ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 29510
ตอบกลับ: 62
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ ตะกรุดมหาจักรพรรดิ์ ~

[คัดลอกลิงก์]
ตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราช      

         เป็นแผ่นโลหะ  เงิน  ทอง  นาค  แล้วแต่ที่จะจัดทำขึ้นในคราวหนึ่งๆ  แผ่นโลหะนี้จารึกยันต์พระพุทธคุณ  พระธรรมคุณ  พระสังฆคุณ  เมื่อวันที่  30  มีนาคม  พ.ศ.  2500  ทางวัดปรินายก  จังหวัดพระนครได้จัดกระทำพิธีมหาจักรพรรตราธิราช  เพื่อสร้างตะกรุดนี้ขึ้น  มีบันทึกซึ่งทางวัดได้จัดพิมพ์เป็นการอธิบายถึงการสร้างของดีของไทยชั้นหนึ่ง  ซึ่งตำรับเดิมกำลังจะเสื่อมสูญสิ้นไปบันทึกนั้นมีดังนี้

         “พิธีมหาจักรพรรตราธิราช  จัดว่าเป็นมาหาพิธีกรรมที่สำคัญยิ่งที่รวมเอาพิธีกรรมที่สำคัญมาไว้ในมหาพิธีนี้  เช่นพิธีสวดพระปริตรนพเคราะห์  พิธีสวดภาณวาร  พิธีสวดพุทธาภิเศก  พิธีสวดทิพยมนต์  (สวดชัย)  พิธีสวดพระคาถารัตนมาลา  เป็นพิธีที่ได้ประกอบขึ้นในประเทศไทยนับแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี  ต้นฉบับเดิมเป็นของวัดประดู่โรงธรรม  กรุงเก่า  เป็นพิธีสำหรับประกอบขึ้นเพื่อสร้างพระยันต์วิเศษ  “มหาจักรพรรตราธิราช”  จารึกลงในแผ่นโลหะทำเป็นแผ่นตะกรุด  ซึ่งประกอบขึ้นด้วยอำนาจ  ของพระพุทธคุณ  พระธรรมคุณ  พระสังฆคุณ

         พิธีนี้เมื่อจะประกอบขึ้นจำเป็นจะต้องอาราธนาพระสงฆ์  และพระเถราจารย์มาร่วมประกอบพิธีเป็นจำนวนมาก  เป็นพิธีที่ถือกันว่าสำเร็จขึ้นจากอิทธิฤทธิ์  และบุญญฤทธิ์ของพระมาหาบุรุษที่ทรงอานุภาพบรรลุถึงสมบัติบรมจักรพรรดิที่แท้จริง  นั่นก็คือ  สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระมหาสาวกเท่านั้น  เพราะท่านสมบูรณ์พร้อมด้วยอริยทรัพย์  และโลกียทรัพย์  ฉะนั้นพิธีนี้เมื่อจะประกอบขึ้นจึงจำเป็นต้องนิมนต์พระคณาจารย์มาให้ได้ครบ  108  องค์โดยสมมติให้เป็นพระวิปัสสิสัมมาสัมพุทธเจ้า  28   องค์  พระอสีติมหาสาวก  80  องค์  รวม  108  องค์  ด้วยกัน  เพื่อจะร่วมประกอบพิธีนี้

         นอกจากนั้นก็มีพระพิธีธรรมสำหรับสวดภาณวาร  สวดพุทธาภิเศก  สวดพระทิพยมนต์  และพระคณาจารย์สำหรับนั่งปรกบริกรรมจนกว่าจะสุดสิ้นพิธี เฉพาะพิธีมหาจักรพรรตราธิราชนี้  เท่าที่ทราบจากคำบอกเล่าของท่านเกจิอาจารย์ว่า  เคยได้กระทำขึ้นแน่นอนครั้งหนึ่งสมัยกรุงศรีอยุธยา  คือพระพรหมมุนี  วัดปากน้ำประสพได้สร้างถวายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  และในสมัยรัตนโกสินทร์นี้  ดูเหมือนจะได้กระทำขึ้นครั้งหนึ่งที่วัดประดู่โรงธรรม  ในสมัยสมเด็จพระปิยะมหาราชรัชกาลที่  5  อันตะกรุดที่สร้างขึ้นด้วยพระยันต์มหาวิเศษ  “มหาจักรพรรตราธิราช”  นี้ท่านกล่าวอุปเท่ห์คุณานุภาพไว้ดังนี้

         สิทธิการิยะ  ท่านทิศาปาโมกขาจารย์   ท่านได้ประชุมกันสร้างมหายันต์นี้ขึ้น  โดยจารึกไว้บนแผ่นหินบรรจุไว้ในสระน้ำใหญ่  เพื่อหวังที่จะให้กุลบุตรผู้ใดที่เล่าเรียนพระไตรปิฎกได้อาบกินน้ำในสระนั้นแล้ว  สติปัญญาความทรงจำจะได้ดีขึ้น

