ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน) ~

[คัดลอกลิงก์]
43#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-25 23:19 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


๏ ชีวิตและปฏิปทาแบบอย่าง

ชีวิตของ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ นั้น
ก็ไม่แตกต่างไปจากชีวิตของคนทั่วๆ ไป
คือมีทั้งผิดหวังและสมหวัง มีทั้งสำเร็จและล้มเหลว มีทั้งดีใจและเสียใจ

แต่โดยที่ทรงมีคุณธรรมหลายประการ
ที่โดดเด่นเป็นแกนหรือเป็นแก่นของชีวิต
ชีวิตของพระองค์จึงมีความสมหวังมากกว่าผิดหวัง
มีความสำเร็จมากกว่าความล้มเหลว
และมีความดีใจมากกว่าเสียใจ

กล่าวโดยรวมก็คือ ด้วยคุณธรรมอันเป็นแกนของชีวิตดังกล่าว
พระองค์จึงทรงประสบความสำเร็จ
หรือทรงเจริญก้าวหน้าไปตามครรลองของชีวิตจนถึงที่สุด
ดังเป็นที่ปรากฏอยู่ในบัดนี้


หากวิเคราะห์ตามที่ปรากฏในพระประวัติ
ก็จะเห็นได้ว่าพระคุณธรรมที่โดดเด่นในชีวิตของพระองค์ก็คือ
อดทน
ใฝ่รู้         
กตัญญู
ถ่อมตน
คารวธรรม



ความอดทน (ขันติ : พระคุณธรรมประการแรก)

ที่ปรากฏเด่นชัดในชีวิตของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ก็คือ ความอดทน (ขันติ)
เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงมีพระสุขภาพอ่อนแอไม่แข็งแรงมาตั้งเยาว์วัย
และมีผลสืบเนื่องมาจนถึงเมื่อทรงบรรพชาเป็นสามเณร

พระสุขภาพที่อ่อนแอนับเป็นอุปสรรคสำคัญของการศึกษาเล่าเรียน
พระองค์ต้องทรงใช้ความอดทนอย่างหนัก
จึงสามารถผ่านพ้นอุปสรรคแต่ละขั้นตอนมาได้
ทรงเล่าว่า บางครั้งเมื่อถึงเวลาสอบ
ต้องทรงใช้ผ้าสักหลาดพันรอบอกหลายชั้น
เพื่อไม่ให้เกิดอาการหนาวสั่นในเวลานั่งสอบ

นอกจากจะต้องอดทนต่อความไม่สมบูรณ์ของร่างกายแล้ว
ยังต้องงอดทนต่อเสียงค่อนแคะของเพื่อนร่วมสำนักอีกนานัปการ

แต่สิ่งเหล่านี้แทนที่จะทำให้กำลังพระทัยลดน้อยลง
แต่กลับทำให้ทรงรู้สึกว่าจะต้องมีความอดทนมากขึ้น


ความใฝ่รู้ (สิกขกามตา) : พระคุณธรรมที่โดดเด่นประการต่อมา

เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงเป็นผู้ใฝ่รู้มาโดยตลอด
แม้เมื่อทรงเป็นพระมหาเถระแล้ว พระอัธยาศัยใฝ่รู้ของพระองค์ก็ไม่เคยจืดจาง
ได้ทรงแสวงหาความรู้อยู่เสมอด้วยการทรงอ่านหนังสือ
ทั้งที่เป็นหนังสือภาษาไทย และภาษาอังกฤษ

หนังสือดีมีประโยชน์บางเรื่องที่ทรงอ่านแล้ว
ยังทรงพระเมตตาแนะนำให้ผู้ใกล้ชิดอ่านด้วย โดยมักมีรับสั่งว่า

“เรื่องนี้เขาเขียนดี น่าอ่าน”

พระคุณธรรมข้อกตัญญูดังกล่าวมาแล้วในตอนต้นว่า
เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงมีพระคุณธรรมข้อนี้อย่างเด่นชัด
และทรงหาโอกาสสนองคุณของผู้ที่มีพระคุณต่อพระองค์
แม้เพียงเล็กน้อยอยู่เสมอ


พระรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร)


‘พระรูปเขียนสี’ สมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร)

42#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-25 23:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน)


๏ ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

• พ.ศ. ๒๕๒๙

มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาปรัชญา

• พ.ศ. ๒๕๓๒

มหาวิทยาลัยมหิดล
ถวายปริญญาอักษรศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาศาสนาเปรียบเทียบ

• พ.ศ. ๒๕๓๓

มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งคณะสงฆ์ไทย
ถวายปริญญาพุทธศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

• พ.ศ. ๒๕๓๗

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ถวายปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาปรัชญาและศาสนา

• พ.ศ. ๒๕๓๘

มหาวิทยาลัยนเรศวร
ถวายปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการบริหารการศึกษา

• พ.ศ. ๒๕๓๙

มหาวิทยาลัยศรีนครินทราวิโรฒ
ถวายปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

• พ.ศ. ๒๕๔๑

มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาภาษาไทย

•  พ.ศ. ๒๕๔๓

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

•  พ.ศ. ๒๕๔๕

มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์


ภาพทรงฉายร่วมกับคณะสงฆ์ของวัดบวรนิเวศวิหาร
เนื่องวันวันคล้ายวันประสูติ ๙๒ พรรษา เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘



๏ ตำแหน่งหน้าที่ในปัจจุบัน

๑.        เป็นประธานกรรมการมหาเถรสมาคม
๒.        เป็นเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต
๓.        เป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร
๔.        รักษาการเจ้าอาวาสวัดญาณสังวราราม ในพระบรมราชูปถัมภ์
๕.        เป็นนายกสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย
                      มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย
๖.        เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนพระสังฆาธิการคณะธรรมยุต
๗.        เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดสร้างพุทธมณฑลฝ่ายสงฆ์
๘.        เป็นประธานคณะกรรมการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา
                     เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา
๙.        เป็นนายกกรรมการมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
๑๐.        เป็นประธานกรรมการมูลนิธิพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย
๑๑.        เป็นประธานกรรมการมูลนิธิวัดญาณสังวราราม ในพระบรมราชูปถัมภ์


