ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2846
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ภัยพิบัติใหญ่ จากคำบอกเล่าจาก พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ

[คัดลอกลิงก์]
ภัยพิบัติใหญ่ จากคำบอกเล่าจาก พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ
อาจารย์รัตน์ รตนญาโณ
สำนักปฏิบัติธรรมรัตนประทีป วัดดอยเกิ้ง
อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน



[size=13.3333px]
ภัยพิบัติใหญ่ จากคำบอกเล่าจาก พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ

" คนจะลอยเคว้งคว้างไปทั่ว บ้างหาที่เกาะแต่เกาะไม่อยู่ " บันทึกจากประวัติและผลงานของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ

คืนหนึ่งภายหลังจากการฝึกสมาธิหมุนจบสิ้นลง หลวงพ่อมักจะ เป...
ิดโอกาสให้ถามคำถามต่าง ๆ ที่ผู้มาฝึกเกิดสงสัยขึ้น หากไม่มีคำถามหลวงพ่อก็มักจะเล่าประสบการณ์ของท่านให้ฟังกัน คืนนั้นท่านพูดถึงการขึ้นไปเผยแพร่ธรรมะบนดอยของท่าน รวมไปถึงการประกอบพิธีสมโภชพระธาตุที่สร้างขึ้นบนดอย ซึ่งขณะที่กำลังบรรจุพระธาตุเข้าองค์เจดีย์นั้น ฟ้าที่ขมุกขมัวก็เปิดเป็นแสงสว่างจ้าส่องลงมาเป็นลำ สร้างความแปลกใจแก่คนที่อยู่ในพิธี หลวงพ่อบอกว่า ท่านถึงกับขนลุก ซึ่งผมเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ยังอดแปลกใจไม่ได้
จากนั้นท่านเล่าว่า ขณะที่ท่านจะแผ่เมตตานั้น ท่านไม่สามารถที่จะทำได้ เพราะว่าวิญญาณบนดอยไม่ยอมรับการแผ่เมตตานั้น เนื่องจากถึง เวลาที่พวกเขาจะได้ลงมาเกิดแล้ว ท่านได้อธิบายต่ออย่างละเอียดว่า แต่เดิมชาวเขาไม่ได้อยู่บนดอย แต่อยู่ในที่ลุ่มเป็นเจ้าแผ่นดินเดิม พระของพวกเขาจะกินเจคล้าย ๆ กับพระจีน แต่เมื่อพุทธศาสนาลังกาวงศ์เข้ามาสู่ประเทศไทยสมัยสุโขทัย พระของลัทธิลังกาวงศ์นั้น ฉันเนื้อได้ และมีลักษณะเหมือนพระในปัจจุบัน พวกเจ้าถิ่นเดิมก็ถูกทำลายล้าง จนต้องหนีขึ้นไปอยู่บนดอยนับตั้งแต่นั้นจนเหลือชาวเขา ในปัจจุบัน ซึ่งบัดนี้วิญญาณที่ถูกทำลายล้างไปนั้น ได้เวลาที่จะกลับลงมาแล้ว พวกเขาจึงไม่ยอมรับการแผ่เมตตาที่ได้แผ่ไปให้
" มันเป็นกรรมของพวกเขา เคยทำอย่างไรกับพวกเขาก็จะต้องโดนกลับคืนบ้าง อีกหน่อยพระทั้งหลายจะต้องถูกยึดเงินจนหมด และก็ไม่สามารถอยู่ในสภาพพระเช่นนี้ได้ เมื่อเรื่องพระหมดไปหลังจากนั้นอีกประมาณปีครึ่งก็จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 "

ผมถึงกับตะลึงที่ท่านพูดถึงเรื่องนี้ออกมาโดยไม่มีใครถาม ท่านเลย และเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินกับหูที่ท่านได้พูดถึงเรื่องอนาคต ท่านบอกว่า จริง ๆ แล้วไม่ค่อยอยากเล่านัก เพราะจะทำให้คนตื่นกลัวกัน แต่ที่ท่านเล่าให้ฟังก็เพื่อไม่ให้พวกเราประมาท และเรื่องราวต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นนั้นอยู่ในวิสัยของท่านที่จะรู้ได้
" โยมก็จำเอาไว้เล่น ๆ ก็แล้วกัน ถ้าหากเหตุการณ์เหล่านี้มันเกิดขึ้นก็จะนึกได้ว่า อ๋อ หลวงพ่อเคยพูดไว้ "
ท่านกล่าวอย่างติดตลก ในคืนถัดมา เมื่อผมได้มีโอกาสซักถามกับท่านโดยตรง ท่านได้เล่าเกี่ยวกับรายละเอียดของเรื่องที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน มีการระบุถึงบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วย แต่ผมคงจะขอข้ามส่วนนี้ไป เพราะเป็นรายละเอียดปลีกย่อยเกินไป และโดยส่วนตัวแล้ว ผมสนใจในภาพรวมที่จะเกิดขึ้นมากกว่า
" ถ้าเกิดสงครามโลกแล้วเราจะทำอย่างไรดีครับ ? " มีคนถามขึ้น
" ไม่ต้องกลัวหรอกโยม " ท่านตอบ

