Baan Jompra

ชื่อกระทู้: ♪ ♫ จะเก็บเรื่องราวของเราเอาไว้ ♥ [สั่งพิมพ์]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-9-26 19:04
ชื่อกระทู้: ♪ ♫ จะเก็บเรื่องราวของเราเอาไว้ ♥
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2017-4-24 17:06



[youtube]ifrkt4cstPg[/youtube]
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-9-26 20:41
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-9-26 20:42

ต่างคนมีทาง..ต้องเดิน


[youtube]o4UwQIh3Jxo[/youtube]
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-10-1 07:36



[youtube]4Ub82GTZC50[/youtube]


โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-10-27 07:12



แค่เธอจับมือกันเอาไว้
จะกอดเธอเอาไว้ .. ไปสู่ดินแดนที่ไม่มีความปวดร้าว
ที่ๆเปี่ยมไปด้วยความสดใส .. ความอบอุ่นในหัวใจ



[youtube]vDqKN_pLLvg[/youtube]
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-10-27 07:34
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-10-19 07:55




โดย: นาคปรก    เวลา: 2013-10-31 05:07

โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-6 06:23




[youtube]yo7CW_tzVxw[/youtube]



โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-6 06:31
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-11-6 15:08




[youtube]hKKK6lJ8gC8[/youtube]
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-6 15:07



[youtube]l0QyHU1OYqY[/youtube]
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-6 15:37




[youtube]Kb2UDi0NsuU[/youtube]
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-10 18:50



[youtube]NaJCYIbpw0c[/youtube]
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-10 19:06



[youtube]YdA4wud7Kb8[/youtube]



โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-19 06:56
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-11-19 06:59

[youtube]oRXMM6w02bU[/youtube]







โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-19 07:50
เพราะตัว ฉันเอง ไม่อาจเป็น
อย่างใจเธอต้องการ
ชั่วและดีประสาน
นานจนเป็นฉัน
เกินจะเปลี่ยนแปลง


[youtube]CbLAtqNiJTk[/youtube]





โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-25 09:46




[youtube]2Rwhc5z9eSo[/youtube]
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-25 09:49




[youtube]2XqZluQKDsw[/youtube]
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-28 08:04
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-10-19 07:56










โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-28 08:27
[youtube]kqEb4U8h1GM[/youtube]


นานเท่าไหร่แล้ว ที่เราเสียน้ำตา โดยไม่มีใครรับรู้

นานเท่าไหร่แล้ว ที่เรานอนไม่หลับเพราะคิดถึงและเป็นห่วงใครบางคน

นานเท่าไหร่แล้ว ที่มัวแต่ถามเค้าว่า สบายดีไหม? จนลืมถามตัวเอง

นานเท่าไหร่แล้ว ที่คอยเฝ้าปรนนิบัติความสุขให้คนอื่นจนลืมตัวเอง

นานเท่าไหร่แล้ว..




โดย: Metha    เวลา: 2013-12-6 13:02

โดย: matmee2550    เวลา: 2013-12-6 19:10
เยี่ยมๆๆ
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-12 18:59
โดนครับโดน
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-12-19 10:30
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-12-12 18:59
โดนครับโดน






[youtube]9pIR1jXD0pM[/youtube]
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-19 15:09
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2013-12-19 10:30

[youtube]UtU3fcuZwOI[/youtube]

โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-12-28 12:07
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-12-19 15:09

[youtube]McR-JtN30bc[/youtube]
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-29 14:20
[youtube]JZuVwSC6Kxs[/youtube]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-12-30 11:20
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-12-29 14:20

[youtube]I5p85t6Y_YE[/youtube]
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-30 16:41
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2013-12-30 11:20

นั้นน่ะซิครับ
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-30 16:42

[youtube]jECDzTg--G0[/youtube]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-12-30 19:10
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-12-30 16:42

[youtube]utk4YVnyqtI[/youtube]
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-12-30 19:25

โดย: Metha    เวลา: 2013-12-31 07:53
[youtube]w8NzZ6DGBFc[/youtube]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-3-6 09:06
มันไม่มีประโยชน์อยู่ต่อไป ก็ไม่มีความสุข
ฉันไม่โกรธเธอ ฉันพร้อมทำใจ
เราจบกันดีๆ ยิ้มให้กันแล้วหันหลังไป
ไม่ต้องการอะไร จากนี้เดินคนละทาง


[youtube]s5dltpkg_LQ[/youtube]
โดย: TATIE    เวลา: 2014-3-6 19:12
ฤดูอกหักมีมาทุกปี แต่ปีนี้มาเร็วจัง
โดย: รามเทพ    เวลา: 2014-3-7 08:11
TATIE ตอบกลับเมื่อ 2014-3-6 19:12
ฤดูอกหักมีมาทุกปี แต่ปีนี้มาเร็วจัง ...

