ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 13485
ตอบกลับ: 7
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

พระพุทธรูปศิลาขาว วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จ.นครปฐม

[คัดลอกลิงก์]


พระพุทธรูปศิลาขาว   หรือ “หลวงพ่อประทานพร”
พระประธานในพระอุโบสถ วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร
ถนนขวาพระ ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม


“พระพุทธรูปศิลาขาว” หรือ “หลวงพ่อประทานพร”
เป็นพระพุทธรูปปางประทานปฐมเทศนา หรือปางประทานเอหิภิกขุ
(วิตรรก-มุทรา) โดยประดิษฐานเป็น พระประธานในพระอุโบสถ
วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม
สร้างขึ้นในสมัยทวารวดี (ระหว่างปีพุทธศักราช ๑๑๐๐-๑๖๐๐)
ชาวบ้านมักจะเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “หลวงพ่อประทานพร”  

พระพุทธรูปศิลาขาว ทำจากศิลาสีขาวขนาดใหญ่
มีพุทธลักษณะทั่วไปเป็นพระพุทธรูปศิลปะทวารวดี
ประทับนั่งบนบัลลังก์ห้อยพระบาททั้งสอง (ปรลัมพปาทาสนะ)
ลงบนฐานทำเป็นกลีบบัวบานรองรับ
ซึ่งมีศัพท์เฉพาะเรียกว่า “ภัทรอาสน์” หรือ “ภัทราสนะ”
พระหัตถ์ซ้ายของพระพุทธรูปวางหงายอยู่เหนือพระเพลาซ้าย  
ส่วนพระหัตถ์ขวายกอยู่ในระดับพระอุระ หันฝ่าพระหัตถ์ออกปลาย
พระอังคุฐ (นิ้วหัวแม่มือ) กับพระดัชนี (นิ้วชี้) งอโค้งจรดกันเป็นวงกลม
ส่วนอีกสามนิ้วพระหัตถ์กางออก พระพุทธรูปในรูปท่าแบบนี้
เรียกว่า “ปางประทานปฐมเทศนา” หรือ “ปางประทานเอหิภิกขุ”
(วิตรรก-มุทรา) ขนาดความสูงจากพระเกตุถึงพระบาท ๓.๓๖ เมตร

พระพุทธรูปศิลาขาว องค์ที่ประดิษฐานเป็นพระประธาน ณ พระอุโบสถ
เป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะและขนาดเช่นเดียวกันกับ
พระพุทธนรเชษฐ์ เศวตอัศมมัยมุนี ศรีทวารวดีปูชนียบพิตร
หรือพระพุทธนรเชษฐ์ฯ หรือ “หลวงพ่อขาว”

องค์ที่ประดิษฐาน ณ ลานชั้นลด (กะเปาะ) ด้านทิศใต้ขององค์พระปฐมเจดีย์


ประวัติจากบันทึกของ พระธรรมวโรดม (โชติ ธมฺมปฺปโชติกเถระ)
อดีตเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร กล่าวเอาไว้ว่า

“...ท่านพระปลัดทอง พระอธิการวัดกลางบางแก้ว (วัดคงคา)
ได้มาเห็นวัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร ซึ่งเวลานั้นว่างจากเจ้าอาวาส
กุฏิเสนาสนะชำรุดมาก ท่านจึงพร้อมกันกับ “สามเณรบุญ”
(ภายหลังได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระพุทธวิถีนายก
ตำแหน่งพระราชาคณะชั้นสามัญ เจ้าอาวาสวัดบางแก้ว) ผู้เป็นศิษย์
ได้มาช่วยบอกบุญขอแรงพระเณรและชาวบ้าน ต.พระปฐมเจดีย์
ไปช่วยกันขนอิฐจากวัดทุ่งพระเมรุ หรือวัดพระเมรุ ซึ่งขณะนั้นเป็นวัดร้าง
(ครั้นมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖
ได้ทรงพระราชทานนามวัดทุ่งพระเมรุ จ.นครปฐม ใหม่ว่า สวนนันทอุทยาน)
เพื่อนำมาใช้ในการบูรณปฏิสังขรณ์บริเวณวัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร

ปรากฏว่าพบเห็นจอมปลวกขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในบริเวณสถานที่นั้น
โดยมีพระเกตุมาลา (ยอดเศียร) ขององค์พระพุทธรูปโผล่พ้นยอดจอมปลวกขึ้นมา
คณะของท่านพระปลัดทองจึงได้ช่วยกันทำลายจอมปลวกนั้นออก
ก็พบ พระพุทธรูปศิลาขาวขนาดใหญ่ องค์นี้ มีรอยต่อเป็นท่อนๆ
จึงถอดรอยตามรอยต่อนั้นออก แล้วนำมาประดิษฐานเป็นพระประธาน
ในพระอุโบสถ วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๐๔  
(ในช่วงปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔)
ก่อนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ครองราชสมบัติ ๗ ปี...”

