ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2115
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

◎ พระคาถาอาคม ◎

[คัดลอกลิงก์]
◎ พระคาถาอาคม ◎

เรื่องเล่าชาวสยาม
สมัยโบราณ ผู้ที่เรียนวิชาคาถาอาคม จะเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับนับถือมาก เพราะผู้ที่มีวิชาอาคม ก็จะเป็นบุคคลที่มีฝีมือในการรนณรงค์สงคราม อยู่ยงคงกระพัน ฟันแทงไม่เข้า ยามออกศึกสงคราม ก็สามารถพิชิตข้าศึกศัตรูของชาติบ้านเมืองได้ ดังนั้นผู้คนสมัยโบราณจึงพยายามเสาะแสวงหาครูอาจารย์ดีที่มีวิชาอาคมแก่กล้า เพื่อขอถวายตัวเป็นศิษย์ เพื่อร่ำเรียนวิชาอาคมไว้ปกป้องตน และประเทศชาติบ้านเมือง
พระคาถา หมายถึง พระดำรัส (คำพูด) , อาคม หมายถึง ความศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์ มีเดช เมื่อนำมารวมกัน จึงเรียกว่า “พระคาถาอาคม” หรือ “พุทธคาถาอาคม”
“พระคาถาอาคม” พระคาถา หรือลางทีเรียก บทพระเวท หรือ เวทมนต์ เมื่อนำมาบริกรรม (สวดเจริญภาวนา) ด้วยความเคารพศรัทธา จะเกิดความศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์ มีเดช ขึ้นมา เมื่อผู้ปฏิบัติได้นำมาใช้ในทางที่ดี ช่วยเหลือผู้อื่น มีจิตเมตตา ไม่โลภ โกรธ หลง ย่อมเกิดพลังบุญ เรียกว่า “พลังพุทธคุณ” แต่หากได้นำ พระเวท หรือ เวทมนต์ ไปใช้ในทางไม่ดี เบียดเบียนทำร้ายผู้อื่น เป็น อวิชชา เรียกว่า “มนต์ดำ” หรือ “คุณไสย์” จะเกิดบาปกรรมเป็นโทษเป็นภัยได้
พระคาถาอาคม ปัจจุบันได้ลางหายไปมาก เนื่องจากครูบาอาจารย์ ส่วนใหญ่ ถ่ายทอดวิชาไม่หมด เพราะบ้างก็กลัวศิษย์คิดล้างครู จึงมีพระคาถา หรือพระเวทบางบท ที่ครูอาจารย์ ไม่ได้ถ่ายทอดไว้ ซึ่งถือเป็นสุดยอดพระคาถา และเมื่อครูบาอาจารย์ได้เสียตัว (ตาย) ไปแล้ว พระคาถาอาคม หรือพระเวทบางบท ก็ได้สูญหายไปด้วย ประกอบกับปัจจุบัน ผู้ที่ร่ำเรียนด้านวิชาอาคม และปฏิบัติได้จริงๆ ก็มีน้อย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ๆ ก็ไม่เชื่อว่าพระคาถาอาคม หรือพระเวท มีความศักดิ์สิทธิ์จริง ดังนั้นผู้ที่ปฏิบัติเรียนได้สำเร็จ จะต้อง มีศิล ตั้งมั่นในความดี มีความเชื่อ ความศรัทธา มีความเพียร และมีความเคารพครูบาอาจารย์ เป็นอย่างสูง จึงจะได้รับผลปรากฏ ซึ่งเป็นความจริงมามากต่อมากแล้ว

อันว่า “ครูบาอาจารย์” นั้น ท่านก็มีวิชาที่แตกต่างกันไป ตามศาสตร์ และแขนงต่างๆ เช่น ครูสอนคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์ , ศิลปะศาสตร์ , โหราศาสตร์ และยังมีศาสตร์ อื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้น วิชาไสย์ศาสตร์ (ศาสตร์โบราณ) ถือเป็นวิชาที่มีความอัศจรรย์เหนือคำอธิบายว่าเป็นไปได้อย่างไร? เกิดอะไรขึ้น ไม่มีบทพิสูจน์ รู้ได้เฉพาะบุคคลที่ปฏิบัติถึงเท่านั้น ล้วนต้องมีครูบาอาจารย์ทั้งสิ้น ถ้าไม่เข้าใจ อยู่ๆ เอาคาถาอาคม มาท่องบ่นเป็นนกแก้วนกขุนทองนั้นก็ไม่ได้ผลอะไร และหากไม่ศรัทธา
นำมายำยี่เป็นที่สนุก ให้เป็นที่เสื่อมถอยแล้วย่อมเกิดโทษภัยได้
การเริ่มต้น เมื่อท่านจะเรียนพระคาถาอาคมบทใดๆ ก็ตาม เพื่อจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตัวท่าน ท่านจะต้องบูชาครูบาอาจารย์ ที่ได้ถ่ายทอดคาถาอาคมนั้น ให้จุดธูปบอกกล่าวเล่าแจ้งว่าท่านนั้นมีความศรัทธาในพุทธคาถา ที่ท่านผู้เป็นครูบาอาจารย์ได้ถ่ายทอดมานั้น (ถ้าท่านรู้จักนามครูบาอาจารย์ก็เอ่ยนาม ถ้าไม่รู้นามก็ตั้งจิตนึกเอา) ให้ขึ้นพานธูปเทียนแพ ขั้น ๕ ขั้น ๘ แล้วจะนำไปใช้ทางใดก็ขอให้พระคาถานั้นมีความศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์ มีเดช เช่นให้เป็นเมตตาค้าขาย , หรือรักษาโรคภัยไขเจ็บ (โรคที่หาสาเหตุไม่เจอ) โดยจะนำไปใช้ในทางที่ดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ให้ท่านอธิฐานจิตคิดแต่สิ่งดีๆ

หัวใจสำคัญ ที่จะประสบความสำเร็จ ท่านที่มีความสนใจในที่จะปฏิบัติเรียนวิชา พระคาถาอาคม ที่เป็นของโบราณ ที่ถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์ นั้น ท่านจะต้องเป็นคนที่ประกอบด้วยองค์คุณ ๔ ประการคือ
๑. มีศิลดี ไม่คิดร้าย หรือเบียดเบียนผู้อื่น
๒. มีศรัทธาเชื่อว่า “พระคาถาอาคม” นั้นเป็นของศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
๓. ต้องท่องจำ “พระคาถาอาคม” ให้ได้ขึ้นใจ
๔. ต้องมีความเคารพอย่างสูงในพุทธคุณ ธรรมคุณ สังค์คุณ และครูอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชา คาถาอาคม
พระคาถาอาคม จึงจะมีความขลัง ศักดิ์สิทธิ์ จริง โปรดจำไว้อย่าได้นำมนต์ไปใช้ในทางที่ผิดศิล ผิดธรรมโดยเด็จขาด จะทำให้เสียหลักและเกิดโทษภัยได้ เพราะทุกๆ คนล้วนอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม
บรรยายโดย : ผ้าขาว
เครดิต ภาพและเรื่อง จากเวป เรื่องเล่าชาวสยาม




ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้