[youtube]zHP_vv3MFNI[/youtube]
โดย: matmee2550    เวลา: 2014-10-21 13:37
เยี่ยมๆๆๆๆๆ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-1-24 16:24



และหากเมื่อใด..


จิตใจอาจระส่ำระสาย สะดุดกับอะไรขึ้นมาบ้าง ก็จงหยุดพักตรึกตรอง

อย่าปล่อยให้พายุอารมณ์โถมพัด "สิ่งดีดี" จนกระจัดกระจาย

เพราะ "การให้ความหมาย" ไม่ใช่ "การตั้งความหวัง"

คนสองคนให้ความหมายซึ่งกันและกัน แต่คนสองคน

"จะไม่ตั้งความหวังในกันและกัน" เพราะการตั้งความหวังมักนำพาซึ่ง


"การเรียกร้อง"


"ความอยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ"
โดยที่ไม่รู้ตัว มันร้อนนัก หนาวนัก และไม่เป็นสุข


เราต้องไม่ลืมปรับอุณหภูมิจิตใจเอาไว้ที่องศาอุ่นๆ


หากเริ่มรู้สึกตัวว่า ความร้อนเริ่มทวีขึ้น เราต้องค่อยๆ เดินออกมาสูดอากาศเย็น
หากตรงกันข้ามเราก็ต้องหลบเร้นจากความหนาวมาหาไอแดดเช่นกัน
โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-3-20 07:56



[youtube]16xWqMNRyHY[/youtube]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-7-21 10:36



[youtube]DbSqzLWKr58[/youtube]

โดย: majoy    เวลา: 2015-7-22 21:55
  
โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-7-26 18:51



[youtube]-7R3H5CuSGU[/youtube]



โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-7-26 18:54




[youtube]15cjnex2XF0[/youtube]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-7-29 12:11





[youtube]DCn5jPq5lj0[/youtube]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-7-29 22:08





[youtube]0iTQ7EqSgTU[/youtube]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-7-29 22:13




[youtube]oWJDCoZWpSs[/youtube]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-8-1 07:31




[youtube]CcyHarqeSyg[/youtube]




โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-8-1 18:52




[youtube]dQnh_mN5E0Y[/youtube]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-8-1 18:56





[youtube]PePoEPxJf0Q[/youtube]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-8-1 19:06

ไม่เป็นไร ไม่ต้องสน




ฉันทนไหว อยู่คนเดียว






[youtube]9Uj55Ws8p8M[/youtube]




โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-9-15 07:36

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-10-23 07:41
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2015-10-23 07:45








[youtube]Q7u108HassI[/youtube]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-10-29 20:54



เวลาที่เรายึดติดอยู่กับสิ่งต่าง ๆ ใจจะมีความห่วง มีความกังวลคอยคิดอยู่เรื่อยว่า สิ่งต่าง ๆ ที่เรารัก ที่เราชอบ ยังอยู่กับเราหรือเปล่าแล้วจะอยู่กับเราไปได้นานสักแค่ไหน เรื่องเหล่านี้นั้นล้วนเป็นการสร้างความเครียดให้กับใจ สร้างความวิตก สร้างความกังวล ทำให้ใจไม่สงบไม่นิ่งเพราะความหลงนั่นเอง แต่ถ้าได้ลองมาปฏิบัติธรรมแล้ว ใจจะเริ่มก้าวเข้าสู่ความสงบ จะเริ่มเห็นความสุขที่เกิดจากความสงบของใจแล้วจะเข้าใจเห็นโทษของการไปหลง ไปยึด ไปติดกับสิ่งต่าง ๆ ภายนอกเพราะล้วนเป็นโทษทั้งสิ้น ล้วนเป็นทุกข์ทั้งสิ้น ไม่มีอะไรที่เป็นความสุขที่แท้จริง เราอาจจะมีความสุขในขณะที่ได้สัมผัส ได้อยู่ได้ใกล้ชิดสิ่งเหล่านั้น แต่เราหารู้ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้น ไม่สามารถที่จะอยู่ใกล้ชิดกับเราไปได้ตลอดเพราะโดยธรรมชาติของตัวเราเองก็ดี หรือของสิ่งต่าง ๆ ก็ดี ล้วนเป็นของไม่เที่ยง คือมีอายุขัย ไม่อยู่ไปตลอด ชีวิตเราอยู่ไปได้ไม่กี่ปีก็ต้องจากทุกสิ่งทุกอย่างไป ถ้าเขาไม่จากเราไปก่อน เราก็จากเขาไปก่อน นี่เป็นสัจธรรมความจริง