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-24 02:16 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สำหรับประวัติความเป็นมาของ พระพุทธรูปศิลาขาวทั้ง ๔ องค์
ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะและขนาดอย่างเดียวกันนั้น
นายธนิต อยู่โพธิ์ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ได้กล่าวไว้ในหนังสือ
“พระพุทธรูปศิลาขาว สมัยทวารวดี” ว่าพระพุทธรูปศิลาเนื้อหินขาว ๔ องค์  
แต่เดิมเคยประดิษฐานอยู่ ณ วัดทุ่งพระเมรุ หรือวัดพระเมรุ จ.นครปฐม
  
โดยพบสถูปโบราณ สมัยทวารวดีองค์ใหญ่ มีร่องรอยว่ามีมุขประจำ ๔ ทิศ
และในแต่ละมุขทิศเคยมีีพระพุทธรูปขนาดใหญ่นั่งห้อยพระบาทประจำอยู่นั้น


ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ราวรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑
หรือรัชกาลสมเด็จพระราเมศวร ได้ขนย้ายพระพุทธรูปศิลาขาวมาประดิษฐาน
ไว้ใน วัดพระยากง ต.สำเภาล่ม จ.พระนครศรีอยุธยา เกือบครบ ๓ องค์
คงทิ้งไว้ที่เดิม (วัดทุ่งพระเมรุ) ๑ องค์ กับชิ้นส่วนขององค์พระบางท่อน  

ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔
ได้นำองค์พระพุทธรูปศิลาขาวที่คงอยู่ ณ ที่เดิม (วัดทุ่งพระเมรุ) นั้น
ไปประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร  
กับในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
ได้นำชิ้นส่วนที่เหลือไปจัดตั้งไว้ ณ พระระเบียงคด ด้านนอกองค์พระปฐมเจดีย์
   
ส่วนที่นำไปไว้ที่ วัดพระยากง เกือบครบ ๓ องค์นั้น ต่อมาราวกว่า ๒๐ ปีมานี้
ได้มีผู้ศรัทธานำบางส่วนมาประกอบเป็นองค์ไว้ที่ วัดขุนพรหม จ.พระนครศรีอยุธยา
        
ส่วนที่ยังคงอยู่ที่ วัดพระยากง ก็มีคนใจร้ายทุบทำลายพระเศียร ๒ พระเศียร  
ให้แตกแยกจากกันเพื่อสะดวกแก่การขนย้าย แล้วนำมาขายไว้ ณ
ร้านค้าของเก่าในเวิ้งนครเกษม ๒ ร้า่น ซึ่งกรมศิลปากรก็ได้ติดตามคืนมาได้

ครั้นต่อมา กรมศิลปากรด้วยความร่วมมือของผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  
ได้นำพระพุทธรูปองค์ที่อยู่ วัดขุนพรหม กับชิ้นส่วนที่มีอยู่ทั้งหมดที่ วัดพระยากง  
และชิ้นส่วนขององค์พระที่มีอยู่ ณ พระระเบียงคด ด้านนอกองค์พระปฐมเจดีย์
รวมทั้งพระเศียรองค์พระ ๒ พระเศียรที่ติดตามคืนมาได้จากร้านค้าของเก่าดังกล่าว
แล้วจึงนำมาประกอบกันขึ้นเต็มองค์และปฏิสังขรณ์เพิ่มเติม โดยถูกลดส่วนสัดได้ ๓ องค์
ประดิษฐานไว้ใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร หนึ่งองค์  
ประดิษฐานไว้ใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จ.พระนครศรีอยุธยา หนึ่งองค์  
และได้นำมาประดิษฐานไว้เป็นที่บูชาสักการะของสาธุชน ณ ลานชั้นลด (กะเปาะ)
ด้านทิศใต้ขององค์พระปฐมเจดีย์ วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร
อีกหนึ่งองค์
ซึ่งได้รับขนานนามโดยเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร ในขณะนั้น (พ.ศ. ๒๕๑๐)
ว่า “พระพุทธนรเชษฐ์ เศวตอัศมมัยมุนี ศรีทวารวดีปูชนียบพิตร”
เมื่อรวมกับพระพุทธรูปศิลาขาวองค์ที่รัชกาลที่ ๔ ได้อัญเชิญมาประดิษฐานเป็น
พระประธานในพระอุโบสถ วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร ด้วยกันก็เป็นครบ ๔ องค์

ทั้งนี้ พระพุทธรูปศิลาขาวองค์ที่พบอยู่ในจอมปลวกที่วัดทุ่งพระเมรุ หรือวัดพระเมรุ
แล้วนำมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหารนั้น
เป็นองค์ที่สมบูรณ์ที่สุดในกระบวนพระพุทธรูปศิลาขาวทั้งหมด ๔ องค์

3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-24 02:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


พระพุทธรูปศิลาขาว หรือหลวงพ่อประทานพร พระประธานในพระอุโบสถ
วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม



   รวบรวมและเรียบเรียงข้อมูลมาจาก
http://www.reocities.com/TheTropics/sho ... buddha.htm
http://www.mcu.ac.th/site/bud07.php
http://www.devboxs.com/data/indonesia-art/


   ขอขอบพระคุณที่มาของรูปภาพ
น้ายักษ์ http://www.naryak.com/forum/


   พระคันธารราฐ วัดหน้าพระเมรุราชิการาม
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=46471                                                                                       

.....................................................

