ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
คณะศิษย์หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ (คศช.)
›
พูดคุยตามประสา คศช.
»
"หลวงพ่อคูณ"' ตำนานที่เป็นอมตะตลอดกาลนิรันดร์
1
2
/ 2 หน้า
ถัดไป
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
ดู: 6546
ตอบกลับ: 16
"หลวงพ่อคูณ"' ตำนานที่เป็นอมตะตลอดกาลนิรันดร์
[คัดลอกลิงก์]
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36172
ไปยังโพสต์
1
#
โพสต์ 2015-5-17 09:54
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
|
โพสต์เก่าขึ้นก่อน
|
โหมดอ่าน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2015-5-17 10:01
'ปราชญ์แห่งที่ราบสูง' พระนักปฏิบัติผู้ยิ่งใหญ่
ชาติภูมิ
หลวงพ่อคูณ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2466 ตรงกับแรม 10 ค่ำ เดือน 10 ปีกุน ที่บ้านไร่ หมู่ 6 ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ในครอบครัวของชาวไร่ชาวนาที่อยู่ห่างไกลความเจริญ บิดาชื่อ นายบุญ ฉัตรพลกรัง มารดาชื่อ นางทองขาว ฉัตรพลกรัง มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 3 คน คือ พระเทพวิทยาคม (คูณ ปริสุทโธ) นางคำมั่น วงษ์กาญจนรัตน์ และนางทองหล่อ เพ็ญจันทร์
นางทองขาว เล่าให้เพื่อนบ้านฟังว่า ก่อนตั้งครรภ์ กลางดึกของคืนวันหนึ่งเวลาประมาณตีสาม ฝันเห็นเทพองค์หนึ่ง มีกายเรืองแสงงดงาม ลอยลงมาจากสวรรค์ มาที่บ้านของนางและกล่าวว่า “เจ้าและสามีเป็นผู้มีศีลธรรม เมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งปวง ประกอบการงานอาชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งยังสร้างคุณงามความดีมาตลอดหลายชาติ เราขออำนวยพรให้เจ้า และครอบครัวมีแต่ความสุขสวัสดิ์ตลอดไป” และเทพองค์นั้นยังได้มอบดวงแก้วใสสะอาดสุกวาวให้แก่นางด้วย “ดวงมณีนี้ เจ้าจงรับไปและรักษาให้ดี ต่อไปภายหน้าจะได้เป็นพระพุทธสาวกหน่อเนื้อพระชินวร เพื่อสืบพระพุทธศาสนา เป็นเนื้อนาบุญ ที่พึ่งของสัตว์โลกทั้งปวง”
การศึกษา
บิดามารดาของหลวงพ่อคูณ เสียชีวิตลงในขณะที่ลูกทั้ง 3 คน ยังเป็นเด็ก หลวงพ่อคูณกับน้องๆ จึงอยู่ในความอุปการะของน้าสาว สมัยที่หลวงพ่อคูณอยู่ในวัยเยาว์ 6-7 ขวบ ได้เข้าเรียนหนังสือกับพระอาจารย์เชื่อม วิรโธ พระอาจารย์ฉาย และพระอาจารย์หลี ทั้งภาษาไทย และภาษาขอม นอกจากนี้พระอาจารย์ทั้งสามยังมีเมตตาอบรมสั่งสอนวิชาอาคมเพื่อป้องกันอันตรายต่างๆ ให้แก่หลวงพ่อคูณด้วย นับว่าหลวงพ่อคูณรู้วิชาไสยศาสตร์มาแต่เยาว์วัย
อุปสมบท
หลวงพ่อคูณอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดถนนหักใหญ่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เมื่อวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2487 ปีวอก หลวงพ่อคูณได้รับฉายาว่า ปริสุทโธ หลังจากที่หลวงพ่อคูณอุปสมบทเป็นพระภิกษุเรียบร้อยแล้ว ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแดง วัดบ้านหนองโพธิ์ ต.สำนักตะคร้อ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา หลวงพ่อแดง เป็นพระนักปฏิบัติทางด้านคันถธุระ และวิปัสสนาธุระ อย่างเคร่งครัด และทั้งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมเป็นอย่างยิ่ง จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้คนและลูกศิษย์เป็นอย่างมาก