แต่แทนที่คำตอบของท่านจะทำให้หายกลัว สำหรับผมแล้วกลับตะลึงหนักเข้าไปอีก เพราะท่านได้พูดต่อว่า
" ไม่รู้ว่าพวกเราจะได้อยู่ทันดูสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือเปล่า "

หลายคนอาจดีใจว่า สงครามโลกอาจจะใช้เวลาอีกนานกว่าจะเกิดซึ่งตัวเองก็คงตายไปเสียก่อนอะไร ทำนองนั้น แต่ในความคิดของผม คนเราอาจมีสิทธิ์ตายจากภัยพิบัติอย่างอื่นได้ก่อนเกิดสงคราม ซึ่งหลังจากนั้นหลวงพ่อได้เล่าต่อไปว่า การใช้น้ำมันอย่างสิ้นเปลืองจะทำให้ ธาตุต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นโลกแปรปรวนในแกนกลางของโลกซึ่งเอียงอยู่ประมาณ 23 องศาครึ่ง จะมีมโนธาตุมากขึ้น คือมันจะกลวง และเบาขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดมันจะพลิกตัวลงอย่างกระทันหัน (หลวงพ่อทำมือให้ดู)
"ทำให้เกิดภัยพิบัติอย่างรุนแรงแก่มนุษย์ทั้งหลาย คนจะลอยเคว้งคว้างไปทั่ว บ้างหาที่เกาะแต่ไม่อยู่"

คนที่จะรอดได้ก็คือคนที่สามารถตัด " จิตใจ " ออกจากร่างกายที่เจ็บปวดได้เท่านั้น (ท่านยกตัวอย่างคนที่ถูกผ่าตัดแล้วไม่เจ็บ)




2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2020-10-15 18:36 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
[size=13.3333px]และท่านยังบอกว่าการทดลองนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส จะทำให้เหตุการณ์นั้นเกิดเร็วยิ่งขึ้น ผมไม่แน่ใจว่าที่ท่านบอกว่าแกนโลกจะพลิกนั้นเป็นอย่างเดียว ' Pole Shift ' หรือเปล่า ?
[size=13.3333px]หลวงพ่อท่านกล่าวต่ออีกว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติจะมากขึ้น อากาศแปรปรวน แผ่นดินไหว น้ำท่วมจะรุนแรงขึ้นตามลำดับ (จากกรุงเทพ ฯ ถึงนครสวรรค์จะจมน้ำหมด และศูนย์กลางจะย้ายมาอยู่ที่ลำพูน)