         อนึ่ง  ถ้าหากกุลบุตรผู้ใดปรารถนาจะใคร่จำเริญในลาภและยศ  ท่านให้ลงพระมหายันต์นี้ใส่ในแผ่นทองคำก็ได้  แผ่นทองแดงหรือแผ่นตะกั่วก็ได้  ทำเป็นตะกรุดเอาแช่น้ำบูชาไว้  ยิ่งแช่ไว้ในขันสัมฤทธิ์  (หรือขันน้ำมนต์ที่ประกอบขึ้นตามพิธี)  ยิ่งดี  เอาน้ำที่แช่ตะกรุดนั้นกินบ้าง  ลูบหน้าบ้าง  เอารดศรีษะบ้าง  บำบัดโรคภัยทั้งหลาย  ทั้งจะมีอายุยืนนาน  บังเกิดลาภยศตามแต่จะถึงปรารถนา  อธิษฐานเอาเถิดได้สำเร็จความปรารถนาทุกประการแล

         อนึ่ง  จะให้มีตบะเดชะ  ให้เอาตะกรุดมหาจักรพรรตธิราชนี้ผูกเอวไว้  ให้รูตะกรุดนั้นไว้ข้างหน้า  ใครเห็นใครก็กลัว  ใครเห็นใครรักแล  ถ้าจะเล่นการพนันให้รูดตะกรุดนั้นมาไว้ข้างหน้า  ตั้งใจอธิฐานเอาว่าจะต้องการเงินสักเท่าไหร่  ก็ให้พึงเอาเพียงนั้นเถิด  พึงตั้งมั่นอยู่ในความสัตย์  ให้ตั้งความปรารถนาทุกอย่างไม่แพ้แก่ใครในการเล่นการพนันเลย

         อนึ่ง  ถ้าจะให้ทำมาค้าขึ้น  เพื่อที่จะขายสินค้าได้คล่อง ๆ ให้เอาตะกรุดนี้แช่ทำน้ำมนต์  เอาน้ำมนต์นั้นประพรมสินค้า  ก็จะซื้อง่ายขายคล่องแล  ถึงแม้ว่าผีเข้าคนอยู่ก็ดี  เกิดโรคภัยไข้เจ็บทุกขเวทนาต่าง  ๆ ก็ดี  เอาน้ำมนต์ที่แช่ตะกรุดนี้ประพรมผีร้ายออกหนีไปสิ้นมิอาจจะอยู่ได้เลย  เป็นอันขาดทั้งโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ก็จะบรรเทาสูญหายถอนแก้กระทำย่ำยีถูกเสน่ห์ยาแฝดหายสิ้นทุกประการ  ประพรมบ้านเรือนปัดเป่าตัวเสนียดจัญไรต่าง ๆ หายสิ้นกันฟ้ากันไฟก็ได้  ถ้าหากถูกคดีเป็นถ้อยร้อยความ  ให้เอาน้ำมนต์แช่ตะกรุดนี้อาบรด จะมีชัยชนะแก่คู่ความแล

         อนึ่ง  ถ้าจะกันโจรผู้ร้ายมิให้ทำอันตรายแก่เรา  ให้เอากรวดหรือทรายมาแล้วเอาน้ำมนต์ที่แช่ตะกรุดนี้ประพรมบริเวณบ้านเรา  อธิษฐานขอเอาบารมีพระพุทธคุณ  พระธรรมคุณ  พระสงฆ์คุณ  จงมาช่วยคุ้มครองป้องกันอันตรายบรรดาคนคิดร้ายที่เข้ามาเหยียบถูกเอากรวดทรายที่หว่านโปรยไว้  จะบันดาลให้มีอันเป็นไปต่าง ๆ นานา มิสามารถที่จะทำร้ายเราได้เลย

         ตะกรุดดอกนี้อยู่กับผู้ใด  ผู้นั้นเจริญในลาภยศมิรู้ขาดเลย  ถึงแม้จะมีอุปสรรคอันตรายบาปเคราะห์รบกวนสักเท่าไหร่ก็ดี   ก็สามารถจะฝ่าฟันไปได้  มิรู้ยากรู้จนเลย  เจริญในลาภยศทุกประการ  คุ้มกันสรรพเสนียดจัญไรสารพัด  คุณไสยนานาประการ  นำติดตัวไปสารทิศใดก็ดีข้าศึกศัตรูพ่ายแพ้ไปสิ้น  มิอาจจะทำอันตรายแก่เราได้  เป็นที่รักที่ชอบแก่คนทั้งหลาย  แม้เข้าประจัญด้วยข้าศึกศัตรูก็บันดาลให้เกิดมีตบะเดชะเป็นมหาจังงังแก่ข้าศึกทั้งมวล  อย่าว่าแต่ศึกมนุษย์  ถึงเทพยดาก็ครั้นคร้ามแล  อุปเท่ห์ของตะกรุดมหาจักรพรรตราธิราชนี้สารพัดใช้ได้ทุกประการ  ทรงคุรานุภาพเหลือจะคณานับ  ประสิทธิทุกประการแลตามแต่จะใช้เถิด

