ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

๐oOแรกพบประสบพักตร์Oo๐

[คัดลอกลิงก์]
1#
โพสต์ 2013-5-7 18:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด
อ่านไปยิ้มไป มันลึกซึ้งดีแท้ สาธุ
2#
โพสต์ 2019-3-31 23:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด
~.อ้อมกอดสุดท้าย.~

หลวงปู่ชื่น ท่านเป็นพระเก่งมากบารมี
แต่ชอบเก็บตัวไม่ค่อยสุงสิงกับใคร

เรื่องความรักความเมตตาที่มีต่อศิษย์มากมายเหลือคณานับดั่งมหาสมุทรที่ไร้ฝั่ง

เคยมีเด็ก ญ. แถวๆวัด เกิดมาไม่ค่อยแข็งแรงนัก ทราบมาว่าเป็นโรคโปลิโอ

หลวงปู่ก็ใช้พระเวทพระมนต์ รักษาจนหาย

ไปแข่งตะกร้อโรงเรียนหลวงปู่ท่านก็เมตตาลงยันต์ที่เท้าให้จนได้แชมป์

เด็กคนนี้เมื่อก่อนมักจะมาส่งข้าวให้หลวงปู่อยู่เสมอ

หลวงปู่ท่านก็ให้เงินไปโรงเรียนเป็นค่าตอบแทน
ซื้อโทรทัศน์โทรศัพท์ให้

หลวงปู่ท่านไปไหนมาไหนกลับมาก็มีของมาฝากเสมอ

สืบต่อมาแม่เด็กคนนี้ล้มป่วยเป็นมะเร็ง หลวงปู่ท่านก็ให้ผมไปหาโน่นนี้นั่น ตามที่ท่านสั่งเพื่อจะมารักษา แต่ก็ไม่ดีขึ้น

หลวงปู่ท่านว่า..แกหมดอายุขัยแล้ว ต่อไม่ติด

ฝ่ายทางลูกสาวผู้ป่วยก็วิ่งไปหาหมอดู ที่ร่ำลือกันเป็นยิ่งนักว่า..

หมอดูตาทิพย์ แม่นยำฉมังสุด

หมอดูแกว่า..

อีก 3 วัน ผู้ป่วยก็จะสิ้นใจ

ลูกสาวถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว การพลัดพรากศาสดาท่านว่า..

เป็นเรื่องธรรมดาไม่จากวันนี้ วันหน้าก็ต้องพราก

แต่คนสมัญชนคนธรรมดาๆ อย่างเราๆ ท่านๆ ไม่ได้ถูกฝึกจิตถึงขั้นอริยะบุคคล

การสูญเสีย ของอันเป็นที่รักแห่งตน

จึงเป็นเรื่องที่ทรมานจิตใจเป็นยิ่งนัก

ดั่งวลีที่ว่า..

ไม่เจอกับตัวเอง ไม่รู้หรอก


เพื่อให้ผู้อ่านจิตตนาการให้เห็นภาพได้ชัดขอยกตัวอย่างสมมุติ..

วันเวลาดังนี้ครับ..

สมมุติว่า..ไปดูหมอวันอาทิตย์

หมอดูบอกว่า..

อีกสามวันแม่จะสิ้นใจ หมายความสมมุติว่า..

วันพุธแม่จะเสีย

เผอิญ วัน ศุกร์  จะเป็นวันครบรอบวันเกิดของลูกสาว

ทางลูกสาวจะมาเล่าเรื่องราวที่ไปดูหมอมาเล่าให้หลวงปู่ฟัง

หลวงปู่ท่านว่า ..จริงของเขา

ให้อีนางทำใจนะ อย่างไงหลวงปู่ก็ไม่ทิ้งเอง


หลวงปู่เจ้าขา..อย่างไงหนูขอให้แม่มีอายุถึงวันเกิดหนูนะเจ้าค่ะ



หลวงปู่ท่านนั่งเงียบ

ไม่มีใครล่วงรู้และทราบได้ว่า..

ท่านกำลังคิดอะไรอยู่.

ก่อนที่ท่านจะพูดขึ้นมาว่า..

อีนางเอ็งกลับบ้านไปดูแม่เถอะ

คืนนี้หลวงปู่จะลองขอเขาให้


ค่ำคืนของวันพุธ

ตามกำหนดการ ที่พญามัจจุราชท่านกำลังทำหน้าที่ของท่าน อย่างเที่ยงตรง สมบูรณ์

อาทิตย์อัสดง นกหนูกาไก่ เริ่มกลับรัง


ล่วงเลยเวลามามากกว่า 3 ช.ม.

