วยพลังแห่งอำนาจมาก จากนั้นพระแม่ได้ตรัสต่อหน้าพระพุทธเจ้าว่าจะเป็นสักขีพยานในกาลสำเร็จทั้งปวงและได้ตรัสกับพวกพญามารทั้งหลาย จากนั้นท่านได้หลั่งน้ำสิโนฑก ที่พระพุทธเจ้าได้สั้งสมบุญ ญาณ บารมี จากอดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ



น้ำที่หลั่งออกมาจากมวยผมของพระแม่ธรณีซึ่งมากมายไม่ขาดสายจน ท่วมท้น หลั่งล้น จนทำให้พญามารทั้งหลายได้พ่ายแพ้หนีไป และยอมแพ้ เจ้าชาย "สิทธัตถะ"
จึงได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน  และด้วยอำนาจและพลังแห่งพระแม่ธรณีจึงทำให้ปราบพญามารได้สิ้นทราก



พระแม่ธรณีท่านมีหลายภาคแต่ละภาคขึ้นอยู่กับศาสนาและประเทศไม่ว่าจะประเทศไหนก็จะมีพระแม่ธรณีทุกที่ยกตัวอย่างเช่น ภาคอินเดียใต้พระแม่ธรณีจะมีรูปร่างกำยำ มีใบหน้าสวยงามมากในแบบฉบับอินเดีย ปล่อยผมสยายยาวเต็มเปี่ยมด้วยพลังแห่งอำนาจอีกภาคคือ ภาคธรณีสูบ ภาคนี้เป็นภาคที่ดุมากคล้ายกับพระแม่กาลีก็ว่าได้ เพราะภาคนี้ท่านสูบคนชั่วและหมู่มารทั้งหลาย ใครทำดีท่านคุ้มครองใครทำชั่วแม่ท่านจะมีวิธีสูบให้สิ้น ในภาคอินเดียใต้ พระแม่ธรณีจะมีพาหะนะเป็นสิงโตซึ่งสิงโตดุร้ายมากแต่จะเมตตาแต่ผู้ที่ทำดี อาวุธท่านมีมากมาย มีแปดพระกร เฉกเช่นพระแม่ทุรคา(พระแม่อุมาเทวี)อาวุธจะคร้ายครึงกัน



ภาพ:montradevi

ตามลำตัวของพระแม่ธรณี(ภาคอินเดียใต้)จะเต็มเปี่ยมไปด้วยมหาเทพเทวะ-มหาเทพเทวี เพราะถือว่าพระแม่เป็นจุดศูนย์กลางการเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์ไปยังสวรรค์ เทพเทวดาจะต้องพึ่งพาพระแม่ธรณีเพื่อเป็นจุดศูนย์กลางและจุดศูนย์รวม และเพื่อการมาประชุมกัน ที่สำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้ท่านเป็นสักขีพยานต่างๆ



ในสมัยพระเวท มีคัมภีร์กล่าวว่าพระสวามีของพระแม่ธรณีคือ พระทยาอุส ซึ่งเป็นผู้ครองฟ้าเก่าสุดของศาสนาพราหมณ์ มีโอรสทั้งสองพระองค์คือ "พระอินทร์และพระอัคนี



คาถาบูชาพระแม่ธรณี

“ตัสสาเกษีสะโต ยะถาคงคา โสตังปะวัตตันติ มาระเสนา ปฏิฐาตุง อาสักโภนโต ปะลายิงสุปาริมานานุภาเวนะมาระ เสนาปะราชิตาทิโส ทิสัง ปะลายันติ วิทังเสนติอะเสสะโต”

อย่างน้อย ๓ จบ



โดยมนต์ตราเทวี
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-27 16:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-27 16:25 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
อีก1ละครไทยที่ชื่นชอบ


