ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

หลวงปู่บุญมี โชติปาโล พระดีศรีอุบล

[คัดลอกลิงก์]
หลักคําสอน  

หลวงปู่บุญมีท่านได้นําหลักธรรมในพระไตรปิฎกมาประยุกต์ให้เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นอีสานตามวาระโอกาส และความจําเป็น หรือความต้องการให้ประชาชนชาวอีสานและผู้ฟังได้นําไปประยุกต์และปฏิบัติเป็นพื้นฐาน และพัฒนาต่อไปจนถึงขั้นโลกุตรธรรม สามารถจําแนกหลักคําสอนของท่านได้ดังนี้

หลักคําสอนการดําเนินชีวิต หลวงปู่บุญมีท่านมีหลักในการดําเนินชีวิตเพื่อให้ชีวิตที่เป็นสุข โดยใช้คําพูดที่กะทัดรัดเป็นประโยคซึ่งถือว่าเป็นความคิดรวบยอดในการดําเนินชีวิต เช่น “ละชั่ว ประพฤติดี ละทิฐิ ไม่เป็นพาล หวังเพื่อพระนิพพาน บําเพ็ญญาณสนองคุณ” ซึ่งถือได้ว่าเป็นวิธีการที่ง่ายต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและง่ายต่อการจดจํา แล้วนําไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง จากประโยคดังกล่าวหลวงปู่บุญมีท่านได้อธิบายว่า

“ละชั่ว ประพฤติดี” ซึ่งมีความหมายชัดเจนในตัวของประโยค สอดคล้องกับหลักทั่วไปทางพระพุทธศาสนาคือ เว้นจากความชั่ว ประพฤติความดี และการทําจิตใจให้บริสุทธิ์ “ละทิฐิ ไม่เป็นพาล” ทิฐิ ได้แก่ คนไม่เชื่อไม่ฟังคนอื่น ไม่เชื่อแม้แต่ตัวเอง การไม่เชื่อตัวเองนี้ก็คือการไม่ทําความดีให้กับตัวเอง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นคนมีทิฐิมานะ มานะถือว่าตนดีเลิศประเสริฐ ทําผิดก็ไม่ยอมรับผิด ละก็คือไม่ให้บังเกิดขึ้นเลย ให้หมดสิ้นไป ละทิฐิ ไม่เป็นพาล ก็คือลดทิฐิและไม่เป็นพาล เป็นพาลก็เกิดจากทิฐินั้นเอง “หวังเพื่อพระนิพพาน” นิพพานถือได้ว่าเป็นจุดหมายสูงสุดของการปฏิบัติในพระพุทธศาสนา เป็นหนทางดับทุกข์ “บําเพ็ญญาณสนองคุณ” การบําเพ็ญญาณนั้นมีหลายลักษณะ ได้แก่ การให้ทานเพื่อชดใช้หนี้สิน หนี้สินที่ติดตัวของเรามาจากพระแก้ว พระแก้วก็คือพ่อและแม่ ซึ่งถือว่าพ่อและแม่เป็นบุคคลที่เราควรกตัญญูรู้คุณ เปรียบเทียบได้ว่าพระพุทธเจ้าท่านยังทําเป็นตัวอย่างในการกตัญญูรู้คุณบิดามารดาคือ การบวช การบําเพ็ญญาณเพื่อสนองคุณนั้น คือ การปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนา หมั่นให้ศีลให้ทาน รักษาศีล หรือการบวช ซึ่งท่านจะเน้นการบวชเพื่อทดแทนคุณบิดามารดา หลวงปู่บุญมีท่านจะสอนให้สนองคุณบิดามารดา รวมทั้งสอนให้มีความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ พระมหากษัตริย์ และประเทศ

พากล่าวทานไถ่ชีวิตสัตว์ หรือการต่ออายุ เมื่อหลวงปู่บุญมีท่านประกอบพิธีกรรมต่ออายุ ท่านจะพาชาวบ้านญาติโยมกล่าวทานไถ่ชีวิตสัตว์ ดังนี้

