ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 20490
ตอบกลับ: 15
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ประสบการณ์กุมารทอง หลวงปู่ชื่น โดย โหราปริทรรศน์

[คัดลอกลิงก์]
เป็นกระทู้ที่คุณโอทำไว้ให้ครับ น่าจะมีประโยชน์ต่อผู้ที่คิดจะเลี้ยงกุมารครับ

เป็นบทความที่ลงหนังสือพิมพ์ " เสรีชัย " โดย อาจารย์เล็ก พลูโต ได้เขียนถึงกุมารทองของหลวงปู่ชื่นเอาไว้ทั้งหมด 4 ตอน ( ขณะนี้ )

ดังนั้นผมขออนุญาต Copy มาลงไว้ให้ชาว คศช. ได้อ่านกันนะครับว่า กุมารทองของหลวงปู่ชื่นนั้นอีกหน่อย ชื่อเสียงมากกว่านี้แน่นอน ( ซึ่งตอนนี้ก็ดังพอควรแล้ว ) เพราะผู้ที่บูชาไปมีประสบการณ์กันทุกคนครับ

.......................................................................

กุมารทอง หลวงปู่ชื่น วัดตาอี (๑) โดย อ.เล็ก พลูโต

เอ่ยชื่อ “กุมารทอง” เชื่อว่าผู้อ่านน้อยรายนักที่จะไม่รู้จัก เพราะกุมารทองนั้นเป็น ๑ ใน ๓ ของวิเศษที่ “ขุนแผนแสนสะท้าน” นักรักนักรบในวรรณคดีไทยเรื่อง “ขุนช้างขุนแผน” ต้องเสาะแสวงหาเพื่อเพิ่มอิทธิฤทธิ์ให้กับตนเอง หลังจากศึกษาเวทมนตร์คาถาจนเจนจบ เสกเป่าร่างกายให้อยู่ยงคงกระพันฟันแทงไม่เข้า หรือ “หนังเหนียว” มีมนต์สะกดหญิงสาวทั้งหลายให้เข้ามาอยู่ในอ้อมอกได้ในพริบตาเดียว, ล่องหนหายตัวได้, เสกหุ่นพยนต์ เสกใบไม้ให้เป็นต่อแตน ทำร้ายข้าศึกได้ ฯลฯ แต่สิ่งที่ขุนแผนทำไม่ได้ก็คือ เหาะเหินเดินอากาศ หรือ ดำดิน แถมยังมีฝีมือการสู้รบทุกรูปแบบอย่างชำนิชำนาญอีกด้วย ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว ทำให้ชายไทยหลายต่อหลายคน เคลิบเคลิ้ม เป็นปลื้มในตัวขุนแผน อยากเป็นขุนแผน หรือประพฤติตัวเลียนแบบขุนแผนไปตามกัน



ในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนนั้นได้กล่าวถึง กำเนิดของกุมารทอง ไว้ดังนี้คือ ขุนแผนจับได้ว่านางบัวคลี่เมียของตน คิดวางยาพิษเพื่อจะฆ่าตน จึงได้ลงมือฆ่านางบัวคลี่ แล้วผ่าท้องของนางเพื่อเอาบุตรชายภายในท้องนั้นมาทำเป็นกุมารทอง โดยทำพิธีสุมไฟย่างศพเด็กในป่าช้า และปิดทองคำเปลวทั่วตัวจนเหลืองอร่ามดังทอง ใช้อาคมปลุกเสกวิญญาณให้มีอิทธิฤทธิ์เหนือภูติผีปีศาจทั้งปวงจนกระทั่งกลายเป็น “กุมารทอง” แล้วใส่ห่อผ้าไว้ กุมารทองจัดได้ว่าสำคัญกับขุนแผนมาก เพราะกุมารทองนั้นก็เป็นบุตรคนหนึ่งของขุนแผนเช่นเดียวกัน เมื่อประกอบพิธีกรรมสำเร็จแล้ว ได้แสดงปาฏิหาริย์พาขุนแผนขี่คอ เหาะเหิน หายตัว ตีฝ่าวงล้อมกลุ่มโจรที่มีหมื่นหาญพ่อตา หรือบิดานางบัวคลี่เป็นหัวหน้าออกมาได้