ตัวละครขุนช้าง ขุนแผน


  ขุนแผน



ขุนแผน เดิมชื่อพลายแก้ว มีรูปร่างหน้าตางดงามคมสัน สติปัญญาเฉลียวฉลาด นิสัยเจ้าชู้ มีดาบฟ้าฟื้นเป็นอาวุธประจำตัว พาหนะคู่ใจคือ ม้าสีหมอก พ่อเป็นทหารชื่อ ขุนไกรพลพ่าย แม่ชื่อ นางทองประศรี ได้บวชเณรและเรียนวิชาที่วัดส้มใหญ่ แล้วย้ายไปเรียนต่อที่วัดป่าเลไลย สุดท้ายไปเป็นศิษย์สมภารคง วัดแค จนมีความรู้ทางโหราศาสตร์ ปลุกผี อยู่ยงคงกระพัน คาถามหาละลวยทำให้ผู้หญิงรัก ตลอดจนวิชาจากตำรับพิชัยสงคราม และยังมีความสามารถเทศน์ได้ไพเราะจับใจอีกด้วย ต่อมาสึกจากเณรแล้วแต่งงานกับนางพิมพิลาไลย ไม่นานก็ถูกเรียกตัวไปเป็นแม่ทัพรบกับเชียงใหม่ ครั้นได้ชนะกลับมาก็ได้เป็นขุนแผนแสนสะท้าน แต่ปรากฏว่าภรรยาแต่งงานใหม่แล้ว ขุนแผนต้องโทษถูกจำคุกถึง ๑๕ ปี จึงพ้นโทษ และทำสงครามกับเชียงใหม่อีกครั้ง เมื่อชนะกลับมาก็ได้ตำแหน่งเป็นพระสุริทรฤาไชย เจ้าเมืองกาญจนบุรี
ขุนแผนเจ้าชู้มากจึงมีภรรยาหลายคน คือ
             นางวันทอง                  มีลูกด้วยกัน คือ พลายงาม
            นางลาวทอง                   -
            นางแก้วกิริยา               มีลูกด้วยกัน คือ พลายชุมพล
            นางสายทอง                  -
            นางบัวคลี่                    มีลูกเป็น กุมารทอง

ขุนช้าง



“จะกล่าวถึงขุนช้างเมื่อรุ่นหนุ่ม          หัวเหมือนนกตะกรุมล้านหนักหนา
เคราคางขนอกรกกายา        หน้าตาดังลิงค่างที่กลางไพร”
          ขุนช้าง มีลักษณะรูปชั่วตัวดำ หัวล้านมาแต่กำเนิด นิสัยเจ้าเล่ห์เพทุบาย ได้ชื่อว่าขุนช้างเพราะตอนคลอดนั้น มีผู้นำช้างเผือกมามอบให้สมเด็จพระพันวษา พ่อชื่อ ขุนศรีวิชัย แม่ชื่อ นางเทพทอง มีฐานะร่ำรวยมาก แม้จะเกิดมาเป็นลูกเศรษฐี แต่ก็อาภัพ ถูกแม่เกลียดชังเพราะอับอายที่มีลูกหัวล้าน จึงมักถูกแม่ด่าว่าอยู่เสมอ และไม่ว่าจะเดินไปทางใด ก็จะเป็นที่ขบขันล้อเลียนของชาวบ้านทั่วไปเสมอ พอเป็นหนุ่มก็ได้นางแก่นแก้ว เป็นภรรยา อยู่ด้วยกันได้ปีกว่านางก็ตาย จึงหันมาหมายปองนางพิมพิลาไลย แต่งงานกับนางสมใจปรารถนา



6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-27 16:31 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
นางวันทอง








         นางพิมพิลาไลย เป็นหญิงรูปงาม แต่ปากจัด พ่อชื่อ พันศรโยธา แม่ชื่อ นางศรีประจัน ต่อมารได้แต่งงานกับพลายแก้ว ซึ่งภายหลังมีลูกชายด้วยกัน คือ พลายงาม ครั้นพลายแก้วไปทำสงคราม นางก็ป่วยหนักรักษาเท่าไรก็ไม่หาย ขรัวตาจู วัดป่าเลไลย ตรวจดูดวงชะตาและแนะนำให้เปลี่ยนชื่อเป็น นางวันทอง อาการไข้จึงหายต่อมานางถูกแม่บังคับให้แต่งงานใหม่กับขุนช้าง นางต้องถูกประณามว่าเป็นหญิงสองใจ เมื่อมีคดีฟ้องร้องถึงสมเด็จพระพันวษา และพระองค์ให้นางเลือกว่าจะอยู่กับใคร แต่นางตัดสินใจไม่ถูกจึงถูกสั่งให้ประหารชีวิต