         พิธีมหาจักพรรตราธิราชดังกล่าวนี้  ได้ประกอบขึ้นพร้อมกันกับการหล่อพระพุทธรูปจำลองพระสุรภีพุทธพิมพ์อันเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดปรินายก  สร้างในสมัยสุโขทัย  เป็นพระพุทธรูปสำคัญของประเทศไทยองค์หนึ่ง  ซึ่งทางราชการขึ้นบัญชีเป็นวัตถุโบราณของชาติ

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-1 14:50 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
  ##  ยันต์จักรพรรตราธิราช##


ได้ก่อกำเนิดขึ้นม่าเพื่อต่อยอดบารมีพระโพธิสัตว์ให้โปรดสัตว์โลกได้เต็มกำลัง  

เหล่าทวยเทพต่างๆสรรพวิญญานในมิติต่างๆทีเคยร่วมบารมีกันมากับพระโพธิสัตว์พระองค์นั้นมาหลายภพ

หลายชาติจะมาช่วยอนุโมทนาสาธุทุกครั้งในการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์เจ้า สามัญชนทั่วไปควร

หลีกเลี่ยงเพราะเอาไปใช้นอกจากจะไม่ได้ผล ยังจะกดดวงผู้บูชาเข้าให้อีก



เป็นพระยันต์ที่ถกเถียงกันไม่จบ ต่างคนก็ต่างอ้างที่มา ต่างอ้างครูบาอาจารย์แห่งตน

จึงหาข้อสรุปเป็นสากลไม่ได้ว่าของใครถูกผิดจริง เวลาอ่านเวลาคุย ก็ฟังหูไว้หูแล้วกัน

ตะกรุดมหาจักรพรรดิ์เป็นเครื่องสูง โบราณจึงมีการปิดบังสงวนไว้เพื่อเชื้อกษัตริย์ เพื่อ...

กันคนคิดคตต่อชาติบ้านเมือง ผูกสร้างตะกรุดมหาจักรฯ ให้วาสนาบารมีของตนเทียบเท่า

พระมหากษัตริย์ เพื่อจะได้ปราบดาภิเศกจึงจำต้องปิดบังกันไว้ยิ่งชีวิต ปิดกันไปบังกันมา

ลองผิดลองถูก.... จนไม่ทราบว่าอันไหนของจริงของแท้ ยากจะแยกแยะ



การสร้างตะกรุดมหาจักรพรรดิ์สร้างไว้สำหรับคนมากบารมีเชื้อสายพระโพธิสัตว์ชาติกษัตริย์ แต่.....

ก็มิได้คู่ควรแก่กษัตริย์ทุกพระองค์ การสร้างตะกรุดขึ้นต้องมีเหตุมีปัจจัยมีกาละอันเหมาะสมก็เพื่อ

บรรเทาทุกข์บำรุงสุข พิทักษ์บำรุงพระศาสนา ดั่งเทพธรรมบาล

เพื่อสันติสุขมหาชน ชาติศาสนาเป็นหลักปัจจัยใหญ่่  

มีสาเหตุ มีกาละที่เหมาะสมในการสร้าง .......................



ปัจจุบันจะหาผู้รู้จริงทำได้จริงจะมีสักกี่คนในแผ่นดิน

"คนรู้จริงก็สมาธิไม่ถึง คนสมาธิถึงก็รู้ไม่จริง"

ถ้าจะสร้างกันจริงคงต้องหาคนรู้จริง กับ..............

คนสมาธิถึงจริง มาร่วมกัน จึงคงจะพอสำเร็จกระมัง



**ไม่แนะนำให้หามาบูชาติดตัวเพราะถ้าเป็นของแท้ๆ ของจริงๆ แล้วไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ

แต่ถ้ามั่นใจว่าบารมีแก่กล้าพอก็เชิญลองดู........