เนื่องในมงคลวโรกาสคล้ายวันประสูติ ๙๕  พรรษา วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๑
41#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-25 23:16 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ประเภทพระธรรมเทศนา

เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้ทรงเรียบเรียงไว้มาก และพิมพ์เป็นเล่มแล้ว
เช่น ปัจคุณ ๕ กัณฑ์ ทษพลญาณเทศนา ๑๐ กัณฑ์
มงคลเทศนาถึงมงคลคาถาที่ ๖ โอวาทปาฏิโมกข์เทศนา ๓ กัณฑ์
สังฆคุณ ๙ กัณฑ์ พระมงคลวิเสสกถา
และพระธรรมเทศนาในการพระราชกุศล รวม ๑๐๙ กัณฑ์ เป็นต้น

ประเภทริเริ่มให้มีการรวบรวมและแปล

เนื่องในการจัดงานมหาสมณานุสรณ์ครบ ๕๐ ปี นับแต่วันสิ้นพระชนม์ของ
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
ได้ทรงดำริให้รวบรวมพระนิพนธ์เรื่องต่างๆ
ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้าพระองค์นั้น
อันนอกเหนือไปจากที่ใช้เป็นหลักสูตรนักธรรมชั้นตรี โท เอก อยู่แล้ว
ซึ่งบางเรื่องนั้นยังไม่เคยพิมพ์เผยแพร่มาก่อน
และบางเรื่องเคยพิมพ์แล้วแต่หายาก หรือกระจัดกระจายอยู่
ให้เป็นหมวดหมู่ตามประเภท เป็นหนังสือขนาดใหญ่
(เท่าที่พิมพ์เสร็จแล้วในขณะนั้น) ๑๗ เล่ม
โดยมหามกุฏราชวิทยาลัยฯ เป็นผู้จัดพิมพ์เผยแพร่

และต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๑๕
ทางวัดได้จัดงานวชิรญาณวงศานุสรณ์ครบ ๑๐๐ ปี
นับแต่วันที่ประสูติของ
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
ได้ทรงดำริให้รวบรวมพระนิพนธ์ของสมเด็จพระสังฆราชเจ้าพระองค์นั้น
พิมพ์ขึ้นเป็นหนังสือชุดรวม ๖ เล่ม
โดยมหามกุฏราชวิทยาลัยเป็นผู้จัดพิมพ์เผยแพร่เช่นเดียวกัน

และได้ให้มหามกุฏราชวิทยาลัยฯ จัดรวบรวมและพิมพ์พระราชนิพนธ์
ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ออกเผยแพร่ด้วย
โดยจัดพิมพ์เป็นหนังสือชุดแบ่งตามประเภทของเรื่อง
ขณะนี้ได้จัดพิมพ์แล้ว ๔ เล่ม (ส่วนที่เหลือจะจัดพิมพ์ต่อไป)


สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ)
ทรงฉายเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๔ ซึ่งเป็นปีสุดท้ายแห่งพระชนมชีพ



นอกจากนี้ ยังได้ให้รวบรวมประวัติวัดบวรนิเวศวิหาร
จัดพิมพ์ออกเผยแพร่ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษด้วย


ในด้านการริเริ่มในการแปลตำราภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษนั้น
เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ก็ได้จัดให้พระภิกษุไทยร่วมกับพระภิกษุชาวต่างประเทศ
ที่บวชจำพรรษาอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหารช่วยกันแปลหนังสือขึ้น
เป็นคู่มือในการศึกษาพระพุทธศาสนา

ซึ่งเป็นพระนิพนธ์ของ  
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
เป็นภาษาอังกฤษหลายเล่ม เช่น

๑. นวโกวาท ซึ่งเป็นหนังสือหลักในการศึกษาพระวินัยของพระภิกษุ
๒. วินัยมุข เล่ม ๑-๓ ซึ่งเป็นหนังสืออธิบายขยายความนวโกวาทให้เข้าใจง่ายขึ้น
๓. พุทธประวัติ เล่ม ๑-๒-๓ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังได้ทรงริเริ่มให้มีการแปลหนังสือพุทธศาสนาที่สำคัญๆ
จากภาษาไทยเป็นภาษาต่างประเทศ
เพื่อเป็นการเผยแพร่และเป็นคู่มือการศึกษาพระพุทธศาสนา
สำหรับชาวต่างประเทศอีกเป็นจำนวนมาก

เช่น หนังสือภิกขุปาติโมกข์ อุปสมบทวิธี ทำวัตรสวดมนต์ เป็นต้น
แล้วโปรดให้มหามกุฏราชวิทยาลัยฯ จัดพิมพ์เผยแพร่

ในระยะเดียวกันนี้
โปรดให้จัดตั้งแผนกจำหน่ายหนังสือพระพุทธศาสนาต่างประเทศ
ของมหามกุฏราชวิทยาลัยฯ ขึ้นด้วย

เพื่อให้เป็นศูนย์หนังสือทางพระพุทธศาสนา
สำหรับชาวต่างประเทศที่สนใจจะศึกษาพระพุทธศาสนา
ตลอดถึงชาวไทยที่ต้องการหนังสือพระพุทธศาสนา
ในภาษาต่างประเทศไว้ประกอบการศึกษา
ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๑๒
และเจริญก้าวหน้ามาด้วยดีจวบจนทุกวันนี้


