ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 9970
ตอบกลับ: 37
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

พิธีลงน้ำมันนาคราช(จันทรุปราคา15 ค่ำเดือน 11)

[คัดลอกลิงก์]
วันพุธที่. 8 ตุลาคม 2557(วันออกพรรษา)ขึ้น 15 ค่ำเดือน 11




ปีนี้นอกจากจะเกิดบั้งไฟพญานาคแล้ว ยังเกิด..


จันทรุปราคาเต็มดวง

ราหูอมพระจันทร์ ซึ่งตามคติของไสยเวทถือว่าเป็นมหานิยมอย่างสูง
เหมาะสำหรับปลุกเสกพระที่เน้นหนักไปทางด้านเมตตามหานิยมและโชคลาภครับ
แต่ด้านอื่น ๆ ก็มีให้เห็นเนือง ๆ เช่น แคล้วคลาด คงกระพัน เรียกว่าได้ครบเครื่องเหมือนกัน





กรุงเทพฯ ดวงจันทร์ขึ้นเวลา 18:00 น. ก่อนดวงอาทิตย์ตกไม่กี่นาที

จันทรุปราคาเต็มดวงจึงดำเนินอยู่ขณะที่ดวงจันทร์ขึ้น จันทรุปราคาเต็มดวงจะสิ้นสุดลงในเวลา 18:24 น.

ขณะนั้นที่กรุงเทพฯ ดวงจันทร์อยู่สูงเหนือขอบฟ้าทิศตะวันออกประมาณ 5° ท้องฟ้ายังมีแสงสนธยาอยู่

ดวงจันทร์กลับมาเต็มดวงในเวลา 19:34 น. และออกจากเงามัวเวลา 20:34 น.


วันนั้นที่ติคญาโณสำนัก ต้องมีอะไร ดีๆ แน่นอน ครับ

เริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น.