ปล. บ้างคนบอกว่าแขวนบูชาแล้วไม่เห็นเป็นอะไรเลย? แล้วคุณมั่นใจแล้วหรือว่าเป็นของจริง


(ถ้าบุญเราถึงจริง เดี๋ยวมาเองไม่ต้องไปไขว่คว้า เดี๋ยวมาเอง ๆ ๆ)


หมายเหตุ ข้อมูลบทความจาก อ.สรายุทธ
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-1 14:51 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
Sarayut

"ตระกรุดมหาจักรพรรดิ์"

หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน จ.สระบุรี
  
นับได้ว่าเป็นของขลังชิ้นเอกของท่านเพราะปรากฎพุทธานุภาพมากมาย เปรียบประดุจแก้วสารพัดนึก  

ทีเดียวและจะถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ชื่อเสียงของท่านเป็นที่เลื่องลือกล่าวขวัญของบรรดาศิษยานุศิษย์ก็คงไม่จะผิดนัก  

บรรดาผู้ที่มีตระกรุดชนิดนี้ติดตัวได้เคยเจอประสพการณ์อภินิหารจากตระกรุดในรูปต่างๆกัน  

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือตระกรุดชนิดนี้ได้แสดงอภินิหารช่วยเหลือผู้เคารพนับถือมามากต่อมากแล้ว  

ท่านทำตระกรุดชนิดนี้เฉพาะวันพฤหัสข้างขึ้นเท่านั้น ซึ่งหนึ่งเดือนท่านทำได้ 2 ครั้งๆละไม่เกิน 10 ดอก  

โดยทำในพระอุโบสถหลังเก่า วันอัมพวัน ปัจจุบันที่อยู่หลังวิหารหลวงพ่อย้อย  

ซึ่งจัดให้มีใบศรีครบเครื่องบริบูรณ์ถูกต้องตามพิธีไสยศาสตร์ วัสดุที่ใช้ซึ่ง

จะเป็นทองคำ นาค เงิน ทองแดง หรือทองเหลืองก็ได้ นำมาตัดรูปจตุรัส มีความยาวประมาณ 4 นิ้วตีเส้นตาราง  

บนแผ่นโลหะแล้วลงอักขระขอมตามลำดับแบบการเดินของม้าหมากรุกโบราณของไทย ลงให้ได้ครบ 216 ช่อง  

โดยไม่ให้ผิด จึงจะเป็นมหาจักรพรรตราธิราช ถ้าลงผิดหรือลงไม่ครบ 216 อักขระใช้ไม่ได้

ก็ไม่เรียกเป็นมหาจักรพรรตราธิราช  

เมื่อลงเสร็จจะนำมาปลุกเสกอีกครั้งหนึ่งจึงนำออกแจกลูกศิษย์ไดก่อนหน้าที่ท่านทำตะกรด

มหาจักรพรรตราธิราชนี้ ทั่วประเทศไทยดูเหมือนจะมีหลวงพ่อย้อย ปุญญมี เพียงองค์เดียงที่ทำมหาจักรพรรตราธิราชได้  

เพราะเคยปรากฎว่ามีอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านได้เคยทำปรากฎว่าลงได้เพียง 108 อักขระ คือครึ่งเดียว  

ซึ่งไม่เรียกมหาจักรพรรตราธิราช ท่านสร้างตลอดเรื่อยมาจนกระทั่งมรณะภาพ

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-1 14:51 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
" ตะกรุด " เป็นหนึ่งในเครื่องรางของขลังที่ผูกพันกับคติความเชื่อในสังคมไทยมาช้านาน โดยเฉพาะในการรบทัพจับศึกเข้าสู่สนามรณรงค์สงคราม พระ บรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ประทับนั่งเด่นเป็นสง่าอยู่ในมหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก ที่พระรูปขององค์สมเด็จฯ ท่านคล้องไว้ด้วยตะกรุดดอกใหญ่ เรียงเป็นแนวยาวพาดพระอังสะ ในลักษณาการเฉียงลงถึงบั้นพระองค์ มีสายตะกรุด ๑๖ ดอก คล้องเป็นแนวยาวทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โบราณเรียกกันว่า "ตะกรุดโสฬส" พระองค์ท่านสะพาย ๒ เส้น เป็นหนึ่งในความนิยมประเภทเครื่องรางของพระเกจิอาจารย์แต่ละยุคสมัยคงไว้ ซึ่งความเข้มขลัง ศักดิ์สิทธิ์ ดีในทางแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ป้องกันภยันตราย ภัยพิบัติทั้งปวง รวมทั้งด้านเมตตามหานิยม ค้าขาย โชคลาภ กลับดวง พลิกชะตา เลื่อนยศ ร้ายกลายเป็นดี

บรรดาเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษนิยมสร้าง ตะกรุด เพื่อป้องกันอันตรายและ ตะกรุด ก็ มีพัฒนาการเรื่อยมาจากดอกใหญ่หนาสำหรับการออกศึกสงคราม ก็ค่อยๆ ลดขนาดลง หรือใช้วัสดุประเภทไม้สร้าง บางทีก็จัดทำเป็นดอกเล็กๆ ในลักษณะเครื่องรางติดตัวหรือสามารถตอกฝังเข้าไปในร่างกายได้

