ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

๐oOแรกพบประสบพักตร์Oo๐

[คัดลอกลิงก์]
1#
โพสต์ 2016-7-30 02:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
หลวงปู่ชื่น  ติคญาโณ
วัดตาอี อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เกิดกลียุคทั่วโลก ยิ่งประเทศเล็กประเทศน้อยได้รับผลกระทบมากที่สุด นอกจากข้าวยากหมากแพงแล้ว ประชาชนยังต้องรับกรรมหนักเพราะครอบครัวแตกสลายเนื่องจากความแร้นแค้นยากจนเป็นสาเหตุใหญ่
   ครอบครัวของหลวงปู่ชื่น  ติคญาโณ ซึ่งเป็นชาวกัมพูชาก็ได้รับความรุนแรงของไฟสงครามเช่นเดียวกัน ทำให้ญาติพี่น้องของหลวงปู่ชื่นลับหายตายจากไปหลายคน  ซึ่งประเทศกัมพูชาขณะนั้นร้อนระอุสุด ๆ จนดูโหดร้ายไปทุกอย่าง  ทำให้หลวงปู่ชื่นเกิดความเบื่อหน่ายจึงเดินธุดงค์เข้ามายังแผ่นดินไทยที่มีแต่ความสงบร่มเย็น
   ?หลวงปู่ชื่น นามเดิมชื่อ ชื่น นามสกุล ศรีโสด เกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน 11 ปีมะเมีย  ตรงกับปี พ.ศ. 2461  เกิดที่บ้านหินกอง อำเภอหินกอง จังหวัดสวายศรีโสพล  ประเทศกัมพูชา  โยมบิดาชื่อ นายชุบ โยมมารดาชื่อ พิม ศรีโสด  มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 7 คน คือ นายเรียว, นายโพธิ์, นายบุญ, นายเกิด, หลวงปู่ชื่น, นางยอด และนางยาว ครอบครัวมีอาชีพทำนาทำไร่ตามประสาชาวบ้านในชนบททั่วไปของชาวเขมร
   ชีวิตในวัยเยาว์ของหลวงปู่ชื่น นิสัยท่านเป็นคนใจบุญ มีความสุขุมลุ่มลึก  และมีใจโอบอ้อมอารีชอบเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง  ทั้งยังมีจิตใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เด็ก ๆ  พออายุได้ 15 ปี ได้ขอบิดามารดาบรรพชาเป็นสามเณร ซึ่งพ่อแม่ไม่ขัดข้อง ท่านจึงได้บวชเป็นสามเณร ณ วัดในหมู่บ้านเกิดของท่าน
   หลังจากบวชเณรได้ระยะหนึ่งพอถึงอายุ 20 ปี หลวงปู่ชื่นก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาโดยได้รับฉายาว่า ?ติคญาโณ? เมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุโดยสมบูรณ์แล้ว หลวงปู่ชื่นได้ศึกษาบทสวดมนต์และบทสวดปาติโมกข์ ซึ่งใช้เวลาเพียงหนึ่งพรรษาก็สวดพระปาติโมกข์ได้แล้ว นับว่าหาพระที่เก่งเช่นนี้น้อยมาก เพราะการท่องบทพระปาติโมกข์พระบางรูปต้องใช้เวลานานนับ 5 ปี 10 ปี เนื่องจากเป็นบทสวดที่ยาวและยากที่สุดนั่นเอง
   ?หลวงปู่ชื่นสอบนักธรรมชั้นตรีได้ในพรรษาที่ 3 หลังจากนั้นท่านจึงออกเดินธุดงค์ปลงสังขารลัดเลาะไปตามป่าดงพงพี ข้ามเขาลงห้วยในดินแดนประเทศกัมพูชา ทำให้ท่านได้พบกับครูบาอาจารย์ที่เก่ง ๆ อยู่หลายรูป ซึ่งแต่ละอาจารย์ก็ได้ถ่ายทอดวิชาอาคมที่ตนมีอยู่ให้หลวงปู่ชื่นจนหมดสิ้น โดยเฉพาะฤๅษีที่บำเพ็ญพรตอยู่กลางป่าดงดิบได้ถ่ายทอดวิชาขั้นสุดยอดให้หลวงปู่ชื่น เพื่อให้นำไปช่วยเหลือศิษย์ต่อไปอีก?
   หลวงปู่ชื่นเป็นพระเถระที่มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย  มีศีลจารวัตรที่งดงาม  ชอบบำเพ็ญกุศลเพื่อเสริมสร้างบารมีให้แก่กล้าขึ้น ท่านจะตื่นตั้งแต่ตีสามทำวัตรสวดมนต์  และช่วงค่ำก็เช่นกันท่านจะสวดมนต์มิได้ขาด (นอกจากจะมีกิจนิมนต์และป่วยเท่านั้น)
   ?หลวงปู่ชื่นชอบทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมเป็นที่สุด และให้ความเป็นธรรมแก่ศิษยานุศิษย์เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของศิษย์ทั้งหลายอีกด้วย ท่านจึงเป็นที่รักเคารพของศิษย์และประชาชนทั่วไปเป็นจำนวนมากในขณะนี้?
ได้อาจารย์เก่งวิชาทุกด้าน

   หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ เป็นศิษย์สายเขากุเลน ซึ่งเป็นศูนย์รวมเวทวิทยาอาคมชั้นสูง ที่เป็นฉบับแท้ดั้งเดิมของเขมรโบราณ อาจารย์องค์แรกของท่านคือ ?หลวงปู่เอื้อย และหลวงปู่ดี สุวรรณดี สองปรมาจารย์ผู้มีพลังจิตอันลึกล้ำ ทั้งยังมีอิทธิฤทธิ์-ปาฏิหาริย์มากมายเป็นที่เลื่องลือกันมากในประเทศกัมพูชา
   หลวงปู่ชื่นได้มองเห็นกาลไกลไปข้างหน้าว่า พรเวทวิทยาคม ที่ท่านกำลังศึกษาอยู่นี้จะเป็นประโยชน์มากแก่การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ทั้งยังได้ช่วยเหลือสงเคราะห์ญาติโยมและผู้เดือดร้อนต่าง ๆ ในอนาคตภายหน้าแน่นอน ท่านจึงมุมานะพยายามขยันศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมจนสุดความสามารถ ตลอดจนศึกษาการเจริญวิปัสสนากรรมฐานนั่งสมาธิควบคู่ไปด้วย เพื่อเพิ่มพูนพลังจิตให้แก่กล้าขึ้น
   ?หลวงปู่ชื่นท่านเรียนกรรมฐานควบคู่ไปกับวิชาอาคมจนท่านเรียนรู้ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว โดยมีการทดสอบจากผู้เป็นอาจารย์จนเป็นที่พอใจ  โดยเฉพาะหลวงปู่เอื้อยท่านมีเมตตาถ่ายทอดวิชาและเคล็ดลับต่าง ๆ ให้หลวงปู่ชื่นจนหมดสิ้น  หลวงปู่เอื้อยท่านเป็นพระที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในเขมร  ดังชนิดผู้หลักผู้ใหญ่ในเขมรขณะนั้นยังมอบตัวเป็นศิษย์หลายคน?  ในเวลาต่อมาเมื่อหลวงปู่เอื้อยมรณภาพลง หลวงปู่ชื่นจึงออกเดินธุดงค์บุกป่าฝ่าดงดิบในดินแดนเขมรเพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์อีกมากมาย  จนกระทั่งท่านได้พบกับหลวงปู่ดี  สุวรรณดี  บน ?เขากุเลน? ซึ่งท่านเป็นพระผู้มากด้วยอภิญญาญาณชั้นสูง  และเป็นผู้มีพลังจิตอันลึกล้ำมหัศจรรย์เหนือโลกโดยแท้
   ด้วยบุญญาบารมีของหลวงปู่ชื่น ติคญาโณ  ทำให้หลวงปู่ดีรับหลวงปู่ชื่นเป็นศิษย์แล้วจึงพากันออกเดินธุดงค์ไปด้วยกันตามสถานที่ต่าง ๆ หลวงปู่ชื่นได้ศึกษากรรมฐานและเวทวิทยาคมกับธาตุทั้ง 4 ตลอดจนเกร็ดเคล็ดลับการสร้าง-การปลุกเสกวัตถุมงคล เครื่องรางต่าง ๆ มากมายจากหลวงปู่ดี ทำให้ท่านมีวิชาติดตัวมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้
   หลวงปู่ชื่นได้เมตตาเล่าเรื่องราวและประสบการณ์ในการเดินธุดงค์ของท่านให้ฟังว่า ?หลวงปู่ดีท่านนี้เก่งมาก ท่านเชี่ยวชาญพระเวทแทบทุกชนิด  ท่านเคยเสกผ้าให้เป็นนกกระยางได้  และเสกใบไม้ให้เป็นต่อเป็นแตนได้  ทั้งยังรู้ภาษาสัตว์แทบทุกชนิด  โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านสามารถล่องหนหายตัวและย่นระยะทางได้  ตลอดจนท่านเดินบนผิวน้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์อีกด้วย?  หลวงปู่ชื่นเล่าว่า หลวงปู่ดีท่านเคยแสดงให้ดูมาแล้ว  ท่านเห็นกับตามาแล้วจึงกล้ามาเล่าให้ฟัง  ท่านแสดงให้ดูก็เพื่อให้เป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติธรรมสืบต่อกันไปนั่นเอง  ?การเรียนวิชาอาคมจะมีฤทธิ์เข้มขลังได้  ต้องประกอบไปด้วยพลังจิตอันเป็นสมาธิแก่กล้าควบคู่กันไปด้วย หลวงปู่ชื่นกล่าว
   หลวงปู่ชื่นเป็นพระที่คงแก่เรียนคือท่านชอบศึกษาค้นคว้าตำรับตำราและวิชาการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอักขระเลขยันต์  หรือวิชาอาคมอะไรท่านจะทดลองสร้างทดลองปลุกเสกอยู่เสมอ  เมื่อท่านลองแล้วเห็นว่าดีจริงและใช้ได้ผลดีจริงตามตำรา ท่านก็คัดวิชาวิเศษเหล่านั้นมาสร้างมาปลุกวัตถุมงคลให้บรรดาลูกศิษย์ และลูกหลานท่านให้ได้รับแต่สิ่งที่เป็นมงคลเป็นของวิเศษไว้บูชากัน  จากการคัดเลือกพิจารณาตรวจจากหลวงปู่ชื่นแล้วว่า ดีจริง-เห็นผลจริง จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์ต่อเนื่องเรื่อยมา จนเป็นที่กล่าวขานร่ำลือจากปากของผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่ชื่นว่ายอดเยี่ยมอยู่ในชณะนี้
   ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงขอนำท่านทั้งหลายได้รู้จักหลวงปู่ชื่น  เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้มีโอกาสรู้จักหลวงปู่ชื่นอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน และใกล้ชิดหลวงปู่มากขึ้น เพราะลูกศิษย์บางคนอยู่ห่างไกลซึ่งยังไม่มีโอกาสเดินทางมากราบไหว้หลวงปู่  จะด้วยสาเหตุและปัจจัยใด ๆ ก็ตาม  ผู้เขียนขอเป็นสื่อ  ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อเป็นการหยั่งความสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่ลูกศิษย์ที่มีความเคารพนับถือหลวงปู่  หรือท่านที่มีวัตถุมงคลของหลวงปู่ชื่นไว้แล้ว  ขอให้รู้ว่าเราทั้งหลายก็เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์องค์เดียวกัน  เพราะมีวัตถุมงคลที่มาจากการปลุกเสกจากหลวงปู่ด้วยกันทั้งนั้น  ทั้งนี้เพื่อช่วยจรรโลงเกียรติคุณของหลวงปู่ชื่นให้แพร่หลายขจรไป  ตลอดยั่งยืนนานต่อไปในภายภาคหน้านั่นเอง