“สาธุ อะหังวันทามิ สัตว์ตัวน้อยตัวใหญ่ เป็ดไก่ปูปลา ได้ฆ่ากินมาแต่มื้อเกิด เป็นอาหาร มื้อนี้ให้ชีวิตสัตว์เป็นทาน ให้พ้นจากความตาย พ้นจากความเสียหาย ชีวิตของข้าเป็นเนื้อเป็นหนัง เกิดเป็นสัตว์จําพวกนี้ ในวันนี้ละลดปลดกรรม อย่ามีกรรมมีเวร มาผูกมาพัน มาเกี่ยวมาข้อง เวรอันใดให้แล้วให้หาย หายแต่วันนี้ต่อไป มีอายุหมั่นยืน สาธุ เบิดเคราะห์เบิดเข็ญ หวิดโรคหวิดภัย ไชโยข้าชนะแล้ว พ้นแล้ว ถึงแล้ว รู้แล้ว พระแก้วรักษา ไชโย เบิดกรรมเบิดเวร เบิดเคราะห์เบิดเข็ญ”

พากล่าวเป็นแนวทางในการดําเนินชีวิต หลวงปู่บุญมีท่านจะพานํากล่าวหลักในการดําเนินชีวิตเป็นประจํา เพื่อกระตุ้นให้คิดพิจารณาและนําไปปฏิบัติตาม ดังนี้

“สาธุละชั่ว ประพฤติดี ละทิฐิ ไม่เป็นพาล หวังเพื่อพระนิพพาน บําเพ็ญญานสนองคุณ สนองแล้วคุณพระแก้ว ๒ องค์ประจําชีวิต ทุกก้าวเดินไปมา สาธุ”


• หลักคําสอน  

หลวงปู่บุญมีท่านได้นําหลักธรรมในพระไตรปิฎกมาประยุกต์ให้เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นอีสานตามวาระโอกาส และความจําเป็น หรือความต้องการให้ประชาชนชาวอีสานและผู้ฟังได้นําไปประยุกต์และปฏิบัติเป็นพื้นฐาน และพัฒนาต่อไปจนถึงขั้นโลกุตรธรรม สามารถจําแนกหลักคําสอนของท่านได้ดังนี้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย padiphatbeer เมื่อ 2015-1-6 18:06


(๖) พากล่าวถวายทาน และคํากล่าวต่างๆ

พากล่าวทานสิ่งของ เมื่อมีชาวบ้านญาติโยมนําของ หรือสังฆทานมาถวายที่วัด หลวงปู่บุญมีท่านจะพานํากล่าวทานโดยให้ผู้ที่นําสังฆทานมาถวาย หรือภัตตาหารมาถวายกล่าวตาม ดังนี้

“สาธุ ทานได้ทานดี ทานฮั่งทานมี เกิดมาบ่อดบ่อยาก ปู่ย่าตายาย พระแก้ว ๒ องค์ได้รับส่วนบุญ รับแล้วให้ลูกให้หลานมีอายุมั่นขวัญยืน มีเงินหมื่นเงินแสน มืนตาขึ้น พ้อแต่เงินหมื่นเงินแสน บ่อดบ่อยาก ทานได้ ทานเป็นเศรษฐี ทานหนีจากทุกข์ พ้อแต่ความสุข สาธุ”

“สาธุ ลูกๆ หลานๆ เกิดมาบ่อดบ่อยาก ทานเอาดิบเอาดี ทานเอาฮั่งเอามี ใช้หนี้ใช้สิน ปู่ย่าตายาย พระแก้ว ๒ องค์ ผู้รักษาชีวิต อุทิศเลี้ยงมา ได้ไก่เป็นทาน ไก่นี้เป็นพระเจ้าองค์ที่ ๑ เป็นผู้พาเดิน ปูทาง เป็นผู้พาหนีจากทุกข์ เป็นผู้พาหาความสุข ขันตามเวลา ตามนาฬิกา ไก่นี้เกิดมาเป็นพระเจ้าองค์ที่ ๑ ผู้ข้าเกิดมา ชาติใดๆ ขอได้พบพระเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ พระเจ้าไก่ พระเจ้าเหน พระเจ้าเต่า พระเจ้าโค พระเจ้าคน ทั้ง ๕ พระองค์นี้ เกิดชาติใดๆ ได้พบได้เห็น ด้วยอํานาจวาสนา สาธุ”