เหตุที่กุมารทองนั้นถูกจัดให้เป็นของวิเศษอย่างหนึ่งนั้น สันนิษฐานได้ว่าได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยขุนแผน อันเป็นเรื่องแต่งมีเค้าโครงเรื่องจริงซึ่งอยู่ในยุคกรุงศรีอยุธยา และได้รับการสืบทอดวิชามาจนถึงยุคปัจจุบันนี้ แต่การสร้างกุมารทองนั้นไม่สามารถทำแบบขุนแผนได้เนื่องจากผิดทั้งกฎหมาย และศีลธรรม

เมื่อไม่สามารถผ่าศพเด็กจากท้องแม่มาเป็นกุมารทองได้ ดังนั้น ครูอาจารย์ที่สิบทอดวิชา จึงกำหนดให้สร้างกุมารทองโดยอาศัยรูปปั้นเป็น รูปกุมารไว้ผมจุกปักปิ่น นุ่งโจงกระเบน ไม่สวมเสื้อ มีสร้อยสังวาลย์ และกำไลข้อมือข้อเท้า ทั้งในอิริยาบถท่านั่งสมาธิพนมมือ และท่ายืนพนมมือ นั่งกวักมือ ถือพานเงินพานทอง ฯลฯ จากวัสดุอาถรรพณ์ต่างๆ เช่น ดินเจ็ดป่าช้า  เถ้ากระดูกเจ็ดเมรุ  ดินเจ็ดโป่ง ดินเจ็ดถ้ำ ดินเจ็ดท่าน้ำ  ดินเจ็ดนา ดินเจ็ดสวน  เถ้ากระดูกเด็กเจ็ดคน โกศเด็ก ๙ โกศ ตะปูตอกโลงผี ๑๐๐ ป่าช้า ไคลเสมาเจ็ดวัด ฯลฯ  โดยเผาดิน หรือหล่อหลอมโลหะ และมวลสารตามฤกษ์โบราณ

กุมารทองเป็นวัตถุบูชาที่รู้จักกันดีมาอย่างช้านานมาแล้วว่า มีอิทธิฤทธิ์มากมายหลายด้าน ใช้เพื่อปกป้องคุ้มครอง และให้โชคลาภแก่เจ้าของ เช่น ทำมาค้าขายดีขึ้น เรียกลูกค้า ดลจิตดลใจ เฝ้าสวนเฝ้าบ้าน เตือนภัย กันขโมย กันภูตผีปีศาจ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นไสยศาสตร์ในสายวิชาวิญญาณศาสตร์ ผู้สร้างต้องสำเร็จนิพพานสูตร สามารถควบคุมอำนาจจิตใจของดวงวิญญาณ หรือผีได้ มีการถ่ายทอดสืบต่อกันมาจากครูบาอาจารย์อย่างถูกต้อง ตามหลักของวิชานั้นๆ ไม่สามารถเรียน หรือสำเร็จได้ทุกคน

ดังนั้นกุมารทองจึงถือเป็นวัตถุมงคลที่มีอิทธิฤทธิ์ และความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุด และเป็นที่ต้องการของพ่อค้านักธุรกิจ ข้าราชการ วงการศิลปิน ดารา นักแสดง ตลอดจนอีกหลากหลายอาชีพ ด้วยประสบการณ์ความศักดิ์สิทธิ์ ที่แสดงฤทธิ์เดช ปาฏิหาริย์ เรียกทรัพย์ เฝ้าบ้าน ค้าขาย ป้องกันภัย ฯลฯ ให้ปรากฎเล่าขานกัน จนเป็นที่ปรารถนาของคนทั่วไป ซึ่งถ้าไม่ดีจริงเป็นที่ประจักษ์แล้วนั้นคงจะไม่รุ่งเรือง และเป็นที่นิยมแสวงหากันมาสะสมบูชากัน จนทำให้มีมูลค่าที่สูงมากในยุคปัจจุบัน (กุมารทองหลวงพ่อเต๋ รุ่นแรก สวยสมบูรณ์ ราคาห้าหมื่นบาทขึ้นไป)