เมื่อเป็นเช่นนั้น เวลาเกิดการพลัดพรากจากกัน ก็จะต้องร้องห่มร้องไห้ เศร้าโศกเสียใจ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ แต่ถ้าได้ฝึกจิต ปฏิบัติจิตให้ปล่อยวาง ให้มีความพอใจกับความสุขที่เกิดจากความสงบแล้ว ก็จะไม่ยึดติดกับอะไร เวลาไม่ยึดไม่ติดกับอะไรแล้ว เวลาสิ่งต่าง ๆ จากเราไปก็จะไม่รู้สึกเศร้าโศกเสียใจอาลัยอาวรณ์ เพราะรู้ด้วยปัญญาแล้วว่า เราไม่สามารถอยู่กับสิ่งต่าง ๆไปได้ตลอดหรือสิ่งต่าง ๆ ไม่สามารถอยู่กับเราไปได้ตลอด ไม่ช้าก็เร็ว ก็ต้องจากกันไป ถ้ามีปัญญา ก็จะไม่ยึดไม่ติด การจากกันก็จะเป็นการจากกันแบบธรรมดา จากกันแบบสบาย ๆ ไม่มีความเศร้าโศกเสียใจ ไม่มีการกินไม่ได้นอนไม่หลับ เหมือนกับเวลาที่พระอาทิตย์ได้ตกลับขอบฟ้าไป เราก็ไม่ได้มานั่งร้องห่มร้องไห้เศร้าโศกเสียใจอะไร เพราะเราเข้าใจถึงธรรมชาติของพระอาทิตย์ว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น

ฉันใด ถ้าได้ศึกษาพระธรรมคำสอน แล้วนำมาคิดใคร่ครวญอยู่อย่างสม่ำเสมอ แล้วนำมาปฏิบัติกับใจแล้ว เราก็จะสามารถทำใจให้ปล่อยวางได้ เมื่อปล่อยวางแล้ว ใจก็จะไม่เดือดร้อนกับอะไร ที่จะต้องจากเราไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่ต้องมีอะไรเลย เราอยากจะมีอะไรก็มีได้ อย่างในขณะนี้ เรามีอะไร ก็มีอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่าทัศนคติ ปัญญาความรู้ของเราได้เปลี่ยนไป เมื่อก่อนนี้เรารู้แบบหลง รู้แบบยึด รู้แบบติด คือ อยากให้สิ่งต่าง ๆ ที่เรารัก ให้อยู่กับเราไปตลอดแต่เดี๋ยวนี้เราเข้าใจแล้วว่า ความรู้แบบนั้นเป็นเหตุที่ทำให้เกิดความเศร้าโศกเสียใจ เป็นความทุกอย่างยิ่ง เมื่อเราเปลี่ยนทัศนคติแล้วเราก็ยังอยู่กับสิ่งนั้นอยู่ เรายังปฏิบัติกับสิ่งนั้นอยู่เหมือนเดิม คือยังมีความเมตตา มีความกรุณา มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีการดูแลรักษากันไปตามปรกติ ตามกำลังสติปัญญาความสามารถของเรา จนกว่าเมื่อถึงเวลาที่จะต้องจากกันไป เราก็ยอมรับความจริงนี้ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ใจของเราก็จะไม่เศร้าโศกเสียใจกับอะไร