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-9-30 07:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
บั้งไฟพญานาค : มหัศจรรย์แห่งลุ่มน้ำโขง (๑)
ปฐมบท : ตำนานความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค
มนุษย์มีความเชื่อที่เกี่ยวกับ “นาค” สัตว์ในตำนานที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มีความเชื่อว่าพญานาคอาศัยอยู่ใต้แม่น้ำโขง   แต่ต้นกำเนิดของพญานาคมาจากทางอินเดียตอนใต้ เนื่องจากทางอินเดียตอนใต้นับถืองูเป็นเทพเจ้า ในขณะที่ชาวอีสานมีความเชื่อว่าแม่น้ำสายสำคัญ เช่น แม่น้ำโขง แม่น้ำมูล และแม่น้ำชี เกิดขึ้นจากการแถตัวของพญานาคจึงเกิดเป็นสายน้ำที่ยิ่งใหญ่                                                                                                                  
ในลัทธิพราหมณ์มีความเชื่อว่านาคเป็นเทพเจ้าแห่งน้ำ สร้างความอุดมสมบูรณ์ มีอิทธิฤทธิ์บันดาลให้ฝนตกทั่วโลก ส่วนในเมืองไทยในช่วงประเพณีสงกรานต์จะมีการพยากรณ์นาคให้น้ำในแต่ละปี  รวมทั้งมีสัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับนาคในงานจิตรกรรม ประติมากรรม อาคารวัด หลังโบสถ์ อาคารที่สร้างสำหรับสถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันศาสนามักจะมีสัญลักษณ์เกี่ยวกับนาคปรากฏอยู่เสมอ เช่น พระพุทธรูปปางนาคปรก จะมีตัวพญานาคเป็นบัลลังก์  บันไดนาคหน้าโบสถ์จะปั้นเป็นรูปนาคสะดุ้ง  ซึ่งมีเรื่องเล่าว่าเมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากดาวดึงส์เทวดาจะเนรมิตบันไดแก้วมณีสีรุ้ง   และมีพญานาค 2 ตน เอาหลังหนุนบันไดไว้                                                                  
นอกจากนั้นการสร้าง “ตุง” ของชาวเหนือและพม่า มีความเชื่อว่าคลีคลายมาจากพญานาค หมายถึงบันไดขึ้นสู่สรวงสวรรค์นั้นเอง               
ในปราสาทนครวัด จะมีนาคเป็นสะพานเชื่อมระหว่างภาวะปกติกับที่สถิตของภพสู่วิษณุโลก จะมีการก่อสร้างเป็นพญานาคราชทอดยาวรับมนุษย์สู่โลกแห่งความศักดิ์สิทธิ์
ในพุทธศาสนามีตำนานเกี่ยวกับพญานาคได้แปลงร่างเป็นมนุษย์ขอบวชเป็นพระภิกษุ ภายหลังได้หลับในตอนกลางวันจึงกลายร่างเป็นงูใหญ่ พระพุทธเจ้าจึงให้สึกออกไป นาคจึงได้ถวายคำวิงวอนให้มีคำว่า “นาค” ใช้เรียกผู้ที่เข้ามาบวชในพุทธศาสนาเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความศรัทธาของตน                                                
จึงนับได้ว่าแนวความเชื่อเกี่ยวกับ “นาค” เกี่ยวข้องกับวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์หลากเผ่าพันธุ์บนพื้นโลก
ความเชื่อเกี่ยวกับ “นาค” ในประเพณีออกพรรษาของชาวอีสาน
วันออกพรรษา นับเป็นสำคัญทางพระพุทธศาสนา ถือเป็นวันสิ้นสุดระยะการจำพรรษา หรือออกจากการประจำอยู่ในฤดูฝน ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 วันออกพรรษาหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วันมหาปวารณา ซึ่งแปลว่า อนุญาต หรื ยอมให้ คือเป็นวันที่เปิดโอกาสให้พระภิกษุสงฆ์ด้วยกันว่ากล่าวตักเตือนกันได้ ในข้อที่ผิดพลั้ง ล่วงเกิน ระหว่างที่จำพรรษาอยู่ด้วยกัน ในวันออกพรรษากิจของชาวพุทธโดยทั่วไปคือการบำเพ็ญกุศล ทำบุญตักบาตร จัดดอกไม้ ธูปเทียน ไปบูชาพระที่วัด และฟังธรรมเทศนา
สำหรับชาวอีสานมีประเพณีที่น่าสนใจเกี่ยวเนื่องกับวันออกพรรษา เช่น ที่จังหวัดสกลนครมีงานประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง เป็นประเพณีงานบุญบนความรื่นเริงอันยิ่งใหญ่ในรอบปี
จังหวัดนครพนมมีงานประเพณีไหลเรือไฟเพื่อบูชารอยพระพุทธเจ้า สักการะท้าวพกาพรหม การบวงสรวงพระธาตุจุฬามณี  การระลึกถึงพระคุณของพระแม่คงคา การขอฝน การเอาไฟเผาความทุกข์ และการบูชาพระพุทธเจ้าในคืนวันเพ็ญเดือน 11
จังหวัดมุกดาหารมีพิธี “ตีช้างน้ำนอง”  ซึ่งเป็นพิธีเก่าแก่ โดยการนำเรือที่จะแข่งขันทุกลำมาร่วมพิธีเพื่อบวงสรวง ขอขมา พระแม่คงคาตามลำน้ำโขง
จังหวัดหนองคายมีปรากฏการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับ “พญานาค”  อย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุดนั้นคือปรากฏการณ์ “บั้งไฟพญานาค” ตามลำน้ำโขง ซึ่งคนในท้องถิ่นมีความเชื่อว่าพญานาคใต้ลำน้ำโขง ได้จุดบั้งไฟร่วมถวายเป็นพุทธบูชาในการเสด็จกลับจากชั้นดาวดึงส์ของพระพุทธเจ้าครบ 3 เดือน   สู่โลกมนุษย์ในช่วงเทศกาลออกพรรษา โดยพญานาคได้เนรมิตบันไดแก้ว เงินทอง เป็นบันไดลงมา
บั้งไฟพญานาค : ความลึกลับใต้ผืนน้ำ
ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นบริเวณกลางแม่น้ำน้ำโขงหรือบริเวณใกล้ฝั่ง ในเขตอำเภอเมือง อำเภอโพนพิสัย อำเภอศรีเชียงใหม่ อำเภอสังคม อำเภอรัตนวาปี  จังหวัดหนองคาย ส่วนจุดที่มีบังไฟพญานาคเกิดมากที่สุดคือบริเวณหน้าวัดไทย และวัดจุมพลในเขตสุขาภิบาลอำเภอโพนพิสัย ซึ่งเป็นจุดต้อนรับผู้ที่จะมาชม “บั้งไฟพญานาค” ในช่วงเทศกาลออกพรรษา

