ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 28711
ตอบกลับ: 17
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

พระศรีอริยเมตไตรย

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2014-5-18 15:59

วันนี้เราจะรู้จักกับพระศรีอาริย์กัน




ทำไมเราต้องไปรู้จักกับพระศรีอาริย์ด้วย? คำตอบก็คือ พระศรีอาริย์คือพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ที่จะมาอุบัติในโลกในอนาคต
หลัง โลกตกอยู่ในยุคมืด ยุคมิคสัญญีอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง คือช่วงนั้น เป็นยุคที่โลกเสื่อมที่สุด มนุษย์จะไร้ศีลธรรม ไม่มีพระ ไม่มีศาสนา คนเข่นฆ่ากัน สมสู่กันเหมือนสัตว์ทั่วไป เมื่อนั้น พระศรีอาริย์จะมาอุบัติ และนำพาสัตว์โลกให้พ้นจากทุกข์ ดั่งที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเคยทำเมื่อสองพันกว่าปีก่อน
อย่าง ที่กล่าวไปแล้ว พระพุทธเจ้าในยุคปัจจุบันนี้มีเวลา 5,000 ปี และเมื่อสิ้นสุดศาสนาพระพุทธเจ้าโคดม ก็จะมีพระศรีอริยเมตไตรย์ ซึ่งเป็นองค์สุดท้ายในภัทรกัปนี้
ภัทรกัป คือ มหากัปที่พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น 5 พระองค์ คือ (พระเจ้า 5 พระองค์)
1.พระกกุสันธะสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระวรกายสูงสี่สิบศอก พระรัศมีจากพระวรกายแผ่ซ่านไปสิบสองโยชน์ ทรงมีพระชนมายุ 4 หมื่นปี
2.พระโกนาคมนะสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระวรกายสูงสามสิบศอก ทรงมีพระชนมายุ 3 หมื่นปี
3.พระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระวรกายสูงยี่สิบศอก พระชนมายุ 2 หมื่นปี
4.พระศรีศากมุนีโคตมะสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระวรกายสิบแปดศอก พระชนมายุ 80 ปี (พระพุทธเจ้าในยุคเรา)
5.พระศริอริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีฤทธิ์มาก พระวรกายแปดสิบศอก พระชนมายุ 8 หมื่นปี
   
         
การแบ่งกัปในทางพระพุทธศาสนาการแบ่งกัปในทางพระพุทธศาสนาแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ


  • สุญญกัป คือ กัปที่ว่างจากพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระเจ้าจักรพรรดิ
  • อสุญญกัป คือ กัปที่ไม่ว่างจากผู้มีบุญโดยเฉพาะพระพุทธเจ้า มี 5 กัปคือ


    • สารกัป คือกัปที่เป็นแก่นสาร มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ 1 พระองค์
    • มัณฑกัป คือ กัปที่ผ่องใส มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ 2 พระองค์
    • วรกัป คือ กัปที่ประเสริฐ มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ 3 พระองค์
    • สารมัณฑกัป คือกัปที่เป็นแก่นสารและผ่องใส มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ 4 พระองค์
    • ภัทรกัป คือกัปที่เจริญ มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ 5 พระองค์. กัปปัจจุบันเป็นภัทรกัปมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ได้แก่
    •       พระกกุสันธะ   พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ พระโคตมพุทธเจ้า พระศรีอริยเมตไตรย


การแบ่งกัปในฎีกามาเลยยสูตร
ฎีกามาเลยยสูตรแบ่งกัปไว้ 4 แบบคือ


  • อายุกัป คือ กำหนดอายุสัตว์ สัตว์เกิดมามีอายุเท่าไร เมื่ออายุสิ้นสุดลง เรียก 1 กัป
  • อันตรกัป คือ กำหนดอายุสัตว์ ระยะเวลาที่อายุขัยของมนุษย์ ลงจากอสงไขยปีจนถึง 10 ปี
แล้วขึ้นจาก 10 ปี จนถึงอสงไขยปี ( อสงไขยปีเท่ากับเลข 1 ตามด้วยเลขศูนย์ 140 ตัว )


