ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน) ~

[คัดลอกลิงก์]
11#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-25 22:46 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

เมื่อครั้งทรงเป็นพระมหาเจริญ สุวฑฺฒโน ทรงถ่ายภาพร่วมกับพระภิกษุสามเณร
วัดเทวสังฆราราม จ.กาญจนบุรี (แถวนั่ง องค์ที่ ๓ จากขวา)



๏ ทรงอุปสมบท

เมื่อ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ มาอยู่ วัดบวรนิเวศวิหาร ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๒  
ก็มิได้มาบวชแปลงใหม่เป็นสามเณรธรรมยุต  
เพราะหลวงพ่อมีความประสงค์จะให้กลับมาบวช
อยู่ช่วยท่านสอนพระปริยัติธรรมที่ วัดเทวสังฆาราม  

ครั้นพระชนมายุครบอุปสมบทได้ ในปี พ.ศ. ๒๔๗๖
เจ้าพระคุณสมเด็จฯ จึงกลับมาอุปสมบทที่ วัดเทวสังฆาราม  
เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๖  
ตรงกับวันจันทร์ แรม ๕ ค่ำ  เดือน ๗ ปีระกา


พระครูอดุลยสมณกิจ (ดี พุทฺธโชติ)  พระอุปัชฌาย์
เมื่อครั้งทรงอุปสมบท ณ วัดเทวสังฆาราม



โดยมี พระครูอดุลยสมณกิจ (พุทฺธโชติ ดี เอกฉันท์)
เจ้าอาวาสวัดเทวสังฆาราม (วัดเหนือ) เป็นพระอุปัชฌาย์  
(สุดท้ายเลื่อนขึ้นเป็น พระเทพมงคลรังษี ถึงแก่มรณภาพเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐)

พระครูนิวิฐสมาจารย์ (สุวณฺณโชติ เหรียญ รัสสุวรรณ)  
เจ้าอาวาสวัดศรีอุปลาราม (วัดหนองบัว) เป็นพระกรรมวาจาจารย์
(สุดท้ายเลื่อนขึ้นเป็น พระโสภณสมาจาร ถึงแก่มรณภาพเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓)

พระปลัดหรุง เสี่ยงฉี เจ้าอาวาสวัดทุ่งเสมอ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
(ถึงแก่มรณภาพเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๙)
12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-25 22:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

พระครูนิวิฐสมาจารย์ (เหรียญ สุวณฺณโชติ) พระกรรมวาจาจารย์
เมื่อครั้งทรงอุปสมบท ณ วัดเทวสังฆาราม



เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ
แล้วจำพรรษาอยู่ที่วัดเทวสังฆาราม ๑ พรรษา
แล้วกลับมาพำนักที่วัดบวรนิเวศวิหาร
ได้ทรงทำทัฬหีกรรม (อุปสมบทซ้ำ) เป็นธรรมยุตอีกครั้งหนึ่ง
ตามธรรมเนียมนิยมของพระสงฆ์ธรรมยุตในครั้งนั้น  
เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๖
(ขณะนั้นยังนับเดือนเมษายนเป็นต้นปี)
ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๔ ปีระกา
ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร


โดยมี สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
(สุจิตฺโต ม.ร.ว.ชื่น นภวงศ์)
ขณะทรงดำรงสมณศักดิ์เป็นที่  
สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์

พระรัตนธัชมุนี (อิสฺสรญาโณ จู ทีปรักษพันธุ์)
ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่ พระเทพเมธี เป็นพระกรรมวาจาจารย์

มีพระนามฉายาว่า “สุวฑฺฒโน” อันมีความหมายเป็นมงคลว่า ผู้เจริญดียิ่ง


พระปลัดหรุง เสี่ยงฉี พระอนุสาวนาจารย์
เมื่อครั้งทรงอุปสมบท ณ วัดเทวสังฆาราม



แม้มาอุปสมบทอยู่ วัดบวรนิเวศวิหาร แล้ว
ก็ยังเวียนไปมาช่วยหลวงพ่อสอนพระปริยัติธรรมที่ วัดเทวสังฆาราม อยู่อีก ๒ ปี
ระหว่าง ๓ ปีแรก  ที่ทรงอุปสมบทเป็นพระภิกษุนี้  สอบได้ทุกปี คือ

พ.ศ. ๒๔๗๖ พระชนมายุ ๒๑ สอบได้เปรียญธรรม ๕ ประโยค
พ.ศ. ๒๔๗๗ พระชนมายุ ๒๒ สอบได้เปรียญธรรม ๖ ประโยค
พ.ศ. ๒๔๗๘ พระชนมายุ ๒๓ สอบได้เปรียญธรรม ๗ ประโยค