นางสายทอง



            
           นางสายทอง เป็นพี่เลี้ยงของนางพิมพิลาไลย ได้เลี้ยงดูอุ้มชูกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ จึงมีความรักใคร่สนิทสนมกันมาก เหมือนเป็นพี่น้องกันแท้ ๆ นางช่วยเป็นแม่สื่อให้พลายแก้วกับนางพิมพิลาไลยรักกัน และรู้เห็นเป็นใจให้คนทั้งสองแอบไปพบกันหลายครั้ง ต่อมานางก็ตกเป็นภรรยาของพลายแก้วด้วย นางสายทองเป็นเพื่อนคอยปลอบใจยามที่นางพิมพิลาไลยเศร้าโศก เพราะความอาลัยรักและห่วงไยพลายแก้วที่จากไปทำสงครามในแดนไกล แต่นางไม่เคยมีโอกาส อยู่ร่วมกับพลายแก้วอย่างใกล้ชิดิในฐานะสามีภรรยาเลย แม้ว่าพลายแก้วจะมีหน้าที่ราชการสูงขึ้น ได้เป็นขุนแผนแสนสะท้านและได้เลื่อนเป็นพระสุริทรฤาไชย นางสายทองก็ยังอยู่กับนางศรีประจันแม่ของนางพิมพิลาไลยเช่นเดิม



นางบัวคลี่

         นางบัวคลี่ เป็นลูกสาวของหมื่นหาญกับนางสีจันทร์ นางมีรูปโฉมงดงามราวกับสาวชาววัง เจ้าเมืองกรมการแห่งกาญจนบุรี รู้กิตติศัพท์ความงามของนางก็ส่งคนมาสู่ขอ แต่พ่อของนางไม่ยอมยกให้ เมื่อขุนแผนเดินทางไปเสาะหาของวิเศษ ๓ อย่าง คือ กุมารทอง ดาบ และม้าฝีเท้าดี ได้มาพบนางบัวคลี่เข้าก็มีความพอใจ จึงฝากตัวเข้าเป็นสมุนกับพ่อของนาง และได้นางเป็นภรยา จนนางตั้งท้อง ต่อมาพ่อของนางเห็นว่าขุนแผนมีวิชาอาคมเหนือกว่า ก็เกรงว่าจะถูกยึดอำนาจ จึงสั่งให้นางบัวคลี่วางยาพิษฆ่าขุนแผนเสีย นางก็เชื่อฟังพ่อยอมกระทำตาม แต่ขุนแผนรู้ตัวเสียก่อนก็แค้นเคืองที่นางคิดไม่ซื่อ จึงแกล้งทำเป็นถูกพิษและไม่สบาย ครั้นนางนอนหลับก็ใช้มีดผ่าท้องของนางควักเอาลูกในท้องออกมา ทำพิธีปลุกเสกเป็นกุมารทอง


7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-27 16:33 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
นางแก้วกิริยา


         
              นางแก้วกิริยา เป็นลูกของพระยาสุโขทัยกับนางเพ็ญจันทร์ พ่อพานางมาขายฝากให้เป็นทาสของขุนช้างเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ ขุนช้างนึกเอ็นดูจึงเลี้ยงนางไว้เป็นเหมือนน้องสาว ขุนแผนหาของสำคัญสามอย่าง คือ ดาบฟ้าฟื้น กุมารทอง และม้าสีหมอก ได้ครบแล้ว คืนหนึ่งก็บ้านของขุนช้างเพื่อลักตัวนางวันทองไป แต่เข้าห้องผิดไปเข้าห้องของนางแก้วกิริยาและได้นางเป็นภรรยา ก่อนจากกันขุนแผนมอบแหวนให้นางไว้ดูต่างหน้า และให้เงินไปไถ่ตัวจากขุนช้างด้วย ตลอดเวลานางเป็นภรรยาที่ดีและซื่อสัตย์ต่อขุนแผนเสมอ ยามที่ขุนแผนมีเคราะห์ต้องโทษถึงจำคุก นางก็ตามไปคอยปรนนิบัติดูแลอยู่จนพ้นโทษซึ่งกินเวลาถึง ๑๕ ปี นางมีลูกชายกับขุนแผนคือ พลายชุมพล


