Baan Jompra

ชื่อกระทู้: "ลูกอมชานหมากห่อจีวร" หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาค [สั่งพิมพ์]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-1-20 10:17
ชื่อกระทู้: "ลูกอมชานหมากห่อจีวร" หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาค



"ลูกอมชานหมากห่อจีวร"
หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาค




ของจริงย่อมเป็นของจริง ทองคำแม้แปรรูปไปอย่างไรก็ยังเป็นทองคำอยู่ แม้นำไปผสมโลหะธาตุออื่นบ้าง ก็เพื่อประโยชน์ในการคงรูปพรรณนั้นๆได้ตามต้องการ ลูกอมชานหมากห่อจีวร รูปถ่าย หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาค ก็เช่นเดียวกัน ที่บ้างครั้งอาจมีเกศาและรูปถ่ายหลวงปู่ติดมาด้วย ซึ่งอาจเป็นการนำไปจัดเลี่ยมในภายหลัง แต่ลูกอมชานหมากกับจีวรที่หุ้มห่อเป็นของสำเร็จที่เกิดจากธาตุขันธ์ หรือห่อหุ้มธาตุขันธ์ของหลวงปู่มาเก่าก่อนจริง หลวงปู่ท่านเมื่อคายชานหมากแล้ว ก่อนมอบให้ผู้ใด ท่านจะจำมาแบ่งเป็นก้อนๆ ซึ่งคำหนึ่งได้เพียง 3-4 ก้อนเท่านั้น แล้วท่านจะฉีกผ้าเช็ดหมากบ้าง ผ้าจีวร สบง ผ้าอาบน้ำฝน สีส้มๆ ห่อแล้วผูกไว้อย่างดี จึงมอบให้ผู้ต้องการรับเอาไปติดตัวใช้ การสังเกตพิจารณาความแท้จริงแห่งมหามงคลวัตถุชนิดนี้จึงค่อนข้างเป็นการยาก แต่มีจุดสังเกตอยู่ ที่สำคัญพลังที่ประสิทธิ์อยู่ภายในไม่พ้นวิสัยการรับรู้ของนักปฏิบัติผู้ที่มี ศีล จิต กรรม ที่ดี และพุทธคุณของวัตถุมงคลของหลวงปู่จะให้การอนุเคราะห์เกื้อกูลแก่ผู้ที่ศรัทธา ก่อเกิดประสบการณ์ให้เป็นที่ประจักษ์เอง 100 % ครับ ผมขอนำข้อมูลสำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับส่วนหนึ่งของบารมีหลวงปู่ในวัตถุมงคลชนิดนี้ มาเผยแพร่ต่อเพื่อประเทืองศรัทธา สติปัญญา ตามโอกาสดังนี้



โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-1-20 10:18
"เมตตาธรรม"