หลวงพ่อคูณ ได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อแดงมานานพอสมควร หลวงพ่อแดงจึงพาหลวงพ่อคูณไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อคง พุทธสโร ซึ่งหลวงพ่อทั้งสองรูปนี้ เป็นเพื่อนกันต่างให้ความเคารพซึ่งกันและกัน เมื่อมีโอกาสได้พบปะ มักแลกเปลี่ยนธรรมะ ตลอดจนวิชาอาคมแก่กันเสมอ
เวลาล่วงเลยนานพอสมควร กระทั่งหลวงพ่อคงเห็นว่า ลูกศิษย์ของตนมีความรอบรู้ชำนาญการปฏิบัติธรรมดีแล้ว จึงแนะนำให้ออกธุดงค์จาริกไปตามป่าเขาลำเนาไพร ฝึกปฏิบัติธรรมเบื้องสูงต่อไป แรกๆ หลวงพ่อคูณก็ธุดงค์ จาริกอยู่ในเขต จ.นครราชสีมา จากนั้นจึงจาริกออกไปไกลๆ กระทั่งถึงประเทศลาว และประเทศกัมพูชา มุ่งเข้าสู่ป่าลึก เพื่อทำความเพียรให้เกิดสติปัญญา เพื่อการหลุดพ้นจากกิเลส ตัณหา และอุปาทานทั้งปวง
สู่มาตุภูมิ
หลังจากที่พิจารณาเห็นสมควรแก่การปฏิบัติแล้ว หลวงพ่อคูณจึงออกเดินทางจากประเทศกัมพูชาสู่ประเทศไทย เดินข้ามเขตด้าน จ.สุรินทร์ สู่ จ.นครราชสีมา กลับบ้านเกิดที่บ้านไร่ จากนั้นจึงเริ่มดำเนินการก่อสร้างถาวรวัตถุทางพระพุทธศาสนา โดยเริ่มสร้างอุโบสถ พ.ศ. 2496 นอกจากการก่อสร้างอุโบสถแล้ว หลวงพ่อคูณยังสร้างกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ ขุดสระน้ำไว้เพื่ออุปโภคและบริโภค และที่สำคัญยังสร้างโรงเรียนไว้เพื่อเด็กบ้านไร่อีกด้วย
บำเพ็ญสาธารณประโยชน์
หลวงพ่อคูณ ถือว่าเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ของ จ.นครราชสีมา มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือใช้ภาษาพูดสมัยโบราณ โดยมีคำว่า “มึง” และ “กู” เป็นคำติดปาก และมักจะชอบนั่งยองๆ อีกทั้งยังเป็นพระนักเทศน์สอนประชาชนด้วยคำง่ายๆ แต่ได้เนื้อหาธรรมะอันลึกซึ้ง ด้วยจริยวัตรที่เรียบง่าย และเป็นกันเอง ท่านจึงเป็นที่เคารพศรัทธาของลูกศิษย์ และพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ
ขณะเดียวกัน ท่านยังเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่สร้างวัตถุมงคลมากมาย ซึ่งล้วนมีพุทธคุณด้านเมตตา มหานิยม และแคล้วคลาด จนวัตถุมลคลของท่านกลายเป็นที่นิยมของเซียนพระและนักสะสมทั่วประเทศ ด้วยความที่มีลูกศิษย์จำนวนมาก จึงมีผู้นำเงินมาบริจาคให้ท่านมากเช่นกัน ซึ่งเงินที่ท่านได้มาก็จะนำไปสร้างสาธารณประโยชน์มากมายทั่วทั้ง จ.นครราชสีมา อาทิ โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย ถนน และมอบทุนการศึกษาให้ลูกหลานชาวโคราชอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมอบเงินสร้างวัด โรงเรียน และมหาวิทยาลัย หลายแห่ง ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ หลวงพ่อคูณยังเคยได้ทูลเกล้าฯ ถวายเงิน กว่า 100 ล้านบาท แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อใช้ตามพระราชอัธยาศัยอีกด้วย
สมณศักดิ์
12 สิงหาคม พ.ศ.2535 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระญาณวิทยาคมเถร
10 มิถุนายน พ.ศ.2539 เป็นพระราชาคณะชั้นราช ฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ พระราชวิทยาคม อุดมกิจจานุกิจจาทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
12 สิงหาคม พ.ศ.2547 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ พระเทพวิทยาคม อุดมธรรมสุนทร ปสาทกรวรกิจ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
ประวัติอาการอาพาธ
หลวงพ่อคูณ เริ่มมีอาการอาพาธตั้งแต่ปี 2543 ด้วยโรคหัวใจ ซึ่งแพทย์ได้ผ่าตัดทำบายพาสหัวใจให้ท่าน จนอาการดีขึ้นตามลำดับ
วันที่ 25 ตุลาคม 2547 อาพาธอีกครั้งด้วยอาการเลือดคั่งในสมอง ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร ให้แพทย์ผ่าตัดสมองเพื่อเอาลิ่มเลือดออก จนอาการปลอดภัย และมีสุขภาพดีเรื่อยมาจนกระทั่ง วันที่ 26 เมษายน 2552 หลวงพ่อคูณ อาพาธด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ส่งผลให้มีอาการซึมเศร้า และต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาหลายวัน จนกระทั่งอาการดีขึ้นและสามารถกลับวัดบ้านไร่ได้ ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2552 หลังจากนั้นสุขภาพร่างกายของท่านก็อ่อนแอมาอย่างต่อเนื่อง
วันที่ 4 พฤษภาคม 2554 มีอาการอาพาธด้วยวัณโรคปอด เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาอีกกว่า 4 เดือน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2556 มีอาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ และมีอาการแทรกคือ หลอดลมอักเสบ รวมทั้งเกิดภาวะเสมหะลงคอ ทำให้ปอดเกิดการอักเสบติดเชื้อ คณะศิษย์ต้องนำตัวส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จนกระทั่งอาการท่านเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ก่อนที่คณะแพทย์จะได้นำตัวหลวงพ่อคูณกลับวัดบ้านไร่ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2556 เพื่อพักรักษาตัวอยู่ภายในห้องกระจก ที่มีแพทย์และพยาบาลเฝ้าดูแลอาการอย่างใกล้ชิด โดยไม่อนุญาตให้ญาติโยมเข้าเยี่ยม เพื่อป้องกันการติดเชื่อ
ตลอดเวลาที่พักรักษาตัว หลวงพ่อคูณมีอาการดีขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งเมื่อเวลา 05.40 น. วันที่ 15 พฤษภาคม 2558 มีอาการหัวใจหยุดเต้น ต้องนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อีกครั้ง และมรณภาพลงในเวลา 11.45 น. วันที่ 16 พฤษภาคม 2558
ที่มา..
http://www.komchadluek.net/detail/20150517/206406.html
บุ๊คมาร์ก
0
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Metha
Metha
ออฟไลน์
เครดิต
53999
17
#
โพสต์ 2020-2-20 16:35
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
wee
wee
ออฟไลน์
เครดิต
9934
16
#
โพสต์ 2020-2-11 21:34
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
กราบหลวงพ่อคูณครับ
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36172
15
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2020-2-11 09:35
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
morntanti
morntanti
ออฟไลน์
เครดิต
10113
14
#
โพสต์ 2015-5-27 06:48
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขอบคุณ ครับ...........