ตะกรุด ถือเป็นเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง ทำด้วยโลหะบ้าง อโลหะบ้าง เช่นแผ่นตะกั่ว แผ่นเงิน แผ่นทอง หรือทองแดง บางครั้งก็ใช้ไม้ไผ่ หรือกระดูกสัตว์ก็มี เมื่อได้วัสดุตามต้องการแล้ว ก็จะทำการลงอักขระ หรือผูกเป็นยันต์ โดยส่วนใหญ่จะเป็นบทสรรเสริญพุทธคุณ มีความเชื่อที่ว่า ตะกรุดสามารถคุ้มครองผู้ครอบครอง หรือสร้างความมีเสน่ห์เมตตาให้แก่ผู้พบเห็นได้

ตะกรุด ทำมาจาก วัสดุต่างๆมากมายตามตำราของครูบาอาจารย์แต่ละท่านแต่ที่พบโดยทั่วไปจะเป็น การนำโลหะแผ่นบางๆ อาจจะเป็น ทองคำ เงิน นากตะกั่ว หรือโลหะธาตุผสมอื่นๆ มาลงอักขระเลขยันต์โดยครูบาอาจารย์ ซึ่งจะใช้เหล็กจารเขียนพระคาถาผูกขึ้นเป็นมงคล ก่อนที่จะม้วนให้เป็นแท่งกลม โดยมีช่องว่างตรงแกนกลาง สำหรับร้อยเชือกติดตัวไปไหนต่อไหน อาจนำมาหล่อหลอมรวมกันแล้วทำเป็นตะกรุดหล่อโบราณ ทำจากรางน้ำฝน , ทำจากกาน้ำ , ทำจากใบลาน ตัดเป็นแผ่นก่อนแช่น้ำแล้วนำมาม้วนเป็นทรงกลม , ทำจากหนังสัตว์ เช่น หนังเสือ , หนังหน้าผากเสือ , หนังงู ,หนังเสือดาว ,หนังลูกวัวอ่อนตายในท้องแม่ หรือจากกระดูกสัตว์ ตะกรุดกระดูกช้าง , ตะกรุดจากเขาวัวเผือก หรือจากไม้มงคลต่างๆ เช่น ไม้ไผ่ ซึ่งมีทั้ง ไผ่ตัน และ ไผ่รวก ไม้คูณ ไม้ขนุน ปัจจุบันก็มีรูปแบบใหม่ขึ้นมาโดยทำมาจากปลอกลูกปืน อาศัยนัยยะว่า แม่ไม่ฆ่าลูก แล้วอาจจะถักด้วยเชือก ด้ายมงคล พอกด้วยผงยา จินดามณี แล้วนำไปจุ่มหรือชุบรัก ปิดทอง ตามตำรา

ตะกรุดได้ถูกสร้าง โดยอ้างถึงพุทธคุณ ธรรมคุณสังฆคุณ เพราะหากทำวัตถุบูชาเป็นรูปพระพุทธเจ้าแล้ว หากนำไปในสถานที่ต่างๆ เช่น สนามรบ อาจจะไม่บังควร โดยอาศัยตัวอักขระ หรือ เลขยันต์ แสดงความหมายที่แตกต่างกันออกไป ตะกรุด หากเป็นดอกเดียว เราเรียกว่า ตะกรุดโทน หากเป็นสองดอกจะเป็น ตะกรุดแฝด หรือเป็นโลหะ 3 ชนิด ที่เรียกว่า สามกษัตริย์ หาก 16 ดอก เรียกตะกรุดโสฬส

ตะกรุดต่างๆส่วนใหญ่ที่เป็นโลหะ จะมีความเชื่อที่แตกแขนงออกไปอีก อาทิเช่น ถ้าเป็นตะกรุดที่ต้องการให้เกิดผลทางด้าน เมตตา มักจะทำโดยใช้ แผ่นทอง หรือแผ่นเงิน ตะกรุดที่ต้องการให้เกิดผลทางคงกระพัน จะใช้แผ่นทองแดง ตะกรุดที่ต้องการให้เกิดผลทางด้านแคล้วคลาด มักจะใช้แผ่นตะกั่ว เป็นต้น

ตะกรุด ใช้บูชาอยู่ 2 แบบ คือ ใช้แขวนคอ และอีกแบบใช้คาดเอว โดยดอกตะกรุดจะขนานกันไปในแนวนอน
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-1 14:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราช หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน อ.เสาไห้ จ.สระบุรี

รูปแบบยันต์เหมือนตะกรุดครอบจักวาลของหลวงปู่สงัด



ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-1 14:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
จ๊อ