ความมืดมิดปกคลุมไปทั่ว

มีเพียงแสงจันทร์และเเสงไฟน้อยๆ
จากหลอดนิออนเล็กๆ ดวงหนึ่ง

ลอดแสงมาจากร่องกุฎิเล็กๆหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่มุนหนึ่งของป่าช้า

เสียงหรีดหริ่งเรไรร้องระงมมา ชมแสงจันทราว่าเพลานอน

แต่หลวงปู่ท่าน..นั่งรอเวลา

รออะไรสักอย่าง

เพื่อจะทำพิธีการสำคัญบางอย่าง

ด้วยอาการเตรียมพร้อมเสมอ


ราตรีนี้มีเราเพียงสองคน ผ่านความทุกข์ทน
ตรากตรําทํางาน เพื่อปลดปล่อยบ่วงทุกข์แก่เวไนยะ


นอนเถิดลูกหลานรัก พักผ่อนให้สบาย ...
หลวงปู่ชื่น จักปกป้องดูแล

ห้วงเวลาแห่งเวลาที่รอคอยก็บังเกิดขึ้น

เมื่อหริดหริ่งเรไร เงียบเสียงลงอย่างผิดปกติ

ซึ่งแปลกไปจากก่อนหน้านี้

ความสงบเงียบ วังเวง  จนรู้สึกได้

ไม่มีแม้นกระทั่งสียงลมกระทบใบไม้

ก่อนที่จะได้ยินแสงนกแสกร้องก้องอากาศ

บินตัดวัดมุ่งตรงไปทางบ้านผู้ป่วย

หลวงปู่ท่านรู้ฤกษ์พระกาฬจร
ท่านจึงทราบว่า.

วันไหน  เวลาใด พระกาฬจะจรมาจากทิศไหน

สิ้นเสียงร้องของนกแสก

อีกหนึ่งพญานกแห่งรัตติกาล
ที่โบราณเชื่อว่า เป็นพาหนะของพระกาฬเจ้า

หลวงปู่ชื่น ท่านจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย

ก่อนจะนั่งสมาธิไม่ไหวติง

ทันทีทันใด วินาทีนั้นเอง

อากาศก็กลับพลันป่วนแปรอีกครั้ง

จากก่อนหน้าที่เงียบสงบ จนเเทบจะได้ยินเสียงหายใจของตนเอง

ก็บังเกิด กระแสลมดั่งพายุโหมกระหน่ำ
เสียงใบไม้ต้องสายลม ทอดเสียงดังเกรียวกราวไปตามทิศทางลม . สนั่น, ดังลั่น,

เสียงอื้ออึง หวีดลั่นเซ็งแซ่ ไปทั้งคุ้งป่าช้า

ประหนึ่งดั่งว่า..

พระกาฬทรงพิโรธ ที่มีใครมาขว้างภาระกิจอันเที่ยงธรรมของท่าน

ส่วนหลวงปู่ชื่นท่านก็ยังคงนั่งสมาธิสงบนิ่ง เยือกเย็น แต่ดูทรงพลังกล้าแข็งดุจหินผา

เปลวเทียนต้องลม จากลมพายุที่ลอดผ่านเข้ามาในกุฎิ


ดูที..รึ..!!

พระเพลิงบนยอดเทียนส่ายไปเอียงมา แสง ไฟ ริบ ห รี จะ ดับ แหล่ มิ ดับ แหล่ ฉาย ไป จน เห็น

ร่างของหลวงปู่ชื่น ที่ต้องแสงเทียน สว่าง สลัว สลับกันไปมา ตามแสงของไฟเทียน

ที่บางทีก็ริบรี่ บางทีก็สว่าง ด้วยกำลังของลม

ดูช่างน่าระทึกเป็นยิ่งนัก

เวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ไม่ได้จดจำ

ความสงบก็กลับมาอีกครั้ง

เสียงหรีดหริ่งเรไร ก็เริ่มส่งเสียงขานรับกันไปมาอีกครั้ง

จากน้อยไปหามาก จนเสียงดังลั่นไปทั่ว อีกครั้ง

เปลวเทียนที่ไหวไปมาก่อนหน้าก็สว่างสงบ ลุกโชติช่วง ดั่งเดิม

ให้ความรู้สึก อบอุ่นขึ้นมามากโข

หลังจากนั้นหลวงปู่ท่านก็ถอดสมาธิ ก็ที่จะเข้าห้องจำวัตร

รุ่งเช้าของวันใหม่

ผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับท่านแม้นจะมีคำถามมากมายในหัวสมอง จากเหตุการณ์เมื่อคืน

ของบางอย่างเราต้องรู้กาลรู้วาระที่เหมาะสม

บางที บางเรื่อง บางครั้งบางคราว

เราก็ไม่จำเป็นต้องรับรู้ในทันทีทันใดก็ได้

หลวงปู่เป็นพระที่แปลกอยู่อย่าง

เวลาอยากรู้  บางครั้งท่านก็ไม่บอก

แต่พอหมดอยาก ท่านกลับเล่าให้ฟัง

ผมอยู่กับหลวงปู่ตลอดไปไหนไปกัน ทำไมจะไม่รู้นิสัยใจคอซึ่งกันและกันดี

ตอนนั้นผมคาดการณ์เอาเองว่าต้องสำเร็จแน่

ผลคือผู้ป่วยไม่หมดลมตามที่หมอดูตาทิพย์ทำนายไว้

ล่วงเลยมาถึงวันครบรอบคล้ายวันเกิดของ เด็ก ญ.