ความเมตตาของหลวงปู่สีนั้นท่านมีอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นเทพเทวา รุกขเทวดา ดวงวิญญาณทั่วไป ท่านจะโปรดแผ่เมตตาจิตไปให้ อีกทั้งมนุษย์ และสัตว์ทั่วไปจะเห็นได้จากเวลาที่หลวงปู่สีท่านฉันอาหารจะมีสัตว์ต่าง ๆ มารายล้อมท่าน อาทิ นก ไก่ ลิง แมว สุนัข ท่านก็หยิบอาหารแบ่งให้สัตว์เหล่านั้น สัตว์นานาชนิดเหล่านั้นก็ต่างกินอาหารกันอย่างเป็นระเบียบ ไม่แย่งกัน ไม่กัดกัน ท่านจะนั่งมองด้วยสายตาที่เปี่ยมล้นด้วยความเมตตา ครั้นถึงเวลานอน ก่อนที่ท่านจะเข้านอนท่านจะต้องเอาเศษผ้าจีวร และผ้าเก่า ๆ มาเดินห่มให้ แมว สุนัขทุกลัว ที่นอนอยู่ในบริเวณกุฏิของท่านอย่างทั่วถึง หลวงปู่ท่านมีความเมตตาต่อสัตว์มาก ท่านจะสนใจให้ข้าวให้น้ำ มันกินอยู่เสมอ บางคราวท่านเห็นว่ามันจะได้รับอันตราย ท่านก็จะเอาเศษผ้าเช็ดน้ำหมากของท่านฉีกผูกคอทั้งสุนัข แมว ไก่ ซึ่งสัตว์เหล่านั้นถูกพวกขี้เหล้าเมายาอันธพาลรังแก ทำร้าย ท่านจึงได้พิจารณาแผ่เมตตาต่อสรรพสัตว์ นำเอาผ้าเช็ดน้ำหมาก ผูกคอคล้องคอให้สัตว์เหล่านั้น ถึงแม้ว่าสัตว์เหล่านั้นจะถูกทำร้าย ถูกรังแกนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ปรากฏว่าสัตว์เหล่านั้นไม่เคยมีตัวใดได้รับอันตรายเลย ไม่ว่าจากอาวุธชนิดใด มีด ปืน ระเบิดยิงออกบ้าง ไม่ออกบ้าง สุดแต่วิบากของสัตว์เหล่านั้นในเวลานั้น หนักจะเป็นเบาและปลอดภัย

"รถทับไก่"

ปกติหลวงปู่นั้นท่านเป็นผู้มีเมตตาต่อสัตว์มาก ท่านมักจะให้ข้าวให้น้ำแก่สัตว์ทั้งหลายกินอยู่เสมอ บางคราวท่านเห็นว่ามันจะไปได้รับอันตราย ท่านคว้าเอาผ้าเช็ดน้ำหมากของท่านมาผูกคอ สวมคอมันบ้าง ทั้งสุนัข แมว ไก่ ซึ่งสัตว์เลี้ยงของท่านนั้น ได้ถูกผู้ใจบาปหยาบช้าคิดทำร้ายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เคยมีตัวใดได้รับอันตราย ไม่ว่าจากอาวุธชนิดใด มีดปืน ระเบิด ยิงออกบ้าง ไม่ออกบ้าง สุดแต่วิบากของสัตว์เหล่านั้นในเวลานั้น ซึ่งมีอยู่วันหนึ่ง มีนายทหารท่านหนึ่งขับรถของตนเดินทางไปเพื่อกราบหลวงปู่ท่านครั้นเมื่อไปถึง ได้เห็นหลวงปู่นั่งยอง ๆ อยู่ในกุฏิ เปลือยกายท่อนบน กุฏิของท่านมีแต่สุนัข แมว แถมเป็นโรคเรื้อนด้วย ก็เกิดความรังเกียจ ไม่เลื่อมใส ก็เลยไม่ยอมเข้าไปกราบ เดินมาขึ้นรถกลับแต่ในขณะนั้นมีไก่ซึ่งหลวงปู่เลี้ยงไว้ได้เดินเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถพอดี นายทหารผู้นั้นไม่เห็นจึงขับรถออกไปทำให้ล้อรถทับไก่เต็มที่ ผู้คนที่อยู่ในวัดต่างร้องขึ้นด้วยความตกใจ ทำให้นายทหารผู้นั้นต้องหยุดรถลงมาดูคิดว่าคงเละแน่ แต่ผลกลับปรากฏว่าไก่ตัวนั้นไม่เป็นอะไรเลย หลังจากถูกทับแล้วมันขยับปีกมาสักชั่วอึดใจแล้วก็เดินจากไป คุ้ยเขี่ยหาอาหารกินของมันตามปกติ เท่านั้นแหละนายทหารผู้นั้นถึงกับตะลึงงัน รีบถอยรถกลับไปกราบนัสการหลวงปู่ทันที พร้อมทั้งขอของดีไว้ใช้ติดตัว ทราบว่าได้ไปหลายอย่างทีเดียว

"ไก่กับระเบิด"