ลักษณะของบั้งไฟพญานาคจะเป็นลูกไฟพุ่งจากแม่น้ำโขงขึ้นสู่อากาศมีระยะประมาณ 20 – 30 เมตร แล้วหายไป มีขนาดแตกต่างกันออกไป มีห้วงเวลาที่เกิดเริ่มตั้งแต่ 6 โมงเย็น ในบางปีจะเริ่ม 2 – 3 ทุ่ม มีระยะการเกิดประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง แล้วจึงค่อย ๆ หมดไป
จากคำบอกเล่าของชาวจังหวัดหนองคายพบว่าการเกิดบั้งไฟพญานาคมีมานานกว่า 60 ปี แต่เริ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในปี 2534 ภายหลังที่มีการแพร่ภาพทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5  ซึ่งในเวลาต่อมาทางจังหวัดหนองคายได้มีการประชาสัมพันธ์และจัดงานเฉลิมฉลองในห้วงเวลาดังกล่าวเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด
บั้งไฟพญานาค : ตามแนวทางวิทยาศาสตร์
นายแพทย์มนัส กมลศิลป์ ในสมัยที่เป็นนายแพทย์อยู่ที่โรงพยาบาลหนองคาย ได้ศึกษาปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคมาเป็นระยะเวลา 4 ปี และได้ทดลองและวิเคราะห์ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์จึงสรุปได้ว่า “บั้งไฟพญานาค” น่าจะเป็นมวลสาร และจะต้องมีมวล เพราะสามารถแทรกน้ำขึ้นมาได้ น่าจะเป็นก๊าซที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น จุดติดไฟได้เอง และจะต้องเบากว่าอากาศ โดยจะเกิดขึ้นบริเวณน้ำลึกประมาณ 4.55 – 13.40 เมตร หรือหล่มดินเป็นที่เกิดของก๊าซ และก๊าซที่อยู่ใต้พื้นน้ำน่าจะมีจุดกำเนิดมาจากอินทรียวัตถุ เช่น มูลสัตว์ ซากพืช ซากสัตว์ สิ่งมีชีวิตที่ตายแล้ว หมักเป็นก๊าซมากพอที่จะพลิกหรือเผยอหล่มโคลนใต้น้ำนั้นได้ โดยที่ก๊าซที่ได้เป็นลูก ๆ  นั้นจะมีขนาด 200 ซีซี. ลอยจากน้ำลึกขึ้นสู่ผิวน้ำในระดับ 1 – 5 เมตร จากนั้นจะเริ่มติดไฟด้วยตนเอง
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-9-30 07:11 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
จันทรุปราคา
   จันทรุปราคา (เรียกได้หลายอย่าง ตัวอย่างเช่น จันทรคาธ, จันทรคราส, ราหูอมจันทร์ หรือ กบกินเดือน) คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อดวงอาทิตย์, โลก และดวงจันทร์ เรียงอยู่ในแนวเดียวกันพอดี หากเกิดขึ้นในช่วงพระจันทร์เต็มดวง เมื่อดวงจันทร์ผ่านเงาของโลก จะเรียกว่า จันทรุปราคา ปรากฏการณ์จันทรุปราคาแม้จะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่มีอิทธิพลต่อความคิดและความเชื่อในหลายวัฒนธรรมมาช้านาน รวมทั้งของไทยด้วย ซึ่งลักษณะของจันทรุปราคาขึ้นอยู่กับตำแหน่งของดวงจันทร์ที่เคลื่อนที่ผ่านเงาของโลกในเวลานั้นๆ