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36172
13
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2015-5-27 05:04
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
รามเทพ
รามเทพ
ออฟไลน์
เครดิต
8051
12
#
โพสต์ 2015-5-23 16:30
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Metha
Metha
ออฟไลน์
เครดิต
53999
11
#
โพสต์ 2015-5-19 10:59
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
morntanti
morntanti
ออฟไลน์
เครดิต
10113
10
#
โพสต์ 2015-5-19 08:01
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
คลิปคำสั่งเสีย"พ่อคูณ"เรื่องบริจาคศพ "เมื่อกูหมดลมหายใจ พวกมึงอย่าได้หน่วงเหนี่ยวเลย"
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36172
9
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2015-5-19 06:18
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ไขปริศนา! สละร่างเป็นอาจารย์ใหญ่ 'กายวิทยาทาน'
ความรู้ที่ไม่ได้จากคนเป็นของหลวงพ่อคูณ
"อาจารย์ใหญ่ มีคุณค่ามาก เพราะนักเรียนแพทย์สามารถเรียนรู้การทำงานของร่างกาย
เนื่องจากเราไม่สามารถเรียนรู้จากคนเป็นได้ นักศึกษาแพทย์เองจะได้ประโยชน์สูงสุด..."
นั่นเรียกว่า "กายวิทยาทาน" ร่างของพระเทพวิทยาคม (คูณ ปริสุทโธ)
หรือหลวงพ่อคูณ แห่งวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ก็เช่นกัน
แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์
ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวกับไทยรัฐออนไลน์ ถึงการบริจาคร่างกายหลังเสียชีวิต เพื่อการศึกษาทางการแพทย์ของนักศึกษาแพทย์ หรือที่เรียกว่า
"อาจารย์ใหญ่"
นั้น ในระยะหลังการบริจาคไม่ค่อยขาดแคลนมากนัก เพราะมีคนเข้าใจและยอมรับในเรื่องนี้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตอบไป อาจจะไม่ทันสมัย เพราะหมอจะอยู่กับศพที่ผ่ามากกว่าศพที่เรียน
"อาจารย์ใหญ่ มีคุณค่ามาก เพราะนักเรียนแพทย์ สามารถเรียนรู้การทำงานของร่างกาย เนื่องจากเราไม่สามารถเรียนรู้จากคนเป็นได้ นักศึกษาแพทย์จะได้ประโยชน์สูงสุด แต่ว่าโดยหลักๆ การบริจาคเพื่อการเรียน จะต้องมีการเตรียมศพเพื่อการศึกษาก่อน มีรายละเอียดปลีกย่อยไม่น้อย ดังนั้นญาติหรือผู้เกี่ยวข้อง จำเป็นจะต้องรีบแจ้งทางหน่วยแพทย์ทันที เพราะแพทย์จะต้องฉีดสี ถ้าไปไม่ทัน อยู่ไกล รถไปไม่ถึง ก็อาจจะทำได้แค่การดอง"
แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ อธิบายกระบวนการว่า
1. การฉีดสีเพื่อการศึกษา ถ้าเราทำได้ตามเวลา เราจะเรียนรู้จากอาจารย์ใหญ่ที่สมบูรณ์ คือ เมื่อฉีดสีเข้าไป
สีของเส้นเลือดแดงจะเป็นสีแดง สีของเส้นเลือดดำ จะเป็นสีน้ำเงิน นี่คือสิ่งที่ต้องทำก่อนการดอง
2. ก่อนนำไปดอง กระบวนการของการดอง คือการหยุดการเน่า คือจะต้องใช้เวลา