ภายหลังนายทหารผู้นั้นกลับไป ได้มีผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคน เดินทางมากราบหลวงปู่อีก เพื่อขอวัตถุมงคล ในระยะนั้นหลวงปู่ท่านยังไม่อนุญาตให้สร้างวัตถุมงคล ท่านจึงคายชานหมากให้ไปกันทุกคน มีทหารผู้หนึ่งซึ่งได้ชานหมากไปด้วย ก็คิดลองดีว่าจะแน่สักแค่ไหน เลยเอาไปแขวนคอไก่ พอไก่เดินออกไปได้ระยะพอสมควร ก็สั่งเพื่อนๆ หมอบ พร้อมทั้งโยนระเบิดสังหารเข้าใส่ไก่ตัวนั้นทันที ตูม...เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ไก่มันตกใจก็บินขึ้นและตัวมันก็เจอระเบิดเข้าเต็มที่ ขนหลุดปลิวว่อนไปหมด แต่พอมันหล่นลงพื้น ก็มีอาการซวนเซเล็กน้อย ชั่วครู่ก็ออกหากินได้ต่อไป ไม่เป็นอะไรเลย ไม่มีแม้แต่บาดแผล นายทหารผู้เป็นนายได้ทราบเรื่องเข้า มีความเชื่อมั่นในองค์หลวงปู่ยิ่งขึ้น แต่ก็โกรธมากเช่นกัน ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาไปทำการทดลองในลักษณะนั้น ผลที่สุดก็สั่งกักบริเวณทหารผู้นั้นไปเสีย 15 วันสบายๆ

หลวงปู่นั้นอันที่จริงแม้ว่าท่านจะหยิบจะจับอะไรล้วนแล้วแต่กลับกลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์ไปทั้งสิ้น.แม้แต่ผ้าที่ท่านใช้เช็ดปากเช็ดน้ำหมากก็ตามที ท่านมักฉีกเอาไปผูกคอสุนัขบ้าง แมวบ้าง ด้วยเมตตามันที่มันถูกรังแกบ่อยๆ ครั้งหนึ่งมีสุนัขบ้านใกล้ๆ วัด หลงเข้ามาคลุกคลีกับท่าน จึงเอาผ้าเช็ดน้ำหมากฉีกผูกคอมันไป ต่อมาสุนัขตัวนั้นไปรบกวนสัตว์อื่น เช่น เป็ด ไก่ จนกระทั่งเจ้าของสัตว์ปีกเหล่านั้นเหลือจะทน จึงใช้ปืนลูกซองยิงมัน แต่ปรากฏว่าด้วยอานุภาพผ้าเช็ดน้ำหมาก ยิงถูกแต่ไม่เข้า สุนัขตัวนั้นวิ่งกลับไปยังบ้านเจ้าของของมัน ผู้เห็นเหตุการณ์นำเรื่องไปบอกเล่าให้เจ้าของฟัง ก็เลยเกิดการถอดผ้าผืนนั้นเก็บไว้บูชาเสียเอง ภายหลังเมื่อสุนัขตัวนั้นเข้าไปในวัดอีก หลวงปู่ท่านก็เมตตาผูกให้มันใหม่ และจากเหตุนี้เอง ทำให้ผ้าเช็ดน้าหมากของท่านอันตรธานไปบ่อยๆ แต่ใช่ว่าหลวงปู่ท่านจะหลงลืม เปล่าเลย ท่านจำของท่านได้ว่าท่านมีของท่านกี่ผืน จนกระทั่งท่านบ่นว่า.เอาไปทำไมกัน แต่ก็ห้ามศรัทธาของชาวบ้านไม่ได้ หลังจากเหตุการณ์ต่างๆ ได้ร่ำลือกันไปสู่สาธารณชนทั่วไป ดังนั้นผู้ที่ได้รับทราบกิตติคุณของหลวงปู่ ต่างก็เดินทางไปกราบไปนมัสการ ทั้งจากที่ใกล้และที่ไกล ต่างก็อยากได้แต่ขี้หมากชานหมากของท่าน จนท่านเคี้ยวหมาก ฉันหมากแจกให้ไม่ทัน และไม่พอแจก นี่เองจึงเป็นเหตุให้ท่านต้องอนุญาตให้บรรดาศิษย์ผู้ที่เคารพในองค์ท่านสร้างวัตถุมงคลขึ้น แม้ท่านไม่อยากให้สร้างเพราะไม่ต้องการชื่อเสียงก็ตาม แต่ในที่สุดก็ทนต่อคำอ้อนวอนขอร้องของบรรดาศิษย์ไม่ได้