ตะกรุดมหาจักรพรรดิ์ ของหลวงปู่ย้อย วัดอัมพวันสระบุรี ยันต์ที่ลง

เป็นยันต์ตัวเดียวกันกับยันต์ตะกรุดครอบจักรวาลของหลวงปู่่สงัด

ใครหาตะกรุดมหาจักรพรรดิ์หลวงพ่อย้อยไม่ได้แนะนำ

ของหลวงปู่สงัด จร้า


7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-1 14:55 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้






นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

ขอนอบน้อม แด่พระผู้มีพระภาคอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความสำคัญของพระเจ้าจักรพรรดิ์ในพระพุทธศาสนา

พระเจ้าจักรพรรดิ์ ที่กล่าวถึงนี้ ไม่ใช่ เจ้าจักรพรรดิ์ที่เราเคยรู้จักจาก การอ่านหนังสือ หรือชมภาพยนตร์ พระเจ้าจักรพรรดิราช ในที่จะกล่าวถึงนี้ มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฏก จากการศึกษาพระสัทธรรมทำให้ทราบว่า พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ทรงได้เคยเกิดเป็น พระเจ้าจักรพรรดิราชมาแล้วทั้งสิ้น เนื่องจากกุศลกรรมที่ กระทำไว้อย่างยิ่งใหญ่ พระพุทธเจ้าทุกๆประองค์ทรงกล่าวสรรเสริญ พระเจ้าจักรพรรดิ์ ว่าเป็นผู้ที่มีความประพฤติที่ดีงามและ ทรงเป็นผู้ที่มีบุญมากในฝ่ายมนุษย์ การบังเกิดขึ้นของพระองค์เป็นสิ่งที่ยากยิ่งนัก ถ้าพระองค์บังเกิดขึ้น พระองค์จักได้เป็นผู้ครองครองแผ่นดินโดยมีมหาสมุทรทั้ง4 เป็นขอบเขต มีราชอนาจักรที่ยิ่งใหญ่มากกว่าพระราชาใดๆในโลกทั้งหมด โดยที่พระองค์มิได้รุกรานประเทศใดๆเลย พระองค์จะมีพระโอรสมากกว่า1000 พระองค์ ทุกพระองค์ล้วนกล้าหาญ มีสติปัญญา เฉลียวฉลาด รอบรู้วิชาการด้านต่างๆ มากมาย ช่วยดูแลปกครองประเทศแทนพระองค์ มิให้พระเจ้าจักรพรรดิ์ต้องลำบากพระวรกายเลย


การประพฤติพระองค์เมื่อทรงพระชนม์อยู่

ทรงสละทรัพย์ เพื่อเป็นมหาทาน
ทรงรักษาศีล 8 ในวันพระ
ทรงเคารพ พระรัตนตรัยอย่างยิ่ง
ทรงประพฤติธรรม ปฏิบัตธรรม
ทรงสั่งสอน ปวงประชาให้มีความประพฤติดีงาม
ตามข้อความที่มีกล่าวในพระไตรปิฏก การบังเกิดขึ้นของพระเจ้าจักรพรรดิ์ในโลกมนุษย์ จะมีสิ่งที่เรียก แก้วรัตนะ7ประการ บังเกิดขึ้นดังนี้
จักรแก้ว ขึ้นมาจากมหาสมุทร แล้วเหาะมาหาพระองค์ มีอิทธิฤทธิ์มาก
ช้างแก้ว ช้างฉัททันต์ เหาะมาจากป่าหิมพานต์ เมื่อพระองค์ระลึกถึง
ม้าแก้ว ม้าพลาหกอัศวราช ม้าคู่บุญของพระเจ้าจักรพรรดิ์ เหาะมาเมื่อพระองค์ระลึกถึง แก้วมณี เหาะมาทางอากาศ บังเกิดขึ้น เมื่อพระองค์ระลึกถึง
นางแก้ว พระมเหสีคู่บารมีพระองค์ มีความงดงามกว่าหญิงใดๆในเมื่องมนุษย์
ขุนคลังแก้ว ขุนคลังที่มีตาทิพย์ หูทิพย์ ได้ด้วยบารมีของพระเจ้าจักรพรรดิ์
ปริณายกแก้ว ขุนนางคู่พระบารมี ค่อยจัดการงานราชการต่างแทนพระองค์เป็น บุคคลที่มีปัญญามาก

นับได้ว่าเป็นสิ่งที่อัศจรรย์อย่างสิ่ง ที่จะมีสิ่งต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้น เพราะโลกของเรานี้เป็นเมื่องมนุษย์อีกอย่าง รัตนแก้วทั้ง7 เป็นสมบัติของพระองค์ จะมีได้ก็ด้วย การที่พระเจ้าจักรพรรดิราชยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ หากพระทรงเสด็จสรรคตไป แก้วรัตนะ7ประการก็จะหายไป

