Baan Jompra

ชื่อกระทู้: "ไกรสรราชสีห์'สัญลักษณ์เมืองสิงห์" [สั่งพิมพ์]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2017-1-3 08:26
ชื่อกระทู้: "ไกรสรราชสีห์'สัญลักษณ์เมืองสิงห์"


















"ไกรสรราชสีห์'สัญลักษณ์เมืองสิงห์"

สิงห์บุรีเป็นจังหวัดเก่าแก่ มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า ๒,๐๐๐ ปี มีการรวมเป็นจังหวัดสิงห์บุรีมากว่า ๑๑๕ ปี แต่ปรากฏว่ายังไม่มีสัญลักษณ์ให้เป็นความภาคภูมิใจ จึงสร้างสัญลักษณ์ประจำจังหวัดขึ้น โดยจะสร้างเป็นรูปปั้น "ไกรสรราชสีห์" เป็นสัญลักษณ์

"ไกรสรราชสีห์" เป็นตำนานตามคติความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ได้กล่าวว่า การเกิดพระอาทิตย์ เกิดจากพระอิศวรมหาเทพ ร่ายพระเวทให้รา...ชสีห์ ๖ ตัว ซึ่งเป็นสัตว์ป่าหิมพานต์ ผู้ยิ่งใหญ่ และ ๑ ใน ๖ ตัวนั้นคือ ไกรสรราชสีห์ ซึ่งเป็นจ่าฝูง นอกจากนี้ "ไกรสรราชสีห์" ยังสอดคล้องกับชื่อ "พระเจ้าไกรสรราช" ผู้ทรงสร้างเมืองสิงห์บุรีอีกด้วย

มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คนสิงห์บุรีเกิดความภาคภูมิใจว่า สิงห์บุรีเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ เป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ สำหรับตัวไกรสรราชสีห์จะหล่อด้วยทองเหลืองรมดำ ขนาดยาว ๒.๘๐ เมตร สูง ๒.๘๐ เมตร จะตั้งประดิษฐานอยู่บนแท่นสีเหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละ ๓.๕๕ เมตร สูง ๒.๘๐ เมตร



โดย: Sornpraram    เวลา: 2017-1-3 08:27
ไกรสรราชสีห์ ประวัติไกรสรราชสีห์ ตำนานไกรสรราชสีห์
   
ไกรสรราชสีห์ คุ้มครองป้องกันภยันตราย และเมตตามหานิยม

         โบราณกาลเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณทางวิชาไสยศาสตร์  ผู้มีอำนาจสมาธิจิตสูง  สามารถอธิฐานจิตปลุกเสกในทางคุ้มครองป้องกันภยันตรายและทางเมตตามหานิยม  โดยบรรจุเลขยันต์ตามแต่เกจิอาจารย์นั้น ๆ ในวัตถุรูปแบบต่าง ๆ ทั้งเก่าและทั้งใหม่  ในทางศิลปะสวยงามประณีตแตกต่างกันไป  ได้แก่  พระเครื่อง   พิศมร  เสื้อยันต์  ผ้ายันต์  แหวนมงคล  แหวนพิรอด  การสักลงอักขระเลขยันต์ฝังเข็ม  ฝังตะกรุด  วัสดุอาถรรพณ์  และของทนสิทธิ์ของดีด้วยตัวเองมีคดต่าง ๆ มีเขี้ยวหมูตัน  เขี้ยวเสือกลวง  เป็นต้น
   
         ภายหลังพุทธกาลได้ประดิษฐ์คิดแต่งดัดแปลงมาจาก  ศาสนาพราหมณ์  และนำเอาคติต่าง  ๆมาจากพุทธประวัติบ้าง  ชาดกบ้าง  และบรรจุพุทธมนต์อันเกิดแต่พระพุทธคุณ  พระธรรมคุณ  พระสังฆคุณ  ตลอดจนเอ่ยอ้างเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย  มาประชุมพร้อมกัน  เพื่อดลบันดาลให้พระเครื่องและเครื่องรางของขลังเหล่านั้น  ได้บังเกิดสิทธิ์เป็นมหัศจรรย์สมจริง  จึงถือเป็นแบบอย่างเล่าเรียนสืบต่อกันมาเรียกว่า  “ไสยศาสตร์”  (วิชาว่าด้วยเวทย์มนต์คาถา  ซึ่งถือว่าได้มาจากอินเดีย)
   