พลายงาม

           พลายงาม มีตำแหน่งทางราชการเป็นจมื่นไวยวรนาถ ซึ่งมักเรียนกันสั้น ๆ ว่า พระไวย หรือหมื่นไวย เป็นลูกของขุนแผนกับนางวันทอง แต่ไปคลอดที่บ้านของขุนช้าง เพราะนางถูกฉุดไปขณะที่ท้องแก่ ยิ่งโตพลายงามก็ยิ่งละม้ายคล้ายคลึงกับขุนแผนมากขึ้น ทำให้ขุนช้างเกลียดมาก วันหนึ่งจึงหลอกพลายงามไปฆ่าในป่า แต่โหงพรายของขุนแผนมาช่วยไว้ นางวันทองจึงให้ไปอยู่กับนางทองประศร ีที่กาญจนบุรีพลายงามได้เรียนวิชาจากตำราของพ่อจนเชี่ยวชาญ มีความสามารถเช่นเดียวกับขุนแผนต่อมาได้อาสายกทัพไปรบกับเชียงใหม่ แล้วถือโอกาสขออภัยโทษให้ขุนแผนออกจากคุกได้ เมื่อกลับมาจากสงครามก็ได้ตำแหน่งเป็นจมื่นไวยวรนาถ และมีภรรยาสองคน คือ นางศรีมาลา และนางสร้อยฟ้า



สมเด็จพระพันวษา


          สมเด็จพระพันวษา เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ยุคนี้เป็นยุคที่บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง มีความอุดมสมบูรณ์ ราษฎรทั้งหลายอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุขบรรดาประเทศใกล้เคียง ก็ยอมอ่อนน้อม เพราะยำเกรงบารมี สมเด็จพระพันวษามีนิสัยโกรธง่าย ดังเช่นเมื่อขุนไกรต้อนควายป่ามาเข้าคอกให้พระองค์ล่า แต่ควายตื่นตกใจหนีเตลิด ขุนไกรจึงใช้หอกไล่แทงควายตายไปมากมาย สมเด็จพระพันวษาก็โกรธสั่งให้ประหารชีวิตขุนไกรทันที แต่พระองค์ก็นับว่าเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีความยุติธรรมต่อพวกทหาร เสนาอำมาตย์ และราษฎรพอสมควร เมื่อมีคดีฟ้องร้องกัน ก็จะให้มีการไต่สวน และพิสูจน์ความจริงให้ประจักษ์ชัดเสียก่อนจึงจะลงโทษ เช่น ในคราวที่นางสร้อยฟ้าทำเสน่ห์ให้จมื่นไวยวรนาถ (พลายงาม) หลงรักแล้วถูกจับได้ แต่ไม่มีพยานยืนยัน สมเด็จพระพันวษาก็ให้ลุยไฟพิสูจน์ จนรู้แน่ว่านางสร้อยฟ้าเป็นฝ่ายผิดจึงได้สั่งลงโทษ


นางศรีประจัน


         
        นางศรีประจัน เป็นแม่ของนางพิมพิลาไลยหรือนางวันทองนั่นเอง นางเป็นคนปากจัด ด่าเก่ง และเอาแต่ใจตนเอง ขุนช้างมาบอกข่าวว่าพลายแก้วตาย และขู่ว่านางวันทองจะต้องถูกจับกุมตัวเข้าวังเป็นม่ายหลวง นอกจากรีบแต่งงานใหม่เสีย แล้วขุนช้างก็เอาเงินทองมีค่ามาล่อใจ นางศรีประจันจึงคิดให้นางวันทองแต่งงานกับขุนช้าง แม้ว่านางวันทองกับคนอื่นๆ จะพยายามคัดค้านแต่นางศรีประจันใสใจ บังคับให้นางวันทองแต่งงานใหม่กับขุนช้างจนได้ การกระทำของนางทำให้ลูกสาวต้องมีสามีถึงสองคน และมีเหตุวุ่นวายแย่งตัวนางวันทองกัน ผลสุดท้ายนางวันทองถูกประหารชีวิต


8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-27 16:34 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แสนตรีเพชรกล้า