พบสหธรรมิกเก่า   
   หลังจากหลวงปู่ชื่นธุดงค์ไปในที่ต่าง ๆ มากมาย  จนกระทั่งท่านเดินทางไปจำพรรษาอยู่ที่วัดนาราก อำเภอครบุรี  จังหวัดนครราชสีมา ท่านอยู่ได้ 5 พรรษาจึงได้เดินธุดงค์ต่อเรื่อยไปจวบจนอายุท่านมากขึ้น กำลังวังชาถดถอย ท่านจึงอยู่กับที่ระยะหนึ่ง ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2524 หลวงปู่ชื่นได้รับนิมนต์เดินทางไปปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดแห่งหนึ่งใน เขตจังหวัดบุรีรัมย์ งานนั้นหลวงปู่นิล อนุตโร เจ้าอาวาสวัดตาอีรูปปัจจุบันซึ่งเคยเป็น ?สหธรรมิก? (เพื่อน) เก่าก่อนกันมาก็ได้รับนิมนต์จากทางเจ้าภาพให้เป็นพระคู่สวดเช่นกัน
   หลังจากพระทุกองค์เสด็จจากกิจนิมนต์แล้ว  ทางเจ้าภาพได้จัดถวายอาหารเพลให้ฉัน  หลวงปู่นิลกับหลวงปู่ชื่นนั่งฉันในวงเดียวกัน  หลวงปู่นิลหันมองพระที่นั่งอยู่ข้างตัว  ท่านคิดในใจว่าคล้ายเคยเห็นกันมาก่อน  แต่ท่านยังจำไม่ได้ว่าเคยเห็นกันที่ไหน เพราะความที่จากกันมานานหลายสิบปีทำให้ท่านทั้งสองแทบจำกันไม่ได้  หลวงปู่นิลได้แต่คิดในใจว่าพระองค์นี้ทำไมช่างเหมือนหลวงปู่ชื่นเสียเหลือเกิน  จนอดใจไม่ไหวจึงเอ่ยถามไปว่า
   หลวงพ่อท่านอยู่วัดไหน ชื่ออะไร
   หลวงปู่ชื่นตอบกลับไปทันที
   อาตมาชื่อชื่น เป็นพระธุดงค์ยังไม่มีวัดจำพรรษา
   หลวงปู่นิลนั่งคิดตั้งนานที่แท้ก็ใช่หลวงปู่ชื่นจริง ๆ ด้วย  เมื่อท่านทั้งสองได้นั่งสนทนากันแล้วหลวงปู่นิลจึงได้ออกปากนิมนต์หลวงปู่ชื่นให้มาจำพรรษาอยู่ด้วยกันที่วัดตาอี  ประกอบกับช่วงนั้นหลวงปู่ชื่นมีอายุมากแล้วและชาวบ้านตาอีก็ได้นิมนต์ท่านไว้ไม่ให้เดินธุดงค์อีก  นับตั้งแต่นั้นมาหลวงปู่ชื่นจึงได้อยู่จำพรรษาที่วัดตาอีเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้