         พระเครื่องและเครื่องรางของขลังในหมู่นิยมสะสมพระเครื่องนั้น  มีอยู่มากมายเป็นอเนกประการยากที่จะนำมาสาธยายได้ครบถ้วนกระบวนความ  ในส่วนที่จะหยิบยกเอามานี้  ก่อนอื่นขอออกตัวเสียก่อนว่าผู้เขียนมิได้มีเจตนาที่จะเสนอแนะให้ท่านผู้อ่านริเป็นเกจิอาจารย์หรือสร้างพระเครื่องรางของขลัง  แต่จะขอเสนอแนะถึงเรื่องที่มาของเครื่องรางนั้น  ๆ ตลอดจนอาจารย์ท่านผู้สร้างเป็นประการสำคัญ  เพื่อการเล่นหาสะสมเครื่องรางของขลังได้ลึกซึ้งถึงแก่นกลางมิใช่รู้จักอย่างผิวเผินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  การเล่นหาของท่านจะได้เชื่อถือกันอย่างสนิทใจ
   
         ที่จะนำเอามากล่าวในที่นี้  ก็คือ  ราชสีห์งาแกะ  เครื่องรางของขลังยอดนิยมอีกชนิดหนึ่งที่หาเล่นกันแพร่หลายเป็นอย่างมาก ราชสีห์  เป็นสัตว์ในวรรณคดีชาดกว่า  เป็นสัตว์ที่มีอำนาจเหนือสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง  มีถิ่นกำเนิดและพำนักอยู่บนฟากฟ้าป่าหิมพานต์ในหนังสือ  สัตวาภิธานของพระศรีสุนทรโวหาร  (น้อย  อาจารยางกูร)
   
        แม่กดกำหนดสัตว์  ซึ่งควรจดในวาที  คือ  ชาติราชสีห์ทั้งสี่หมู่อยู่หิมวันต์อีกเหล่าคชสีห์กาบินทรีย์ก็เช่นกัน  แปลกที่สีสะผันไปข้างหน้ามาข้างหลัง  ราชสีห์กระหนกยอดผันปกปัดฉิมัง  คชสีห์มีวงทั้งยอดกนกปกบุรโตทั้งสองสัตว์สูงสุด  ฤทธิ์รุทย์เลิศเดโช  ถึงสัตว์ที่โต ๆ ก็เกรงเดชเหตุฤทธิ์แรง  เภทพรรณราชสีห์จัดเป็นสิ่งที่ท่านแจกแจง  ปากหางสี่เท้าแดงพื้นเศวตเภทไกรสร  บัณฑุระราชสีห์กายามีสีเหลืองอ่อน  กาฬะมิดินทรกายาดำคล้ำหมึกมันเหล่านี้ล้วนกินสัตว์ใจสมรรถอุจฉกรรจ์  แต่เดชยิ่งใหญ่นั้นคือ  ไกรสรราชสีห์
   
         อันหนึ่งชื่อติณะ  เป็นสิงหะฤทธิ์กายาดังคาวี  กินเส้นหญ้าเป็นอาหารราชสีห์สี่ชนิด  ที่สถิตปาหิมพานต์มีถ้ำที่สำราญเป็นสัตว์ที่กล้าร่างเริงแรง ท่านปรมาจารย์พระยาศรีสุนทรโวหา  (น้อย  อาจารยางกูร)  ท่านได้รจนาถึงราชสีห์ไว้อย่างละเอียดลออ  คือมีสี่ชนิดด้วยกัน  และมีรูปลักษณ์ตลอดจนสีสันเฉพาะต่างกันไปเฉพาะไกรสรราชสีห์  ผู้มีวรรณะสีขาว  ปาก  หาง  และเท้าทั้งสี่สีแดงนับว่าเป็นสัตว์ที่มีอำนาจและฤทธิ์เดชยิ่งกว่า  ราชสีห์ชนิดอื่นใด  และเป็นที่เกรงกลัวต่อมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
   