  • อสงไขยกัป = 64 อันตรกัป
  • มหากัป = 4 อสงไขยกัป
  • อสงไขย = 256 อันตรกัป



พุทธพยาการณ์เกี่ยวกับพระศรีอาริย์


ความจริงพระศรีอาริย์เคยเกิดมาบนโลกมนุษย์แล้วครั้งหนึ่ง ในสมัยพระพุทธเจ้าปัจจุบัน และเคยเป็นบวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าด้วย
ครั้ง ที่พระพุทธเจ้าเสด็จกรุงกบิลพัสดิ์ พระนางปชาบดีโคตมี (พูดง่ายๆ คือแม่ใหม่ของพระพุทธเจ้า กล่าวคือ ตอนพระพุทธเจ้าประสูติ ได้ 7 วัน พระนางสิริมหามายา มารดาก็สิ้นพระชนม์ พระเจ้าสุทโธทนะ(พ่อพระพุทธเจ้า) จึงอภิเษกพระนางปชาบดีโคตมีเป็นชายา เป็นแม่นมเลี้ยงเจ้าชายสิทธัตถะมาตั้งแต่เด็ก)
พระ นางปชาบดีโคตมิตั้งใจนำผ้าสาฎก (ผ้าสำหรับห่มเวลาออกนอกบ้าน) ที่ทออย่างประณีตใส่ผอบแก้วถวายพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าไม่รับ โดยตรัสให้ไปถวายคณะสงฆ์จะได้กุศลมากกว่า นางจึงถวายแด่พระที่อยู่ใกล้ชิดพระพุทธเจ้า คือพระสารีบุตร (มือขวาพระพุทธเจ้า) พระสารีบุตรก็ไม่รับ ขยับไปหาพระโมคคัลลานะ (มือซ้ายพระพุทธเจ้า) ท่านก็ไม่รับ ถวายไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีใครรับ จนถึงพระภิกษุใหม่นามว่า อชิตะ ที่นั่งอยู่ท้ายสุด พระอชิตะก็รับผ้านั้นทันที
พระ นางปชาบดีเห็นเช่นนั้น ก็เกิดโทมนัส เสียพระทัย พระพุทธเจ้าทราบเช่นนั้น จึงหาวิธีที่จะช่วยให้นางคลายโทมนัส ด้วยการบอกให้พระอานนท์ไปนำบาตรของพระองค์มา แล้วยื่นพระหัตถ์ให้บาตรนั้นลอยขึ้นไปบนฟ้า และบอกกับสาวกทั้งหมดว่า ให้ไปนำเอาบาตรนั้นมา พระสารีบุตรก็เหาะเหินไปในอากาศด้วยอิทธิฤทธิ์ แต่ก็ไม่พบ พระโมคคัลลานะได้ชื่อว่ามีฤทธิ์มากที่สุด เหาะตามหาก็ไม่พบ  ไม่มีสาวกองค์ใดหาบาตรนั้นได้ จนพระพุทธเจ้าตรัสสั่งให้พระอชิตะให้แสดงความสามารถไปนำเอาบาตรทรงของตถาคตมา
พระ อชิตะซึ่งบวชใหม่ กล่าวว่า แม้พระสาวกทั้งหลายยังไม่สามารถนำบาตรมาได้ แล้วพระใหม่ที่ยังไม่ได้บรรลุแม้โสดาบัน ไม่มีอิทธิฤทธิ์อันเกิดจากอภิญญาฌานสมาบัติจะมีปัญญานำบาตรมาถวายได้อย่างไร
แต่ เมื่อพระอชิตะตั้งจิตอธิฐานว่า ตนเองก็พยายามรักษาศีล ประพฤติพรหมจรรย์มิให้ด่างพร้อย ด้วยเดชบุญแห่งความดีนี้ ขอบาตรจงมาประดิษฐานในหัถต์ในบัดนี้ด้วย
ทันใดนั้น บาตรก็ตกลงมาใสหัตถ์ของพระอชิตะ
พระพุทธเจ้าตรัสเป็นพุทธพยากรณ์ว่า
พระอชิตะภิกษุ จะได้ตรัสรู้เป็นพระศรีอริยเมตไตรย์ในอนาคตกาลภายในภัทรกัปนี้
พระนางปชาบดีโคตมะได้เห็นเช่นนั้น ก็ทรงหายโทมนัส
(* พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน เมื่อครั้งทรงเสวยพระชาติเป็นสุเมธดาบส ก็ได้รับพุทธพยากรณ์ว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าโดยพระทีปังกรพุทธเจ้า)


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-18 15:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2014-5-18 15:55

ตอนนี้พระศรีอาริย์อยู่ที่ไหน?
พระ อชิตะ หรือสมเด็จพระศรีอริยเมตไตรยบรมนิยตโพธิสัตว์ ภายหลังจากที่พระองค์ได้รับพุทธทำนายจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโคตมแล้ว เมื่อพระองค์จุติจากพระชาตินี้แล้ว (ตาย) ก็ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิต

นามว่า นาถเทวเทพบุตร รอเวลาจะลงมาเกิดและตรัสรู้ในกาลต่อไป
            (พระโพธิสัตว์ส่วนใหญ่ที่รอมาเกิดจะอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต)
            (พระ นางสิริมหามายา ซึ่งปวารนาตนว่า ขอให้เกิดเป็นพระมารดาของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
พระนางก็จะมาเกิดเป็นแม่ของพระศรีอริยเมตไตรย์อีกด้วย)
            ....
            เมื่อเห็นเช่นนี้...
ศรัทธาสาธุชนทุกท่าน
ถ้าไม่อยากเกิดในยุคมืด
ถ้าอยากไปเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ ไม่ต้องเวียนว่ายบ่อยๆ เพื่อรอไปเกิดในยุคพระศรีอาริย์ก็จงเร่งทำความดี
สร้างบุญ บารมีกันไว้มากๆ
บุญบารมีทำได้หลายอย่าง หลักๆ คือ
1.ทาน ให้ทานทุกชนิด
2.ศีล รักษาศีลให้บริสุทธิ์
3.ภาวนา คือไปปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ หรือภาวนาด้วยวิธีอื่นก็ได้
หมั่นทำสักอย่างกันนะ
ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้

*บางส่วนหยิบยืมมากจากหนังสือ พระศรีอาริย์ จอมศาสดาโลกอนาคต โดย เจตสิก
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-18 15:56 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2014-5-18 15:57

พระศรีอริยเมตตรัย คืออะไร?

คือผู้ที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตข้างหน้า ตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงทำนายไว้ โดยท่านได้ทรงทำนายว่าในอนาคตกาลจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้น10 พระองค์ คือ

- พระศรีอาริยเมตไตรย์ พระองค์หนึ่ง

- พระราม พระองค์หนึ่ง

- พระธรรมราช พระองค์หนึ่ง

- พระธรรมสามี พระองค์หนึ่ง

- พระนารท พระองค์หนึ่ง

- พระรังสีมุนีนาถ พระองค์หนึ่ง

- พระเทวเทพ พระองค์หนึ่ง

- พระนรสีหะ พระองค์หนึ่ง

- พระติสสะ พระองค์หนึ่ง

- พระสุมงคล พระองค์หนึ่ง

ยุคนี้ยังเป็นยุคของพระสมณะโคดมอยู่คือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้

ส่วนพระศรีอาริยะนั้นยังมาไม่ถึงอีก2400กว่าปีเพราะตอนนี้ท่านยังเป็น พระโพธิสัตย์อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตอยู่เลยต้องรออีกตั้ง2400กว่าท่านจะมา เกิดจะรออยู่เหรอหรืออยากมาพบท่าน ไม่ต้องปรารถนาหรอกปรารถนาจะไม่เกิดดีกว่า เกิดในสมัยพระพุทธเจ้าพระองค์ใด

ก็เหมือนกันธรรมอันเดียวกัน้พราะมันเป็นของอยู่คู่โลกอยู่แล้วเพียงแต่ว่าใครจะเป็นคนพบก่อนกันเท่านั้น


ยุคพระศรีอริยเมตตรัยนั้น เท่าที่ทราบไม่ใช่ว่าหมดยุคพระพุทธเจ้าสมนะโคดม ๕,๐๐๐ ปี แล้วจะเป็นยุคพระศรีอาริยะทันที แต่จะว่างจากพระพุทธเจ้าก่อน จะมีแต่เพียงพระปัจเจกพระพุทธเจ้าเท่านั้น คือ สำเร็จมรรคผลด้วยตนเองโดยที่ไม่มีใครสอน เมื่อบรรลุธรรมแล้วก็สอนใครแทบไม่เข้าใจ เพราะเป็นช่วงที่มนุษย์ห่างจากธรรม