กุมารทอง เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์เกี่ยวกับจิตวิญญาณ ไม่เฉพาะของไทยเท่านั้น พวกเขมร แขก ลาว พม่า ก็มีความเชื่อเช่นเดียวกัน และเชื่อกันมานานหลายร้อยปี หรือนับเป็นพันปีก็ได้ (มีการพบรูปปั้นกุมารทองในกรุต่างๆ หลายกรุ นัยว่าสร้างเอาไว้เพื่อเฝ้าทรัพย์สมบัติ) ที่มาของกุมารทองมาจากการเลี้ยงภูติผีปีศาจไว้ใช้งาน โดยกุมารทองจะเป็นวิญญาณของเด็กผู้ชาย หากเป็นวิญญาณผู้หญิงที่คนเลี้ยงไว้จะเรียกว่า "โหงพราย"

กุมารทองนั้นแรกเริ่มเดิมทีมาจากวิญญาณของเด็กที่ตายในท้องแม่ หรือที่เรียกว่า ตายทั้งกลม ผู้มีวิชาอาคมจะไปนำพาวิญญาณเด็กนั้นมาเลี้ยงไว้เป็นลูก จากหลักฐานที่พบในเอกสารโบราณระบุถึงการทำกุมารทองสรุปว่า ต้องหาศพที่ตายทั้งกลม (ขุนแผนฆ่านางบัวคลี่ที่ท้องแก่จวนคลอดจนเป็นผีตายทั้งกลม) แล้วประกอบพิธีกรรมเผา ไม้ที่นำมาเป็นเชื้อเพลิงต้องเป็นไม้มงคล ถูกต้องตามตำรา เช่น ไม้กันเครา ไม้เถากันภัย ไม้ชัยพฤกษ์ ฯลฯ เป็นต้น และต้องเอาศพทารกในท้องนั้นมาย่างไฟให้แห้งสนิทก่อนรุ่งอรุณ แล้วจึงลงรักปิดทองให้ทั่ว ด้วยเหตุนี้จึงเรียกว่ากุมารทอง

ต่อมาสภาพสังคม และวัฒนธรรมพัฒนาไปมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถสร้างกุมารทองจากศพทารกจริงๆ ได้ จึงได้มีการดัดแปลงกรรมวิธีการสร้างกุมารทองขึ้น โดยใช้ดินเจ็ดป่าช้าบ้าง ไม้รักซ้อน หรือไม้มะยมบ้าง ไปจนถึงโลหะ มาสร้างเป็นรูปกุมาร แล้วปลุกเสกตั้งจิต ตั้งธาตุทั้ง ๔ และเรียกอาการสามสิบสอง ให้บังเกิดเป็นจิตวิญญาณของเด็กขึ้นมา



แนะนำ
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-3-28 15:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Nujeab เมื่อ 2013-3-28 15:54

กุมารทองหลวงปู่ชื่น ( ๔ ) โดย อ.เล็ก พลูโต

ขั้นตอนเมื่อท่านได้กุมารมาแล้ว

๑. เมื่อท่านได้กุมารมาแล้วให้ท่านจัดการตั้งชื่อให้กับเขา โดยแบ่งได้ดังนี้

๑.๑ ชื่อที่เน้นโชคลาภ เช่น ทองมา เรียกทรัพย์ พูลเงิน พูลทอง ทองไหลมา เป็นต้น

๑.๒ ชื่อที่เน้นทางดุดัน เฝ้าบ้าน แคล้วคลาด เช่น ชัย เพชรมั่น คง กล้า แกร่ง เป็นต้น