         เพื่ออานิสงส์ทางอำนาจ  ท่านโบราณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญฉลาดจึงได้จำหลักรูปลักษณ์ของไกรสรราชสีห์ลงในงาช้างเพื่อให้มีกายขาว  หากหางและเท้าทั้งสีทาสีแดง  อันเป็นลักษณะของสีสันของ  ไกรสรราชห์นั่นเองครับ
   
         พูดถึงงาช้างที่นำมาแกะเป็นรูป  ไกรสรราชสีห์นั้นท่านกำหนดให้เอา  งาอาถรรพณ์อันได้แก่  งากำจัดและ  งากำจาย  ซึ่งถือกันว่าเป็นงาเป็น  จะมีวรรณเหลืองฉ่ำ  ผิดกับงาตาย  คืองาที่ได้จากช้างที่ตายแล้วนั่นเอง
   
งาจำกัด  คืองาช้างที่ตกมันแทงหักอยู่กับต้นไม้  ส่วนงากำจาย  นั่นได้แก่งาช้างที่แตกหักตกอยู่ในป่า  อาจเป็นด้วยการแทงกันเองแล้วงาเกิดแตกหักขึ้นอย่างนี้เป็นต้น
   
         ไกรสรราชสีห์  หรือ  สิงห์งาแกะ  นั้นมีการสร้างอยู่หลายอาจารย์ด้วยกัน  ในแถบจังหวัดภาคกลางได้แก่  นครสวรรค์  อุทัยธานี  และชัยนาท  แต่มีจำนวนไม่สู้มากนัก  จึงไม่แพร่หลายเท่าที่ควร  มามีชื่อเสียงโด่งดังในสมัยของหลวงพ่อเดิมวัดหนองโพ  อำเภอพยุหคีรี  จังหวัดนครสวรรค์  ท่านนี้สร้างสิงห์งาแกะไว้จำนวนมาก

         เพราะท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่เข้ามาพบง่ายและไม่หวงของ  ใครอยากจะได้สิงห์งาแกะของท่านก็ไปหาเช่านในท้องที่ตลาดอำเภอพยุหคีรี  บางคนไปเช่าสิงห์งาแกะไปแล้วก็นำไปให้หลวงพ่อเดิมท่านบริกรรมปลุกเสกอย่างนี้  เป็นต้นด้วยเหตุฉะนี้  สิงห์งาแกะของหลวงพ่อเดิม  วัดหนองโพ  อำเภอพยุหคีรี  จังหวัดนครสวรรค์  จึงปรากฏเป็นที่แพร่หลาย  กว่าพระอาจารย์ท่านอื่นใด  ทั้ง  ๆ ที่ในละแวกนั้นมีพระอาจารย์สร้างสิงห์แกะ  อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับหลวงพ่อเดิม  อยู่หลายอาจารย์ด้วยกัน  เช่น  หลวงพ่อรุ่ง  วัดหนองพลับ  อำเภอตาคลี  จังหวัดนครสวรรค์  หลวงพ่อคง  วัดใหม่บำเพ็ญบุญ  อำเภอสวรรค์บุรี  หลหวงพ่อหลิน  วัดสมอ  อำเภอสรรพยา  จังหวัดชัยนาท  และหลวงพ่อกัน  วัดเขาแก้ว  อำเภอพยุหคีรี  จังหวัดนครสวรรค์   ส่วนทางจังหวัดระยองก็มีหลวงพ่อหอม วัดหมาก  มีการสร้างสิงห์งาแกะ  อยู่มากเหมือนกันแต่ความนิยม  สู้ใสถิ่นแถบจังหวัดภาคกลางไม่ได้
   