พากล่าวให้ระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และไหว้คุณบิดามารดา หลวงปู่บุญมีท่านจะให้ชาวบ้านญาติโยมนั่งพนมมือ หันหน้าไปหาพระพุทธรูปแล้วกล่าวตามว่า

“สาธุ ข้าขอมอบกายถวายชีวิตต่อพระพุทธ เชื่อแล้ว เป็นแก้วศักดิ์สิทธิ์ประจําชีวิต ของลูกของหลานตลอดชีวิต กราบ...สาธุ ข้าขอมอบกายถวายชีวิตต่อพระธรรม คําสอนของพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติตรัสไว้ดีแล้ว เป็นแก้วศักดิ์สิทธิ์ประจําชีวิต มาแต่มื้อเกิด กราบ...สาธุ ข้าขอมอบกายถวายชีวิตต่อพระสงฆ์องค์ปฏิบัติ ตามธรรมมะวินัย เชื่อแล้ว เป็นแก้วศักดิ์สิทธิ์ประจําชีวิต ของลูกของหลานตลอดชีวิต กราบ...สาธุ ข้าขอมอบกายถวายชีวิตต่อพระแก้วองค์ที่ ๑ ผู้ให้กําเนิดเกิดเป็นคนมา มาแต่วันก่อเกิด เชื่อแล้ว เป็นแก้วศักดิ์สิทธิ์ประจําชีวิต มาแต่มื้อเกิด กราบ...สาธุ ข้าขอมอบกายถวายชีวิตต่อพระแก้วองค์ที่ ๒ ผู้ให้กําเนิดเกิดเป็นคนมา ให้น้ำนมและข้าวป้อน รักษาชีวิตมาแต่วันก่อเกิด เชื่อแล้ว เป็นแก้วศักดิ์สิทธิ์ประจําชีวิตมาแต่มื้อเกิด กราบ”

พากล่าวระหว่างที่ประพรมน้ำมนต์ เมื่อหลวงปู่บุญมีท่านประพรมน้ำพระพุทธมนต์ ท่านมักจะพาชาวบ้านญาติโยมกล่าวตาม ซึ่งเป็นการสอนอีกรูปแบบหนึ่ง ดังนี้

“ฝนห่าแก้วตกแล้วชุ่มเย็น ล้างโรคล้างภัย ล้างไข้ล้างหนาว ล้างเจ็บล้างป่วย ล้างซวยออกให้เบิด เกลี้ยงดีพลีงาม ฝนห่าแก้วตกแล้วชุ่มเย็น ฝนห่าแก้วล้างโรคล้างภัย ล้างหวัดล้างไอ ล้างไข้ล้างหนาว ล้างเจ็บล้างป่วย ล้างซวยให้เบิด เกลี้ยงดีพลีงาม สดใส บ่มีโรคบ่มีภัย บ่มีไข้บ่มีหนาว บ่มีเจ็บบ่มีป่วย ความซวยหายเบิด ความรวยเกิดขึ้น มีอายุหมั่นยืน ลืมตาขึ้นพ้อแต่เงินแต่คํา พ้อแต่สิ่งอยากได้ รวยอํานาจวาสนา เกิดมาบ่อดบ่อยาก สาธุ”

พากล่าวปฏิบัติตน หลวงปู่บุญมีท่านใช้คําว่า “เอาบุญทางใจ” เมื่อมีชาวบ้านญาติโยมมาปฏิบัติตน ทั้งการนั่งสมาธิ การให้ทาน การเจริญภาวนาต่างๆ ท่านจะพากล่าวตาม ดังนี้