ผมเรียนท่านผู้อ่านตามตรงว่าตัว ผมเองเมื่ออ่านและฟังพระสูตรนี้ยังมิได้เชื่อ ตั้งแต่แรกครับ ผมมีข้อสงสัยมากว่าจะจริงหรือไม่ว่า จะมีเหตุการณ์อัศจรรย์ ต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นได้ในโลกมนุษย์ แต่เมื่อศึกษาและสอบถามจากท่านผู้ศึกษาพระสัทธรรม ทำให้ผมได้ เข้าใจว่า ในกาลเวลานั้น เป็นกาลที่ผู้มีบุญอันยิ่งใหญ่มาเกิด คล้ายกับกาลที่ พระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านทรงเสด็จมาบังเกิดเพื่อตรัสรู้ เราท่านทั้งหลายมิได้เห็น หลักฐานอะไรเลย ที่จะทำให้รู้ถึงเรื่องราวของพระองค์ สิ่งที่มีหลักฐาน ปรากฏอยู่มี แต่ในพระไตรปิฏกเท่านั้น และเมื่ออ่านพิจารณาพระมหาปรินิพานสูตร ทำให้ผมเชื่ออย่าง ไม่มีข้อสงสัยใดๆอีกครับ

8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-1 14:55 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระพุทธเจ้าทรงกล่าวไว้ในพระมหาปรินิพานสูตรว่า หากบุคคลใดได้กราบไหว้พระสถูปเจดีย์ ที่บรรจุพระอัฏฐิธาตุ ของบุคคลทั้ง4นี้คือ

พระพุทธเจ้า
พระปัจเจกพุทธเจ้า
พระอรหันตเจ้า
พระเจ้าจักรพรรดิ์

สุคติภูมิและบุญเป็นอันมากย่อมเกิดกับบุคคลนั้น พระพุทธเจ้าทรงกล่าวอย่างชัดเจน อย่างนี้แสดงถึงความสำคัญและ การบังเกิดขึ้นในโลกของพระเจ้าจักรพรรดิ์

ความสำคัญของพระโพธิสัตว์ต่อพระพุทธศาสนา

พระโพธิสัตว์ เป็นชื่อเรียกของผู้ที่กำลัง บำเพ็ญบารมี เพื่อจะมาตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต พระโพธิ สัตว์เป็นผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ ยังต้องเวียนเกิดเวียนตาย ในสังสารวัฏฏ์อยู่ บางครั้งท่านก็กระทำ อกุศลส่งผลให้ไป บังเกิดในนรกเป็นเวลานานแสนนาน เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานผจญความทุกข์นานับประการ เปรียบเสมื่อน การท่านเดินฝ่าลุยไฟนรกเป็นเวลาที่ยาวนาน โดยไม่เห็นจุดหมายที่ไกลออกไปเลย ว่าเมื่อไรที่จะถึงจุดหมาย จนกว่าจะได้รับการพยากรณ์จาก พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งก่อน ถึงจะอยู่ได้ว่าเป้าหมายที่ตั้งความปราถนาไว้ใกล้ที่จะถึงหรือยัง หลังจากพระพุทธเจ้าทรงพุทธพยากรณ์ให้แล้ว พระโพธิสัตว์ยังมิได้ตรัสรู้ได้ในระยะเวลาอันใกล้เลย พระโพธิสัตว์ยังต้องบำเพ็ญบารมี ต่อไปอีกอย่างยาวนาน แต่เป็นการบำเพ็ญบารมี อย่างที่มีความหวังได้ว่า พระองค์ต้องได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน เหตุที่ท่านกระทำไว้สมควรแก่ผลที่จะได้รับในอนาคตข้างหน้า ด้วยน้ำพระทัยที่เด็ดเดียว และด้วยจิตที่เป็นมหากุศล ท่านจึงประกอบความเพียร ตั้งใจบำเพ็ญบารมีเพื่อ พระโพธิญาณ เพื่อนำพระธรรมคำสอนมาโปรด เวไนยสัตว์ทั้งหลายที่จมอยู่ในความทุกข์

9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-1 14:56 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระโพธิสัตว์แบ่งได้2 ประเภทคือ

อนิยตะโพธิสัตว์ คือพระโพธิสัตว์ที่ยังมิได้รับการพยากรณ์ จากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านจะต้องบำเพ็ญบารมีต่อไป และยังไม่แน่ว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าหรือไม่

นิยตะโพธิสัตว์ คือพระโพธิสัตว์ที่ได้รับการ พยากรณ์จากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ว่าในกาลต่อไปภายหน้า ท่านจะได้ตรัสรู้เป็น พระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในโลกอย่างแน่นอน