"คนที่ต้องการบริจาคร่าง ก็สามารถเดินเข้าไปแจ้งความประสงค์กับทางโรงพยาบาลที่มีเปิดคณะแพทย์ เขาจะให้เซ็นยินยอม ทำบัตรประจำตัวผู้อุทิศร่างกาย ซึ่งถือเป็นบัตรติดตัวเรา เพราะหากเกิดอะไรขึ้น เขาจะดูบัตร จากนั้นก็จะรีบติดต่อไปทางโรงพยาบาลทันที เพื่อให้ได้อาจารย์ใหญ่ที่สมบูรณ์ สำหรับกระบวนการเรียนรู้จากอาจารย์ใหญ่ 1 ปี คือ นักศึกษา 1 กลุ่ม ต่อศพอาจารย์ใหญ่ 1 ศพ ทั้งนี้หลังจากเรียนรู้เสร็จ ก็ไม่สามารถนำอาจารย์ใหญ่ไปทำอะไรต่อได้ เนื่องจากได้มีการรื้อเส้นเลือด รื้ออวัยวะของอาจารย์ใหญ่แล้ว แต่การบริจาคเป็นอาจารย์ใหญ่ ก็สามารถบริจาคได้เป็นชิ้นส่วน เช่น เฉพาะท่อนอก เป็นต้น"
อย่างไรก็ตาม แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ กล่าวอีกว่า หลังจากกระบวนการเรียนรู้ของนักศึกษาแพทย์เสร็จสิ้น เขาจะนำร่างอาจารย์ใหญ่ไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยทำตามวัตถุประสงค์ที่ตกลงไว้ ส่วนกรณีหลวงพ่อคูณ หมอคงตอบไม่ได้ เพราะเราไม่เห็นพินัยกรรมของท่าน เพราะมันมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะ เช่น การเก็บไว้เคารพบูชาก่อน เป็นต้น
ด้าน
รศ.นพ.ชาญชั
ย พานทองวิริยะกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
กล่าวในข่าวไทยรัฐออนไลน์ไว้ว่า หลังจากที่ได้เปิดให้ประชาชนที่ศรัทธาได้เข้ากราบนมัสการรดน้ำศพ หลวงพ่อคูณที่ รพ.มหาราชนครราชสีมาแล้ว จะได้ขอกราบนำสรีระร่างของหลวงพ่อคูณไปที่ มข. เพื่อฉีดน้ำยาเพื่อรักษาสรีระของท่านให้พร้อมที่จะเป็นครูใหญ่ต่อไป ก่อนจะเคลื่อนไปที่หอประชุมกาญจนาภิเษก และจะบำเพ็ญกุศลสรีระท่านเป็นเวลา 7 วัน ทั้งนี้ ประชาชนสามารถเข้าไปกราบนมัสการท่านได้โดยจะเป็นเจ้าภาพร่วม ระหว่างคณะทำงานที่ทาง มข.ตั้งขึ้น และทางคณะทำงานของ จ.นครราชสีมา ตั้งขึ้น และมีการเชิญส่วนราชการเข้าร่วมเป็นเจ้าภาพ เรามีความตั้งใจที่จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์เจตนารมณ์ของหลวงพ่อ และทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ส่วนกระบวนการที่จะนำสรีระร่างท่านไปใช้เพื่อการศึกษา คือ จะมีการนำร่างท่านไปดอง 1 ปี เราได้สั่งทำอ่างแก้วเป็นกรณีพิเศษ หากญาติโยมจะเข้าไปกราบก็สามารถเข้ามาได้ จากนั้นจะนำร่างขึ้นมาให้นักศึกษาแพทย์ได้เรียนเป็นระยะเวลา 2 ปีการศึกษา เมื่อครบการศึกษาแล้ว ก็จะเป็นไปตามเจตนารมณ์ใช้เวลาประมาณ 3 ปี ในปีที่ 3 จะมีการพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษสำหรับครูใหญ่ทุกคนที่ทาง มข.ได้ขอไว้ก่อนหน้านี้ โดยจะมีหลวงพ่อคูณและครูใหญ่ทำพิธีพร้อมกันด้วย.
http://www.thairath.co.th/content/499621
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
หน้าถัดไป »
1
2
/ 2 หน้า
ถัดไป
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...