ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 5433
ตอบกลับ: 15
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ศาลาแก้วกู่

[คัดลอกลิงก์]
sala-saeoku.blogspot.com
               
                  อาคารศาลาแก้วกู่                 ภายในจัดเก็บวัตถุโบราณ พระพุทธรูปโบราณล้ำค่า และร่างอันสงบ ไม่เปื่อยเน่า
                ของปู่เหลือ สิ้นชีวิตมาแล้วกว่า 10 ปี นักพรต ผู้ก่อตั้ง ศาลาแก้วกู่                 
              
              
                     
ศาลาแก้วกู่                       (วัดแขก) อุทยานเทวาลัย จังหวัดหนองคาย (สำนักพุทธมามกสมาคม                       จังหวัดหนองคาย) แหล่งท่องเที่ยว ห่างจากตัวเมืองหนองคายเพียง                       3 กม. ด้วยความอลังการ งานสร้างด้วยความศรัทธา ยิ่งใหญ่
                  
***                     ศาลาแก้วกู่ สร้างโดยปรารถนาให้ที่แห่งนี้เป็น เมืองอมตะแก้วกู่มหานิพพาน                     หรือดินแดนแห่งการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง เชื่อว่า ทุกศาสนาผสมผสานกันได้                     ...ตั้งอยู่ ชุมชนสามัคคี อ.เมือง จ.หนองคาย ในพื้นที่ 42 ไร่                     รูปปั้น ทั้งเล็กใหญ่แล้วว่ากันว่ามีไม่น้อยกว่าหลักพัน
                    *** ศาลาแก้วกู่สร้างขึ้นโดย “ปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์”                     หรือ “ปู่เหลือ” ( พ.ศ. 2476 – 2539 ) ซึ่งมีประวัติชีวิตและผลงานอัศจรรย์                     โดยย่อ ดังนี้ นางคำปลิว สุรีรัตน์ (พี่สาวคนโตของปู่เหลือ)                     ชาวหนองคาย แต่งงานได้ระยะหนึ่ง ฝันว่ามีชีปะขาวนำ นาคมรกตมามอบให้                     แต่บอกว่าอีก 7 เดือนค่อยไปรับมาเป็นของตน ต่อมาแม่ตั้งท้องลูกคนที่เจ็ด                     ในวัยสูงอายุและหมดประจำเดือนแล้ว และคลอดเมื่ออายุครรภ์ได้                     7 เดือน ทุกคนจึงเชื่อว่าเป็นไปตามนิมิตในฝัน นางคำปลิวและสามี                     จึงรับน้องชายมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ตั้งแต่แรกเกิด
                    
                    ....ด.ช.บุญเหลือชอบเข้าวัดมาแต่เด็ก พออายุได้หกขวบนางคำปลิวเสียชีวิตลง                     สามีนางคำปลิวมีภรรยาใหม่ ด.ช.บุญเหลือจึงกลับไปอยู่กับ พ่อแม่ผู้ให้กำเนิด                     แต่มักขัดขวางห้ามปรามผู้ใหญ่ในทางบาปต่างๆ จึงไม่เป็นที่รักใคร่ของญาติพี่น้อง                     ครั้นอายุ 12 ปี ทนความกดดัน รอบข้างไม่ไหว จึงหนีออกจากบ้านรอนแรม                     ไปจนพบสำนักอาศรมแก้วกู่ในเขตแดนลาว และได้ฝากตัวศึกษาเล่าเรียนปฏิบัติธรรมอยู่กับ                     พระมุนีที่นั่น จนอายุครบ 20 ปี พระมุนีจึงให้ออกจากสำนัก ไปจาริกแสวงบุญโปรดญาติโยมทั้งใกล้และไกล                     เมื่ออายุ 30 ปี จึงได้กลับมาปรนนิบัติตอบแทนคุณในวาระสุดท้ายของชีวิตพ่อแม่                     ก่อนแม่สิ้นบุญในปี 2507 ได้มอบที่ดิน 8 ไร่ ณ บ้านเชียงควาน                     เมืองท่าเดื่อ เวียงจันท์ ไว้เป็นมรดก
                    
                    ...ปี พ.ศ. 2513 ปู่เหลือได้พัฒนาที่ดินดังกล่าวสร้างเป็น “ปูชนียสถานเทวาลัยอย่างมหึมา”                     พุทธศาสนิกชนทั้งในภาคพื้นยุโรป และเอเชียเลื่อมใสมาก แต่เมื่อเกิดเหตุวิกฤตในราชอาณาจักรลาวเมื่อปี                     พ.ศ. 2518 หลวงปู่จึงพาลูกศิษย์ข้ามโขงมา และรวมกันจัดตั้งเป็น                     “พุทธมามกสมาคมจังหวัดหนองคาย” โดยกรมการศาสนารับรองให้ในปี                     พ.ศ. 2519
                    