เค้าได้มีโอกาสอยู่กับมารดา
ได้กอดมารดาอย่างมีความสุข

ถึงจะเป็น..

อ้อมกอดสุดท้ายของคนทั้งสอง
มันช่างมีความสุขเป็นล้นพ้นเกินจะบรรยาย

ก่อนที่รุ่งเช้าวันต่อมามารดาจะลาลับอย่างไม่วันหวนกลับ


ความลับเรื่องนี้ ทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีใครทราบว่า.

ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ของการขอบิณฑบาตต่อรองกับพญามัจจุราชไว้

มีผมเท่านั้นที่ทราบว่าแผ่นทองเปลวแห่งเมตตา

ที่ปิดหลังพระครั้งนี้


ใครเป็นคนปิด


#.ขอให้เจ้านั้นสุขใจ หลวงปู่ก็มีความสุขแล้ว.#


สัจธรรม  เกิด  แก่  เจ็บ  ตาย เป็นธรรมดา.
   

“พักผ่อนเสียบ้าง เพราะว่า ถึงเราจะทำไปมากมายสักเท่าใด ก็เท่านั้นแหละ เมื่อถึงเวลาเข้าจริงๆ ก็เอาอะไรไปไม่ได้ แม้แต่สักชิ้นเดียว เราต้องทิ้งไว้ในโลกนี้เท่านั้น จึงควรมีการพักผ่อน.”
หลักพิจารณา ๕ ประการ: “ อภิณณหปัจจเวกขณะ ”.

       เรามีความแก่เป็นธรรมดา...หนีความแก่ไปไม่พ้น.

       เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา...หนีความเจ็บไปไม่ต้น.

       เรามีความตายเป็นธรรมดา...หนีความตายไปไม่ต้น.

       เราจะต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รัก  ที่ชอบใจ เป็นธรรมดา...เราหนีจากกฎเกณฑ์ข้อนี้ไปไม่พ้น.

       เราทำดีได้ดี  ทำชั่วได้ชั่ว...เราจะหนีจากผลที่เราได้ทำไว้ไม่ได้เด็ดขาด.

“การทำตามคำสอนของตถาคต ก็คือ ไม่โกรธในการประทุษร้ายของโจรคนนั้น  แม้เขาจะเลื่อยขาเราก็ยังไม่โกรธ  เรามีความควบคุมจิตใจได้  เราอดได้ เราทนได้ เรายิ้มรับกับเหตุการณ์ได้  นั่นแหละชื่อว่าได้  ปฏิบัติตามคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า.”

“เธออย่าไปยินดี ยินร้าย กับคำพูดของคนใดๆ เขาพูดชมเราก็อย่ายินดี พูดติเราก็อย่ายินร้าย.”

“พระพุทธเจ้าท่านว่าไว้ดีนา  บอกว่า ใครมาด่าใครคนหนึ่ง  แล้วใครคนนั้นโกรธ ด่าตอบอีกคน  คนที่ด่าทีหลังเลวกว่าคนแรก .”

“อุดมการณ์ของชีวิตไว้ว่า  เราเกิดมาเพื่อความดี  เราอยู่เพื่อความดี  เราจะคิดแต่เรื่องดี  จะพูดแต่เรื่องดี จะทำแต่เรื่องดี  เราจะไม่คิดเรื่องชั่ว เรื่องร้าย  เพราะสิ่งนั้นมันจะทำให้เรามีราคาน้อยลงไป จนกระทั่งหมดราคาการเกิดมาแล้วทำให้ตนหมดราคานั่นเขาเรียกว่า เสียชาติที่ได้เกิดมา ไม่ได้เรื่องอะไร.”

“ความจริงแท้นั้นไม่มี  พระพุทธศาสนาสอนเรื่องไม่มี  ส่วนลึกเรื่องไม่มี คือ ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวไม่มีตน ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีอะไร ทั้งนั้น

(ต้องคิดอย่างละเอียด)”.

“ ไปเก็บเอามานั่งกลุ้มใจเล่นๆ เรื่องเก่า ๗ วันแล้ว ๓ เดือนแล้ว ๓ ปีแล้ว เอามานั่งคิดให้กลุ้มใจเล่น เหมือนไม่มีงานทำ เป็นคนว่างงาน  เลยหาเรื่องให้กลุ้มใจเล่น มันเรื่องอะไร? ”

การเข้าถึงแก่นแท้ของพระรัตนตรัย
      การทำอะไรที่เป็นวัตถุนั้น  ทำแต่น้อยพอสมควร  แต่ว่าการทำตนให้เข้าถึงเนื้อแท้ขององค์พระพุทธเจ้า นั่นแหละเป็นเรื่องสำคัญ. เราอย่าไปยึดถืออะไร แต่ให้เรารู้ว่าเรามีกายมีใจ  ใจเรานี้จะต้องปฏิบัติเรื่อยๆ จนถึงจุดหมายปลายทาง คือ “ความพ้นทุกข์”.

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้