ตึกมนุษยนาคมานพวิทยาทาน ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
40#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-25 23:15 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน)


๏ พระนิพนธ์

ทางด้านงานพระนิพนธ์ หรือตำรับตำรานั้น
เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ก็ได้เริ่มเกี่ยวข้องมาตั้งแต่ยังทรงเป็นพระเปรียญ
โดยการเป็นเจ้าหน้าที่แผนกตำราของมหามกุฏราชวิทยาลัย
และเป็นเจ้าหน้าที่หนังสือธรรมจักษุ เป็นต้น

ได้เรียบเรียงเรื่องต่างๆ ไว้มาก
บางเรื่องก็ได้พิมพ์ออกเผยแพร่มาแล้วหลายครั้ง
บางเรื่องก็ยังไม่เคยได้พิมพ์เผยแพร่
กล่าวเฉพาะเรื่องที่เคยพิมพ์มาแล้ว
ซึ่งอาจแบ่งออกได้เป็นประเภท ดังนี้

ประเภทตำรา

พ.ศ. ๒๔๙๒ เรียบเรียงอธิบายวากยสัมพันธ์ ภาค ๑-๒
เป็นหนังสืออธิบายบาลีไวยากรณ์
สำหรับใช้เป็นหนังสือประกอบการศึกษาของนักเรียนบาลี

และ พ.ศ. ๒๕๑๒ ทรงเป็นผู้อำนายการในการจัดทำปทานานุกรม
บาลี ไทย อังกฤษ และสันสกฤต
ฉบับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาท

ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้พิมพ์ขึ้นในงานทำบุญอายุ ๖๐ ปี ของหม่อมหลวงบัว กิตติยากร
พระชนนีของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๒







ประเภททั่วไป

เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้ทรงเรียบเรียงไว้มาก เช่น
๑.        แนวความเชื่อ
๒.        บัณฑิตกับโลกธรรม
๓.        บวชดี
๔.        การนับถือพระพุทธศาสนา
๕.        คำกลอนนิราศสังขาร
๖.        บุพพการี-กตัญญูกตเวที
๗.        อาหุเนยโย
๘.        ตำนานวัดบวรนิเวศวิหาร (เล่ม ๒)
๙.        หลักพระพุทธศาสนา
๑๐.        พระพุทธเจ้าของเรานั้นท่านเลิศล้ำ
๑๑.        แนวปฏิบัติในสติปัฏฐาน
๑๒.        ๔๕ พรรษาของพระพุทธเจ้า
๑๓.        พระพุทธเจ้าสั่งสอนอะไร ไทย-อังกฤษ
๑๔.        วิธีปฏิบัติตนให้ถูกต้องทางธรรมะ
๑๕.        ศีล ไทย-อังกฤษ
๑๖.        เรื่องกรรม
๑๗.        สันโดษ
๑๘.        อวิชชา
๑๙.        หลักธรรมสำหรับการปฏิบัติอบรมทางจิต
(ทางลม-อาหารใจ-ปริญญา-บันทึกกรรมฐาน)
๒๐.        พระพุทธศาสนากับสังคมไทย
๒๑.        การบริหารจิตสำหรับผู้ใหญ่

(เริ่มแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ รวมพิมพ์เป็นเล่มใหญ่เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๕
โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์
เนื่องในพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลฉลองพระชนมายุครบ ๗๒ พรรษา
ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๕)




39#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-25 23:14 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน)


๏  การสาธารณสงเคราะห์

เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจเป็นสาธารณสงเคราะห์
เพื่อสุขประโยชน์ของสาธารณชนเป็นเอนกประการ
ทั้งในด้านการศึกษา ด้านการสาธารณสุข และด้านสาธารณประโยชน์อื่นๆ

เป็นต้นว่า ประทานทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่ขาดแคลน
ทั้งในโรงเรียนในกรุงเทพมหานคร และโรงเรียนในต่างจังหวัดจำนวนมาก

ทรงจัดสร้างสถานศึกษา เช่น
โรงเรียนสมเด็จพระปิยะมหาราชรมณียเขต
อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
เป็นต้น
เพื่ออำนวยให้เยาวชนมีที่ศึกษาเล่าเรียนได้โดยสะดวก

ทรงจัดสร้างโรงพยาบาล
สำหรับเป็นที่รักษาพยาบาลทั้งแก่ประชาชนทั่วไป
และพระภิกษุสามเณรอาพาธ เช่น
โรงพยาบาลวัดญาณสังวราราม อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
โรงพยาบาลสมเด็จพระปิยะมหาราชรมณียเขต
อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
เป็นต้น

ที่นับว่าสำคัญก็คือเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๒
ทรงพระดำริให้จัดสร้าง “ตึกสกลมหาสังฆปริณายก”
สำหรับสงฆ์อาพาธในโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วราชอาณาจักร
เพื่อถวายเป็นพระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระสังฆราช
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทุกพระองค์ รวม ๑๙ พระองค์


ในถิ่นที่ขาดแคลนสถานพยาบาล
กระจายไปในจังหวัดต่างๆ ทุกภาคของประเทศ

พร้อมทั้งโปรดให้สร้างพระรูปของสมเด็จพระสังฆราชทั้ง ๑๙ พระองค์
ประดิษฐานไว้เป็นที่สักการบูชาประจำโรงพยาบาล
ที่สร้างถวายเป็นพระอนุสรณ์แต่ละแห่ง
และเป็นที่สักการบูชาของพุทธศาสนิกชนสืบไป ดังนี้

“ตึกสกลมหาสังฆปริณายก ๑”
ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
ถวายเป็นพระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระอริยวงษญาณ
สมเด็จพระสังฆราช (ศรี) วัดระฆังโฆสิตาราม  