         ฉะนั้นการสร้างสิงห์งาแกะมีอยู่หลายอาจารย์ด้วยกันและเป็นช่าแกะในถิ่นแถบเดียวกันคือ  พยุหะคีรี  จังหวัดนครสวรรค์  ซึ่งยึดเป็นอาชีพสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันนี้  ฝีไม้รายมืออยู่ในแนวเดียวกัน ซึ่งเป็นการยากที่จะแยกแยะสิงห์งาแกะเหล่านั้น  เป็นของท่านอาจารย์ท่านใดกันแน่  สุดที่จะตัดสินได้  ยิ่งเป็นนักสะสมในรูปพุทธพาณิชย์  ด้วยแล้วสิงห์งาแกะที่อยู่ในมือ  ถ้ามีความเก่าอยู่บ้างคือ  ริ้วรอยแตกลายงา  และมีวรรณะเหลืองอร่ามละก็  ร้อยทั้งร้อยเขาจะดีเป็นสิงห์งาแกะหลวงพ่อเดิม  หมดด้วยกันทั้งนั้น  เพราะได้ราคาดีว่ากันอย่างนั้นเถอะ  ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เขาอุปมาเอาไว้  ด้วยเหตุนี้  สิงห์งาแกะของท่านอาจารย์ต่าง ๆ ที่มีสร้างอยู่ในยุคสมัยเดียวกันกับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพจึงมักจะลงเอาไว้ที่หลวงพ่อเดิมทั้งนั้นแหละครับ
   
         ส่วนสิงห์งาแกะ  อีกท่านอาจารย์หนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก  และไม่แพ้หลวงพ่อเดิมเช่นกัน  ก็คือสิงห์งาแกะของหลวงพ่อรอด  วัดวังน้ำวน  อำเภอเมือง  จังหวัดสมุทรสาคร  สิงห์ของท่านแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ  แทนที่จะแกะด้วยงากำจัดหรืองากำจาย  กลับแกะด้วยไม้แก่นขนุนเมื่อใช้ได้สัมผัสสีจะออกไปทางแดงฉ่ำ
เหมือนสีของดอกไม้แดงฉันนั้น
   
         การสร้างภาพสิงห์งาแกะของบรรดาอาจารย์เหล่านี้ก็เพื่ออานิสงฆ์ทางอำนาจนี่เอง  ซึ่งหัวใจราชสีห์เขียนว่า  สีหะนาทัง  ภาวนาเป็นอำนาจ  และตบะเดชะ นอกจากท่านโบราณาจารย์จะได้ประดิษฐ์คิดแต่งเป็นรูปลักษณ์งานแกะแล้ว  ยังลงยันต์ราชสีห์ในท่าผงาดอยู่ในแผ่น  ผ้าประเจียดเสื้อยันต์  เช่น  ผ้ายันต์  เสื้อยันต์  หลวงพ่อจง  วัดหน้าต่างนอกจังหวัดอยุธยาเป็นต้น  ส่วนผ้ายันต์ราชสีห์เส้นคู่ของหลวงพ่อโสก  วัดปากคลอง  บางครก  จังหวัดเพชรบุรี  เจ้าของฉายาลูกผู้ชายชื่ออ้ายแผนละก็ต้อมี  ผ้ายันต์ผืน  ปลัดขิกอันพระธรรค์เล่มละก็ท่านว่าถึงไหนถึงกันซิ พลับผ่า
   
        จากนี้ยังมี  คัมภีร์นะ  108  ท่านบูรพาจารย์ยังได้รจนา  นะราชสีห์  ขึ้นมาตัวหนึ่งล้วนแต่มีอุปเท่ห์ใช้ในทางอำนาจและตบะเดชะ  เป็นที่น่าเกรงขามทั้งสิ้น  เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าที่ปราบปราม  ท่านว่าไว้อย่างนั้น
   