๒. ก่อนนำเข้าบ้านให้ทำตามนี้

๒.๑ หาที่ตั้งให้เหมาะสม โดย ไม่อยู่สูงกว่าพระ หรือ ต่ำติดพื้น และไม่ควรหันหน้าไปทาง ทิศตะวันตก (หากไม่มีที่ทาง ให้ตั้งไว้บนพาน บนหิ้งพระ คือ อยู่รวมกับพระได้ เพราะไม่ใช่ผี ปีศาจ สิ่งเลวร้ายอัปมงคล แต่เป็นของกายสิทธิ์ มีอำนาจพุทธคุณในตัว)

๒.๒ จุดธูปกลางแจ้ง ๑๖ ดอก บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางดังนี้

ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิฐานบอกกล่าวแด่ พระภูมิ เจ้าที่ ผีปู่ ผีย่า ผีตา ผียาย ผีเหย้า ผีเรือน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ อยู่ภายในสถานที่ แห่งนี้ วันนี้ข้าพเจ้าได้นำ เจ้า......(ชื่อลูกที่ตั้งแล้ว) เข้ามาเลี้ยงภายในบ้าน เพื่อให้เจ้า..... เฝ้าทรัพย์สิน ให้โชคให้ลาภ

ขอให้ พระภูมิเจ้าที่ ผีปู่ ผีย่า ผีตา ผียาย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเปิดทางให้เจ้า.... เข้ามาอยู่อาศัยในบ้านได้สะดวกด้วยเถิด (ขั้นตอนนี้ หากไม่สะดวก จะข้ามไปก็ได้ เพราะกุมารทองของหลวงปู่นั้น เข้าออกได้ทุกสถานที่ คือ หลวงปู่ท่านลงเอาไว้ให้ผ่านเข้าออกได้ทุกสถานที่อยู่แล้ว มีพรของหลวงปู่คุ้มครองทุกองค์)

๒.๓ เมื่อทำการเปิดทางให้กับเจ้ากุมารลูกของคุณแล้ว ให้นำกุมารมาตั้ง ณ ที่ที่เตรียมไว้แล้วจุดธูปบอกกุมาร ๓ ดอก  ดังนี้

เจ้ากุมารทองของพ่อเอ๋ย ต่อไปนี้เจ้าชื่อ ..... และต่อไปนี้คนนี้คือพ่อของเจ้า พ่อจะเรียกเจ้าว่า ..... มาอยู่ที่บ้าน

ให้ช่วยกันดูแลบ้านเฝ้าบ้านให้ดี ช่วยกันทำมาหากินนะ แล้วพ่อจะซื้อของเล่นให้ เวลาพ่อไปไหนก็ไปกัน เวลาพ่อกินอะไรก็กินกันนะ ไม่ต้องรอให้พ่ออนุญาต อยากได้อะไรอยากกินอะไรมาบอกพ่อนะ (ส่วนมากเขาจะมาเข้าฝันบอก ไม่ปรากฎกายให้เห็น เพราะบางคนขวัญอ่อน อาจตกใจกลัวได้ หลวงปู่ชื่นท่านกำชับกุมารของท่านทุกองค์)

(หากมีกุมารอยู่แล้วให้กล่าวเพิ่มว่า เจ้า...(ชื่อกุมารองค์เดิม).... วันนี้พ่อนำ น้องเค้ามาอยู่ด้วยนะ อยู่ด้วยกันก็รักกันนะช่วยกันดูแลบ้าน หาเงินหาทองอย่าทะเลาะกันนะ)

ทุก ๆวันพระให้เรานำข้าวปลาอาหาร หรือ ขนม หรือ ผลไม้ ดอกไม้ มาบูชาเค้าแล้วบอกกล่าวเค้าว่าให้ช่วยกันหาเงินหาทอง เฝ้าบ้านดูแลคนในบ้าน ขาดเหลืออะไรบอกพ่อนะ