เพชรเริ่มทอแสง
   หลังจากหลวงปู่ชื่นมาอยู่วัดตาอีแล้วท่านได้เก็บตัวเงียบอยู่แต่ภายในกุฏิหลังเล็ก ๆ เหมือนพระหลวงตาแก่ ๆ ธรรมดา  แทบไม่มีใครรู้เลยว่าท่านเป็นพระที่มี พลังจิต และมีอาคมเข้มขลังมาก จนกระทั่งกลางปี พ.ศ. 2542 หลวงปู่ชื่นได้สร้างวัตถุมงคลออกมา 2-3 รุ่น  ผลปรากฏว่าผู้ที่นำวัตถุมงคลของท่านไปบูชาต่างมีประสบการณ์ต่าง ๆ นานามากมาย  จากปากต่อปากทำให้วัตถุมงคลที่ท่านบรรจุพลังจิตเวทวิทยาคมที่มี ?พลังมหัศจรรย์? ความวิเศษขลัง ยับยั้งภัยพาล  อาถรรพณ์จัญไร ขจัดสรรพทุกข์ สรรพโรค สรรพภัยที่มีอานุภาพ  ทั้งเมตตามหานิยม มหาโชค มหาลาภ ค้าขายดีเยี่ยม คุ้มครองป้องกัน ทำให้ชื่อเสียงหลวงปู่ชื่นดังขึ้นมาเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วไปมากขึ้นเป็นลำดับ  จากปากผู้ที่ได้บูชาวัตถุมงคลของท่านไปบูชาส่วนใหญ่ยอมรับว่าวัตถุมงคลของท่านดีเยี่ยมจริง ๆ ใช้แล้วได้ผลดีเกินคาด  ส่วนสาเหตุที่ท่านยอมเปิดตัวและจัดสร้างวัตถุมงคลออกมาเป็นทางการเนื่องจาก ท่านกำลังก่อสร้างอุโบสถซึ่งขาดปัจจัยอยู่อีกมาก  อีกประการหนึ่งหลวงปู่เคยบอกไว้ว่า
   ถึงเวลาที่ครูบาอาจารย์ท่านให้เปิดตัวแล้ว เพื่อนำความรู้เวทวิทยาคมที่ได้ร่ำเรียนมาสงเคราะห์พุทธศาสนิกชน และจัดสร้างถาวรวัตถุเพื่อการพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป

เสกหินลงสระกลายเป็นงูยักษ์
   เมื่อครั้งที่หลวงปู่ชื่นมาอยู่ที่วัดตาอีใหม่ ๆ นั้น  ท่านได้เร่งทำความเพียรปฏิบัติธรรมจนพลังจิตแก่กล้า ด้วยท่านเป็นพระที่รักสันโดษชอบเก็บตัวเงียบ ๆ อยู่แต่ภายในกุฏิ  ชาวบ้านจึงคิดว่าท่านเป็นหลวงตาแก่ ๆ ไม่มีอะไร  เป็นพระธรรมดาไม่มีวิชาอาคมอันใด
   ต่อมาทางวัดได้ขุดสระใหม่ ทางเจ้าอาวาสจึงประกาศบอกชาวบ้านว่า ห้ามลงอาบน้ำในสระ เพราะสระน้ำแห่งนี้พระเณรต้องใช้ดื่มกิน แต่ชาวบ้านขาดความเกรงใจท่าน ตกเย็นทั้งหนุ่มสาวพากันลงว่ายน้ำเล่นในสระอย่างสนุกสนาน บ้างก็นำผ้ามาซักทำให้ฟองแฟ๊บที่ซักลอยเต็มคุ้งสระ บอกแล้วก็เฉย เตือนแล้วก็ไม่หยุด
   หลวงปู่ชื่นจึงใช้ไม้ตายเพื่อให้รู้จักที่ต่ำที่สูง  และที่ควรมิควรกันบ้าง ท่านจึงนำก้อนหินมาสองก้อน แล้วเสกด้วยคาถาอาคมจากนั้นท่านโยนลงไปในสระน้ำ
   สามวันต่อมาพวกที่ชอบลงเล่นน้ำในสระภายในวัดต่างก็ตกใจแตกตื่นขึ้นตลิ่งกันแทบไม่ทัน เพราะเห็นพญางูยักษ์สองตัวว่ายน้ำไปมาในสระให้เห็นกับตากันจะจะ   ชาวบ้านตาอีเห็นกันทั้งหมู่บ้าน
   เรื่องนี้เป็นที่เลื่องลือกันมากในอำเภอบ้านกรวด  ถ้าหากใครมีโอกาสได้ไปที่วัดตาอีลองสอบถามชาวบ้านดูก็ได้  และจากวันนั้นเป็นต้นมาจนกระทั่งถึงวันนี้ก็ไม่มีใครกล้าลงไปเล่นน้ำในสระที่วัดตาอีกันอีกเลย...
หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ วัดตาอี จ.บุรีรัมย์ ยอดพระเกจิอาจารย์สายเขมรที่มีสายพระเวทย์สุดเข้มขลังเปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมี มีพลังจิตญานขั้นสูง หลวงปู่ท่านเป็นพระสงฆ์ สายวิปัสนากรรมฐาน ถือธุดงค์เป็นวัตร ท่านเป็นหนึ่งในศิษย์สายเขากุเลนซึ่งเป็นสถานที่ ในการเจริญวิปัสสนากรรรมฐานและพระเวทย์วิทยาคมขั้นสูง และยังเคยฝากตัวเป็นศิษย์เล่าเรียนวิชาอาคมจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าอีกด้วย ซึ่งข้อมูลนี้น้อยคนที่จะรู้จัก วัตถุมงคลที่หลวงปู่ได้ทำการอธิฐานจิตปลุกเสก ล้วนแล้วแต่แรง เห็นผล และสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้บูชามากมาย โดยเฉพาะทางมหาเสน่ห์ เมตตา-มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย วัตถุมงคลของท่านหลายรายการที่สร้างออกมาแล้วสร้างประสบการณ์ใช้กับผู้ใช้บูชามากเป็นที่กล่าวขานกัน เช่น กุมารทองดูดรก(พรายขอดทรัพย์) พระปิดตามหาลาภลอยองค์ฝังตะกรุดทองคำ ฝังแร่  ที่มีประสบการณ์สูงทางด้าน โชคลาภ ค้าขาย และ ขุนแผนขุนแผนนาคเกี้ยว ของท่านก็เป็นที่นิยมสูง ถึงแม้หลวงปู่ท่านจะมรณะภาพไปแล้วแต่ก็ยังมีผู้คนเสาะแสวงหาวัตถุมงคลของท่านอยู่ไม่ขาด เพราะว่าใช้แล้ว
พุทธคุณครอบจักรวาล เห็นผลทันที เมื่อลูกศิษย์ใช้บูชา ทำให้ชื่อเสียงหลวงปู่ชื่นดังขึ้นมาเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วไป ในประเทศ และ ต่างประเทศ มากขึ้นเป็นลำดับ  จากปากผู้ที่ได้บูชาวัตถุมงคลของท่านไปบูชาส่วนใหญ่ยอมรับว่าวัตถุมงคลของท่านดีเยี่ยมจริง ๆ ใช้แล้วได้ผลดีเกินคาด