“สาธุ ลูกๆ หลานๆ มาละลดความวุ่นวาย ความเสียหาย ละลดปดถิ่ม มาละลดโรคภัยไข้เจ็บ ทํามาด้วยความมืดความหลง สิ่งที่ไม่ดีมาละลดปดถิ่ม มาละลดเคราะห์เข็ญกรรมเวร เจ้ากรรมนํามาสิ่งที่ไม่ดี มาละลดปดถิ่ม เอากรรมดี ทํามั่งทํามี สร้างเงินสร้างคํา สร้างข้าวสร้างน้ำ มาต่อชีวิต มาต่อเอาดี มาต่อเอาฮั่งเอามี ต่อเอาเงินเอาคํา ต่อชีวิตจิตใจ เกิดมาเป็นคนบริสุทธิ์ เป็นคนดีมีราคา มีปัญญา รักษาตัวได้ สาธุ”
วันนี้ไปกราบสังขาร หลวงปู่บุญมี โชติปาโล ในโลงแก้วที่วัดสระประสานสุข ใจผมนีสั่นไปหมดเลยครับ
กราบสักการะหลวงปู่บุญมีครับ สาธุ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย padiphatbeer เมื่อ 2016-9-1 09:27

https://www.youtube.com/watch?v=6ypvw-RDQ28.  หลานหลวงปู่บุญมี โชติปาโล หลวงปู่หนูวัดหนองหว้า ต.ขามใหญ่อ.เมือง จ.อุบล
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-12-5 10:35 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
อาจารย์บอกว่า แนวทางคำสอนเหมืออนหลวงปู่ ดันมาให้อ่านครับ
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-12-3 23:40 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย majoy เมื่อ 2014-12-3 23:45

อ้างอิงจากเว็ปพลังจิต : อำพล เจน ……

มีคำพูดอยู่ประโยคหนึ่ง  
“หมอตำแย ทำงานส่งสัปเหร่อ”   นั่นหมายถึง เกิดแล้วต้องตาย ถ้าไม่อยากตาย ต้องไม่อยากเกิด

ในทางโลก การเกิดเป็นเรื่องน่ายินดี การตายเป็นเรื่องเศร้า ในทางธรรม การเกิดเป็นเรื่องน่าเศร้าใจ การตายเป็นการสิ้นทุกข์ไปคราวหนึ่ง เว้นแต่ผู้ถึงซึ่งพระนิพพาน การตายครั้งสุดท้ายจะปรากฏ แต่ใครจะรู้ นอกจากตัวเอง

หลวงพ่อบุญมี โชติปาโล วัดสระประสานสุข อุบลราชธานี ได้ถึงกาลมรณภาพแล้ว เมื่อเวลา 11.45 น. ของวันที่ 4 มิ.ย. 2547 มีอายุรวม 95 ปี 3 เดือน 4 วัน  เพิ่งรู้ว่าตัวเองยังไปไม่ถึงไหน ยังอยู่ในโลกอันตระการดุจราชรถที่คนเขลามัวข้องอยู่ เพราะว่าเศร้าเหลือพรรณนา

ในรอบ50 ปีหลังนี้เมืองอุบลฯมีครูบาอาจารย์ 2 องค์ เป็นหลักคือหลวงพ่อชา สุภัทโท กับหลวงพ่อบุญมี โชติปาโล ที่อาจกล่าวได้ว่า มีคุณธรรมเสมอกัน เป็นหลักยึด 2 หลัก ให้คนกำลังค้นหาแสงสว่างในธรรมได้ยึด แต่แล้วธรรมชาติก็ทำงานของมันไปอย่างไม่ปรานี มันทำลายอายุขัย และสังขารของหลักยึดทั้งสองให้สิ้นไปในที่สุด ธรรมชาติอีกเหมือนกันที่ยังให้คุณแก่ผู้ยังอยู่ได้มีความทรงจำที่ดีต่อไป  