ข้อเสนอแนะดังกล่าวข้างต้นนี้ ไม่จำเป็นต้องทำจนเกิดเป็น “ภาระ” ขัดต่อการงานอาชีพ ให้ทำเท่าที่สามารถทำได้ การเซ่นไหว้ก็เช่นกัน หากไม่สะดวก จะบอกเขาให้มาทาน หรือ เรียกเขามาทานอาหารพร้อมคุณก็ได้ หรือหากคุณหลงลืมบ่อย ๆ ก็บอกเขาล่วงหน้าไปเลยว่า ให้มากินพร้อมกันทุกครั้ง โดยไม่ต้องเรียก

สำนึกของผู้ที่เลี้ยงกุมารทอง

๑. ท่านต้องระลึกไว้เสมอว่ากุมารนั้น คือ ลูกของท่าน เสมือนคนจริง ๆ ๒. หมั่นหาของเล่นขนมมาให้เค้า ๓. หมั่นคุยกับเค้า

๔.หากเบื่อแล้วคิดจะเลิกเลี้ยง นั้นควรนำเค้าไปปล่อย โดยให้ผู้ที่มีพลังจิต หรือ พระปลดปล่อยเค้าไป (หากติดต่อผมได้ จะส่งคืนผมก็ได้ ผมยินดีรับคืนทุกเวลา เพื่อเป็นสื่อกลางหาพ่อแม่คนใหม่ให้เขาต่อไป แต่ส่วนมากที่นำไปเลี้ยงมักจะมีความรักความผูกพัน เลี้ยงกันจนกว่าจะตายจากกันไปข้างทีเดียว)

พระคาถาบูชากุมารทองรับทรัพย์

                สุวัณโณ ปิยะกุมาโร มหาภูโต มหิทธิโก สัพพะทิเสสุ วัตติโก สัพพะคาเมสะ โคจะโร สัพพะชนานัง หะเทเย มหาเตโช ประวัตติโก รัตนะตะยานุภาเวนะ รัตนะตะยะเตสะสา เทวานัง อิทธิพะเลนะ กุมาโร จะมหิทธิโก แล้วพูดว่า

                “พ่อกุมารทองที่รัก เจ้าเป็นหนึ่งแห่งผู้มีอิทธิฤทธิ์ยิ่งใหญ่ จงช่วยคุ้มครองบ้านเรือนให้อยู่เย็นเป็นสุข ให้ช่วยค้าขายดีมีกำไร มีโชคลาภด้วยเทอญฯ (หมั่นสวดบูชา เพื่อเพิ่มพลังอำนาจให้กุมารทองทุกคืน ก่อนนอน จะบังเกิดผลดี มีความสุข ความเจริญ)

คาถาเรียกจิตกุมารทอง ให้ติดตามไปไหนมาไหนด้วยกัน

                จิเจรุนิ จิตตัง เจตะสิ กังรูปัง กุมาโรวา นะมามามา นะมะพะทะ นะมะอะอุ กุมารัง  ปิยังมะมะ ปุตตัง วะชะยาติ เจ้า....... (เอ่ยชื่อกุมารทอง) จงมา หรือ จงไป (อธิษฐานเชิญชวนให้เขาไปไหนมาไหน ไปทำอะไร) จิตติ จิตตัง จิตติพันธะนัง ปิยังมะมะ อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ

คาถาเรียกกุมารรับประทานอาหาร

                "โอม สุวัณณะปิยะกุมารา มหาภูตา มารับโภชนา อาคัจฉายะ ติวัปตับโพ อาคัจฉาหิ มาลูกมา" จงมารับโภชนาหารพร้อมกันกับพ่อ (แม่) หรือ จงมารับโภชนาหารที่พ่อ (แม่) นำมาเซ่นสังเวย ณ กาลบัดนี้ด้วยเทอญฯ



สุดยอดจริง
ผมได้มาองค์หนึ่ง 2500 ประมูลมาได้ลักษณะก็คล้ายๆกับในรูปที่ลงในเน็ต ไม่รู้ว่าแท้หรอป่าว ไม่มีโค๊ดกำกับด้วยสิ   อยากทราบวิธีเลี้ยงกับคาถาหน่อยครับ
โอ้ว กระทู้ในตำนาน
กลับมาเลี้ยงกุมารทองเต็มๆอีกทีดีไหมเนี่ย
อีก1อย่างที่ชอบมั่กๆ
ใครมีประสบการณ์แสบๆ มาเล่าให้ฟังกันอีกครับ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kruangbin เมื่อ 2013-4-26 16:24