เจ้าพระคุณสมเด็จฯ สอบเป็นพระเปรียญ
สำนักเรียนวัดบวรนิเวศวิหาร เรื่อยมาทุกประโยค
เว้นแต่แต่ประโยค ป.ธ. ๗ สอบในนามสำนักเรียน วัดมกุฏกษัตริยาราม

เพราะเจ้าหน้าที่ สำนักเรียนวัดบวรนิเวศวิหาร ทำตกบัญชีขอเข้าสอบ  
จึงไปเที่ยวแสวงหาว่าสำนักเรียนไหน
ส่งชื่อนักเรียนขอเข้าสอบประโยค ป.ธ. ๗ แต่สลละสิทธิ์ไม่สอบ
และทาง วัดมกุฏกษัตริยราม อนุญาตให้เข้าสอบในสำนักเรียนนั้นได้  
โดยเลขที่ของผู้ที่สมัครไว้แต่ไม่สอบนั้น
จึงกลายเป็นพระ สำนักเรียนวัดมกุฏกษัตริยาราม ไปประโยคหนึ่ง
13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-25 22:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

พระเทพเมธี (จู อิสฺสรญาโณ) พระกรรมวาจาจารย์
เมื่อครั้งทรงอุปสมบทซ้ำ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร



เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้เรียนภาษาอังกฤษและสันสกฤต  
กับ ท่านสวามีสัตยานันทบุรี ปราชญ์ชาวอินเดีย อยู่ประมาณ ๒ ปี
ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๗๗-๒๔๗๘ ที่ วัดบวรนิเวศวิหาร

แต่การเรียนไม่ค่อยสะดวกนัก
เพราะต้องเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมบ้าง บาลีบ้าง ที่ วัดบวรนิเวศวิหาร
และต้องช่วยทำงานอย่างอื่นๆ อีก
เมื่อเวลาสอนมาตรงกับเวลาเรียน ก็ต้องงดการเรียนไปทำการสอน

ในด้านพระปริยัติธรรมได้ทรงสอบบาลีต่อขึ้นไปอีก ดังนี้

พ.ศ. ๒๔๘๑ พระชนมายุ ๒๘ สอบได้เปรียญธรรม ๘ ประโยค
พ.ศ. ๒๔๘๒ พระชนมายุ ๒๙ สอบได้เปรียญธรรม ๙ ประโยค



ทัศนียภาพภายในวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ

14#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-25 22:48 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

เมื่อครั้งทรงเป็นพระเปรียญ


๏ พระศาสนกิจและสมณศักดิ์

เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงเริ่มรับภาระทางวัด
และทางการศึกษาตั้งแต่ยังเป็นพระเปรียญตรี เปรียญโท
คือเป็น ครูสอนพระปริยัติธรรม นักธรรมบ้าง บาลีบ้าง

และเมื่อมีวิทยะฐานะเข้าเกณฑ์เป็นกรรมการตรวจนักธรรมและบาลี
ก็ได้รับแต่งตั้งเป็น กรรมการตรวจและบาลีแห่งสนามหลวง เรื่อยมา
ตั้งแต่นักธรรมชั้นตรีถึงชั้นเอก
ตั้งแต่ประโยค ป.ธ. ๓ ถึง ประโยค ป.ธ. ๙
ได้ทรงรับภาระทางคณะสง์และการพระศาสนาต่างๆ เพิ่มขึ้นเป็นลำดับคือ

• พ.ศ. ๒๔๘๔

เป็นสมาชิกสังฆสภาโดยตำแหน่ง
(ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๔๘๔)
พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๔๘๔ ฉบับนี้ได้เลิกใช้
เมื่อประกาศใช้พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แทน

เป็นกรรมการสังคายนาพระธรรมวินัย
ซึ่งแต่งตั้งขึ้นตามความในมาตรา ๖๐
แห่งพระราชบัญญัติปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๔๘๔
และเป็น ผู้อำนวยการศึกษาสำนักเรียนวัดบวรนิเวศวิหาร


เมื่อครั้งทรงเป็นพระเปรียญ

15#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-25 22:49 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
• พ.ศ. ๒๔๘๘

เป็นพระวินัยชั้นอุทธรณ์
เป็น กรรมการสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย

• พ.ศ. ๒๔๘๙

เป็นเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
เป็นอาจารย์บรรยายวิชาพระสูตร และพระอภิธรรม
ในสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย