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
โพสต์ 2019-5-23 09:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด
#.หลวงปู่ชื่น.#
~โปรดศิษย์ติดกามา~

หลายคนที่ยังไม่มีโอกาสที่จะได้สัมผัสในวัตรปฎิบัติของลป.ชื่น
คงจะคิดและจินตนาการไปเอง จนเลยเถิดถึงขั้นปรามาสท่านเอาได้ว่า.
ท่านเป็นพระไสยศาสตร์
พระเสน่ห์มนต์ดำ

ยิ่งมีศูนย์พระมาสร้างเครื่องรางออกเเนวทะลึ่ง ตึงตัง
ตั้งชื่อออกไปในแนวโลกิยะ

ยิ่งตอกย้ำ ทำให้คนมองภาพลักษณ์ของท่าน
ในทางลบ มากยิ่งขึ้นเข้าไปอีก

ผมอยู่กับท่านมานานและ
รู้อยู่เต็มออกว่า..หลวงปู่ชื่น
ท่านชาญวิปัสนากรรมฐานไม่เป็นรองพระอาจารย์ท่านใดๆเลย

ท่านสำเร็จวิปัสสนาญาณ

วิปัสสนาญาณ ๙

๑. อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ พิจารณาเห็นความเกิดและความดับ

๒. ภังคานุปัสสนาญาณ พิจารณาเห็นความดับ

๓. ภยตูปัฎฐานญาณ พิจารณาเห็นสังขารเป็นของน่ากลัว

๔. อาทีนวานุปัสสนาญาณ พิจารณาเห็นโทษของสังขาร

๕. นิพพิทานุปัสสนาญาณ พิจารณาสังขารเห็นเป็นของน่าเบื่อหน่าย

๖. มุญจิตุกามยตาญาณ พิจารณาเพื่อใคร่จะให้พ้นจากสังขารไปเสีย

๗. ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ พิจารณาหาทางที่จะให้พ้นจากสังขาร

๘. สังขารุเปกขาญาณ พิจารณาเห็นว่า ควรวางเฉยในสังขาร

๙. สัจจานุโลมิกญาณ พิจารณาอนุโลมในญาณทั้ง ๘ นั้น เพื่อกำหนดรู้ในอริยสัจ

แต่ท่านไม่ค่อยนำมาโปรดใครมากนัก
ท่านว่าสอนไปก็เสียเวลาเปล่า ด้วยคนที่มีบุญบารมีที่จะเห็นธรรมะตามท่านสอนมีน้อย เพราะในจิตเต็มไปด้วยแรงกามา มันมีมากจนอวิชชาครอบงำ