สูตรลงตัวราชสีห์
   
ปะปะมังพินทุกังชาตัง  ทุติยังทัณฑะเมวะจะ  ตะติ  ยะเภทะกัณฑเจวะ จตุถังอังกุสัมภะวังปัญ  จะมังสิริลังชาตัง  นะกา  โรโหติสัมพะโว พุทธัง  ราชะสิงหะกัณเจวะ  สังฆังราชะสิงหะกัณ  เจวะ  นะราชสีห์
   
คาถาเสก

         ตะโตโพธิสัตโต  ราชสิงโห  จะมหิทธิโก ตะมัตถังปะกาเสนโต  สัตถาอาหะ

โดย: Sornpraram    เวลา: 2017-5-11 08:03

โดย: oustayutt    เวลา: 2017-5-27 23:55
ขอบคุณครับ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2017-5-29 06:48

         จากนี้ยังมี  คัมภีร์นะ  108  ท่านบูรพาจารย์ยังได้รจนา



นะราชสีห์  ขึ้นมาตัวหนึ่งล้วนแต่มีอุปเท่ห์ใช้ในทาง..


อำนาจและตบะเดชะ  


เป็นที่น่าเกรงขามทั้งสิ้น  


เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าที่ปราบปราม  ท่านว่าไว้อย่างนั้น

โดย: Sornpraram    เวลา: 2017-5-29 06:51
ไกรสรราชสีห์            


ในตำนานพระเวสันดร มีตอนหนึ่งกล่าวถึงไกรสรราชสีห์

ในเรื่องบรรยายว่าเป็นสัตว์ทรงพลัง กายเป็นสิงห์

มีขนแผงคอ ริมฝีปาก ขนหาง และเล็บเป็น สีแดงดั่งผ้ารัตนกัมพล

ไกรสรราชสีห์เป็น ๑ ใน ๔ ราชสีห์แห่งป่าหิมพานต์

ในตำนานกล่าวว่าไกรสรราชสีห์เป็นสัตว์ที่มีพละกำลังแรงกล้า

เป็นนักล่าชั้นเยี่ยมและกินสัตว์ใหญ่น้่อยเป็นอาหาร



โดย: Sornpraram    เวลา: 2017-5-29 06:53
พระอาทิตย์








                ตามตำนานโหราศาสตร์กล่าวไว้ว่า                 พระอิศวรเป็นเจ้าได้สร้างพระอาทิตย์ขึ้น ต้องเอาราชสีห์ ๖                 ตัวมาเป่าลง แล้วห่อด้วยผ้าสีแดง พรมด้วยน้ำอมฤต                 ก็บังเกิดเป็นองค์พระสุริยะทิพย์เทพยาทินกรขึ้น                 มีกายเป็นสีแดงทรงเครื่องทิพย์อาภรณ์พรายแพรวด้วยแก้วปัทมราช                 และวิมานสีแดง ทรงบนหลังราชไกรสร (ราชสีห์) เป็นพาหนะ                 สถิตอยู่ในอิสานทิศ