ความทรงจำแจ่มชัดในวัยเด็กอันเกี่ยวข้องกับหลวงพ่อบุญมี โชติปาโล มีแม่ของผมรวมอยู่ด้วยคนหนึ่ง แม่ผู้ซึ่งมีหลวงพ่อเป็นพระในใจอยู่ตลอดเวลากับการแสดงออกด้วยการเดินทางไป กราบนมัสการถวายอาหาร และข้าวของทุกวันหยุดประจำสัปดาห์ นั่นจึงเป็นเหตุให้มีผมได้ร่วมเดินทางทุกครั้ง  วันเสาร์เมื่อไหร่จะบอกตนเองเตรียมพร้อมไว้ ถ้าวันนี้แม่ไม่ไปก็จะเป็นพรุ่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย  

สมัยนั้น (ราว ๆปี 2505) สนามบินนานาชาติทุกวันนี้ยังมีสภาพไปทุ่งโล่ง มีลานบินคอนกรีตอยู่แค่ให้เครื่องบินขนาดเล็กขึ้นลงได้ เราใช้สนามบินเป็นทางเดินเท้าที่ลัดที่สุดเพื่อไปวัดหลวงพ่อ โดยการเดินตัดผ่านสนามบินทุกสัปดาห์ และมีเพื่อนร่วมทางบ่อยที่สุดของแม่คือ น้าชัยฮวดซิ้ม กับอีกคนที่ไม่ถึงกับบ่อยนักคือ อาเหรียญห้ากู๊ ซึ่งมีลูกสาวรุ่นราวคราวเดียวกับผมคือ ปอเตียง ทั้งยังเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ห้องเดียวกันอีกด้วย ปอเตียง เป็นเด็กเรียนเก่ง สอบได้ที่ 1 ทุกครั้ง ส่วนผมที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทในตอนนั้น ทั้งเป็นญาติกันอีกต่างหากได้ลำดับประมาณ 10 จะอ่อนแก่ก็แล้วแต่จังหวะของข้อสอบครั้งหนึ่งผมสอบได้ที่ 2 ส่วนปอเตียงยังคงได้ที่ 1 เหมือนเดิม เกิดเหตุอัศจรรย์ไปทั้งวงศ์สกุล แต่เบื้องหลังไม่มีใครทราบข้อเท็จจริง นอกจากปอเตียงกับผม 2 คน ปอเตียงให้ผมลอกข้อสอบ ไม่ใช่ย่อย รู้จักทุจริตข้อสอบตั้งแต่อายุแค่ 7 ขวบ นั่นแหละครับ ผมจึงมีเพื่อนคนเดียวที่ได้ร่วมเดินทางไปวัดหลวงพ่อ ในขณะที่แม่มีเพื่อน 2 คน  ระหว่างเดินลัดสนามบิน หน้าฝน มีน้ำเจิ่ง และทุ่งดอกหญ้าสารพัดชนิด เด็ก ๆ 2 คนไม่เบื่อเลยที่จะวิ่งเก็บดอกไม้ และเอาเท้าทั้ง 2 ข้าง วิ่งลุยน้ำ กลิ่นอายของต้นหญ้า ดอกไม้ และน้ำฝนยังคงจำได้ทุกวันนี้  หลวงพ่อในสมัยนั้นกับสมัยปลายชีวิตของท่านยังอยู่ในอิริยาบถ และบรรยากาศเก่าๆ ยังนั่งอยู่บนศาลาพื้นเตี้ย ทำด้วยไม้ มุงสังกะสี คล้าย ๆ เพิงหมาแหงน แม้ว่าวัดจะใหญ่โตมโหฬารแค่ไหน ศาลาไม้เก่า ๆ ยังอยู่   จำไม่ลืมคือ การเหยียบหัว  ผมถูกเหยียบหัวทุกครั้งที่พบท่านในวัยเด็ก ทั้งชอบและเกลียดสถานการณ์แบบนี้ คือ ชอบเพราะรู้สึกอบอุ่น ใกล้ชิด เกลียดเพราะท่านรู้ความลับที่ผมมีอยู่ในใจคนเดียวได้อย่างไร