ชอบโค้กนะครับ

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-3-28 15:55 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ประสบการณ์จากผู้เลี้ยงกุมารทองหลวงปู่ชื่น

เรื่องที่ ๑ เป็นข่าวเกรียวกราวในหน้าหนังสือพิมพ์ ดังเช่นข่าวที่คุณศุภชัย นามแก้ว ผู้สื่อข่าวเมืองอุบลฯ ได้รายงานไว้ ข่าวโดยสรุปมีดังนี้  เมื่อเวลาประมาณ ๐๔.๐๐ น. วันศุกร์ที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ นายอนุชิต ทุมวงศ์ หัวหน้ากำลังพลหน่วยกู้ภัยอุบลราชธานี รับแจ้งจากทางโทรศัพท์ว่า เกิดเหตุคนร้ายใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นหญิงจำนวน ๑ ราย เหตุเกิดบริเวณหอพักแห่งหนึ่งในเขตซอยแจ้งสนิท ๖ อำเภอเมือง จ.อุบลราชธานี จึงได้รุดไปที่เกิดเหตุ พบนางสาวจอย อายุ ๑๖ ปี เป็นนักศึกษาอยู่วิทยาลัยแห่งหนึ่งในตัวเมืองอุบลราชธานี กำลังยืนร้องไห้ที่บริเวณใกล้หอพักนามปัญญา โดยมีประชาชนมุงอยู่จำนวนหนึ่ง

สอบถามนางสาวจอย ทราบว่าก่อนเกิดเหตุ ได้ขับรถจักรยานยนต์จะเดินทางกลับที่พัก เมื่อรถออกจากซอยหนองบัว ได้มีรถจักรยานยนต์ประมาณ ๓ คัน วิ่งตามหลัง เมื่อถึงบริเวณหน้าหอพักดังกล่าว คนร้ายใช้เท้าถีบเข้าที่รถจักรยานยนต์ที่ตนเองกำลังขับขี่ ทำให้รถจักรยานยนต์ล้มลง จากนั้นคนร้ายได้กรูกันเข้าทำร้ายร่างกาย หมายจะฉุดเธอขึ้นรถเพื่อนำไปข่มขืน เธอดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง ขณะกำลังถูกลากถูลูถูกังไปขึ้นรถของคนร้ายนั้น ได้มีเด็กชายอายุประมาณ ๕ ขวบ วิ่งมาจากที่ใดไม่ทราบ ได้ทำการต่อสู้กับคนร้ายที่มาด้วยกันถึง ๔-๕ คน กลุ่มคนร้ายร้องเอะอะโวยวาย แต่ก็ได้ชิงรถจักรยานยนต์หลบหนีไป

ทางด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยอุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เมืองอุบลราชธานี ชุดสายฟ้า ได้ติดตามเส้นทางหลบหนีของคนร้าย พบรถจักรยานยนต์ของนางสาวจอยจอดอยู่ที่บริเวณซอยแจ้งสนิท ๑๗ ในสภาพปกติ หลังจากได้รถคืนมา ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนางสาวจอยถึงเด็กที่ต่อสู้กับคนร้าย นางสาวจอยตอบว่าเป็น “วิญญาณกุมารทอง” ของหลวงปู่ชื่น วัดตาอี รุ่นรับทรัพย์ ปี ๒๕๔๕ ที่เธอเลี้ยงอยู่นั่นเอง

