ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นครนาคราช
›
ทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับ "พญานาคราช" เชิญที่นี่
»
อาภัสสรเทพมหาพรหม
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
ดู: 4127
ตอบกลับ: 9
อาภัสสรเทพมหาพรหม
[คัดลอกลิงก์]
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36194
ไปยังโพสต์
1
#
โพสต์ 2014-5-8 15:13
|
ดูโพสต์ทั้งหมด
|
โพสต์ใหม่ขึ้นก่อน
|
โหมดอ่าน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-5-11 09:19
ตามพระพุทธพจน์ตรัสไว้ในอัคคัญญสูตร์
(ทีฆนิกาย
ปาฎิกวัคค สุตตันตปิฎก เล่ม ๑๑/๘๗-๑๐๗)
ขอเล่าย่อแบบนี้ว่า โลกนี้
เดิมมีมาแล้วแตกสลายไป กลับมีขึ้นอีก มีจำนวนเป็นอสงขัย คือ นับไม่ได้
จึงเกิดเป็นสังวัฏฏกัป คือ
ว่างเปล่าไม่มีโลกเป็นชัชฎากาศนั้น
เนิ่นนานมาจึงเป็นวิวัฏฏกัป
คือเกิดเป็นโลกซ้ำเดิมอีก ว่าสังวัฏฏกัปกาลนั้น นานเท่าวิวัฏฏกัปกาล
ก่อนที่จะเป็นแผ่นดินตรัสว่า เอโกทกีภูตํ เป็นสิ่งมีน้ำอย่างเดียว
เมื่อโลกกำลังเป็นอยู่ เนิ่นนานมานั้น
มีพวกสัตว์อาภัสสรกาย
(แปลว่า มีร่างกายซ่านสว่างทั่ว เป็นอาภัสสรเทพ
มหาพรหม)
มโนมยา สำเร็จทางใจ
ปีติภกฺขา มีปีติเป็นอาหาร
สยํปภา
มีแสงสว่างเป็นของตนเอง
อนฺตลิกฺขจรา ท่องเที่ยวไปในพื้นว่างเปล่าได้
สุภฏฺฐายิโน มีฐานะอันดี
ท่องเที่ยวมาเสมอ ในสมัยที่ยังมืดทึบมิดดำ
ไม่มีจันทร์ อาทิตย์ ดาว ไม่มีคืนวัน ฯลฯ
เนิ่นนานนักหนา ง้วนดิน รสปฐวี
มีขึ้นเสมอพื้นน้ำ เป็นพื้นฝาตลอด มีสีขาวเหมือนนมเย็น มีกลิ่นหอม มีรสอร่อย
พวกนั้น ผู้หนึ่งเอานิ้วจิ้มลิ้มรสติดใจแล้ว ผู้อื่นก็ตามอย่างมากๆเข้า
สยัมปภา
แสงประจำตนก็หายไปหมด
จึงมีกลางคืนกลางวัน ฯลฯ
พวกเหล่านั้น
สิ้นสยัมปภาแล้ว ก็กลายเป็นมนุษย์พันธุ์ มีผิวพรรณต่างกัน มีคำพูดกันขึ้น
รสปฐวีหายไป
เกิดกะเฒาะพื้นดินสูงขึ้นเหมือนร่มงู (ภูมิปปฺปฏิโก อหิฉตฺตโก)
นานมาก็หายไป เกิดเครือเถาดอกเหมือนหนามแดง (ปทาลตา กลมฺพุกา)
และเกิด สาลี
ไม่แข็งเป็นท่อนสุกเอง ไม่หัก ไม่หยาบ ขาวสะอาด มีกลิ่นดี มีผลเป็นข้าวสาร
(อกฏฺฐปาโก สาลิ ปาตุรโหสิ อกโณ อถุโส สุทฺโธ สุคนฺโธ ตณฺฑุลปฺผโล)
ตั้งแต่กาลนานนักหนานั้น มีมนุษย์ขึ้นแล้ว
พืชพันธุ์ต่างๆก็เกิดมา สัตว์อื่นๆก็เกิดมีขึ้นตลอด ตอนนี้ พวกอาภัสสร
ที่หมดแสงประจำตัวแล้ว ก็เที่ยวไปไม่ได้ เกิดมนุษย์ชาติขึ้นแล้ว
ตอนที่ปรากฎข้าวสาลีนี้ พวกมนุษย์เหล่านั้นก็วิวัฒนาการมากขึ้น
ก็ปรากฎเพศหญิง เพศชายขึ้น ต่างก็เพ่งมองกันมากๆเข้า
ก็เกิดรักใคร่เร่าร้อนในร่างกายขึ้น (สาราโค อุทปาทิ ปริฬาโห กายสฺมึ โอกฺกมิ)
จึงเสพเมถุนธรรมกันแล้ว (เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวึสุ)
พวกอื่นต่างตำหนิติเตียนไล่ขว้างปา พวกรักกันจึงคิดทำเพื่อปกปิดการนั้น
จึงสร้างบ้านเรือน อาคาร จึงเป็น คาม นิคม ชนบท สืบพันธุ์ ลูก หลาน เหลน กันมา
ที่ย่อมานั้น เป็นพระพุทธพจน์ ตรัสเล่าแก่ วาเสฏฐพราหมณ์ และ
ภารัทวาชพราหมณ์
อาภัสสรกาย ที่ตรัส ระบุในสูตรนี้ หรือ ผีฟ้าแสงที่มาเกิด
ไทยเรียกว่า
ดาวตกหรือผีพุ่งใต้ ถือว่า วิญญาณมาเกิด
ในโองการแช่งน้ำมีว่า
จาวชิมดิน แสงหล่น
คุณว่า..ดาวตกหรือผีพุ่งใต้
รูปร่างเหมือนอะไรครับ ???
ทำไมคนโบราณถึงบอกว่า
พญานาคคือ บรรพบุรุษของ
ชาว
สุวรรณภูมิ ??
บุ๊คมาร์ก
0
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36194
2
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-5-8 15:53
|
ดูโพสต์ทั้งหมด
พระราหู คือ โลก ???
โบราณท่านแฝงความปริศนาจริงไว้ ในรูปแบบ นิยาย
เพื่อให้ลูกหลานได้ศึกษา และจดจำได้ง่าย
คุณคิดว่า คนโบราณ ท่านออกไปยืนมุมไหน มองโลก
ถึงสร้างรูปพระราหู ออกมาเป็นแบบนี้ ???
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36194
3
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-8-22 10:07
|
ดูโพสต์ทั้งหมด
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...