อวิชชา หมายถึง ความไม่รู้แจ้ง คือ ความไม่รู้ความเป็นจริงของสิ่งต่างๆ โดยถูกต้องแจ่มแจ้ง มิได้หมายถึงความไม่รู้ศิลปะวิชาการต่างๆ หรือไม่รู้ร้อนรู้หนาวเป็นต้น แต่สำหรับคนไทยส่วนใหญ่จะนำคำว่า อวิชชา ไปใช้เฉพาะกับวิชาในทางไสยศาสตร์เท่านั้น โดยเข้าใจกันว่า อวิชชาเป็นวิชาที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน

เมื่อก่อนไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านพูด ต่อมาได้เป็นอาจารย์คน
จึงมีอภิสิทธิ์ในการสอดส่องดูแลความเป็นไปในชีวิตประจำวันของศิษย์
ทำให้เห็นภาพเลยเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ของความร้อนแรงแห่งอำนาจอิทธิพลแห่งกามา ของเหล่าหมู่ศิษย์

ยากที่จะเอาดีในทางธรรมได้
3#
โพสต์ 2019-5-23 09:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
คำว่า "กาม" ในทางพุทธศาสนา ไม่ได้หมายแต่เฉพาะอวัยวะเพศเท่านั้นนะครับ

แต่หมายถึงอายตนะทั้ง 6 เลย นั่น ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

ตา --> ชอบเห็นภาพสวย ๆ ก็เป็นกามทางตา

หู --> ชอบได้ยินเสียงเพราะ ๆ ก็เป็นกามทางหู

จมูก --> ชอบได้กลิ่นหอม ๆ ก็เป็นกามทางจมูก

ปาก --> ชอบกินของอร่อย ๆ ก็เป็นกามทางปาก

กาย --> ชอบสัมผัสอ่อนนุ่ม ก็เป็นกามทางกาย

ใจ --> ชอบความสุข ชอบเล่นฌาน ก็เป็นกามทางใจ

ถ้าละกามเสียได้ คงลดความวุ่นวายไปเยอะทีเดียว จิตคง "ว่าง" ขึ้นอีกเยอะ
"การฆ่ากันก็เพราะกาม รักกันก็เพราะกาม ทั่วอากาศ ทั่วพื้นน้ำและบนบกเต็มไปด้วยกาม กามตันหน้า ภวตันหู วิภวตันใจ ถ้าจะขยายออกไป มันก็ไม่มีที่สิ้นสุดหรอกกาม เพราะความพอใจและไม่พอใจก็เกิดจากกามทั้งสิ้น"

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่



4#
โพสต์ 2019-5-23 09:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แต่ก็ใช่ว่า ท่านจะไม่สอนธรรมะโปรดศิษย์เสียเลยทีเดียว

ครั้งหนึ่ง.

มีศิษย์ฆราวาสมาปฏิบัติธรรมกับท่าน ต่อมาจึงทราบว่าที่มาปฎิบัติธรรมเพราะอกหัก ผิดหวังอย่างแรง

แถมตนเองก็เป็นคนมักมากในกามตัณหาราคะ มากเกินความพอเหมาะพอควร

หลวงปู่ชื่นท่านคงพิจารณาแล้วว่าคงมีบุญเก่าอยู่บ้าง

ท่านเลยสอนการนั่งสมาธิกำหนดให้ ปฏิบัติต่อเนื่อง
ดังนี้

เช้า 1 ช.ม.
เที่ยง1ช.ม.
เย็น1ช.ม.
หัวค่ำก่อนนอน อีก 1 ช.ม.
1 อาทิตย์ผ่านไป

ได้มารายงานผลให้ท่านสอบอารมณ์

แกว่า.นั่งไปจิตมันไม่อยู่กับองค์ภาวนา จิตมันติดแต่ภาพแฟน คิดแค่เรื่องกาม เนื้อหนังมังสา

ลป.ชื่น ท่าน เมตตาสอนว่า.

#ถ้าคิดถึงแฟนก็เอาหน้าแฟนมาเป็นองค์ภาวนา

#คิดเห็นนมมันก็เอานมมันมาเป็นองค์ภาวนา

#คิดเห็นของมันก็เอาของมันมาเป็นองค์ภาวนา


หลังจากนั้นการปฎิบ้ติอย่างต่อเนื่องตามตารางเวลาที่หลวงปู่ชื่นกำหนด
ได้เข้าสู่เดือนที่ 3

จะด้วยเป็นด้วยได้คำแนะนำการปฎิบัติที่ดี จากลป.ชื่น
หรือจะเป็นด้วยบุญเก่าของแก ก็ไม่ทราบแน่ชัด

การปฎิบัติธรรมได้ผลดีมาก

เมื่อมีศีล จะเกิด สมาธิ

เมื่อมีสมาธิจะเกิดปัญญา

เมื่อจิตสงบ นั่นหมายความว่า
จิตเราตัดนิวรณ์ให้เบาบางลงได้แล้วชั่วขณะเวลาหนึ่ง

(ตอนนี้จิตจะคิดอะไรปล่อยให้คิดไป เพราะคิดอะไรจะเป็นธรรมะไปหมด)