หลวงปู่ท่านเมื่อคายชานหมากแล้ว ก่อนมอบให้ผู้ใด ท่านจะจำมาแบ่งเป็นก้อนๆ ซึ่งคำหนึ่งได้เพียง 3-4 ก้อนเท่านั้น แล้วท่านจะฉีกผ้าเช็ดหมากบ้าง ผ้าจีวร สบง ผ้าอาบน้ำฝน สีส้มๆ ห่อแล้วผูกไว้อย่างดี จึงมอบให้ผู้ต้องการรับเอาไปติดตัวใช้ หากท่านสาธุชนท่านใดได้พบเห็นห่อผ้าเหลืองกลมๆ มีขี้หมากอยู่ข้างใน เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตรละก็ ให้ทราบได้เลยว่า ท่านได้พบสุดยอดวัตถุมงคลแล้ว หรือหากท่านใดมีไว้ในครอบครองอยู่แล้ว ก็พึงเก็บรักษาไว้ให้ดี นั่นเพราะเป็นสุดยอดวัตถุมงคลจริงๆ และหาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน เนื่องจากจนถึงวันนี้เวลานี้ ไม่มีใครมาเคี้ยวมาฉันให้เราอีกแล้ว เพราะหลวงปู่ได้มรณภาพไปตั้งแต่ปี 2520 เป็นเวลาเกือบสี่สิบปีแล้ว ผู้ใดมีไว้ในครอบครองพึงหวงแหนอย่างยิ่ง



โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-1-20 10:18
"อานุภาพชานหมาก"

เรื่องอานุภาพชานหมาก มีอยู่หลายเรื่องเลยครับ อาทิ
เรื่องมีอยู่ว่า มีชาวไร่ทำอาชีพปลูกข้าวโพดอยู่ท่านหนึ่ง ได้รับแจกชานหมากจากหลวงปู่สี ต่อมมาชาวไร่ผู้นั้นเกิดทำชานหมากของหลวงปู่สีหายในขณะที่ทำการเก็บหักข้าวโพดกับพวกอยู่ในไร่ พอทราบว่าชานหมากที่พกประจำติดตัวหาย ก็ออกค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่พบเพราะดงข้าวโพดนั้นกว้างใหญ่ไพศาล แต่เนื่องด้วยจิตที่มีศรัทธามั่นคงต่อหลวงปู่สีด้วยความจริงใจ พอตกกลางคืนก็ฝันว่าหลวงปู่สีมาเข้าฝันบอกว่า หากอยากได้ชานหมากคืนก็ให้เผาไร่ข้าวโพดที่หักเก็บฝักแล้วเสีย แล้วเจ้าก็จะพบชานหมากของข้าที่เจ้าทำหายในไร่ พอตอนรุ่งเช้า ชาวไร่คนนั้นก็ทำการจุดไฟเผาไร่ข้าวโพดที่ตนได้ทำการหักฝักหมดแล้วทันที ไฟได้ลุกไหม้ต้นข้าวโพดในไร่อย่างรวดเร็ว และเมื่อต้นข้าวโพดถูกไฟไหม้หมดราบเรียบ มองในไร่จึงเห็นได้ชัดว่ายังมีต้นข้าวโพดอีก 2-3 ต้นยังยืนอยู่ตามปกติ ไฟไม่ไหม้เป็นที่น่าอัศจรรย์ในยิ่งนัก เพราะ ข้าวโพดสองสามต้นยังยืนอยู่ได้อย่างไร ใบและกิ่งก้านที่แห้งไฟไม่สามารถเผาผลาญได้ จึงเดินตรงเข้าดู ก็พบชานหมากขอหลวงปู่สีที่ตนทำตกหายอยู่ที่พื้นดินในระหว่างต้นข้าวโพด ที่ไม่ยอมไหม้ไฟสองสามต้นนั้น ก็ดีใจมากทรุดตัวลงกับพื้นเก็บชานหมากขึ้นมาแล้วยกมือไหว้ระลึกนึกถึงหลวงปู่ที่มาเข้าฝันตนทำให้ได้ของรักของหวงกลับคืนมาได้ ต่อจากนั้นก็นำไปเลี่ยมแขวนไว้กับคอตราบเท่าทุกวันนี้