เรื่องที่ ๒ เป็นประสบการณ์ที่เกิดกับผู้เขียนโดยตรง กล่าวคือ ภรรยาผมได้ส่งกุมารทองรุ่นรับทรัพย์ (หัวจุก) และ กุมารดูดรก (พรายขอดทรัพย์) ของ หลวงปู่ชื่น วัดตาอี มาให้ ๒ องค์ (ผมใช้สรรพนามว่าองค์ เพราะเป็นเทพกึ่งหนึ่ง) บอกให้เลี้ยงลูกให้ดี ลูกทั้งสองช่วยหาเงินเก่ง จะได้มีเงินส่งไปเมืองไทยมาก ๆ ผมก็พกพาติดตัวไปทำงานด้วยกันเสมอ แรก ๆ ก็เซ่นไหว้ด้วยผลไม้ ข้าวสุก น้ำหวาน อาทิตย์ละหน ต่อมาระยะหลังไม่ค่อยได้เซ่นไหว้ ผมเองก็ไม่ค่อยสบายใจนัก กลัวลูกๆอด ๆ อยากๆ จึงบอกกับลูก ๆ ว่า เวลากินอาหารอะไร ก็มากินด้วยกันนะ ไม่ต้องเรียก หรือ ลืมเรียกก็มากินด้วยกันได้ ต่อมาคืนหนึ่ง ผมฝันเห็นเด็กสองคน อายุประมาณ ๗ – ๙ ขวบ ตามลำดับ (ไม่ได้ไว้จุก แต่งตัวแบบเด็กธรรมดาทั่วไป) คนหนึ่งบอกผมในความฝันว่า “พ่อไม่ต้องเป็นห่วงหนู และน้องนะ พวกหนูเป็นกุมารเทพ อิ่มทิพย์ ไม่ต้องเซ่นไหว้ก็ได้ ไม่อดอยากหรอก”

ผมมีอาชีพขับรถส่งเอกสาร สิ่งที่ผมเบื่อที่สุดก็คือ รถติด เวลาเจอรถติด ผมมักจะบอกลูก ๆ ว่า ช่วยเปิดทางให้พ่อหน่อย เชื่อไหมก็ตาม ทุกครั้งที่ขอ รถที่ติดกันอย่างหนักชนิดไม่ขยับเขยื้อน ก็มีช่องทางให้ผมวิ่งไปได้ หรือจะเรียกว่า เข้าถูกเลนก็ได้ ทุกครั้งไป

ในวันเสาร์ ผมไม่ต้องขับรถเอง แต่ต้องนั่งไปเป็นเพื่อนกับพนักงานอีกคน ช่วยกันเก็บเอกสารส่งธนาคาร ซึ่งเกือบทุกเสาร์ก็ว่าได้ เพื่อนมักจะพาลูกชาย ๒ คน นั่งมาในเบาะหลังด้วย เพราะแม่เด็กไปทำงาน ไม่มีคนดูลูก คนหนึ่งโตแล้ว อายุประมาณ ๗ ขวบ ส่วนอีกคนอายุแค่ ๒ ขวบ ยังพูดไม่เก่งนัก ต้องนั่งคาร์ซีท เมื่อผมได้รับลูกจากภรรยาและพาติดตัวไปด้วย เจอเด็กทั้งสองในวันแรก ปรากฎว่าวันนั้น เด็กคนเล็กส่งเสียงพูดคุยโดยหันหน้าส่งสายตามายังผมที่นั่งเบาะหน้า ส่งเสียงพูดแบบเด็กๆ ฟังไม่รู้เรื่อง หัวเราะเอิ๊กอ๊ากตลอดเวลา ขนาดกินขนมยังยื่นแบ่งให้ผมกินเลย ซึ่งปกติไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน เพราะผมเองก็ไม่ได้หันไปพูดไปคุย หรือเล่นด้วย เวลาจากกันเมื่อเสร็จงาน ยังส่งเสียงบ๊าย บาย ยกมือบายผมอีกด้วย ผมเชื่อว่าเด็กเล็กลูกของเขาเขาคงเห็นลูกคนเล็กซึ่งเป็นกุมารดูดรก คงปรากฎกายให้เห็น และอยู่ในวัยเดียวกับเขา จึงพูดคุยและเล่นกันรู้เรื่อง