              “สูงใหญ่รูปร่างเหมือนอย่างเสือ        กำลังเหลือเนื้อหนังก็แน่นเหนียว
       หนวดโง้งโก่งฟั่นพันเป็นเกลียว             ฟันขาวปากเขียวดังปลิงควาย
   นัยน์ตาดำคล้ำคล้ายตาเสือ                 ขอบตาแดงเรื่อดังชาดป้าย
คิ้วกระหมวดหนวดแดงดูแรงร้าย           ผมมุ่นมวยคล้ายกับโยคี”
แสนตรีเพชรกล้า เป็นแม่ทัพม้า ทหารเอกของเจ้าเมืองเชียงใหม่ เป็นศิษย์ของอาจารย์ศรีแก้วฟ้าแห่งถ้ำวัวแดง มีวิชาอาคมขลัง อยู่ยงคงกระพัน มีรอยสักทั้งตัวตั้งแต่รุ่นหนุ่มก็ไม่ได้อาบน้ำเลย เพราะเกรงว่าจะล้างว่านยาที่ทาตัวไว้ออกไปหมด เมื่อจะออกรบจึงจะอาบน้ำแช่เครื่องรางวิเศษ ผสมกับว่าวยาซึ่งเป็นน้ำเสี่ยงทายด้วย ถ้าน้ำมีสีเหลืองจะได้ชัยชนะ ถ้าน้ำมีสีแดงจะแพ้ถึงตาย ครั้งที่ต้อนรบกับขุนแผนและพลายงามน้ำในวันนั้นมีสีแดง แต่ก็แข็งใจออกไปรบ แล้วก็ถูกทหารของขุนแผนใช้หลาวสวนทวารถึงแก่ความตาย


ขุนรามอินทรา


         
         ขุนรามอินทรา ได้เคยสาบานเป็นเพื่อนตายกับขุนช้างขุนแผน พระหมื่นศรีและขุนเพชรอินทรา ครั้งที่ขุนช้างทูลฟ้องสมเด็จพระพันวษาว่า ขุนแผนบุกขึ้นเรือนตนลักพาวันทองไป สมเด็จพระพันวษาทรงเห็นว่าไม่ควรฟังความข้างเดียว จึงรับสั่งให้พระหมื่นศรีกับจมื่นไวยเป็นแม่ทัพ ให้ขุนรามอินทราเป็นปีกซ้าย ขุนเพชรอินทราเป็นปีกขวาคุมทหารห้าพันคน ไปดูร่องรอยที่บ้านของขุนช้าง และไปตามตัวขุนแผนมาเข้าเผ้าให้ได้ ถ้าขุนแผนดื้อดึงก็ให้ตัดหัวเสียบประจานไว้ในป่าเสียเลย คืนนั้นเอง ภรรยาของขุนรามอินทราฝันว่า ฟันหักไปสามซี่นางตกใจตื่นขึ้นเล่าให้สามีฟัง ขุนรามอินทราก็พยายามปลอบให้ภรรยาเลิกคิดกังวล ครั้นรุ่งเช้าแต่งกายเสร็จเดินลงจากบ้าน ก็มีเหตุอัศจรรย์บันไดหักทีเดียวห้าขั้นขุนรามอินทราสังหรณ์ใจว่า ไปคราวนี้คงต้องตายเป็นแน่ แต่ไม่อาจละทิ้งหน้าที่ได้ เมื่อยกทัพไปพบขุนแผนในป่า และต่อสู้กันขุนรามอินทราก็ถูกขุนแผนฟันตกจากหลังช้างสิ้นใจตาย