• พ.ศ. ๒๔๙๐

พระชนมายุได้ ๓๔ พรรษา
ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระโศภณคณาภรณ์
(มีความหมายว่า ผู้เป็นอาภรณ์หรือเครื่องประดับของหมู่คณะอันงาม)
ซึ่งเป็นพระราชทินนามที่ตั้งขึ้นใหม่สำหรับพระราชทานแก่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ เป็นรูปแรก
และเป็น กรรมการมหามกุฏราชวิทยาลัย


เมื่อครั้งทรงเป็นพระราชาคณะที่พระโศภณคณาภรณ์


• พ.ศ. ๒๔๙๓

เป็นกรรมการมหามกุฏราชวิทยาลัย

• พ.ศ. ๒๔๙๓

เป็น กรรมการเถรสมาคมคณะธรรมยุต ประเภทชั่วคราว

• พ.ศ. ๒๔๙๔

เป็น กรรมการอำนวยการมหามกูฏราชวิทยาลัย
กรรมการแผนกตำราของมหามกุฏฯ


• พ.ศ ๒๔๙๕

ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามเดิม
และเป็นผู้ร่วมในคณะฑูตพิเศษที่มหามกุฏราชวิทยาลัย
ส่งไปร่วมฉลองพระบรมสารีริกธาตุและพระอัครสาวกธาตุ
ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา

• พ.ศ. ๒๔๙๖

เป็นกรรมการตรวจชำระคัมภีร์ฎีกา

• พ.ศ. ๒๔๙๗

เป็นกรรมการเถรสมาคมคณะธรรมยุตประเภทถาวร
และเป็นผู้ร่วมในคณะพระเถระแห่งคณะสงฆ์ไทยไปร่วมประชุมสมัยที่ ๒
แห่ง ฉัฏฐสังคายนาพระไตรปิฎก ณ กรุงร่างกุ้ง ประเทศพม่า

• พ.ศ. ๒๔๙๘

ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ในราชทินนามเดิม
16#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-25 22:50 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน
ทรงประทับหน้าใบเสมาพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร



• พ.ศ. ๒๔๙๙

สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
(ม.ร.ว.ชื่น นภวงศ์ สุจิตฺโต)
วัดบวรนิเวศวิหาร พระราชอุปัธยาจารย์
ของ พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน
ทรงเลือกพระองค์เมื่อครั้งทรงเป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระโศภณคณาภรณ์
ให้เป็น “พระอภิบาล” (พระพี่เลี้ยง) ของพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในระหว่างที่ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ และเสด็จประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร
ระหว่างวันจันทร์ที่ ๒๒ ตุลาคม ถึง วันจันทร์ที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๙

และในอภิลักขิตสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ นั้น
ก็ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมวราภรณ์
(มีความหมายว่า ผู้มีธรรมเป็นอาภรณ์คือเครื่องประดับอันประเสริฐ)
ซึ่งเป็นพระราชทินนามที่ตั้งขึ้นใหม่สำหรับพระราชทานแก่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ เป็นรูปแรก
และรักษาการวินัยธรชั้นฎีกา


เมื่อครั้งทรงเป็นพระราชาคณะที่พระธรรมวราภรณ์

17#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-25 22:51 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้









เมื่อครั้งทรงเป็น “พระอภิบาล” ของพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน  
ในระหว่างที่ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ และเสด็จประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร

18#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-25 22:51 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

ทรงฉายพระรูปร่วมกับพระอุปัชฌาย์และพระกรรมวาจาจารย์ ณ วัดเทวสังฆาราม
เมื่อครั้งทรงเป็นพระราชาคณะที่พระธรรมวราภรณ์



• พ.ศ. ๒๕๐๐

เป็น กรรมการพิจารณาร่างระเบียบบริหารวัดธรรมยุต
และได้รับพระราชทานพัดรัตนาภรณ์

• พ.ศ. ๒๕๐๑

เป็น กรรมการคณะธรรมยุต
และเป็น กรรมการมูลนิธิส่งเสริมกิจการพระศาสนาและมนุษยธรรม (ก.ศ.ม.)