นี่แหละอานิสงส์ของการได้พบพระพุทธศาสนา ได้ยินได้ฟังเรื่องราวที่แท้จริงของชีวิตนั่นเองเมื่อก่อนนี้ถ้ายังไม่ได้พบพระพุทธศาสนาเราจะไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เราจะหลงยึดติดกับสิ่งต่าง ๆ สิ่งที่เรารัก ที่เราชอบเราก็จะหวง เราก็จะห่วง แต่เดี๋ยวนี้เมื่อได้ศึกษา ได้ยินได้ฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็เริ่มเห็นแล้วว่า ความทุกข์ไม่ได้เกิดจากใครที่ไหน เกิดจากความหลงผิด ความเห็นผิดเป็นชอบ ความไม่รู้ความเป็นจริงที่ไหน เกิดจากความหลงผิด ความเห็นผิดเป็นชอบ ความไม่รู้ความเป็นจริงของธรรมชาติของสิ่งต่าง ๆ ที่เราเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั่นเอง แต่ถ้ารู้แล้วเราก็จะไม่ทุกข์กับสิ่งนั้นอีกต่อไป เพราะเราจะเตรียมตัวเตรียมใจไว้รับกับสภาพที่จะต้องเกิดขึ้น คือไม่ช้าก็เร็วก็ต้องมีการพลัดพรากจากกันเป็นธรรมดา นี่แหละคือปัญญาทางพระพุทธศาสนา คือการรู้ถึงความไม่เที่ยงของทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ เมื่อรู้แล้วจะได้ไม่ไปยึดไปติด
เราจึงต้องพยายามศึกษาหาความรู้นี้อย่างสม่ำเสมอ พระพุทธเจ้าจึงต้องสอนให้เราเข้าวัดกัน อย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง ฟังเทศน์ฟังธรรมกัน ฟังแล้วก็นำเอาไปคิดพิจารณาต่อ หลังจากที่ออกจากวัดไปเพราะถ้าไม่นำไปคิดพิจารณาต่อ เวลาไปทำกิจการงานต่าง ๆ ใจก็จะไปอยู่กับเรื่องราวต่างๆ ทำให้เรื่องราวที่ได้ยินได้ฟังในขณะที่อยู่ในศาลาก็จะค่อย ๆ จางไปหายไป และในที่สุดก็จะลืมไป เราจึงต้องกลับมาฟังอยู่เรื่อย ๆ นอกจากการฟังอยู่เรื่อย ๆ แล้ว เรายังต้องนำสิ่งที่ได้ยินได้ฟังไปคิดต่อ ไปเตือนสติไว้ ไม่ใช่ฟังแล้วก็แล้วกันไป เมื่อออกจากวัดไปแล้วเวลาเห็นสิ่งใดก็ตาม ถ้าเกิดความยินดี เกิดความชอบอยากจะได้ก็ควรสอนใจว่า สิ่งที่จะเอามานี้ ก็จะไม่อยู่กับเราไปตลอดนะ เอามาก็เอามาได้แต่เวลาได้มาก็ดีใจหรอก แต่เวลาเสียไป ยังจะดีใจเหมือนกับขณะที่ได้มาหรือเปล่า ถ้าเสียไปแล้ว ก็จะต้องเกิดความเศร้าโศกเสียใจ ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ก็อย่าไปเอามาไม่ดีกว่าหรือ อย่างนี้เป็นต้น

ต้องคิดแบบนี้ในการใช้ชีวิตประจำวัน ขอให้เราอย่าลืม ขอให้มองทุกสิ่งทุกอย่างว่าเป็นของชั่วคราว ไม่ใช่เป็นของที่จะอยู่กับเราไปอย่างถาวร นี่ก็คือการสร้างปัญญาให้เกิดขึ้น ธรรมที่ได้ยินได้ฟังแล้วเราก็เอามาคิด เอามาใช้ในชีวิตประจำวัน แล้วถ้ามีโอกาสว่าง ไม่มีภารกิจการงาน ก็ให้มาทำความสงบกับจิตใจของเรา เพราะว่าเวลาที่จิตสงบ ใจจะเย็น ใจจะมีความสุข แล้วใจจะรู้ว่า ความสุขที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การได้มาซึ่งสิ่งของต่าง ๆ แต่ความสุขที่แท้จริงมาจากความสงบของจิตใจต่างหาก เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วใจก็เกิดปัญญา เกิดความรู้ขึ้นมาว่า การมีอะไรมาก ๆ แทนที่จะมีความสุขกลับมีความทุกข์ ยิ่งมีมากก็ยิ่งทุกข์มาก เพราะจะมีความห่วง มีความอาลัยอาวรณ์กับสิ่งต่าง ๆ มากขึ้นไปนั่นเอง ถ้ามีน้อย ความทุกข์ก็น้อย ถ้ามีลูกคนเดียว ก็ทุกข์กับลูกเพียงคนเดียว ถ้ามีลูก 10 คน ก็ต้องทุกข์กับลูกถึง 10 คน ความทุกข์ก็เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ
เมื่อมีปัญญา เราจะรู้ความจริงว่า แม้กระทั่งลูกของเรา เราก็ต้องจากเขาไป หรือเขาก็ต้องจากไปเราไปในวันหนึ่ง ถ้าคิดอย่างนี้แล้ว เราก็จะปล่อยวาง ไม่ไปยึดไปติดกับเขา เขาจะอยู่กับเราก็ดี เขาจะจากเราไปก็ดี ถ้าเราทำใจได้แล้ว จะมีมากมีน้อย เราก็จะไม่ทุกข์ เพราะว่าความทุกข์เกิดจากความไม่รู้จริง ความทุกข์จะดับได้ก็เกิดจากความรู้จริงหรือความรู้ทางพระพุทธศาสนา ดังที่ท่านได้ยินได้ฟังกันในวันนี้ นี่แหละคือความรู้จริง เพราะเป็นความรู้ที่เป็นตามหลักความเป็นจริง เป็นความรู้ที่ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากความจริง ความคิดของพวกเราส่วนใหญ่จะเป็นความคิดที่สวนกระแสของความจริง เช่นคิดว่าอยากจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่กับเราตลอดไป ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด เป็นสิ่งที่เราจะต้องมาแก้ไขเสียตั้งแต่บัดนี้ เราจึงต้องมองให้เห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงมีการสูญสลาย มีการดับไปเป็นธรรมดา ไม่ช้าก็เร็วทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องหมดสิ้นไปจากเรา เราก็ต้องจากเขาไปในที่สุด