[size=13.3333px]สำหรับสงครามโลกครั้งที่ 3 นั้น ท่านบอกว่าอาวุธนิวเคลียร์จะไม่น่ากลัวเท่า " อาวุธแสง " ซึ่งขณะนี้นักวิทยาศาสตร์สหรัฐที่ได้รับรางวัล โนเบลในปี ค.ศ. 1995 ได้ค้นพบอนุภาคที่เป็นต้นกำเนิดของอาวุธแสงแล้ว เพียงแต่เขายังไม่รู้ว่ามันสามารถนำมาใช้เป็นอาวุธได้เท่านั้นเอง ซึ่งอนุภาคตัวนี้หลวงพ่อท่านบอกว่าเป็นตัวที่ทำให้แรงชนิดที่ 6 (พระพุทธเจ้าบอกไว้ว่าแรงมี 7 ชนิด) ซึงสามารถทะลุทะลวงผ่านทุกสิ่งไปได้ ตัวอนุภาคนี้เองที่เป็นตัวเดียวกับที่หลวงพ่อเรียกว่า "เส้นแสง" ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของจักรวาล
[size=13.3333px]ท่านยังให้ข้อสังเกตว่า 1 ปีก่อนเกิดสงครามโลก คนสามารถขึ้นไปสร้างบ้านเรือนอยู่บนอวกาศและสามารถทำกลางคืนให้เป็นกลางวัน ได้ คู่สงครามที่จะเกิดในครั้งนี้คือเอเชีย (จีน ?) กับยุโรป การทำลายล้างนั้นจะใช้อาวุธแสงยิงมาจากอวกาศ ไล่ยิงกันเป็นแนวไปสิ้นสุดที่พีรามิด บรรยากาศหลังจากที่หลวงพ่อพูดจบ มันเงียบอย่างบอกไม่ถูก จนหลวงพ่อต้องถามขึ้นว่า
[size=13.3333px]" ใครอยากช่วยไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้ (ภัยธรรมชาติ) เกิดขึ้นบ้าง? ถ้าไม่อยากให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ก็ต้องเลิกใช้นำมันกันให้หมดจะทำได้ไหมล่ะ ? "ไม่มีใครตอบท่านเลย ... สิ่งสำคัญอีก สิ่งหนึ่งคือสัญญาณเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์เหล่านั้น ซึ่งพอสรุปได้ว่าก่อนเกิดสงครามโลก 1 ปีถึง 1 ปีครึ่งจะมีเหตุการณ์ เหล่านี้เป็นสัญญาณคือ ... ในไทยพระจะถูกยึดเงิน ในระดับโลกจะมีการสร้างบ้านเรือนบนอวกาศ แต่ภัยพิบัติทางธรรมชาติจะเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ซึ่งมีทางเป็นไปได้ โดยตรรกะว่าเมิ่อเกิดภัยธรรมชาติจะเกิดความแร้นแค้น ซึ่งจะเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งต่าง ๆ อันจะเป็น ชนวนให้เกิดสงครามขึ้นมาได้ แต่ที่สำคัญก็คือระยะเวลาเหลืออีกเท่าไร เดือนสิงหาคใมใช่หรือไม่ ? หลวงพ่อท่านบอกว่าระบุไม่ได้ ขนาดนั้น ผมจึงต้องถามท่านใหม่ว่า
[size=13.3333px]" อีกประมาณ 4 - 5 ปีข้างหน้านี้ใช่ไหมครับ " ท่านตอบว่า " ประมาณนั้น "

[size=13.3333px]เช้าวันรุ่งขึ้น หลังการฝึกในช่วงเช้ามืดจบลง หลวงพ่อท่านได้บอกเคล็ดลับของการฝึกสมาธิหมุนให้แก่ผู้อบรมที่ยังเหลืออยู่ จากนั้นท่านก็ให้พรและกล่าวลากับทุกคน ผมจากวัดของหลวงพ่อมาหลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ ริม 2 ข้างทางนั่นสงบเงียบเหลือเกิน แต่ในจิตใจของผมล่ะ ...
[size=13.3333px]ผมเองไม่รู้สึกตื่นกลัวมากนัก ถ้าหากเหตุการณ์ต่าง ๆ จะเกิดขึ้นจริง อาจเป็นเพราะผมเองก็มีภาพเหล่านั้นอยู่บ้างแล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะร้าย แรง และรวดเร็วอย่างที่หลวงพ่อท่านบอก โดยส่วนตัวของผมบัดนี้ได้พบคำตอบแล้วว่า ทำไมความรู้สึกก่อนมาที่วัดนี้ของผมจึงเป็น ต้องไปมากกว่าควรไป
[size=13.3333px]สิ่งที่ผมได้รับรู้นั้นมันทำให้คลายความยินดีในเรื่องความ สำเร็จทางการงานที่เพิ่งได้รับมาหมาด ๆ ลงอย่างหมดสิ้น สิ่งที่ผมนึกออกตอนนั้น ก็คือ