ส่วนอีกราย เป็นสตรีวัยกลางคนอยู่ที่สมุทรปราการ ได้ชานหมากของหลวงปู่สี เก็บใส่กระเป๋าสตางค์ไว้ อยู่มาวันหนึ่งระหว่างเดินทางกลับบ้านตอนพลบค่ำ ในระหว่างที่เดินอยู่ในซอยเปลี่ยว ตนมีความรู้สึกว่ามีคนเดินตามหลังมา 3 คน ตนจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อหนีให้ห่างจากชายสามคนที่เดินตามมานั้น แต่ก็ได้ยินเสียงเท้าของผู้ตามมานั้นอย่างกระชั้นชิด ตนจึงได้วิ่งหนีด้วยความกลัว แต่คนทั้งสามก็ยังวิ่งตามมาอีกอย่างไม่ลดละจนในที่สุดตนรู้สึกเหนื่อยจึงหยุดวิ่งทันทีแล้วหันหน้าไปดูชายทั้งสามที่วิ่งตามมานั้นหยุดชะงักเช่นกัน เมื่อเห็นหน้าตนหันมาดูด้วยอาการหวาดกลัวและร้องเสียงดังพร้อมกันแล้วคนร้ายทั้งสามต่างวิ่งโกยกลับหลังหนีไปอย่างอัศจรรย์ ทั้งที่ความจริงแล้วใบหน้าของสตรีวัยกลางคนผู้นั้นจัดว่าเป็นหญิงที่มีความงามเลยทีเดียว เป็นไปไม่ได้ที่คนร้ายทั้งสามจะตื่นกลัวตกใจจนวิ่งหนีจากไปเช่นนี้
ในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของชานหมากของหวงปู่สีนั้นยังมีอีกมาก ลูกศิษย์ใกล้ชิดของหลวงปู่ล้วนมีไว้ประจำติดตัวทุกคน ท่านจะห่อด้วยเศษจีวรของท่านและสั่งห้ามไม่ให้แกะออกเป็นอันขาด และห้ามลองด้วย

"ผ้าจีวรศักดิ์สิทธิ์"