“ตึกสกลมหาสังฆปริณายก ๒”
ณ โรงพยาบาลละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์
ถวายเป็นพระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระอริยวงษญาณ
สมเด็จพระสังฆราช (ศุข) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์

“ตึกสกลมหาสังฆปริณายก ๓”
ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชจอมบึง จังหวัดราชบุรี
ถวายเป็นพระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระอริยวงษญาณ
สมเด็จพระสังฆราช (มี) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์

“ตึกสกลมหาสังฆปริณายก ๔”
ณ โรงพยาบาลเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี
ถวายเป็นพระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระอริยวงษญาณ
สมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์

“ตึกสกลมหาสังฆปริณายก ๕”
ณ โรงพยาบาลแม่จัน จังหวัดเชียงราย
ถวายเป็นพระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระอริยวงษญาณ
สมเด็จพระสังฆราช (ด่อน) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์

“ตึกสกลมหาสังฆปริณายก ๖”
ณ  โรงพระปริยัติธรรมวัดพระบาทมิ่งเมือง จังหวัดแพร่
ถวายเป็นพระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระอริยวงษญาณ
สมเด็จพระสังฆราช (นาค) วัดราชบุรณะ

“ตึกสกลมหาสังฆปริณายก ๗”
ณ โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่
ถวายเป็นพระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
(พระองค์เจ้าวาสุกรี) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม  

“ตึกสกลมหาสังปริณายก ๘”
ณ โรงพยาบาลหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี
ถวายเป็นพระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์
(พระองค์เจ้าฤกษ์ ปัญญาอคฺคโต) วัดบวรนิเวศวิหาร

“ตึกสกลมหาสังฆปริณายก ๙”
ณ โรงพยาบาลชลบุรี จังหวัดชลบุรี
ถวายเป็นพระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช
(สา ปุสฺสเทโว) วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม  

“ตึกสกลมหาสังฆปริณายก ๑๐”
ณ โรงพยาบาลนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร
ถวายเป็นพระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
(พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ) วัดบวรนิเวศวิหาร

“ตึกสกลมหาสังฆปริณายก ๑๑”
ณ โรงพยาบาลนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
ถวายเป็นพระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์
(หม่อมเจ้าภุชงค์ ชมพูนุท) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

“ตึกสกลมหาสังฆปริณายก ๑๒”
ณ โรงพยาบาลขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ถวายเป็นพระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช
(แพ ติสฺสเทโว) วัดสุทัศน์เทพวราราม

“ตึกสกลมหาสังฆปริณายก ๑๓”
ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระญาณสังวร อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย
ถวายเป็นพระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
(ม.ร.ว.ชื่น นภวงศ์ สุจิตฺโต) วัดบวรนิเวศวิหาร

“ตึกสกลมหาสังฆปริณายก ๑๔”
ณ โรงพยาบาลอ่าวลึก จังหวัดกระบี่
ถวายเป็นพระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช
(ปลด กิตฺติโสภโณ) วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

“ตึกสกลมหาสังฆปริณายก ๑๕”
ณ โรงพยาบาลตราด จังหวัดตราด
ถวายเป็นพระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช
(อยู่ ญาโณทโย) วัดสระเกศ

“ตึกสกลมหาสังฆปริณายก ๑๖”
ณ โรงพยาบาลภูกระดึง จังหวัดเลย
ถวายเป็นพระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช
(จวน อุฏฐายี) วัดมกุฏกษัตริยาราม  

“ตึกสกลมหาสังฆปริณายก ๑๗”
ณ โรงพยาบาลลานสะกา จังหวัดนครศรีธรรมราช
ถวายเป็นพระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช
(ปุ่น ปุณฺณสิริ) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม  

“ตึกสกลมหาสังฆปริณายก ๑๘”
ณ โรงพยาบาลไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ถวายเป็นพระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช
(วาสน์ วาสโน) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

“ตึกสกลมหาสังฆปริณายก ๑๙”
ณ โรงพยาบาลท่าม่วง อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
ถวายเป็นพระอนุสรณ์แด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
(เจริญ สุวฑฺฒโน) วัดบวรนิเวศวิหาร



โรงพยาบาลท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี

38#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-25 23:13 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

พระพุทธคยาเจดีย์ วัดญาณสังวราราม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี


พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์ วัดญาณสังวราราม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี





วัดพุทธรังษี สแตนมอร์ ณ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย


พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ประดิษฐาน ณ วัดประดู่ ต.วัดประดู่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
ภายในพิพิธภัณฑ์ฯ สามารถใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมได้



  “พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก”

สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๘ มีลักษณะเป็นทรงไทย ๒ ชั้น ๔
หลังคาแฝด ชั้นบนเป็นไม้สักทองฝาสกล สร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึง
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
เมื่อครั้งเสด็จทรงเยี่ยมวัดประดู่ เมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘
แล้วได้เสด็จทอดพระเนตร “พิพิธภัณฑ์เครื่องราชศรัทธา
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕”

37#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-25 23:11 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร


๏  การสาธารณูปการ

นับแต่ทรงเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร  
ได้ทรงบูรณะซ่อมแซมเสนาสนะและถาวรวัตถุต่างๆ ภายในวัด
ตลอดถึงการก่อสร้างถาวรวัตถุอันเป็นสาธารณประโยชน์
ในที่อื่นๆ ภายนอกวัดบวรนิเวศวิหาร อีกเป็นจำนวนมาก