ถ้าคิดอย่างนี้แล้ว จะได้ไม่ยึดไม่ติดกับสิ่งต่างๆ เมื่อไม่ยึดไม่ติดแล้ว ใจก็จะหลุดพ้นจากความทุกข์ ความกังวลใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครปรารถนากัน แต่เราก็ยังมีกันอยู่ ก็เป็นเพราะเราไม่ได้อบรมสอนใจ ไม่ได้ดูใจ ในขณะที่ใจกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ เราก็ไม่ค่อยรู้กัน เวลาเห็นอะไรที่เราชอบ ก็เกิดความอยากลึก ๆ ขึ้นมาในใจแล้ว อยากจะให้สิ่งนั้นอยู่กับเราไปนาน ๆ นี่ก็เป็นความคิดที่ผิดแล้ว เป็นความคิดที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริง ตามความเป็นจริงแล้ว ไม่มีอะไรจะอยู่กับเราไปตลอดอยู่กับเราไปได้นาน เราจึงต้องมาเปลี่ยนแปลงความคิดใหม่ โดยเอาความคิดหรือความรู้ของพระพุทธเจ้ามาใส่ใจเรา มาสอนใจเรา พยายามเตือนสติเราอยู่เสมอว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ เป็นของไม่เที่ยงแท้แน่นอน ไม่ควรไปยึดไปติด เราจะไม่ทุกข์ เราจะมีแต่ความสุข


[youtube]5XA6dAACvO8[/youtube]



โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-11-25 06:08

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-12-3 07:04



[youtube]vwl2Ef4KWjI[/youtube]
โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-12-20 08:01



เพราะฉันไม่เคยเปลี่ยนหรือว่า...
เพราะใจเธอไม่เหมือนเดิม ???


[youtube]IXlpfrTwQPo[/youtube]






โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-2-11 06:47




[youtube]2XqZluQKDsw[/youtube]



โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-2-11 20:42

[youtube]12F9i9OFujw[/youtube]
โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-2-29 08:49





[youtube]J3eM_cgfylA[/youtube]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-2-29 09:07


[youtube]DiljX_SDUZM[/youtube]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-3-15 05:08


[youtube]kjLAVuHNvH8[/youtube]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-7-9 08:54
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2016-7-9 09:05




[youtube]W1wJA5mgQVw[/youtube]
โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-8-25 11:17




[youtube]3ZYyPbL0Njk[/youtube]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-9-26 13:50
"ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก"



ชนใดไม่มีดนตรีกาล
ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก
อีกใครฟังดนตรีไม่เห็นเพราะ
เขานั้นเหมาะคิดกบฎอัปลักษณ์
ฤๅอุบายเล่ห์ร้ายขมังนัก
มโนหนักมืดมัวเหมือนราตรี
อีกดวงใจย่อมดำสกปรก
ราวนรกเช่นกล่าวมานี่
ไม่ควรใครไว้ใจในโลกนี้
เจ้าจงฟังดนตรีเถิดชื่นใจ

โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-11-13 06:31
[youtube]IXlpfrTwQPo[/youtube]






โดย: Sornpraram    เวลา: 2017-4-24 17:07
[youtube]ifrkt4cstPg[/youtube]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2017-10-17 06:55





ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2