ประเภทของจันทรุปราคา
  
   ขั้นตอนการเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงจันทรุปราคาเงามัว เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนที่ผ่านเงามัวของโลกจันทรุปราคาลักษณะนี้จะสังเกตเห็นได้ไม่ชัดเจนมากนัก เนื่องจากความสว่างของดวงจันทร์จะลดลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
   จันทรุปราคาเงามัวเต็มดวง เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนที่เข้าไปในเงามัวของโลกทั้งดวงแต่ไม่ได้เข้าไปอยู่ในบริเวณเงามืด ดวงจันทร์ด้านที่อยู่ใกล้เงามืดมากกว่าจะมืดกว่าด้านที่อยู่ไกลออกไป จันทรุปราคาลักษณะนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
   จันทรุปราคาเต็มดวง เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนที่เข้าสู่เงามืดของโลกทั้งดวง ดวงจันทร์จะอยู่ภายใต้เงามืดของโลกนานเกือบ 107 นาที เนื่องจากดวงจันทร์เคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วประมาณ 1 กิโลเมตรต่อวินาที แต่หากนับเวลาตั้งแต่ดวงจันทร์เริ่มเคลื่อนเข้าสู่เงามืดจนออกจากเงามืดทั้งดวง อาจกินเวลาถึง 6 ชั่วโมง 14 นาที

                                                     ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลโดยข้อมูลจาก
                                                                                                 th.wikipedia.org
                                                                                                 www.ipst.ac.th

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-9-30 07:14 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-9-30 07:15





จันทรุปราคากับไสยศาสตร์

ขอขอบคุณข้อมูลจากดวงปกาศิตครับ

การเกิดคราส (สุริยุปราคา/ Solar Eclipse หรือจันทรุปราคา/ Lunar Eclipse) เป็นเหตุการณ์ธรรมชาติที่ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ โคจรมาอยู่ในระนาบวิถีเดียวกัน ทำให้เกิดการบัง ถ้าเงาของโลกบังหรือทาบอยู่บนดวงจันทร์ เรียกว่า เกิดจันทรุปราคา (Lunar Eclipse) แต่ถ้าเงาของดวงจันทร์บังหรือทาบอยู่บนโลก เรียกว่า เกิดสุริยุปราคา (Solar Eclipse) การเกิดคราส (สุริยุปราคาและจันทรุปราคา) เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นทุกๆ ปีประมาณปีละ 4-6 ครั้ง คำถามที่ว่าน่ากลัวหรือไม่? ถ้าตอบว่า น่ากลัวก็ได้ เพราะมักมีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้นบนโลก และประเทศไทย รวมทั้งบุคคลธรรมดาทั่วไปด้วย จะตอบในทางตรงกันข้ามว่า ไม่น่ากลัวก็ได้ เพราะเหตุการณ์ต่างๆ ก็จะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วในช่วงนั้น (เพราะอิทธิพลของคราสดังกล่าว) เพียงแต่เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่า จะเกิดเหตุอะไรขึ้นในช่วงนั้นๆ

แต่หมอดู หมอเดา หรือโหรบางท่านไปกระพือข่าวให้เป็นเรื่องน่ากลัวเพียงด้านเดียว นอกจากนั้นยังปลุกกระแสความรู้สึกของผู้คนให้เป็นเรื่องลึกลับทางไสยศาสตร์ นำไปสู่การหลอกลวงและแสวงหาผลประโยชน์ รวมทั้งพุทธพาณิชย์ เช่น ไปแก้บน ทำบุญรับพระราหูเซ่นไหว้ของดำ 8 ชนิด ทำพิธีไสยศาสตร์ ฯลฯ ให้เสียเงินเสียทองจำนวนมากมาย ไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด