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ว่างจากพระพูทธเจ้า กล่าวคือเมื่อครบ ๑๐๐ ปี อายุมนุษย์จะลดลง ๑ ปี ปัจจุบันพุทธศักราชที่ ๑๕๔๔ อายุมนุษย์โดยเฉลี่ยเท่ากับเหลื่อเพียง ๗๕ ปี หมดยุคพระพุทธเจ้าองศ์ปัจจุบัน มนุษย์อายุจะเหลื่อเพียง ๕๐ ปี และจะลดลงไปเรื่อยๆจนอายุมนุษย์เหลื่อ ๑๐ ปี จากนั้นเมื่อครบ ๑๐๐ ปี อายุมนุษย์ก็จะเพิ่มขึ้น ๑ ปี เป็นไปลักษณะนี้ จวบจนอายุมนุษย์ครบ ๘๐,๐๐๐ ปี พระศรีอริยะเมตตรัยถึงจะลงมาประสูต


คุนรู้ไหมว่าอีกประ มาน2500ปีนับจากนี้โลกของเราจะดับสูญพระพุทธเจ้าสิตธัตถะจะหมดไปท่านจะได้ เข้าสู้ยุคของพระพุทธเจ้าพระศรีอริยเมตตรัยซึ่งเปนองที่5เเละเป็นองค์สุด ท้ายของกัปป์นี้คุนอยากรู้อีกไหมว่าพอสิ้นยุคพระศรีอริยเมตตรัยไปเเล้วจ ะเกิดอะไรขึ้นเดี๊ยวเเดนมาต่อไห้โอกาสหน้านะคับ       พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้ว่า หลังจากพระศรีอริยเมตตรัยมาตรัสแล้ว ยังมีพระพุทธเจ้าต่อไปอีก ๕ พระองค์ คือ ในกัปนี้ทรงพระพุทธเจ้าได้ ๑๐ พระองค์

ศาสนาพระศรีอาริย์ ท่านว่าศาสนาของท่านนั้นมีผลดังนี้

     ๑. คนสวยทุกคน มีผิวเหลือง เนื้อละเอียด คนแก่ที่สุดมีทรวดทรงเท่ากับคนอายุประมาณ ๒๐ ปีเศษ ของสมัยนี้เท่านั้นเอง อายุคนสมัยนั้นท่านว่า มีอายุถึง ๔ หมื่นปีเป็นอายุขัย

     ๒. สมัยของท่าน ไม่มีคนจน มีแต่คนรวย มีต้นไม้สารพัดนึกอยู่ในที่ทุกสถาน สัตว์นรก เปรต อสุรกาย ที่มีจิตใจชั่วร้ายยังไม่มีโอกาสเกิดในสมัยของพระองค์ ท่านที่จะไปเกิดนั้น ต้องเป็นเทวดาหรือพรหมเท่านั้น โลกจึงมีแต่ความสุข ไม่มีตำรวจทหารมีแต่พ่อบ้านแม่เรือน

     ๓. การสัญจรไปมาก็สะดวกสบาย ไปทางไหนก็พายตามน้ำ

     ๔. คนเข้าถึงธรรมทุกคน ท่านว่าคนที่เจริญสมถะพอมีญาณ หรือมีวิปัสสนาญาณบ้าง พอสมควร จะเข้าถึงธรรมาพิสมัยได้โดยฉับพลัน คือเป็นพระอริยะเจ้า คนที่ได้อริยะต้นแล้ว จะเข้าถึงอรหัตผลได้โดยฉับพลัน คนที่ทำบุญไว้น้อย คือฟังคาถาพัน และปฏิบัติตามแต่ไม่สมบูรณ์ อย่างต่ำก็เข้าถึงไตรสรณคมน์ อย่างสูงก็ได้อริยะ  

ที่เป็นอย่างนี้ เป็นเพราะว่าท่านบำเพ็ญบารมีถึง ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป ท่านบำเพ็ญบารมีมาก คนเลวจึงเข้าแทรกแซงในศาสนาของพระองค์ไม่ได้ น่าเกิดจริงนะ


ดีจังครับ สงสัยมานาน ขอบคุนข้อมูลดีๆครับ
ขอบคุณคร้าบ
สาธุครับ
อนุโมทนา
สาธุ
ศรัทธาสาธุชนทุกท่าน
ถ้าไม่อยากเกิดในยุคมืด
ถ้าอยากไปเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ ไม่ต้องเวียนว่ายบ่อยๆ
เพื่อรอไปเกิดในยุคพระศรีอาริย์ก็จงเร่งทำความดี
สร้างบุญ บารมีกันไว้มากๆ


บุญบารมีทำได้หลายอย่าง หลักๆ คือ


1.ทาน ให้ทานทุกชนิด
2.ศีล รักษาศีลให้บริสุทธิ์
3.ภาวนา คือไปปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ หรือภาวนาด้วยวิธีอื่นก็ได้
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้