นิวรณ์(อ่านว่า นิ-วอน) (บาลี: nīvaraṇāna) แปลว่า เครื่องกั้น ใช้หมายถึงธรรมที่เป็นเครื่องปิดกั้นหรือขัดขวางไม่ให้บรรลุความดี ไม่เปิดโอกาสให้ทำความดี และเป็นเครื่องกั้นความดีไว้ไม่ให้เข้าถึงจิต เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ผู้ปฏิบัติบรรลุธรรมไม่ได้หรือทำให้เลิกล้มความตั้งใจปฏิบัติไป

นิวรณ์มี 5 อย่าง คือ

กามฉันทะ ความพอใจ ติดใจ หลงใหลใฝ่ฝัน ในกามโลกีย์ทั้งปวง ดุจคนหลับอยู่พยาบาท 

ความไม่พอใจ จากความไม่ได้สมดังปรารถนาในโลกียะสมบัติทั้งปวง ดุจคนถูกทัณท์ทรมานอยู่ถีน

มิทธะ ความขี้เกียจ ท้อแท้ อ่อนแอ หมดอาลัย ไร้กำลังทั้งกายใจ ไม่ฮึกเหิม


อุทธัจจะกุกกุจจะ ความคิดซัดส่าย ตลอดเวลา ไม่สงบนิ่งอยู่ในความคิดใด ๆ

วิจิกิจฉา ความไม่แน่ใจ ลังเลใจ สงสัย กังวล กล้า ๆ กลัว ๆ ไม่เต็มที่ ไม่มั่นใจ

5#
โพสต์ 2019-5-23 09:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
หลังจากเข้าสู่เดือนที่ 3

ได้มารายงานผลการปฎิบัติ
ต่อหลวงปู่ชื่น

ว่า ความสวยงามของแฟน
เนื้อหนังมังสาของแฟน

พอเอามาเป็นองค์ภาวนา
เห็นหน้าแฟน เนื้อหนังมังสาของสตรีที่ตนเองเคย
ชื่นชอบ กลับค่อยๆ เหี่ยวย่น และเริ่มเน่า หนอนไต่ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด

ต่อมาก็เหลือแต่กระดูก และแตกป่นเป็นผงกลับกลายเป็นธาตุดิน

หลวงปู่ท่านยิ้ม ปลื้มปริม
ท่านว่า..จิตมันเริ่มเกิดปัญญา เห็นธรรมชาติตามความเป็นจริงของมัน

ร่างกายมนุษย์ เกิดจากธาตุทั้ง 4 ดินน้ำลมไฟมาประชุมกัน
สุดท้ายแล้วเมื่อเราตายธาตุเราก็แตกสลายไม่เราอีกต่อไป

ลมก็คืนสู่ลม
ไฟก็คืนสู่ไฟ
น้ำก็คืนสู่น้ำ
ดินก็คืนสู่ดิน

สุดท้ายร่างกายที่เรา อุปาทานยึดมั่นถือมั่น

ว่าเป็นเราเป็นเขา ตอนจบมันก็คือดิน
ที่คนเขาเดินเหยียบย่ำนั้นเอง

ฆราวาสท่านนั้นบอก
หลงรัก หลงดูด หลงดม หลงชม มาตั้งนาน
ที่แท้ ก็ ดิน ทั้งนั้น
6#
โพสต์ 2019-5-23 09:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด
หลังจากเกิดปัญญาเขาสามารถ ตัดขาดจากโลกิยะวิสัยของบุรุษได้อย่างเด็ดขาด

ปัจจุบันบวชเป็นพระภิกษุเข้าป่าออกธุดงธ์ ไม่ทราบว่าอยู่ ณ.มุมหนึ่งแห่งใดของโลก

#### บทความจาก อาจารย์สรายุทธ ###
7#
โพสต์ 2019-5-26 22:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด
~.พระองค์ทม.~

พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์
ที่หลวงปู่ชื่นท่านแนะนำบอกให้ไปหามาบูชาขึ้นหิ้ง

พุทธคุณสุดยอด นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง พลิกฟื้นดวงชะตา นำพาชีวิตให้โชติช่วงชัชวาลย์ตลอดกาล


ในกาลก่อน..

มี หญิงสาวท่านหนึ่งได้เดินทางมากราบนมัสการ หลวงปู่ชื่น

พร้อม ผลไม้หลากหลายชนิด พร้อมซองถวายปัจจัย

ก่อนจะถวายหลวงปู่ชื่นท่านพูดว่า..

อีนาง. ถ้าอยากได้บุญใหญ่บุญมาก เองหัดถวายสิ่งของทำบุญกับ

พระองค์ทม นะ

พระองค์นี้ ยิ่งใหญ่บริสุทธิ์
กว่าพระไหน ที่เองไปทำบุญอีก เองไปทำบุญเป็นร้อยวัด พระแสนรูป ซักแสนครั้ง
ก็ยังไม่สู้ เท่ากับทำบุญกับพระองค์ทม เพียงครั้งเดียว

(ทม ภาษาเขมร แปลว่า "ใหญ่" พระองค์ทมแปลว่า.

"พระองค์ใหญ่")

อีนาง เองรู้จักไหมพระองค์ทม ??