ตามหลักวิชาฤคเวท (อาถรรพศาสตร์ และคัมภีร์พระเวท) วันที่เกิดคราส (สุริยุปราคาหรือจันทรุปราคา) ถือเป็นวันอาเพศอาถรรพ์เช่นกัน แต่สามารถใช้เป็นอาวุธชนิดหนึ่ง ทำลายล้างสิ่งอัปมงคลที่เกิดขึ้นกับสถานที่ ทั้งบ้าน และที่ทำงาน รวมทั้งตัวบุคคลด้วย การกระทำพิธีล้างอาถรรพ์สามารถกระทำได้ดีในวันเช่นนี้ เช่นถูกลมเพลมพัด ถูกไสยศาสตร์ที่มีอาถรรพ์ประเภทลองยา ใช้วิชาสัตว์เดรัจฉาน ยาสั่ง น้ำมันพรายเป็นต้น ถูกคุณไสย เช่น กระทำย่ำยีโดยตรง โดยการฝังหุ่นอาคมเสกหนังควายเข้าท้อง เสกตะปูเข้าท้อง เป็นต้น


การ ทำพิธีล้างอาถรรพ์ แม้จะมองเห็นไม่ได้ชัดเจน แต่เจ้าการหรือเจ้าของสถานที่จะรู้สึกหลังจากทำพิธีล้างอาถรรพ์แล้ว ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น โดยรู้สึกได้ในเวลาไม่นาน ทำให้ชีวิตเข้มแข็ง จิตใจมั่นคงไม่หวาดกลัว เป็นต้น
กรรมวิธีหรือพิธีที่ถูกต้อง ต้องให้โหราจารย์ที่มีความรู้ทางโหราศาสตร์ขั้นสูง กำหนดฤกษ์ (เวลา) และวันทำพิธีที่เข้มขลังต้องเลือกสรรเฉพาะในแต่ละครั้ง เพราะการเกิดคราส (สุริยุปราคาหรือจันทรุปราคา) ไม่สามารถทำพิธีล้างอาถรรพ์ได้ทุกครั้งตัวอย่างที่กระทำพิธีล้างอาถรรพ์ให้ เกิดอานุภาพ ต้องเป็นวันเสาร์วันอาทิตย์ และวันอังคาร จะเข้มขลังมาก สำหรับวันพฤหัสบดีเลือกทำพิธีได้บางครั้ง ขึ้นกับองค์ประกอบอื่นๆ ของฤกษ์


ตามปกติการเกิดคราส (สุริยุปราคาหรือจันทรุปราคา) ส่วนใหญ่มักเกิดเรื่องไม่ค่อยดีหรือเรื่องร้ายๆ แต่ในบางครั้งจากประสบการณ์ก็เกิดเรื่องดีๆ ก็ได้ เช่น คนทำธุรกิจที่อยู่ในภาวะล้มละลายในทางพฤตินัย หนทางในอาชีพหรือธุรกิจรู้สึกมืดมนหรือถึงทางตันแล้ว แต่ถ้าเกิดคราสซึ่งจะเป็นสุริยุปราคาหรือจันทรุปราคาในเรือนการงานหรือเรือน ที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของชีวิต หลังจากเกิดคราสไม่นาน ชีวิตพลิกผันเป็นไปในทางที่ดีขึ้นเห็นแสงปลายอุโมงค์ มีหนทางแก้ไข เยียวยาให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้

ในชะตาของบุคคลทั่วไปที่เป็นโรคร้ายรักษาหายยาก เช่น อัมพฤกษ์หรืออัมพาต ไม่มีหนทางเยียวยา จนเส้นเอ็นในส่วนนั้นๆ ยึด หรือตายแล้ว
เมื่อเกิดคราสถูกลัคนาหรือตนุลัคน์หรือดาวอายุ ทำให้โรคนั้นหายขาดหรือดีขึ้นราวปาฏิหารย์


ที่มา.http://waiwatthai.blogspot.com





ลงชื่อก่อนเลย ไปด้วยๆ
งานนี้ไม่พลาดอยุ่แล้ว ....ลงชื่อไว้ก่อน...อิอิ
สาธุ นับเวลา นับวัน นับคืน

รอเลยครับ
ร่วมด้วยครับ
จวนแล้วๆ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้