ชาวตาคลีศิษย์หลวงปู่คนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า “ แม้แต่เศษจีวรเก่า ๆ ของหลวงปู่สียังช่วยให้ข้ารอดตาย “ ครับคนที่กล่าวคำนี้เป็นชาวบ้านในอำเภอตาคลี ได้ไปทำงานที่เสี่ยงอันตราย คือ อาชีพเก็บเศษทองแดงปลอกกระสุนปืน ในสนามซ้อมรบที่จังหวัดสระบุรี ในวันที่จะเกิดเหตุ ได้เข้าไปหาเศษทองเหลืองทองแดงเพลิน ไม่ได้ยินเสียงประกาศให้รีบออกจากเขตซ้อมยิง ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของสนาม ได้ให้สัญญาซ้อมยิงได้ ก่อนหน้านั้นเพียงเสี้ยววินาทีเดียวที่จะได้ยินเสียงกระสุนปืนดังขึ้นน เขามีความรู้สึกว่าเหมือนมีใครมาผลักให้เขาล้มตัวลงนอนกับพื้นอย่างแรง ขณะที่ร่างของเขาล้มลงก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจนแสบแก้วหู จนเสียงปืนสงบลง เขาจึงทราบว่าหากเขาไม่ล้มลงตัวเขาเองจะต้องเป็นเป้ากระสุนอย่างแน่นอน พอเหตุการณ์อันน่าขนพองสยองเกล้าผ่านพ้นไป เขาจึงหันไปดูรอบ ๆ บริเวณนั้นก็ไม่ปรากฏผู้ใดที่มาผลักเขาให้ล้มลงในบริเวณ ณ ที่แห่งนั้น ในขณะนั้นมีเขาอยู่เพียงคนเดียว ทำให้เขานึกถึงหลวงปู่สีที่เคยเข้าไปกราบและขอเศษผ้าจีวรเก่า ๆ ที่วางอยู่ข้างตัวท่านมา 1 ชิ้น ขนาดเท่าครึ่งฝ่ามือ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็นำพกติดตัวไว้เป็นประจำ เวลาจะไปไหนมาไหนเขาจะหยิบขึ้นมายกบูชาขึ้นเหนือหัวก่อนที่จะใส่กระเป๋าติดตัวออกจากบ้าน สุดท้ายก่อนจากกันวันนั้นชาวบ้านตาคลีผู้นั้นยังกล่าวส่งท้ายว่า “ผมรอดตายหลายครั้งแล้วครับก็ด้วยอานุภาพของเศษจีวรเก่า ๆ ของหลวงปู่สี”

โดย: Nujeab    เวลา: 2014-1-20 13:15
สาธุ ขอบคุณครับ
โดย: oustayutt    เวลา: 2014-1-20 19:08
ชอบครับ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-2-14 09:57

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-2-24 08:33
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2014-1-20 19:08
ชอบครับ

มีหรือป่าวครับ โชว์หน่อย ดิ
โดย: morntanti    เวลา: 2015-2-24 09:59
ของจริงยังไม่เคยเห็นเลยครับ.....สาธุ .....ขอบคุณที่ลงรูปและเรื่องราวให้ได้รับรู้ข้อมูลครับ....
โดย: oustayutt    เวลา: 2015-2-24 11:08
ม่ายมีเลยครับ ไม่กล้าเช่ากลัวโดนคร๊าบบบ
โดย: ธี    เวลา: 2015-2-26 09:06

โดย: 9chain9    เวลา: 2015-2-26 16:53

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-3-1 07:30
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2015-2-24 11:08
ม่ายมีเลยครับ ไม่กล้าเช่ากลัวโดนคร๊าบบบ ...

โดนมาตั้งหลายครั้งแล้วยังไม่ชินอีก หรา
โดย: oustayutt    เวลา: 2015-3-1 09:17
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2015-3-1 07:30
โดนมาตั้งหลายครั้งแล้วยังไม่ชินอีก หรา  ...

ก็น่านเเหละครับ เลยเก็บของสำนักดีกว่า มวลสารในตำนานเยอะ ม่ายต้องดิ้นรนมาก อาจารย์คัดมาให้แล้ว
โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-3-5 09:38
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2015-3-1 09:17
ก็น่านเเหละครับ เลยเก็บของสำนักดีกว่า มวลสารใ ...

