ครั้งนั้นเจ้าเมืองผู้ครองเมืองมีนามว่า “พญากุสสราช” ซึ่งมี มเหสีนามว่า “แม่น้อยคำฝน” ปกครองเมืองและประชาชนอย่างผาสุก โดยขึ้นตรงต่อ หนองหานหลวงเรื่อยมา พญากุสสราชและแม่น้อยคำฝน มีพระธิดา ๔ พระองค์ ไม่มีพระโอรส พระธิดาองค์โต ผู้ขึ้นครองเมืองต่อจากพระบิดา มีนามว่า “แม่เจ้าอยู่หัวฟ้าคำหยาด” เป็นผู้ที่องค์ศรีสุวรรณนาคราชเอ็นดู ห่วงใยมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย และมีความสนิทสนมกันอย่างมาก เมื่อ องค์ศรีสุวรรณนาคราช ว่างจากภารกิจต่างๆ ท่านจะเนรมิตกายทิพย์เป็นมานพหนุ่มและไปบำเพ็ญตบะตามที่ต่างๆ ที่เป็นอาณาเขตการดูแลของท่านตามแต่จะไป ต่อมาเกิดการแย่งชิงบัลลังก์โดยผู้เป็นอา ระหว่างองค์หญิงออกไปเก็บส่วยสาอากร ได้จับน้องสาวทั้ง ๓ เป็นตัวประกัน หากองค์หญิงนำกำลังทหารเข้าตีจะฆ่าน้องสาวทั้ง ๓ ทิ้งเสีย องค์หญิงจึงต้องถอยไปตั้งหลักที่ศาลบรรพชน และบริเวณพระธาตุศรีจำปา จากนั้นได้อธิษฐานขอให้สิ่งศักสิทธิ์บันดาลอย่าให้ใครได้แย่งชิงเมืองนี้เพื่อครองอำนาจกันต่อไป
องค์ศรีสุวรรณนาคราชจึงบันดาลให้ฝนตก ๗ วัน ๗ คืน จนเกิดน้ำป่าไหลหลากพัดพาดินทรายถล่มล่มเมืองเสีย และสูบเมืองทั้งเมืองจมดินหายไปกายทิพย์องค์ศรีสุวรรณนาคราชจึงถูกจองจำไว้ในอาณาเขตพระธาตุเดิมที่จมไป ไม่สามารถไปทำหน้าที่ต่างๆ ได้ เป็นผลให้ระบบนิเวศน์น้ำในเขตสุวรรณภมิ รวมถึงประเทศไทยของเรา เกิดปัญหาเกี่ยวกับน้ำตลอดมาทั้งภัยแล้ง น้ำท่วม และจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ คณะผู้จัดสร้างจึงมีโครงการจะ สร้างรูปหล่อองค์ศรีสุวรรณนาคราช เพื่อให้ดวงจิตท่านส่งพลังงาน ออกมาช่วยประเทศและปรับสมดุล
ของน้ำในสุวรรณภูมิให้เป็นปกติ เพื่อให้สุวรรณภูมิเป็นแผ่นดินอุดมสมบูรณ์เป็นที่สถิต ของพระพุทธศาสนาสืบไป
ที่มา http://www.saimahayana.com
|