คำสอนพรั่งพรูออกจากปาก คำเดียวที่จำแม่นคือ ให้ปรนนิบัติกราบไหว้พระแก้ว 2 องค์ที่บ้าน คือ พ่อ กับ แม่ สอนอยู่เช่นนี้จนแม้ปลายชีวิตของท่านก็ยังสอนไม่เสร็จ ใช่แต่ผม ท่านสอนทุกคน ไม่เลือกชั้นวรรณะ ให้รู้จักกตัญญูกตเวทิตาแก่พระแก้วที่บ้าน เหมือนว่าเป็นคุณธรรมแห่งอนาคต ที่ทำนายว่าวันหนึ่งพระจะลงนรกกันหมด ทำบุญกับพ่อแม่ในตอนนั้นจะมีอานิสงส์มากที่สุด ไม่มีทางรู้ว่าสมัยอันนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไร แต่ท่านสอนให้ระลึกถึงพระแก้ว 2 องค์ อยู่เป็นนิตย์ เป็นเหตุให้การกราบพระก่อนเข้านอนของผม มี 6 ครั้ง  จนถึงวันที่กลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว พระพุทธ, พระธรรม, พระสงฆ์, หลวงพ่อบุญมี, พ่อ, แม่  แปลกที่ความทรงจำของผมจะมีอยู่แค่ช่วงสั้น ๆ แต่เพียงครั้งยังเด็ก นึกถึงหลวงพ่อเมื่อใด วัยเด็กแจ่มชัดทุกคราว แม้เห็นผ้าเช็ดหน้าที่ท่านลงอักขระด้วยปลายนิ้วชี้ที่ทำให้ผมแต่คราวโน้น ความทรงจำก็มีอยู่แค่คราวนั้น  ผ้าเช็ดหน้าสีขาวกลายเป็นเหลืองหม่น เป็นของมงคลอันเดียวที่ผมมีไว้ระลึกถึงท่าน วันที่แม่ใกล้จะสิ้นอายุขัย หลวงพ่อบุญมีอุ้มบาตรมาเยี่ยมไข้ที่แสนหนักถึงบ้าน เพื่อให้แม่ได้ใส่บาตร ก็เป็นอีกภาพหนึ่งที่ไม่ลืม

ยังพอมีความทรงจำที่แจ่มใสอีกอันหนึ่งเกิดขึ้นในคราวที่ทุกสิ่งทุกอย่างหาย ไปจากชีวิต หรือว่าชีวิตของผมหายไปจากทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่ทราบ พ่อแม่ตาย อาเหรียญฟ้าตาย ปอเตียงหายสาบสูญไปไหนไม่รู้ผมกลับมาหาหลวงพ่ออีกครั้ง หลังจากไม่พบท่านเกือบ 30 ปีเดินเข้าไปในวัดอย่างคุ้นเคยเช่นเดิม ไม่พบหลวงพ่อ แต่คนวัดบอกว่าท่านอยู่อีกด้านหนึ่งของวัด ผมมุ่งหน้าไปเห็นพระแก่ ๆนั่งยองเอาผ้าคลุมหัวอยู่ใต้ร่มไม้ เข้าไปกราบด้วยแน่ใจว่าเป็นท่าน “มาหาใคร”“มาหาหลวงพ่อ”“นี่ไม่ใช่หลวงพ่อ หลวงพ่ออยู่โน่น” ท่านชี้ไปทางศาลาการเปรียญ  ผมถอยกลับมาพอดีพี่สาวตามมาถึง ผมบอกว่า หลวงพ่ออยู่ที่ศาลา “ใครบอก” “หลวงพ่อองค์ที่นั่งอยู่นั่นแหละบอก”  “นั่นแหละหลวงพ่อ”  กลับเข้าไปใหม่กราบท่านพร้อมๆกับพี่สาว ท่านไม่พูดอะไร จนกระทั่งพี่สาวกราบเรียนท่านว่า  “น้องชายหล่า (สุดท้อง) มาแต่กรุงเทพฯ พามากราบหลวงพ่อ หลวงพ่อจำได้ไหมเจ้าคะ”  “นี่ไม่ใช่น้องชายหล่า” ท่านตอบ  ผมไม่รู้ปริศนาธรรมอันนี้ แต่ผมจำได้แม่นไม่เคยลืม  ไม่มีอะไรใช่ทุกอย่าง  ไม่ใช่ไปหมดทุกอย่าง    จนถึงวันนี้ วันที่หลวงพ่อจากไปแล้ว และขณะที่กำลังรำลึกถึงท่านตามแบบของผม ก็ยังไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ บางที่จะค้นพบแสงสว่างแห่งธรรม แล้วเข้าใจว่านั่นไม่ใช่แสงสว่างแห่งธรรม จึงจะเป็นวันที่เข้าใจปริศนาของคำว่าไม่ใช่ก็ได้ใครจะรู้
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-12-3 23:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย majoy เมื่อ 2014-12-3 23:45