ระยะเวลาในการบำเพ็ญบารมี

ปัญญาบารมี ใช้ปัญญาในการบำเพ็ญบารมี ใช้เวลา 20 อสงไขย 100,000 กัปป์
ศรัทธาบารมี ใช้ศรัทธาในการบำเพ็ญบารมี ใช้เวลา 40 อสงไขย100,000 กัปป์
วิริยะบารมี ใช้วิริยะในการบำเพ็ญบารมี ใช้เวลา 80 อสงไขย 100,000 กัปป์

บารมีที่ต้องบำเพ็ญ

ทานบารมี
ศีลบารมี
เนกขัมมบารมี
ปัญญาบารมี
วิริยบารมี
ขันติบารมี
สัจจบารมี
อธิษฐานบารมี
เมตตาบารมี
อุเบกขาบารมี

10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-1 14:56 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ระดับของบารมี

บารมี 10 การบำเพ็ญบารมีเบี้องต้น อุทิศด้วยทรัพย์สมบัติและบริวารทั้งหลายที่มี เพื่อพระโพธิญาณ

อุปบารมี 10 การบำเพ็ญบารมีขั้นกลาง อุทิศอวัยวะน้อยใหญ่ในร่างกายของตน เพื่อพระโพธิญาณ

ปรมัตถปารมี 10 การบำเพ็ญบารมีขั้นสูง อุทิศด้วยชีวิตของตนเอง เพื่อพระโพธิญาณ

ท่านทั้งหลาย เห็นพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้าไหม ตัวของพระองค์จะต้อง อุทิศพระองค์อย่างไร ใช้เวลายาวนานเพียงใด เสียสละสิ่งต่างมากมาย มหาศาลเท่าไร กว่าจะได้ตรัสรู้เป็น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านทั้งหลายเห็น มหากุศลของตัวท่านไหม? ท่านใช้โอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้อย่างไร ท่านเคยพิจารณาไหมว่า โอกาสที่จะได้พบพระพุทธศาสนามีอีกชาติ

ถ้าท่านเกิดมาในชาติที่ไม่มีพระพุทธศาสนา ท่านเคยคิดไหมว่า ท่านจะกระทำกุศลหรืออกุศลมากกว่ากัน ถ้าท่านกระทำแต่อกุศลโดยไม่รู้ว่าเป็นอกุศล ท่านคิดว่า ท่านจะเสวยทุกข์หรือสุข ถ้าเสวยแต่ทุกข์ด้วยอกุศลที่ทำไว้ ท่านจะพ้นจากความทุกข์ในอบายภูมินั้นเมื่อไหร่ แล้วใครจะเป็นผู้ช่วยท่านให้พ้นเสียจากความทุกข์ ถ้าท่านพ้นมาจากอบายภูมิได้ ท่านจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ท่านจะไม่กลับลงไปอีก

ถ้าท่านทั้งหลาย เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ท่านกำลังทำกุศลหรืออกุศลมากกว่ากัน ถ้าทำกุศลมากกว่า กุศลนั้นมีกำลังมากพอที่จะ ส่งผลให้ไปเกิดในสุคติภูมิไหม ในปัจจุปันชาตินี้ที่มีพระสัทธรรมคำสอนอยู่ ท่านใช้โอกาสนี้อย่างไร ท่านมีความศรัทธาในพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เชื่อมั่นในคำสอน หรือเชื่อมั่นในอาจารย์ท่านอื่น มีการให้ทานมากเพียงไร มีการรักษาศีลหรือไม่ รักษาได้อีกข้อ รักษาได้นานกี่วัน รักษาศีลด้วยความเห็นคุณค่าหรือไม่ มีการเจริญสมาธิหรือไม่ เจริญวันละกี่นาที สมาธิที่เจริญเป็น สัมมาสมาธิหรือมิจฉาทิฏฐิ ท่านมีการศึกษาพระอภิธรรมไหม ศึกษาอย่างมีศรัทธาหรือเปล่า ศึกษาแล้วน้อมมาพิจารณาวิปัสสนาหรือไม่ หรือเรียนเพื่อรู้ บารมี10ประการที่ควรเจริญ ท่านมีการเจริญมากน้อยเพียงไร มากพอสำหรับสุคติภูมิหรือยัง มากพอที่จะพ้นไปจากสังสารวัฏฏ์แล้วหรือ ยังท่านจะมั่นใจได้อย่างไร สำหรับ พุทธบริษัทเหล่าที่มี พระรัตนตรัยเป็นสรณะ มีการเจริญบารมี10 ที่สมบูรณ์ ขอนุโมทนา สาธุ
แหล่งข้อมูลของพระโพธิสัตว์
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้