• พ.ศ. ๒๕๐๓

เป็นสังฆมนตรีช่วยว่าการองค์การปกครองสั่งการองค์การปกครองฝ่ายธรรมยุต
ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๔๘๔
องค์การหนึ่งๆ มีสังฆมนตรีสองรูป
สำหรับฝ่ายมหานิกายหนึ่งรูป สำหรับฝ่ายธรรมยุตหนึ่งรูป
และเป็นกรรมการดำเนินการสร้างธรรมสภา (แต่โครงการนี้ได้หยุดชะงักไป)


เมื่อครั้งทรงเป็นสังฆมนตรีช่วยว่าการองค์การปกครองฯ
ขณะทรงดำรงสมณศักดิ์พระราชาคณะที่พระธรรมวราภรณ์



• พ.ศ. ๒๕๐๔

ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเจ้าคณะรอง
(คือรองเจ้าคณะใหญ่ หรือรองสมเด็จพระราชาคณะ) ที่ พระสาสนโสภณ
(มีความหมายว่า ผู้งามในพระศาสนาหรือผู้ยังพระศาสนาให้งาม)

เป็น เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ลำดับที่ ๖ สืบต่อจากพระพรหมมุนี (ผิน สุวโจ)
เป็น ผู้อำนวยการมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
เป็น ประธานกรรมการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย

เป็น กรรมการโครงการเชิดชูและบำรุงพระพุทธศาสนา โดยตำแหน่ง
เป็น ผู้รักษาการเจ้าคณะธรรมยุตทุกภาคทั่วราชอาณาจักร
19#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-25 22:52 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
• พ.ศ. ๒๕๐๖

เป็น พระอุปัชฌาย์

พ.ศ. ๒๕๐๕ มีการเปลี่ยนแปลงพระราชบัญญัติคณะสงฆ์
กล่าวคือ ยกเลิกพระราชบัญญัติคณสงฆ์ พ.ศ. ๒๔๘๔
แล้วให้ใช้พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แทน
ตามพระราชบัญญัติฉบับใหม่นี้ กำหนดให้มหาเถรสมาคม (มส.)
มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน บริหารปกครองคณะสงฆ์
เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้รับแต่งตั้งเป็น กรรมการมหาเถรสมาคม
ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕
นับเป็นกรรมการมหาเถรสมาคมชุดแรก
ซึ่งประกอบไปด้วยพระมหาเถระทั้งหมด ๘ รูป คือ

(๑) สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (อยู่ ญาโณทโย) วัดสระเกศ
ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๖  (สิ้นพระชนม์ พ.ศ. ๒๕๐๘)

(๒) สมเด็จพระมหาวีระวงศ์  (จวน อุฏฐายี) วัดมกุฏกษัตริยาราม
ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๘ (สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔)

(๓) สมเด็จพระวันรัต (ปุ่น ปุณฺณสิริ) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช  
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๕ (สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๖)  

(๔) พระธรรมปัญญาบดี (วน ฐิติญาโณ) วัดอรุณราชวราราม
ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์ (มรณภาพเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๐)

(๕) พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (วาสน์ วาสโน) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม  
ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ  สมเด็จพระสังฆราช
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗ (สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๑)

(๖) พระสาสนโสภณ (เจริญ  สุวฑฺฒโน) วัดบวรนิเวศวิหาร  
คือ เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวรฯ

(๗) พระมหาโพธิวงศาจารย์ (สาลี อินฺทโชโต) วัดอนงคาราม
(มรณภาพเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑)

(๘) พระมหารัชชมังคลาจารย์ (เทศ นิทฺเทสโก) วัดสัมพันธวงศ์  
(มรณภาพเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐) ครั้นถึงเดือนพฤษาคม ศกเดียวกัน (พ.ศ. ๒๕๐๖)
ได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์


อนึ่ง กรรมการมหาเถรสมาคมชุดแรกนี้
ได้ประชุมกันครั้งแรก ณ พระอุโบสถวัดสระเกศ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๖

เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้รับแต่งตั้งเป็น กรรมการมหาเถรสมาคม
ทุกสมัยตั้งแต่เริ่มต้นมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
เป็นกรรมการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรม  แผนกบาลี
และเป็น อนุกรรมการพิจารณาร่างกฎมหาเถรสมาคม ตลอดมาทุกสมัย


เมื่อครั้งทรงเป็นพระราชาคณะที่พระสาสนโสภณ
และกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.)

20#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-25 22:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
• พ.ศ. ๒๕๐๗

เป็น อนุกรรมการพิจารณาร่างระเบียบการเดินทางไปต่างประเทศ
ของพระภิกษุสามเณร

เป็น ผู้ถวายพระธรรมเทศนา “พระมงคลวิเสสกถา” (วิเศษกถา)
ในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลปัจจุบัน
เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๐๗

พระมงคลวิเสสกถา เป็นเทศนาพิเศษอย่างหนึ่ง เริ่มมีมาแต่ในรัชกาลที่ ๔
ซึ่งพรรณนาพระราชจรรยาของสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินเพื่อประโยชน์
จะได้ทรงพระปัจจเวขณ์ (คือพิจารณา) ถึงแล้ว เกิดพระปีติปราโมทย์แล้ว
ทรงบำเพ็ญราชธรรมนั้นยิ่งๆ เป็นการอุปถัมภ์พระราชจรรยาให้ถาวรไพบูลย์
พระเถระที่จะรับหน้าที่ถวายในครั้งนั้น สุดแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ

ปัจจุบัน การถวายพระมงคลวิเสสกถาเป็นหน้าที่ของสมเด็จพระสังฆราช
หรือพระเถระรูปใดรูปหนึ่งที่สมเด็จพระสังฆราชทรงมอบหมาย

• พ.ศ. ๒๕๐๙

เป็น ประธานกรรมการอำนวยการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ
และในฐานะที่เป็นประธานกรรมการอำนวยการพระธรรมทูตไปต่างประเทศ
ได้ประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง

เพื่อพิจารณาเพิ่มการศึกษาระดับปริญญาโทของมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่ง
กำหนดให้หลักสูตรพระธรรมทูตรวมอยู่ด้วย
เพราะผู้ที่มารับการศึกษาอบรมพระธรรมฑูตนั้น
ได้ผ่านการศึกษาขั้นปริญญาตรีของสองมหาวิทยาลัยสงฆ์มาแล้ว

ทั้งเป็นการช่วยให้พระที่ต้องการจะศึกษาต่อปริญญาโท
ไม่ต้องเดินทางไปศึกษาต่อในต่างประเทศ  
เป็นการช่วยประหยัดการใช้จ่ายของประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย

และในโอกาสเดียวกันก็ได้เสนอมหาเถรสมาคม
ให้รับรองมหาวิทยาลัยสงฆ์
คือสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย ในวัดบวรนิเวศวิหาร
และมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ในวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
เป็นการศึกษาของคณะสงฆ์


ผลปรากฏว่า ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒
คณะสงฆ์ก็ได้รับรองสองมหาวิทยาลัยสงฆ์
เป็นการศึกษาของคณะสงฆ์นับว่าเป็นครั้งแรก
ที่ทำให้สองมหาวิทยาลัยสงฆ์ดังกล่าวมาแล้ว
เป็นสถาบันการศึกษาชั้นสูงของคณะสงฆ์โดยถูกต้องสมบูรณ์

สำหรับข้อพิจารณาเพิ่มการศึกษาขั้นปริญญาโทของคณะสงฆ์ขึ้น
แม้ว่าโครงการนี้จะยังไม่สำเร็จตามโครงการในขณะนั้น
แต่ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๐ มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่ง
ก็ได้เปิดหลักสูตรปริญญาโทขึ้นเป็นผลสำเร็จ

นับว่าเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้ทรงมีพระคุณูปการ
แก่การศึกษาของคณะสงฆ์ในด้านนี้เป็นอย่างยิ่ง


• พ.ศ. ๒๕๑๐

เป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาเรื่องวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาประจำปี ๒๕๑๑
เป็นประธานอนุกรรมการพิจาณาร่างระเบียบมหาเถรสมาคม
ว่าด้วยวิธีการปฏิบัติในการปลูกสร้างอากาศในที่ดินของวัดซึ่งที่ผู้เช่าอยู่

เป็นประธานอนุกรรมการพิจาณาหลักเกณฑ์ยกเว้นค่าโดยสารรถไฟ
ให้พระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา
และเป็นอนุกรรมการพิจาณณาแก้ไขข้อขัดข้องในระหว่างวัดกับผู้เช่า (พ.ว.ช.)

• พ.ศ. ๒๕๑๑

เป็น ประธานอนุกรรมการพิจารณาโครงการรับการศึกษา
ของมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองเป็นการศึกษาของคณะสงฆ์

• พ.ศ. ๒๕๑๒

เป็น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิโครงการจัดตั้งโรงเรียนพระสังฆาธิการส่วนกลาง

• พ.ศ. ๒๕๑๔

เป็น ประธานอนุกรรมการพิจารณาร่างกฏมหาเถรสมาคม
ว่าด้วยการลงนิคหกรรมแก่พระภิกษุ


• พ.ศ. ๒๕๑๕

เป็น พระธานกรรมการบริหารงานของสภาการศึกษาของคณะสงฆ์
เป็น รองประธานกรรมการและผู้อำนวยการ
โรงเรียนพระสังฆาธิการคณะธรรมยุต

เป็น เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ (ธรรมยุต)
และเป็น ประธานกรรมการมูลนิธิสงเคราะห์คนเป็นโรคเรื้อน

• พ.ศ. ๒๕๑๖

เป็น ประธานอนุกรรมการพิจารณาปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาของคณะสงฆ์
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้