ที่มา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=39910

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-24 02:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้



ที่มาของรูปภาพ : facebook สุรีย์ ฉิมรุ่งเรือง


ที่มาของรูปภาพ : คุณเปรม นครปฐม


“พระพุทธนรเชษฐ์ เศวตอัศมมัยมุนี ศรีทวารวดีปูชนียบพิตร”
หรือ “หลวงพ่อขาว”
ประดิษฐาน ณ ลานชั้นลด (กะเปาะ)
ด้านทิศใต้ขององค์พระปฐมเจดีย์
วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จ.นครปฐม


5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-24 02:19 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้




พระพุทธรูปศิลาขาว
ประดิษฐาน ณ อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร


6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-24 02:20 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้




พระพุทธรูปศิลาขาว
ประดิษฐาน ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา

                                                                                       

7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-24 02:21 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระพุทธรูปศิลา สมัยทวารวดี

พระพุทธรูปศิลาขนาดใหญ่ประทับนั่งห้อยพระบาท
ศิลปะแบบทวารวดี ปางปฐมเทศนา ปรากฏในโลกเพียง ๖ องค์เท่านั้น
(ในประเทศไทยพบ ๕ องค์) ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนน้อยอย่างยิ่ง ดังนี้


    วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จ.นครปฐม มี ๒ องค์
คือ พระพุทธรูปศิลาขาว หรือ “หลวงพ่อประทานพร” พระประธานในพระอุโบสถ
และพระพุทธนรเชษฐ์ เศวตอัศมมัยมุนี ศรีทวารวดีปูชนียบพิตร หรือ “หลวงพ่อขาว”
ประดิษฐาน ณ ลานชั้นลด (กะเปาะ) ด้านทิศใต้ขององค์พระปฐมเจดีย์

      พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร
ประดิษฐาน ณ อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ มี ๑ องค์

     พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จ.พระนครศรีอยุธยา มี ๑ องค์

    วัดหน้าพระเมรุราชิการาม หรือวัดหน้าพระเมรุ จ.พระนครศรีอยุธยา
มี ๑ องค์ คือ พระคันธารราฐ พระพุทธรูปศิลาเขียว
พระประธานในพระวิหารสรรเพชญ์หรือพระวิหารน้อย

   ประเทศอินโดนีเซีย มี ๑ องค์ คือ พระพุทธรูปศิลาขนาดใหญ่ประทับนั่งห้อยพระบาท
วางฝ่าพระบาทบนดอกบัว ปางประทานปฐมเทศนา ภายในพระวิหารเมนดุต
ณ จันทิเมนดุต (Candi Mendut) หรือวัดเมนดุต พุทธสถานขนาดเล็กที่เก่าแก่ที่สุด
ในเมืองยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) ประเทศอินโดนีเซีย
ซึ่งเป็นอาคารทรงปราสาทยอดสถูปที่สร้างครอบศาสนสถานเดิมที่ก่อด้วยอิฐ
มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทำจากหินภูเขาไฟเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓
ตั้งอยู่ห่างจากบุโรพุทโธ (borobodur) ไปประมาณ ๓ กิโลเมตร

พระพุทธรูปศิลาในประเทศอินโดนีเซียองค์นี้ มีขนาดใหญ่กว่าตัวคนจริง
คือ มีขนาดสูง ๓  เมตร แกะสลักจากหินลาวาจากภูเขาไฟ อายุ ๑,๒๐๐ กว่าปี
หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตก นับว่าแปลกกว่าพระพุทธรูปในจันทิ (วัด) อื่นๆ
ที่ล้วนหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก

และเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๓
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ได้เสด็จฯ ทรงทอดพระเนตรพระวิหารบุโรพุทโธ และพระวิหารเมนดุต
โดยสมาคมพุทธศาสนาแห่งอินโดนีเซียได้น้อมเกล้าฯ
ถวายพระพุทธรูปองค์หนึ่งพร้อมด้วยธงฉัพพรรณรังสี
ซึ่งเป็นธงสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนา


ในจำนวนพระพุทธรูปศิลา ๖ องค์นี้ มีเพียงองค์เดียวที่สร้างขึ้นจากศิลาเขียว
อยู่ที่วัดหน้าพระเมรุราชิการาม หรือวัดหน้าพระเมรุ จ.พระนครศรีอยุธยา
ส่วนที่เหลือทั้งหมดสร้างขึ้นจากศิลาขาวทั้งสิ้น ถึงกระนั้นก็ยังก่อให้เกิดความสับสนกันอยู่เนืองๆ
8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-24 02:22 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


๏ พระคันธารราฐ พระพุทธรูปศิลาเขียว ๏
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=46471





พระพุทธรูปศิลาประทับนั่งห้อยพระบาท ปางประทานปฐมเทศนา
ภายในพระวิหารเมนดุต ณ จันทิเมนดุต (Candi Mendut)
เมืองยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) ประเทศอินโดนีเซีย
                                                                                       

.....................................................

ที่มา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=39910

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้