คำสอนหลวงปู่
เครดิต http://www.thanachaisupply.com

พระแก้ว 2 องค์ ตามความหมายของหลวงปู่บุญมี สอนให้ลูกมีความกตัญญููกับคุณพ่อ คุณแม่  ท่านสอนมาโดยตลอด ตราบจนท่านละสังขาร  วัตถุมงคลบ้างรุ่น ท่านตั้งชื่อ “พระแก้วรักษา”  เข้าใจว่าฝากไว้เป็นปริศนาธรรมให้กับผู้ที่ศรัทธาท่าน  เหรียญพระแก้วรักษา  ก็ยังพอมีให้เช่าบูชาที่วัดสระประสานสุข (บ้านนาเมือง) ราคา 120 บาท  เหรียญนี้มีบ้างคนเช่าไป มีประสบการณ์  ปัจจัยที่ได้นำไปสร้างเจดีย์ธาตุหลวงปู่บุญมี

อ้างอิงจากเว็ป พลังจิต…..อีกหนึ่งคำสอนของหลวงปู่บุญมี โชติปาโล

“ดีชั่วก็ตัวเรา จงเอาอยู่ที่ใจ
สวรรค์อยู่ที่ใจ อย่าสงสัย เอาใจเถิด
เดินทางเดียวกัน อย่าเหยียบรอยกัน
ทำสมาธิให้ภาวนา ตาย ตาย ตาย ทุกลมหายใจ”

“ละชั่วประพฤติดี ละทิฐิไม่เป็นพาล หวังเพื่อพระนิพพาน บำเพ็ญญาณสนองคุณ”

หลวงปู่จะสอนเสมอว่า พระแก้วสององค์ คือ บิดามารดา ให้ละลึกถึงบุญคุณอยู่เสมอ ๆ ความกตัญญูคือสิ่งที่ ล้ำค่า
“ให้เชื่อความดีที่เราทำ ให้เชื่อกรรมที่เราสร้าง”  
“คนยากจน เพราะความตระหนี่ คนเป็นเศรษฐี เพราะบริจาคทาน”


3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-12-3 23:14 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย majoy เมื่อ 2014-12-3 23:45

การบรรพชาและการอุปสมบท
      
ในขณะเรียนชั้นประถมศึกษา โยมมารดาได้พาหลวงปู่บุญมีไปฝากเป็นลูกศิษย์วัดกับ หลวงปู่สีทา ชยเสโน (ซึ่งเป็นหลวงลุง) ณ วัดบูรพา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ทำให้ท่านได้มีโอกาสกราบนมัสการรับใช้ใกล้ชิด พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล และพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซึ่งท่านอาจารย์ทั้งสองได้แวะเวียนมากราบนมัสการเยี่ยมหลวงปู่สีทา ชยเสโน พระอุปัชฌาย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระในสมัยนั้น อยู่เสมอ