                    ... ปี พ.ศ. 2521 สานุศิษย์ได้จัดซื้อที่ดินราว 41 ไร่ ในเขตบ้านสามัคคี                     ต.หาดคำ ถวายให้เป็นที่ตั้งสำนักจวบจนปัจจุบัน ต้นปี พ.ศ.2527                     ปู่เหลือถูกใส่ความ และมีผู้ไปแจ้งตำรวจตั้งข้อหาฉกรรจ์ (ซึ่งทางสำนักขอสงวนไว้)                     ต้องอยู่ในเรือนจำจนถึง ปลายปี 2529 เมื่อออกมาแล้วก็สร้างเทวรูป                     อีกมากมาย ทั้งเล็กและใหญ่ และทั้งขนาดที่สูงถึง 33 เมตร เมื่อสร้างทั้งพุทธรูปและเทวรูปถึง                     209 ปางแล้ว ก็สร้างศาลาแก้วกู่หลังใหม่ โดยรื้อหลังเก่า (พ.ศ.2523                     – 2538) ที่ทรุดโทรมลง ขณะก่อสร้างศาลาหลังใหม่ ปู่เหลือก็ล้มป่วย                     และต่อมาได้เสียชีวิตลงในเดือนสิงหาคม 2539 สานุศิษย์ได้นำผอบ                     (ผะ-อบ) แก้วใส่ร่างของท่านไว้ ตามความประสงค์ก่อนสิ้นชีวิต”                     
                     
                    ปู่เหลือ เป็น...นักพรต ผู้ทรงศีล ถือศีล เคร่งวิปัสสนา
                     ...สั่งสานุศิษย์ว่า เมื่อสิ้นชีวิตแล้ว อย่าฉีดยา อย่าเผา อย่าฝัง                     ให้ใส่ผอบแก้วไว้ ... ด้วยอัศจรรย์ ร่างไม่ได้เปื่อยเน่า และสานุศิษย์บอกว่า                     เส้นผมของปู่เหลือ จะเป็นสีดำ และเป็นสีขาว สลับสับเปลี่ยน แบบนี้อยู่เรื่อยๆ                     (ดำก็ดำล้วน ขาวก็ขาวล้วน) ..วันที่ผมไปศาลาแก้วกู่ เป็นวันที่                     26 ต.ค. 2550 (ปู่เหลือสิ้นมาแล้ว ประมาณ 10 ปี) เส้นผมที่ได้เห็นในร่างสงบ                     ในผอบแก้ว(ไม่ใช่โรงเย็น เป็นผอบครอบแก้วธรรมดา) เป็นเส้นผมสีดำ
                    ...ร่างปู่เหลืออยู่ภายในอาคารชั้นที่ 3 ของศาลาแก้วกู่ ซึ่งในแต่ละชั้นมีพระพุทธรูป                     เก่าแก่ต่างๆ ซึ่งนำมาจากฝั่งลาว เมื่อย้ายที่มาตั้งที่หนองคาย
                    
                    ...ชั้น 3 ของอาคารศาลาแก้วกู่ ไหว้ ปู่ เหลือ นักพรตผู้บำเพ็ญเพียร                     ความดี ก่อตั้งศาลาแก้วกู่ อุทยานเทวาลัย ให้ศาสนายั่งยืน คงความศรัทธา                     เครื่องเตือนใจให้ ผู้คนสร้างคุณงาม ความดี

ไม่เลยครับ บรรยากาศในกู่แก้ว
เงียบๆๆ วังเวง
Metha ตอบกลับเมื่อ 2017-1-25 19:11
บรรยากาศมันน่ากลัวยังไงไม่รู้ครับ

ไปเจออัลไรมามั่งป่าวหนอ เช่นสาวอีสาน
บรรยากาศมันน่ากลัวยังไงไม่รู้ครับ
ยังไม่เคยไปเลย คือกลัวอ่ะ
TATIE ตอบกลับเมื่อ 2016-6-30 11:53
เคยไปมาแล้ว  สวยงามยิ่งใหญ่มากน่าเที่ยวชม


สวยแบบโบราณ แต่แอบกลัวนิดๆๆ
เคยไปมาแล้ว  สวยงามยิ่งใหญ่มากน่าเที่ยวชม
ยังไม่มีโอกาสไปเที่ยวชมเลยครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้