ไม่ทราบเจ้าค่ะอยู่ที่ไหนวัดไหนเจ้าค่ะ พระองค์ทม ?

อยู่ที่บ้าน อีนางมีอยู่องค์

อีนาง เองไปหาดีๆ ศักดิ์สิทธิ์มาก

เป็นพระปางไสยาสน์

เธอ นั่งคิดอยู่ซักครู่จึงตอบ หลวงปู่ไปว่า..

ที่บ้านไม่มีนะเจ้า พระพุทธรูป ปางไสยาสน์

มีแน่นอน.เชื่อหลวงปู่

เองกลับไปตั้งใจหาดีๆ มีแน่ๆ หลวงปู่เห็น ว่ามี
ไปเอามาล้างปัดฝุ่น ขึ้นหิ้งบูชา แล้วจะเจริญรุ่งเรือง
ผลไม้กับซองปัจจัยที่อีนางถวาย หลวงปู่
หลวงปู่ฝากไปถวาย
พระองค์ทม ด้วยนะ

หลวงปู่บอกพร้อมยื่นสิ่งของกลับไปให้

เธอรับสิ่งของกลับไปด้วยความ สงสัยแต่ก็ไม่ขัดหลวงปู่

และตอบหลวงปู่ว่า

ค่ะๆ กลับไปหนูจะลองหาดู  

หลังจากนั้น จึงสนทนากับหลวงปู่ เรื่องตนเองชอบเดินทางไปทำบุญที่นั้นที่โน่น ต่างๆนาๆ

เมื่อเดินทางกลับถึงบ้าน
ได้เดินค้นหา พระองค์ทม
ตามที่หลวงปู่ชื่นท่านบอก
ว่าเป็นพระพุทธรูปองค์ทมปางไสยาสน์

ที่ศักดิ์สิทธิ์มากๆ

หาจนทั่วบ้านก็ หาไม่เจอ
จะเป็นด้วยบุญเก่าหรือหลวงปู่ท่านเปิดกุศลบุญในจิต ให้ พบให้เจอพระองค์ทม หรืออย่างไรก็ไม่ทราบ

อยู่ๆสายตาของเธอก็ไปสะดุด เข้ากับสิ่งๆ หนึ่ง..

?????
เธอทราบได้ทันที.ว่า

เป็นพระองค์ทมที่หลวงปู่ท่านบอก.

แถมเป็นปางไสยาสน์อีกด้วย

ตรงเป๊ะ แม่นยำตามคำบอกของหลวงปู่ชื่น

ราวกับตาเห็น

นั่นคือ..แม่ของตนเอง
กำลังนอนบนเตียงเก้าอี้หวาย

กำลังนอนหลับในท่าปางไสยาสน์ พอดีเลย

เธอน้ำตาไหล นึกรู้ขึ้นทันทีว่า ..
พระองค์ใหญ่

พระองค์ทม ที่หลวงปู่ชื่น
ท่านบอก ก็คือแม่ของตนเอง นั่นเอง

นี่เราเที่ยวตามหาพระอรหันต์ทำบุญสาธารณะ

ไปทั่ว แต่กลับทอดทิ้งหลงลืม พระองค์ธม พระองค์ใหญ่ ประจำบ้านไปได้อย่างไรหนอ ?

กราบขอบพระคุณหลวงปู่ที่ทำให้ อีนางน้อยคนนี้
ตาสว่างกระจ่างแจ้ง เสียที

... อันพ่อแม่ ท่านแก่เฒ่า

เฝ้ารักษา.. คุณบิดา
คุณมารดา ค่ามหันต์..
ใครตอบแทน คุณท่านได้ โชคอนันต์.. ไปสวรรค์ เพราะกตัญญู รู้แทนคุณ ...

เมื่ออ่านบทความจบ
อย่าลืมค้นหาพระองค์ธมในบ้านให้เจอนะครับ

เจอเเเล้วรีบ เอาไปสรงน้ำ ปัดฝุ่น นำขึ้นหิ้งบูชา เลยเสียตั้งแต่วันนี้

หลวงปู่ชื่นท่านการันตี
ว่า ศักดิ์สิทธิ์จริงๆครับ

ผมเคยถามหลวงปู่ชื่นท่านว่า.

หลวงปู่ทราบได้อย่างไรว่าคนๆนี้ ไม่ค่อยสนใจใส่ใจดูแลบุพการี หรือใครเป็นอะไร
นิสัยเป็นเช่นไร ?

ท่านตอบว่า..

มองท้ายทอย มันก็รู้แล้ว

ตอนนั้นก็ยัง งงๆ
แต่ก็ไม่ได้ถามท่านต่อ

สืบมาได้ไปอ่านเจอมาว่า..

สมองกลีบท้ายทอย หรือ กลีบท้ายทอย (อังกฤษ: occipital lobe, lobus occipitalis)

เป็นกลีบสมองที่เป็นศูนย์ประมวล ผลของการเห็นในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

จะเป็นด้วยแบบนี้ หรือไม่หนอ ???

***** บทความจาก อาจารย์สรายุทธ ******

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้