หมื่นหาญ


         
              “สูงเกือบสี่ศอกตากลอกโพลง                 หนวดโง้งงอนปลายทั้งซ้ายขวา
         ขอบตาแดงฉาดดังชาดทา                    เนื้อแน่นหนังหนาดูน่ากลัว
ผมหยิกหยักศกอกเป็นขน                     ทรหดอดทนมิใช่ชั่ว
          ปลุกเสกเครื่องฝังไว้ทั้งตัว                     เป็นปมปุ่มไปทั่วทั้งกายตน”
             หมื่นหาญ เดิมชื่อ นายเดช มีฉายาว่ากระดูกดำ เป็นหัวหน้าโจรอยู่ที่บ้านถ้ำ กาญจนบุรี มีวิชาดีไม่ว่าปืนหรืออาวุธอื่นใดก็ไม่อาจระคายผิวได้ มีภรรยาชื่อ นางสีจันทร์ มีลูกสาวคนเดียวชื่อ นางบัวคลี่ ต่อมาหมื่นหาญเป็นคนขี้ระแวง ดังนั้นพอรู้ว่าขุนแผนมีวิชาเหนือกว่าตนก็ไม่พอใจ สั่งให้นางบัวคลี่วางยาพิษฆ่าเสีย แต่นางบัวคลี่ก็ต้องตายด้วยน้ำมือของขุนแผน เนื่องจากขุนแผนรู้ตัวเสียก่อน

10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-30 21:31 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
[table=0,#f5f5f5]
[tr][td]
ไหว้พระธาตุประจำวันเกิด - นครพนม

   
     1. พระธาตุพนม เป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนที่เกิดวันอาทิตย์ เชื่อว่าผู้ใดได้ไปนมัสการจะได้รับอานิสงส์มีผู้คนให้ความเคารพนับถือ (สิ่งของบูชา ข้าวตอก น้ำอบ ข้าวเหนียวปิ้ง ดอกไม้สีแดง ธูป 6 ดอก เทียน 2 เล่ม)

        2. พระธาตุเรณู อ. เรณูนคร พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันจันทร์ เชื่อว่าผู้ใดได้ไปนมัสการจะได้รับอานิสงส์ให้มีวรรณะผุดผ่องดังแสงจันทร์ (สิ่งของบูชา ข้าวตอก น้ำอบ ข้าวเหนียวปิ้ง ดอกไม้สีเหลือง ธูป 15 ดอก เทียนขาว 2 เล่ม)

       3. พระธาตุศรีคูณ อ. นาแก พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอังคารคนที่เกิดวันนี้จะเป็นนักต่อสู้ อดทนเป็นเยี่ยม เชื่อว่าผู้ใดได้ไปนมัสการจะได้รับอานิสงส์ให้มีศักดิ์ศรีทวีคูณ (สิ่งของบูชา ข้าวตอก น้ำอบ ข้าวเหนียวปิ้ง ดอกไม้สีชมพู ธูป 8 ดอก เทียน 2 เล่ม)

       4. พระธาตุมหาชัย อ. ปลาปาก พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันพุธ เชื่อว่าผู้ใดได้ไปนมัสการจะได้รับอานิสงส์ประสบชัยชนะต่ออุปสรรคทั้งปวง (สิ่งของบูชา ข้าวตอก น้ำอบ ข้าวเหนียวปิ้ง ดอกบัว ธูป 17 ดอก เทียนขาว 2 เล่ม)

        5. พระธาตุประสิทธิ์ อ. นาหว้า พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี เชื่อว่าผู้ใดได้ไปนมัสการจะได้รับอานิสงส์ให้ประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงาน (สิ่งของบูชา ข้าวตอก น้ำอบ ข้าวเหนียวปิ้ง ดอกไม้สีส้ม ธูป 19 ดอก เทียน 2 เล่ม)

        6. พระธาตุท่าอุเทน อ. ท่าอุเทน พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันศุกร์ เชื่อว่าผู้ใดได้ไปนมัสการจะได้รับ อานิสงส์ให้มีชีวิตรุ่งโรจน์ดุจดังพระอาทิตย์ขึ้นยามรุ่งอรุณ (สิ่งของบูชา ข้าวตอก น้ำอบ ข้าวเหนียวปิ้ง ดอกไม้สีน้ำเงินหรือฟ้า ธูป 21ดอก เทียน 2 เล่ม)

       7. พระธาตุนคร อ. เมือง พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันเสาร์ เชื่อว่าผู้ใดได้ไปนมัสการจะได้รับอานิสงส์ให้มีบุญบารมีเป็นเจ้าคนนายคน (สิ่งของบูชา ข้าวตอก น้ำอบ ข้าวเหนียวปิ้ง ธูป 10 ดอก เทียน 2 เล่ม)



Travel.thaiza.com
[/tr]

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้