เมื่อสิ้นหลวงปู่สีทา ชยเสโน ในปีพุทธศักราช ๒๔๖๘ โยมมารดาจึงนำไปบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม) จังหวัดอุบลราชธานี และในระหว่างบรรพชาเป็นสามเณรนั้น พระอาจารย์มั่นได้เมตตานำสามเณรบุญมีติดตามไปจำพรรษาที่จังหวัดสกลนครด้วย สามเณรบุญมีจึงมีโอกาสได้เรียนรู้ ซึมซับปฏิปทาจริยาวัตรของพระวิปัสสนาจารย์อย่างใกล้ชิดตั้งแต่เยาว์วัย ถือได้ว่าท่านเป็นศิษย์ของพระอาจารย์มั่นอีกองค์หนึ่ง

เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี หลวงปู่บุญมีได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม) จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๗๔ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะแม จุลศักราช ๑๒๙๓ และตรงกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ วันวิสาขบูชา โดยมี พระเดชพระคุณพระศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระมหาสว่าง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เพ็ง เป็นพระอนุศาสนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “โชติปาโล” อันมีความหมายเป็นมงคลว่า “ผู้มีแสงสว่างในธรรม”


• ช่วงชีวิตสมณเพศ

หลังจากอุปสมบท หลวงปู่บุญมีได้มีโอกาสกราบนมัสการ ท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) ซึ่งเป็นพระเถระผู้ใหญ่ผู้มีคุณูปการต่อกิจการคณะสงฆ์ภาคอีสาน และท่านเจ้าคุณฯ ก็ได้เมตตาต่อหลวงปู่บุญมี โดยอนุญาตให้ติดตามท่านไปอยู่จำพรรษา ณ วัดบรมนิวาส ราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร และวัดเขาพระงาม (วัดสิริจันทรนิมิต วรวิหาร) ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี อีกด้วย

ในช่วงชีวิตสมณเพศของหลวงปู่บุญมี ท่านได้ออกจาริกธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆ ครั้งหนึ่งท่านได้ออกจาริกไปพร้อมกับ พระอาจารย์มหาสว่าง ซึ่งเป็นพระกรรมวาจาจารย์ของท่าน โดยจาริกไปประเทศพม่า ลาว เวียดนาม และเลยไปถึงประเทศจีน เมื่อกลับจากประเทศจีน หลวงปู่บุญมีท่านได้ช่วย พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม สร้างวัดป่าสาลวัน ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา อีกวัดหนึ่ง

นอกจากนี้หลวงปู่บุญมียังได้มีศรัทธาร่วมสร้างวัดอโศการาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ร่วมกับ ท่านพ่อลี ธัมมธโร เพื่อเป็นศูนย์วิปัสสนากรรมฐานแก่พุทธศาสนิกชน และยังได้ร่วมกับ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร สร้างวัดป่าสุทธาวาส อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ รวมทั้งได้ร่วมกับ พระอาจารย์ดี ฉันโน สร้างวัดภูเขาแก้ว อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี อีกวัดหนึ่งด้วย

ปีพุทธศักราช ๒๔๘๐ หลวงปู่บุญมีเดินทางกลับมายังจังหวัดอุบลราชธานี และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสระประสานสุข โดยท่านได้ทำการพัฒนาก่อสร้างวัดสืบต่อจากพระเดชพระคุณพระศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน) เจ้าอาวาสวัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม) ซึ่งเป็นผู้นำพาในการสร้างวัดสระประสานสุขและเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน หลวงปู่บุญมีได้พัฒนาวัดสระประสานสุขซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดของท่านให้มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นที่น่าเลื่อมใสศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชนในจังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดใกล้เคียงทั่วไปเรื่อยมาตามลำดับ


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้