[size=13.3333px]" ต่อไปนี้เราจะประมาทไม่ได้แล้ว "
[size=13.3333px]ความเห็นอาจารย์มรกต รัตนตรัยเพชร
[size=13.3333px]คนจะลอยเคว้งคว้าง...เพราะโลกหยุดหมุนลงชั่วขณะหนึ่ง แต่มีแรงส่ง เพราะโลกเคยหมุนด้วยความเร็ว 1,000 ไมล์ / ชั่วโมง ทางแก้คือทุกคนต้องใช้โซ่ที่แข็งแรงมากผูกตัวเองติดกับสิ่งที่มั่นคงที่สุด...นั่นคือ ภูเขาหินแกรนิต ส่วนถ้า ผูกกับอาคารที่แข็งแรงหรือต้นไม้ใหญ่ จะได้หรือไม่นั้น คงต้องทำการทดสอบความแข็งแรงในการยึดเกาะของอาคาร / ต้นไม้นั้นก่อน ว่ามีค่าความยึดเกาะเพียงพอที่จะยึดไม่ให้ลอยออกไป ในขณะที่โลกหยุดหมุนได้หรือไม่...ส่วนทางแก้อีกทางหนึ่ง คือต้องไปอยู่ใต้ดินที่แข็งแรง เพราะแม้จะลอยขึ้นมาแต่ก็ไม่หลุดออกไปนอกโลก มีความเสียหายน้อยกว่ามาก...เหตุผลเรื่องคนจะลอยเคว้งคว้างเพราะโลกหยุดหมุนนี้ อาจทำให้มนุษย์ทั่วโลก...วิบัติได้หลายพันล้านคน ยังไม่รวมสิ่งก่อสร้างจำนวนมหาศาล และสัตว์เลี้ยง ต้นไม้พืชและอื่นๆ...
[size=13.3333px]และยังไม่รวมความวิบัติจากกรณีอื่นๆที่ร้ายแรง เช่น ความร้อนมหาศาลจากพายุสุริยะ, แผ่นดินไหว ขนาดใหญ่ที่สุด ที่จะเกิดในรอบ 13,000 ปี สึนามิ ซึ่งน่าจะสูงระหว่าง 100-1000 เมตร เข้าทำลายผู้คนชายทะเลและมหาสมุทร , ที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งคือ การที่โลกหยุดหมุนทำให้น้ำทะเลจำนวน 1370 ล้านลูกบาศก์กิโลเมตร เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว เกือบ 1,000 ไมล์ / ชม.แม้จะลดความเร็วลงเรื่อยๆ...เข้าครอบคลุมพื้นดินบนฝั่งทั้งหมดที่มีพื้นที่มากกว่าทะเล 2 เท่า (มหาสมุทร 1 ส่วน พื้นดิน 2 ส่วน ) ซึ่งเกิดมากกว่า สูงกว่า แรงกว่า เร็ว กว่า สึนามิที่เกิดจากแผ่นดินไหวใต้มหาสมุทร อย่างมากมาย...ลองคิดง่ายๆ เพียง 1 ชั่วโมง ภายหลังโลกหยุดหมุนและน้ำทะเลไหลเข้าพื้นดิน ..ในประเทศไทยเอง...ก็จะไหลนองท่วมไปทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ ไปถึง เชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 400-1000 เมตร...การที่จะอพยพไปอยู่ในสามจังหวัดดังกล่าว ได้เปรียบตรงที่ มีระยะทางจากมหาสมุทรไกลที่สุดในประเทศไทย คือ ~ 800-1200 กิโลเมตร จากชายฝั่งทะเลที่กทม. น่าจะทำให้ความเร็วความแรงของน้ำทะเลที่ไหลจากอ่าวไทย ลดลงอยู่ในความสูงที่ไม่เกิน 300 เมตรจากระดับน้ำทะเลที่สามจังหวัดดังกล่าวตั้งอยู่...นอกจากนี้ทิวเขาบางส่วนที่จังหวัดตาก -อุตรดิษต์-ลำปางจะช่วยต้านทานกระแสร์น้ำทะเลที่บ้าคลั่งให้ลดลงได้ หลายสิบ % ทั้งเชิงปริมาณ/ความเร็ว/ความแรงและน้ำทะเลนั้นจะไหลกลับโดยเร็วไปสู่ทะเลตามความสูงของชัยภูมิพื้นที่ภาคเหนือดังกล่าวที่ได้เปรียบมากกว่าทุกจังหวัดในประเทศไทย...ส่วนน้ำที่มาจากการละลายของน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือนั้นมีน้อยกว่าขั้วโลกใต้มากมายหลายเท่า และนอกจากนี้น้ำจากเขื่อนจีนที่สร้างไว้เป็น ร้อยๆเขื่อน ที่เมื่อแตกแล้ว ( แตกแน่ๆ ถ้าเกิดโลกหยุดหมุน) คาดว่าปริมาณน้ำอย่างน้อย 3 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร จะไหลผ่านสามจังหวัดดังกล่าว เพราะมีทิวภูเขาที่สูงมากกำบังอยู่ทางเหนือ...ยกเว้น เชียงรายที่จะโดนบ้างเท่านั้น...ส่วนทางอีสาณจะโดนน้ำจากเขื่อนจีนร้อยเขื่อนแตกและโดนซ้ำจากน้ำแข็งจากขั้วโลกละลายอย่างแน่นอน...!!! (ปริมาณน้ำ 3 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตรเป็นปริมาณจากเขื่อน สามขาของจีน เพียงเขื่อน เดียว แต่ถ้าทุกเขื่อนของจีนแตก คาดว่าปริมาณน่าจะมากกว่าไม่น้อยกว่า 10 เท่า หรือสามแสนล้านลูกบาศก์เมตร...!!! )
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้