ถาวรวัตถุที่สร้างขึ้นใหม่ในวัดบวรนิเวศวิหารคือ

๑. ตึกกวีบรรณาลัย  ห้องสมุดของสภาการศึกษาของสภามหามงกุฏราชวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย
๒. ตึกวชิรญาณวงศ์  อาคารเรียนของวัดบวรนิเวศ  
๓. ซุ้มปรางที่ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๔ บนลานประทักษิณชั้นที่ ๒ ของพระเจดีย์ใหญ่
๔. กุฏิหลวงเจริญฤทธิศาสตร์ ในคณะเหลืองรังษี
๕. กุฏิพระนิกรบดี คณะเขียวรังษี
๖. ตึก ภ.ป.ร. พิพิธภัณฑ์วัดบวรนิเวศวิหาร
๗. กุฏิคุณหญิงจี๊ด สัตยานุรักษ์ ในคณะเหลืองรังษี
๘. กุฏิรามเดชะ ในคณะสูง
๙. ถังน้ำบ่อบาดาล พร้อมติดตั้งนาฬิกาไฟฟ้าและระฆัง ข้างตึกมนุษยนาควิทยาทาน
๑๐. อาคารกิจกรรม หลังตึกวชิรญาณวงศ์ โรงเรียนวัดบวรนิเวศวิหาร
๑๒. มณฑปที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง หลังพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร
๑๓. โพธิฆระ (เรือนโพธิ์) หลังพระวิหารพระศาสดา
๑๔. ศาลาวชิรญาณ วัดบวรนิเวศวิหาร ๑๕๐ ปี
๑๕. ศาลาหน้าศาลาวชิรญาณ
๑๖. กุฏิตึกหน้ากุฏิใหญ่คณะเขียวรังษี


ตึกวชิรญาณสามัคคีพยาบาร ณ  โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย


ส่วนเสนาสนะและถาวรวัตถุอื่นๆ ภายในวัดบวรนิเวศวิหาร
ก็ได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่หมดทั้งพระอาราม ที่สำคัญคือ


๑. ปิดทองเจดีย์ใหญ่ด้วยโมเสกสีทองตลอดทั้งองค์
๒. ประดับหินอ่อนพระอุโบสถตลอดทั้งหลัง

การก่อสร้างถาวรวัตถุอื่นๆ ภายนอกวัด
ตลอดถึงการอุปถัมภ์การก่อสร้างวัดต่างๆ นั้นก็มีจำนวนมาก ที่สำคัญคือ



ป้ายชื่อตรงปากทางเข้าวัดญาณสังวราราม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี


๑. สร้างตึกวชิรญาณวงศ์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
สำหรับเป็นตึกสงฆ์และใช้ประโยชน์ทางการแพทย์
๒. สร้างตึกวชิรญาณสามัคคีพยาบาร ณ  โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
สำหรับเป็นตึกสงฆ์และใช้ประโยชน์ทางการแพทย์
๓. ทรงอุปถัมภ์การสร้างวัดล้านนาสังวราราม อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
๔. ทรงสร้างวัดสันติคีรี  ณ ดอยแม่สลอง บ้านสันติคีรี
ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
๕. ทรงอุปถัมภ์การสร้างโรงเรียนมัธยมญาณสังวร อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร
๖. ทรงอุปถัมภ์การสร้างวัดรัชดาภิเษก อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี
๗. ทรงอุปถัมภ์การสร้างวัดพุมุด อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
๘. สร้างวัดญาณสังวราราม ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี


อาคารสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี



๙. สร้างโรงเรียน และโรงพยาบาลสมเด็จพระปิยะมหาราชรมณียเขต
ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
๑๐. ทรงอุปถัมภ์การสร้างตึก ภ.ป.ร.
(ตึกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย)
๑๑. ทรงอุปถัมภ์การสร้างโรงพยาบาลวัดญาณสังวราราม
ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
๑๒. ทรงจัดสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทรามหาสันติคิรี
ณ ดอยแม่สลอง ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย


ตึกวชิรญาณวงศ์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย


นอกจากนี้ ก็ยังทรงอุปถัมภ์การก่อสร้างวัดในต่างประเทศอีกหลายแห่งคือ

๑. วัดพุทธรังษี สแตนมอร์ ณ นครซิดนีย์ รัฐนิวเซ้าท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย
ในความอุปถัมภ์ของมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๕ และเปิดวัดเป็นทางการเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๘
๒. วัดจาการ์ตาธรรมจักรชัย ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕ และผูกพัทธสีมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๘
๓. พระอุโบสถวัดนครมณฑปศรีกีรติวิหาร
ณ เมืองกิรติปูร กรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล
วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๑
๔. วัดแคโรไลนาพุทธจักรวนาราม
ณ เมืองโบลิเวีย รัฐแคโรไลนาเหนือ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ก่อตั้งเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๑


พระอุโบสถวัดนครมณฑปศรีกีรติวิหาร ณ เมืองกิรติปูร ประเทศเนปาล
36#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-25 23:10 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน)


• พ.ศ. ๒๕๑๔

ในฐานะประธานสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย
เสด็จไปดูการศาสนาและการศึกษา
ในประเทศปากีสถาน เนปาล และอินเดีย
พร้อมด้วย พระเทพกวี (ประยูร สนฺตงฺกุโร ป.ธ. ๙)
(สมณศักดิ์สุดท้ายที่ สมเด็จพระญาณวโรดม)
เลขาธิการสภาการศึกษาฯ ในขณะนั้น

ในโอกาสเดียวกัน ก็ได้รับอนุมัติจาก มหาเถรสมาคม
ให้เป็นผู้แทนของคณะสงฆ์ไทยไปเยี่ยมเยียนพระสงฆ์
และวัดพระพุทธศาสนาในประเทศปากีสถานตะวันออก
และนำสาส์นของ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฐายี)  
ถึงพุทธศาสนิกชนชาวปากีสถานตะวันออก


สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฐายี)