มีวันหนึ่ง ผมทำกระเป๋าสตางค์หาย หาเท่าไรก็ไม่เจอ หัวเสียมาก ๆ บ่นกับลูก ๆ ว่า ทำยังไง ถึงปล่อยให้พ่อทำกระเป๋าสตางค์หายได้ เดือดร้อนแน่ ๆ เพราะมีบัตรเครดิต และยังมีคีย์คาร์ดของธนาคารอีกด้วย ตายกับตายแหง ๆ ถ้าหาไม่เจอ ธนาคารเอาตายแน่ เข้าไปหาในรถตั้งนานสองนานก็หาไม่เจอ เกือบจะโทร.แจ้งอายัดบัตรอยู่แล้ว นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าไปลืมไว้ที่ไหน หรือทำตกไว้ที่ไหน เพราะปกติออกจากบ้านก็ถึงรถ ออกจากรถก็ถึงบ้าน ครั้งหลังตอนเติมน้ำมัน กระเป๋าก็ยังอยู่นี่นา หาไปบ่นไป บอกให้ลูก ๆ ช่วยกันหาหน่อย แล้วถึงคราวที่จะเจอ มันก็เจอง่าย ๆ คือ เหมือนมีใครดลใจให้กลับไปหาที่รถอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้หาแบบทุกซอกทุกมุม ใต้เบาะที่นั่งก็หา ปรากฎว่า เจอครับ อยู่ใต้ที่นั่งเบาะคนขับ ซึ่งผมเองก็นึกไม่ออกเหมือนกัน มันตกไปอยู่ใต้เบาะคนขับได้อย่างไร แปลกแต่จริง

ยังมีประสบการณ์อีกหลายเรื่อง ที่แสดงว่ากุมารของหลวงปู่ชื่น มีจิตวิญญาณสิงสถิตอยู่จริง เลี้ยงง่าย และให้คุณแก่ผู้เลี้ยง ไม่ให้โทษใดๆ ทั้งสิ้น เช่น ไปเข้าฝันเด็กนักเรียนที่มาแบ่งห้องเช่า, ไปเข้าฝันแนะนำตัวเองกับหลานสาวของผมบ้าง ฯลฯ เป็นต้น

อย่างที่เกริ่นกล่าวเอาไว้ ผมไปได้กุมารทองของหลวงปู่ชื่น วัดตาอี รุ่น รับทรัพย์ ที่สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๕ (หลวงปู่มรณภาพปี ๒๕๔๗) ตกค้างอยู่ที่วัดแจ้งสิริสัมพันธ์ จ.นนทบุรี จำนวนหนึ่ง จึงเหมามาทั้งหมด เพื่อนำมาเผยแพร่แก่แฟนคอลัมน์ในอเมริกา มีด้วยกัน ๒ แบบ คือ หัวจุก (กุมารทอง) และ หัวแกละ (กุมารเพชร) ๒ เนื้อ คือ นวโลหะ และ กาหลั่ยเงิน (พกพาไปไหนมาไหนได้)

ดังนั้น หากผู้อ่านท่านใดสนใจที่จะนำไปเลี้ยง ลองศึกษาดูนะคับ  แต่อยากให้ถามตัวเองก่อนว่าพร้อมที่จะเลี้ยงเขาไหม  กุมาร ทุกตนก็ต้องการความรักเอาใจใส่  ตลอดจนบุญกุศลที่เราต้องแผ่ให้เขา บ่อยๆ  อย่าคิดจะเลี้ยงเพื่อตามกระแสหรือหวังผลประโยชน์จากเขาฝ่ายเดียวนะ คับ หากมีข้อสงสัยอะไรลองปรึกษาพี่ๆที่เลี้ยงกุมารหลวงปู่กันมาก่อนก็ได้ เช่น พี่โอ Assava พี่นก bigbird สองคนนี้ เป็นสายกุมารของหลวงปู่เลยนะคับ

เครดิต  :  http://www.sereechai.com/demo/
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้