ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ หลวงปู่อุ่น อุตฺตโม วัดอุดมรัตนาราม ~

[คัดลอกลิงก์]
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-6 19:17 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม


พระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-6 19:16 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๏ ญัตติเป็นธรรมยุต

ปี พ.ศ. 2473 เมื่ออายุได้ 21 ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ณ อุกกุกเขปสีมา (สิมน้ำ) ที่ท่าบ้านร้างกลางลำน้ำยาม โดยมี ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระราชเวที วัดโพธิสมภรณ์ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ และ ท่านพระอาจารย์สีลา อิสฺสโร วัดอิสระธรรม จ.สกลนคร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “อุตฺตโม”

เมื่ออุปสมบทแล้ว ท่านมาพำนักจำพรรษากับท่านพระอาจารย์สีลา อิสฺสโร เพื่อทำการศึกษาแนวทางการปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ตามแบบอย่างแนวทางของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต เป็นเวลา 4 ปี  ครั้นเมื่อปี พ.ศ. 2477 ได้กราบนมัสการลาพระอาจารย์สีลา มาอยู่กับศึกษากับ ท่านพระอาจารย์เกิ่ง อธิมุตฺตโก ที่วัดโพธิ์ชัย บ้านสามผง ต.สามผง อ.ท่าอุเทน (ปัจจุบันเป็น อ.ศรีสงคราม) จ.นครพนม จำพรรษาติดต่อกันถึง 3 ปี

ขณะที่อยู่ที่บ้านสามผงนี้  ท่านได้ศึกษาบาลีไวยกรณ์และแปลธรรมบทด้วย เมื่อถึงฤดูแล้งก็ออกเที่ยวธุดงค์ไปอยู่ที่ภูค้อ เพื่อฝึกหัดอบรมจิตใจตนเองและได้เคยทดลองฉันเจด้วย วันหนึ่ง ขณะที่ท่านเดินจงกรมอยู่ที่วัดโพธิ์ชัยนั้น มีงูใหญ่มานอนขดชูคออยู่ที่หัวทางเดินจงกรมของท่าน เวลาท่านเดินไปถึงหัวทางเดินจงกรม งูนั้นก็จะโน้มหัวลงคล้ายกับเป็นอาการเคารพคารวะ ต่อมาก็เลื้อยหายไป

คราวหนึ่งที่บ้านโยมคนหนึ่ง ที่บ้านสามผงนั้น ได้เกิดมีน้ำไหลซึมออกมาจากมุมเตาไฟ แล้วครอบครัวนั้นเกิดเจ็บป่วยกันทั้งครอบครัว เวลานั้นที่บ้านสามผงมีพระมหานิกายรูปหนึ่งมีคาถาอาคมแก่กล้า โยมคนนั้นจึงนิมนต์พระมหานิกายรูปนี้มาทำพิธี แต่น้ำก็ยังคงไหลซึมอยู่ จึงได้มานิมนต์หลวงปู่ไปสวดแผ่เมตตาให้ ปรากฏว่าน้ำที่เคยไหลซึมได้แห้งหายไป และทุกคนในครอบครัวนั้นก็หายจากการเจ็บป่วย ทำให้พระมหานิกายรูปนั้นกลัวว่าจะมีคนนับถือหลวงปู่มากกว่า และจะทำให้ลาภสักการะของท่านเสื่อมไป

วันหนึ่งหลวงปู่ได้รับนิมนต์ให้ไปเทศน์ 2 ธรรมาสน์กับพระมหานิกายรูปนี้ ปรากฏว่ามีตะขาบตัวใหญ่ไต่เข้ามากัดหลวงปู่ใต้ธรรมาสน์ที่ท่านนั่งอยู่ ทำให้ท่านเป็นลมล้มลง ต้องช่วยกันปฐมพยาบาลกันอยู่นานกว่าจะฟื้นคืนสติ นับแต่นั้นเป็นต้นมาหลวงปู่ท่านจะมีอาการอาพาธปวดเท้า เท้าบวมขึ้นจนถึงปลีน่อง เป็นๆ หายๆ มาจนตลอดชีวิตของท่าน หลวงปู่บอกว่ามันเป็นกรรมเก่าของท่านที่เคยกระทำต่อกันมาก่อนในชาติก่อนๆ ชาตินี้ท่านจะไม่ถือโทษโกรธเคืองพระมหานิกายรูปนี้ จะได้เป็นอโหสิกรรม สิ้นเวรสิ้นกรรมกันเสียที

หลวงปู่ท่านได้ศึกษาอบรมทั้งด้านคันถธุระและวิปัสสนาธุระกับท่านพระอาจารย์เกิ่ง อธิมุตฺตโก ที่วัดโพธิ์ชัย บ้านสามผง จ.นครพนม เป็นเวลานานถึง 3 พรรษา แล้วจึงกราบนมัสการลาท่านพระอาจารย์เกิ่ง กลับมาพำนักจำพรรษากับท่านพระอาจารย์สีลา อิสฺสโร ที่วัดอิสระธรรม จ.สกลนคร อีกครั้งหนึ่ง
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-6 19:15 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๏ การอุปสมบท

เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุฝ่ายมหานิกาย ณ พัทธสีมาวัดกลาง แห่งเดิม โดยมีพระอธิการมี (ญาครูมี) ปญฺญาณสุโต เป็นพระอุปปัชฌาย์, พระครูวิรุฬห์นวกิจ (ผาง ฐิตสทฺโธ) วัดไตรภูมิ บ้านอากาศ เป็นพระกรรมวาจารย์ และพระอธิการแก้ว วัดทุ่งบ้านอากาศ เป็นพระกรรมวาจารย์

จากนั้นได้เดินทางไปศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักของพระอุปัชฌาย์ (ไม่ทราบว่าที่ไหน) จนสามารถสอบนักธรรมตรีได้ แต่ต่อมาได้ลาสิกขา แล้วไปฝากตัวเป็นศิษย์กับ ท่านพระอาจารย์สีลา อิสฺสโร ที่วัดอิสระธรรม บ้านวาใหญ่ ต.วาใหญ่ อ.วานรนิวาส (ปัจจุบันเป็น อ.อากาศอำนวย) จ.สกลนคร


พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล)


พระอาจารย์สีลา อิสฺสโร


พระอาจารย์เกิ่ง อธิมุตฺตโก

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-6 19:15 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๏ ชีวิตปฐมวัยและการศึกษาเบื้องต้น

ชีวิตในวัยเด็ก ท่านเป็นคนมีสุขภาพร่างกายอ่อนแอ เลี้ยงยาก มักเจ็บป่วยอยู่เสมอๆ จนกระทั่งโยมบิดา-โยมมารดา กลัวว่าจะเลี้ยงไม่โต (คือไม่รอดชีวิต) พอถึงวันพระจะเอาท่านไปนั่งที่หมอน แล้วให้พี่ๆ ที่เป็นผู้หญิงทั้งหมดพากันมากราบ แล้วเอาเท้าของน้องชายลูบศีรษะ ต่อมาภายหลังเมื่อท่านอาพาธเป็นโรคปวดเท้า ท่านเคยปรารภว่า หรือจะเป็นเพราะบาปที่พวกพี่ๆ เคยเอาเท้าของท่านไปลูบศีรษะ

เมื่ออายุได้ 8-9 ปี ท่านเกิดป่วยหนักนอนซมจนโยมบิดา-โยมมารดาคิดว่าคงจะไม่รอดแล้ว จึงเอานวนผ้าฝ้าย (สำลี) มาวางไว้ที่รูจมูกของท่านเพื่อจะดูว่าสำลียังไหวติงอยู่หรือไม่ หากยังไหวติงแสดงว่ายังมีลมหายใจเข้าออกอยู่ และต่อมาได้พากันนำท่านไปฝากไว้กับญาครูทุม (พระอธิการทุม) เจ้าอาวาสวัดกลาง (ปัจจุบันชื่อวัดกลางพระแก้ว) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของท่านมากนัก (คนอีสานสมัยก่อนการแพทย์ยังไม่เจริญ เวลาเจ็บป่วยต้องอาศัยพระทำพิธีให้) หลังจากนั้นปรากฏว่า อาการป่วยของท่านหายวันหายคืนจนร่างกายแข็งแรงดังเดิม และได้เริ่มเรียนหนังสือกับญาครูทุม (พระอธิการทุม) ที่วัดกลาง (วัดกลางพระแก้ว) นั้น


๏ การบรรพชา

เมื่อปี พ.ศ. 2462 อายุ 10 ปี จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดกลาง ต.อากาศ อ.วานรนิวาส (ปัจจุบันเป็น อ.อากาศอำนวย) จ.สกลนคร โดยมีพระอธิการทุม เป็นพระอุปัชฌาย์

หลังจากบวชเป็นสามเณรแล้ว ท่านได้หัดเรียนอักษรขอม อักษรธรรม พร้อมกับสามเณรแอ่น ครุฑอุทา (ต่อมาได้เป็นพระครูวิรุฬห์ธรรมานุวัตร นามเดิมคือ พระอธิการแอ่น จนฺทสาโร เจ้าคณะอำเภออากาศอำนวย วัดสระแก้วบ้านโคกไม้ล้ม ต.วาใหญ่ อ.อากาศอำนวย ปัจจุบันมรณภาพแล้ว) ตลอดถึงท่องบทสวดมนต์น้อย สวดมนต์กลาง สวดมนต์หลวง หลักคัมภีร์สัททาสังคหะตลอดถึงพระปาฏิโมกข์ จนมีความชำนาญ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้