พร้อมทั้งนำเอาวัสดุสิ่งของต่างๆ และกัปปิยภัณฑ์จำนวนหนึ่ง
ซึ่งทางคณะสงฆ์ไทยได้จัดหามาไปมอบแก่
พระภิกษุสามเณรและชาวพุทธในประเทศปากีสถานตะวันออก
ที่ประสบวาตภัยครั้งใหญ่ในคราวนั้นด้วย

เมื่อกลับจากการเดินทางครั้งนั้นแล้ว
ก็ได้ทำรายงานเสนอมหาเถรสมาคม
ทำให้คณะสงฆ์ได้ทราบถึงความเป็นไปของพระพุทธศาสนาในประเทศนั้นๆ
ซึ่งกำลังต้องการความช่วยเหลือในการฟื้นฟู

และทำให้คณะสงฆ์เห็นชอบด้วยกับความดำริของคณะสงฆ์เนปาล
ซึ่งจะฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศนั้น
และยินดีสนองความต้องการของคณะสงฆ์เนปาล

ในขั้นแรกนี้สภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย
ได้เสนอให้ทุนการศึกษาจำนวน ๒ ทุน
สำหรับให้พระภิกษุสามเณรชาวเนปาล
เข้ามาศึกษาพระพุทธศาสนาในประเทศไทย

ต่อมาคณะสงฆ์เนปาลก็ได้คัดเลือกสามเณร ๒ รูป
ส่งเข้ามาศึกษาในประเทศไทย โดยพักอยู่ที่ วัดบวรนิเวศวิหาร
เข้าศึกษาที่สภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย ในหลักสูตรพิเศษ ๓ ปี
สำหรับพระภิกษุและสามเณรชาวต่างประเทศ

• พ.ศ. ๒๕๑๘

เสด็จไปเป็นประธานสงฆ์ในพิธีเปิด วัดพุทธรังษี สแตนมอร์
ณ นครซิดนีย์ รัฐนิวเซ้าท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย

ซึ่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ฯ สยามมกุฏราชกุมาร
เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิด
และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา
ระหว่างวันที่ ๒๒ พฤษภาคม-๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๘

• พ.ศ. ๒๕๒๐

เสด็จไปบรรพชากุลบุตรชาวอินโดนีเซียจำนวน ๔๓ คน
ณ เมืองสมารัง ประเทศอินโดนีเซีย
ตามคำอาราธนาของคณะสงฆ์สังฆเถรวาทอินโดนีเซีย
ได้เสด็จไปเยี่ยมชมกิจการพระศาสนา ณ ประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์

ขากลับทรงแวะเยี่ยมชมการพระศาสนา ณ ประเทศสิงคโปร์ ด้วย
ระหว่างวันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๐-๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๑

• พ.ศ. ๒๕๒๓

เสด็จไปร่วมประชุม  สหพันธ์คีตาอาศรมสากล
ในฐานะที่ทรงเป็นพระอาคันตุกิเศษ ณ ประเทศอินเดีย

เมื่อทรงเสร็จภารกิจที่ประเทศอินเดียแล้ว
ได้เสด็จไปเยี่ยมชมกิจการพระศาสนา ณ ประเทศเนปาล อีกครั้งหนึ่ง
ระหว่างวันที่ ๑๑-๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๓

ในศกเดียวกัน เสด็จไปทรงดูกิจการพระศาสนา
ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศยุโรป
ตามคำอาราธนาของบริษัท ศรีกรุงวัฒนา จำกัด

พร้อมด้วย พระธรรมดิลก (ปุญฺญาราโม วิชมัย บุญมาก)
(สมณศักดิ์สุดท้ายที่ พระพรหมมุนี)
ระหว่างวันที่ ๓ เมษายน-๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๓

• พ.ศ. ๒๕๒๘

เป็นประธานคณะสงฆ์พร้อมด้วยพระสงฆ์อีก ๑๙ รูป
จากประเทศไทยไปทรงประกอบพิธีผูกพัทธสีมาพระอุโบสถ
วัดจาการ์ตาธรรมจักรชัย ณ ประเทศอินโดนีเซีย
ตามคำอาราธนาของคณะสงฆ์เถรวาทอินโดนีเซีย

เป็นการผูกพัทธสีมาพระอุโบสถวัดพระพุทธศาสนาเถรวาท
เป็นครั้งแรกในประเทศอินโดนีเซียนั้น

ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๘

ในศกเดียวกัน เสด็จพร้อมด้วยคณะสงฆ์จากประเทศไทย
ไปเป็นประธานบรรพชากุลบุตรศากยะแห่งเนปาล
จำนวน ๗๓ คน ณ กรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล
ตามคำอาราธนาของคณะสงฆ์เนปาล
ระหว่างวันที่ ๒๓-๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๘

• พ.ศ. ๒๕๓๖

เสด็จเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ
ตามคำกราบทูลอาราธนาของรัฐบาลจีน
โดยได้เสด็จเยือนเมืองต่างๆ คือ
ปักกิ่ง ซีอาน คุนหมิง และสิบสองปันนา
ระหว่างวันที่ ๒๐ มิถุนายน-๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๖

นับเป็นการเจริญศาสนสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน
เป็นทางการเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
แห่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง


• พ.ศ. ๒๕๓๘

เสด็จไปทรงเป็นประธานวางศิลาฤกษ์
วัดไทยลุมพินี  ณ เมืองลุมพินี ประเทศเนปาล  
ซึ่งรัฐบาลไทยได้จัดสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
และเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  
เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี
ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๘

35#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-25 23:09 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน)


๏ พระศาสนกิจในต่างประเทศ

เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ก็ได้ทรงปฏิบัติพระกรณียะต่างๆ
มาแต่ครั้งทรงดำรงสมณศักดิ์ที่  พระสาสนโสภณ
เช่น การจัดให้มีการเทศน์เป็นภาษาอังกฤษ
จัดให้มีการสอนกรรมฐานแก่ชาวต่างประเทศ
และจัดให้มีการสนทนาธรรมแก่ชาวต่างประเทศเป็นประจำ
(ทุกวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์)