                ตำนานมีว่า

                เรื่องที่ ๑
                 ในกาลครั้งหนึ่ง พระพฤหัสบดีเกิดเป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์                 พระอาทิตย์เกิดเป็นมาณพไปเรียนวิชาศิลปะศาสตร์ในสำนักพระพฤหัสบดี                 อาจารย์ยกนางจันทร์ให้เป็นภรรยา พระอาทิตย์มีความพอใจรักใคร่นางมาก                 จึงเอานางใส่ตลับทองคำเก็บไว้ในเวลาเข้าป่าหาผลไม้                 พระอังคารเกิดเป็นพิทยาธรเข้าไปสมจรด้วยนางจันทร์ในตลับนั้น                 พระพฤหัสบดีรู้เห็นเหตุการณ์นั้นโดยตลอด                 จึงทำเป็นปริศนาไว้รอท่าพระอาทิตย์เพื่อบอกเหตุการณ์                 ครั้นพระอาทิตย์กลับมาจากป่า เข้าไปหาพระพฤหัสตามปกติ                 แลเห็นเชี่ยนหมากตั้งแยกกันออกเป็น ๓ ที่ซึ่งทุกทีเคยมีตั้งเพียง ๒                 ที่เท่านั้น ก็เกิดความสงสัยจังถามพระอาจารย์ไปตามได้เห็นผิดสังเกต                 ทุกวันมาพระอาจารย์เคยตั้งเพียง ๒ ที่ มาวันนี้ไฉนจึงตั้งเป็น ๓                 พระอาจารย์จึงแจ้งว่า ถ้าเธอใคร่จะรู้ว่าปริศนานั้นมีความหมายกระไร                 ก็จงไปเปิดตลับดูก่อนเถิด เมื่อพระอาทิตย์เปิดตลับดู                 ก็เห็นพระอังคาร ก็มีความโกรธแค้นมาก จึงยกพระขรรค์ขึ้นจะฟัน                 พิทยาธรพระอังคาร ก็จรเหาะขึ้นไปบนอากาศ                 แล้วกลับเอาพระขันธ์ฟันถูกศีรษะพระอาทิตย์แยก                 พระอาทิตย์จึงขว้างด้วยจักรไปต้องพิทพยาธรขาขาด ฯลฯ
เรื่องที่ ๒                 ในกาลครั้งหนึ่งพระอาทิตย์เกิดเป็นวานร พระอังคารเกิดเป็นพราน                 เมื่อโคทองของนายพรานหาย ก็เที่ยวตามหาในป่า                 ครั้นไปพบวานรอยู่บนต้นไม้ก็หมายจะเอาเป็นอาหาร                 จึงได้เอาก้อนดินขว้างขึ้นไปถูกศีรษะวานรแตก ฯลฯ
ตามหลักการพยากรณ์
การที่ตัวของพระอาทิตย์ ได้ถูกสร้างขั้นด้วยราชไกรสรนั้น                 จังมีนิสัยดุร้ายเหมือนกับราชสีห์
                กล่าวกันว่า ราชสีห์มีนิสัยดุร้าย รักยศ รักความสวยงาม เจ้าชู้                 ถือตัว ปัญญาไว ไหวพริบดี เฉียบขาด โอบอ้อมอารี ใจคอกว้างขวาง                 กล้าได้กล้าเสีย ชอบความอิสระ มีมานะ ไม่ง้องอนใคร                 แต่มักเป็นกำพร้า ทั้งพระอาทิตย์เป็นเขยพระพฤหัสบดี                 ซึ่งเป็นสามีนางจันทร์ เป็นศัตรูกับพระอังคาร                  (ดังตำนานกล่าวมาแล้ว) ข้อสังเกต ที่กล่าวถึงอุปนิสัยนี้                 ก็เพราะธาตุไฟเป็นหลัก และมีสีแดง คือ สีของไฟประลัยกัลป์นั้นเอง                 บางตำรากล่าวไว้ว่า ดวงอาทิตย์เป็นดวงดาวสำคัญ                 ควรเปรียบเหมือนพระราชา ดาวดวงอื่นเปรียบเหมือนบริวาร                  (ตามหลักวิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และ ดาราศาสตร์)                  โดยบริวารเหล่านั้น ต้องได้รับอำนาจจากพระอาทิตย์                 จึงเป็นดาวบาปเคราะห์

การใช้สีผ้าแต่งตัว
แต่งตัวปัดธำมะราชนั้นระวี จรูญจรัสรัตนมณีแจ่มจ้า                 แสงจับรับพรรณฉวีแดงเปล่ง สวมสร้อยสนิทผ้า แต่พื้น พรรณแดง

พระบูชาวันเกิด
คนเกิดวันอาทิตย์ ควรมีพระพุทธรูปปางถวาย พระเนตรบูชา                 จึงจะมีความสุขความเจริญรุ่งเรืองดี

http://www.mahamodo.com/tamnai/PowerOfStar.asp

โดย: Nujeab    เวลา: 2017-5-30 14:54

โดย: oustayutt    เวลา: 2017-6-8 22:48
ขอบคุณครับ




ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2