ถั่วต้มนะคร๊าบ บบบ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-3-11 06:52
พี่หมอต้อย ได้เมตตา มอบลูกอมชานหมากหลวงพ่อสี ให้ ศรพระราม มาชิ้นหนึ่ง

จึงขอบขอบพระคุณมา ณ.ที่นี่  
โดย: oustayutt    เวลา: 2015-5-25 12:44
เมื่อทหารลองยิงชานหมากหลวงปู่สี
ผู้ที่เล่าเหตุการณ์คือพล.อ.ต.มนูญ ชมพูทวีป ท่านเล่าว่าเมื่อปีพ.ศ.2514 มีอยู่วันหนึ่งท่านกำลังปรึกษางานกับลูกน้องสองคน ที่บ้านพัก ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นที่ด้านหลังโรงเรือน ท่านจึงชวนลูกน้องไปดู พอไปถึงด้านหลัง เห็นจ่าอากาศสองคน คนหนึ่งกำลังเล็งปืน อีกคนกำลังยืนดูอยู่ ท่านจึงร้องสั่งให้หยุด แล้วถามว่าทำไมถึงขัดคำสั่ง เคยสั่งว่าห้ามยิงปืนโดยไม่จำเป็น จ่าทั้งสองก็ยอมรับผิด และเล่าให้ฟังว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
จ่าประสิทธิ์จึงเล่าให้ฟังว่า ตัวเขาไปได้...ชานหมากหลวงปู่สีมา จึงนำมาอวดจ่าชิต พร้อมกับเล่าปาฎิหาริย์ที่เคยได้ยินมาให้จ่าชิตฟัง จ่าชิตไม่เชื่อจึงเกิดท้าพนันกัน ว่าเดี๋ยวตนจะเอาไก่มา ให้จ่าชิดยิงโดยให้ยิงหกนัด ถ้าไม่ถูกจ่าชิดต้องเป็นคนออกค่าไก่ ตอนนี้ยิงไปสามนัดแล้ว เหลือยิงอีกสามนัด เมื่อข้าพเจ้า(พล.อ.ต.มนูญ)ได้ยิน จึงให้ลูกน้องทั้งสอง ซึ่งมีดีกรีเหรียญเงินแม่นปืนเป็นคนยิงแทน โดยให้ยิงคนละนัด ปรากฎว่ายิงไก่ที่ผูกไว้ไม่ถูก ข้าพเจ้าจึงให้คนไปตามพ.อ.อ.ชลอ ผาสุข มือปีนเหรียญทองp.v.c,มาเป็นคนยิงนัดสุดท้าย ปรากฎว่ายิงไม่ถูก รู้สึกพ.อ.อ.ชลอจะหัวเสียมาก จึงนำเหรียญบาทไปตั้งไวตอไม้สามเหรียญ ยิงกระเด็นนัดละเหรียญ แสดงถึงความแม่นย้ำของพ.อ.อ.ชลอ
ข้าพเจ้าจึงให้จ่าประสิทธิ์พาไปหาหลวงปู่สี เมื่อพบท่านแล้วยังไม่ได้พูดอะไร หลวงปู่สีท่านดักว่า"พวกมึงเอาชานหมากกูไปผูกคอไก่ แล้วลองยิง ไม่ถูกไก่แต่มาถูกปากกูนี่ กูเจ็บปากไปหมด" ทั้งหมดเมื่อได้ยินจึงก้มกราบขอขมาท่าน พร้อมกับขอชานหมากท่าน ซึ่งท่านก็มอบให้ แต่ให้รับสัจจะว่าจะไม่ลองอีก
ดูเพิ่มเติม







โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-5-27 06:17
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2015-5-25 12:44
เมื่อทหารลองยิงชานหมากหลวงปู่สี
ผู้ที่เล่าเหตุการณ ...


โดย: Nujeab    เวลา: 2015-5-28 15:16
สาธุครับ
โดย: Metha    เวลา: 2015-5-28 15:54

คุ้นๆๆเหมือนเคยไปที่วัด
โดย: lnw    เวลา: 2015-6-16 12:12
Metha ตอบกลับเมื่อ 2015-5-28 15:54
คุ้นๆๆเหมือนเคยไปที่วัด


โดย: Nujeab    เวลา: 2015-6-16 14:41

โดย: Metha    เวลา: 2015-6-16 23:52


โดย: majoy    เวลา: 2015-6-17 01:48

โดย: oustayutt    เวลา: 2015-9-21 20:09
[attach]12182[/attach]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-9-22 08:10





ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2