โดย เจ้าพระคุณสมเด็จฯ เป็นผู้ดำเนินการเองร่วมกับพระภิกษุไทย
และพระภิกษุชาวต่างประเทศที่บวชอยู่ วัดบวรนิเวศวิหาร
นอกจากนี้ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ยังได้เสด็จไปปฏิบัติศาสนกิจ
เกี่ยวกับการพระศาสนาในต่างประเทศอีกหลายคราว คือ

• พ.ศ. ๒๕๐๙

ในฐานะประธานกรรมการอำนายการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ
ได้เสด็จไปเป็นประธานสงฆ์
ในพิธีเปิดวัดพุทธประทีป กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ฯ พระบรมราชินีนาถ  
เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิด
เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๙

การเสด็จไปประเทศอังกฤษ คราวนี้
ก็เป็นโอกาสให้ได้ดูกิจการพระธรรมทูต
และการพระศาสนาในประเทศนั้น
และในประเทศอิตาลีในขากลับประเทศไทยอีกด้วย

• พ.ศ. ๒๕๑๐

ในฐานะกรรมการมหาเถรสมาคม ได้ตามเสด็จ
สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฐายี) วัดมกุฏกษัตริยาราม
ซึ่งเสด็จเยือนประเทศศรีลังกาอย่างเป็นทางการ
ตามคำทูลอาราธนาของรัฐบาลศรีลังกา
เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างศาสนิกชนแห่งประเทศทั้งสอง

และเป็นการตอบแทนไมตรีของรัฐบาลไทย
ที่ได้นิมนต์พระมหานายกะของสยามวงศ์นิกายแห่งลังกา
มาเยือนประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๙

• พ.ศ. ๒๕๑๑

เสด็จไปดูการพระศาสนา วัฒนธรรม และการศึกษาทั่วไป
ในประเทศอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และฟิลิปปินส์
ในฐานะประธานสภาการคึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย
โดยอนุมัติของมหาเถรสมาคม
พร้อมด้วย พระเทพกวี (ประยูร สนฺตงฺกุโร ป.ธ. ๙)
(สมณศักดิ์สุดท้ายที่ สมเด็จพระญาณวโรดม)
เลขาธิการสภาการศึกษาฯ ในขณะนั้น

เนื่องจากการเดินทางครั้งนี้
ผลปรากฏว่าต่อมาได้มีการติดต่อกับหัวหน้าชาวพุทธไปประเทศอินโดนีเซีย
และได้วางโครงการร่วมกันในอันที่จะฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศนั้น
สุดท้ายหัวหน้าชาวพุทธในประเทศอินโดนีเซียได้เดินทางเข้ามาประเทศไทย
เจรจากับ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ
ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ
ขอพระธรรมทูตไทยออกไปช่วยฟื้นฟูพุทธศาสนาในประเทศอินโดนีเซีย

กรมการศาสนาร่วมกับสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ
จึงได้คัดเลือกพระธรรมทูตไทย ๔ รูป  เสนอ มหาเถรสมาคม
ส่งออกไปปฏิบัติศาสนกิจช่วยฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศนั้น
พระธรรมทูตชุดแรกออกไปเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๒
และพระธรรมทูตชุดนี้ปฏิบัติศาสนกิจอยู่ในประเทศนี้ถึง ๑๐ ปีเศษ

สำหรับประเทศออกเตรเลียนั้น
ปรากฏว่ามีผู้นับถือและสนใจพระพุทธศาสนาอยู่เป็นจำนวนมาก
มีความประสงค์ให้มีพระสงฆ์อยู่
เพื่อประกาศพระพุทธศาสนาในประเทศนั้นด้วย

เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ในฐานะผู้อำนวยการมหามกุฏราชวิทยาลัย
จึงได้เสนอเรื่องการจัดตั้งสำนักสงฆ์ไทยในออสเตรเลีย
ต่อคณะกรรมการมหามกุฏราชวิทยาลัย และผู้ที่เกี่ยวข้อง
ก็ได้รับความเห็นชอบ และจัดตั้งสำนักสงฆ์ไทยขึ้นในประเทศนั้น
ในความอุปการะของ มหามกุฏราชวิทยาลัย

และได้จัดส่งพระภิกษุไทยร่วมกับพระภิกษุชาวต่างประเทศ
(ซึ่งบวชอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร) ออกไปปฏิบัติศาสนกิจเป็นครั้งแรก
เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๑๖ และต่อมาก็ได้จัดตั้งวัดขึ้น
และประกอบพิธีเปิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘



• พ.ศ. ๒๕๑๓

เสด็จไปประเทศอินโดนีเซียอีกครั้งหนึ่ง
ตามคำอาราธนาของหัวหน้าพระธรรมทูตไทย
และ พระชินรักขิตเถระ หัวหน้าพุทธศาสนิกชนชาวอินโดนีเซีย

เพื่อให้การบรรพชาอุปสมบทแก่กุลบุตรชาวอินโดนีเซีย ๗ คน
พร้อมด้วย พระธรรมโสภณ (สนธิ์ กิจฺจกาโร)
(ภายหลังเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเป็นที่ พระญาณวโรดม
รองเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร)

การเดินทางไปประเทศอินโดนีเซียครั้งนี้
เป็นโอกาสให้ได้สังเกตการณ์เกี่ยวกับความเป็นอยู่
วัฒนธรรม และความเป็นไปของพระพุทธศาสนาในประเทศนั้น

พระขนฺติปาโล ได้บันทึกการเดินทางเล่าถึงสิ่งที่พบเห็น
และข้อคิดเห็นบางประการไว้อย่างน่าสนใจ
หนังสือเล่มนี้พิมพ์เผยแพร่เป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๔
34#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-25 23:08 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
• เวลา ๑๗ นาฬิกา ๕๕ นาที

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
หันพระองค์ไปทรงกราบพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร  
แล้วเสด็จลงจากอาสนะสงฆ์  

นายเสนา พ่วงภิญโญ รองอธิบดีกรมการศาสนา
รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการศาสนา
นำเสด็จออกจากพระอุโบสถลงทางพระทวารกลาง
เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาเชิญพัดยศนำเสด็จ
เจ้าหน้าที่กองประกาศิตและเจ้าหน้าที่กรมการศาสนา
เชิญพระสุพรรณบัฏไตรแพร และเครื่องยศสมณศักดิ์ตามเสด็จ

ณ ที่ระเบียงหน้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม   
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ทรงรับเครื่องสักการะของบรรพชิตญวน ๑๐ รูป  
และบรรพชิตจีนรวม ๒๐ รูป มีดังนี้

พระคณานัมธรรมวิธานาจารย์ เจ้าคณะใหญ่อนัมนิกาย วัดกุศลสมาคร
พระสมณานัมวุฒาจารย์ รองเจ้าคณะใหญ่ วัดถ้าเข้าน้อย
พระครูบริหารอนัมพรต ผู้ช่วยเจ้าคณะใหญ่  วัดอนัมนิกายาราม
องสุตบทบวร ปลัดซ้าย วัดสมณานัมบริหาร
องสรพจนสุนทร รองปลัดขวา วัดอุภัยราชบำรุง
องพจนกรโกศล รองปลัดซ้าย วัดเขตร์นาบุญญาราม
องอนนตสรภัญ ผู้ช่วยปลัดขวา วัดถาวรวราราม กาญจนบุรี
องปลัดวันเดื๊อก คณานุกรม วัดกุศลสมาคร
องใบฏีกาไพศาล คณานุกรม วัดกุศลสมาคร
พระภิกษุจิ้นฟุก วัดสมณานัมบริหาร
พระคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร พุทธบริษัทจีนเนตา (เย็นเต๊ก)
เจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย เจ้าอาวาสวัดโพธิ์แมนคุณาราม
หลวงจีนคณาณัติจีนพรต (ซิวแจ๋) ปลัดขวา เจ้าสำนักสงฆ์สุธรรม
หลวงจีนธรรมนาทจีนประพันธ์ (เย็นช้ง) รองปลัดขวา เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เย็น
หลวงจีนธรรมนันท์จีนประภัทธ์ (เย็นเฮ้า) รองปลัดซ้าย  เจ้าอาวาสวัดฉื่อฉาง
หลวงจีนธรรมรักษ์จีนประจิต (เย็นเกา)  ผู้ช่วยปลัดซ้าย วัดโพธิธัตตาราม
หลวงจีนวินัยธร  (เย็นจี่) คณานุกรมเจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย วัดโพธิ์แมนคุณาราม
หลวงจีนสังฆรักษ์ (เย็นซิม) คณานุกรมเจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย วัดโพธิ์แมนคุณาราม
รักษาการเจ้าอาวาสวัดเทพพุทธาราม  
หลวงจีนสมุห์  (เย็นบุ๊ง) คณานุกรมเจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย วัดโพธิ์แมนคุณาราม
หลวงจีนใบฎีกา (เย็นงี้) คณานุกรมเจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย วัดโพธิ์แมนคุณาราม
หลวงจีนเย็นจี่ วัดมังกรกมลาวาส  



หลวงจีนสังฆรักษ์ (เย็นซิม)
หรือพระอาจารย์จีนธรรมนันท์จีนประพัทธ์



จากนั้น สมเด็จพระญาณสังวร   สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก  
เสด็จออกจากพระอุโบสถไปประทับรถยนต์ประเทียบ
ที่ประตูเกยหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม แล้วเสด็จไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร

อนึ่ง พระสงฆ์นอกนั้นในสังฆมณฑล  
กลับออกจากพระอุโบสถทางพระทวารด้านท้ายอาสนะสงฆ์

•  เวลา ๑๘ นาฬิกา ๓ นาที  

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ
สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ฯ พระบรมราชินีนาถ  
เสด็จฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการหน้าธรรมาสน์ศิลา
แล้วทรงรับการถวายการเคารพของผู้มาเฝ้าฯ
เสด็จออกจากพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

เจ้าพนักงานประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์
เสด็จไปตามทางลาดพระบาท
ทรงรับพวงมาลัยและเงินโดยเสด็จพระราชกุศลจากประชาชน  
เสด็จไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง  
ที่ประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
เสด็จออกจากพระบรมมหาราชวังทางประตูวิเศษชัยศรี  
กลับพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต

อนึ่งการพระราชพิธีสถาปนา สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก นี้
โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย  
และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
ได้ถ่ายทอดให้ประชาชนได้ชมและฟังตั้งแต่ต้นจนเสร็จการพระราชพิธี

ในปีเดียวกันนั้น  ได้เสด็จเยี่ยมพระภิกษุสามเณร  
และพุทธศาสนิกชนใน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้
คือ สงขลา สตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส
ตามคำกราบทูลอาราธนาของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้   
ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๒


• พ.ศ. ๒๕๓๓

เป็นประธานสงฆ์ในการเจริญพระพุทธมนต์  
พระราชพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธรูปชัยวัฒน์
และพระกริ่งสมเด็จระศรีนครินทรา พระบรมราชชนนี
ทรงเจริญพระชนมายุ ๙๐ พรรษา
และเป็นประธานจุดเทียนชัย  
ทรงนั่งปรก ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้