ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3049
ตอบกลับ: 5
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

กฤดาภินิหารศรีชยวรมัน

[คัดลอกลิงก์]
กฤดาภินิหารศรีชยวรมัน

(ความเก่งกล้าทั้งบู๊และบุ๋นของเจ้าชายชัยวรมัน)





       ณ ท้องทุ่งโปนากา ใกล้เมืองวิชัย เมืองหลวงแห่งอาณาจักรจามปา  ดารดาษไปด้วยพลรบขอม  เซ็งแซ่ไปด้วยเสียงช้างม้าและเภรีศึก  ทิวธงโบกพลิ้วลัดลมร้อนแห่งคิมหันตฤดู ราหูกัมพลผืนใหญ่รูปราหูคาบนาคาสีขาวบนพื้นสีแดงฉาน  นั่นคือธงประจำองค์ของ  “เจ้าชายชัยวรมัน” ราชโอรสผู้เรืองฤทธิ์ของพระเจ้าอินทรวรมันแห่งราชอาณาจักรขอมอันเกรียงไกร  ซึ่งทรงประทับอยู่บนคอคชสารอันสูงใหญ่ท่ามกลางเหล่าทวยทหารหาญกว่าแสนนาย
         อันเจ้าชายชัยวรมันผู้นี้ เป็นที่ระย่อเดชแก่ศัตรูไปทั่วทั้งสุวรรณทวีป ด้วยทรงเรืองอาคมยิ่งนัก ทรงเรียกกลม เรียกฝน และพญานาคราชมาใช้ได้ดั่งใจหมาย  อาวุธอันเรืองฤทธานุภาพคู่พระหัตถ์คือ  พระแสงขรรค์ชัยศรี และพระแสงศรพรหมศาสตร์ ไม่เคยมีอริศัตรูผู้ใดรอดชีวิตจากพระแสงอาวุธทั้งสองนี้ได้เลยแม้แต่ผู้เดียว พระมหาวีรวรมัน  พระโอรสผู้ทรงเป็นแม่ทัพม้าของพระบิดานั้นเล่าก็ทรงเก่งกาจเชี่ยวชาญในเชิงยุทธและกลศึกยิ่งนัก ยิ่งพระบิดาทรงถ่ายทอดพระคาถาอาคมทั้งสิ้นไว้ให้ด้วยทรงหมายพระทัยว่าจะเป็นตัวแทนพระองค์ในภายหน้าได้
         “พระเจ้าภคมินทร” จอมกษัตริย์แห่งอาณาจักรจามปานั้นทรงเป็นศิษย์เอกของพระพรหมฤาษีเคราแดง  ในเรื่องพระคาถาอาคมอันเรืองฤทธิ์ไม่เคยเป็นรองให้ ก่อนจะละสังขารได้มอบไม้เท้าอันมีคุณวิเศษไว้ให้
        พระเจ้าภคมินทรจึงทรงนำมาเป็นธารพระกรคู่พระหัตถ์  ในยามศึกสงครามสามารถให้ดลบันดาลให้เกิดฝนกรดอันมีพิษร้ายแรงทำลายล้างศัตรูให้พินาศลงได้ คำเล่าลือในกฤดาภินิหารของเจ้าชายชัยวรมันจึงมิเคยอยู่ในสายพระเนตรของพระเจ้าภคมินทรเลยแม้แต่น้อยนิด  แต่พระเจ้าภคมินทรให้ฉงนพระทัยยิ่งนักที่ทัพขอมสามารถฝ่าเมืองหน้าด่านต่างๆ อันมีขุนทัพที่เรืองฝีมือของอาณาจักรจามปาควมคุมอยู่ เข้ามาถึงท้องทุ่งโปนากา นอกกำแพงเมืองวิชัยได้อย่างไร  เหตุใดไม่มีการส่งข่าวศึกขอมอันมีกำลังพลศึกแสนห้าหมื่นนายเข้ามาให้พระองค์ทรงทราบเลย
        พระเจ้าภคมินทรหาได้ทรงทราบไม่ว่า เมื่อเจ้าชายชัยวรมันทรงระดมพลขอมเข้าตีเมืองหน้าด่านทุกเมืองนั้น  ได้ส่งพระมหาวีรวรมันแม่ทัพม้าคุมทหารม้าบางส่วนไปแอบซุ่มควบคุมเส้นทางจากเมืองหน้าด่านไว้ก่อนแล้ว  เส้นทางจากเมืองถึงเมืองจึงถูกควบคุมจากทหารม้าของราชอาณาจักรขอมทุกเส้นทาง  ดังนั้นการติดต่อกันโดยให้ม้าเร็วนำสารจึงมิอาจเล็ดลอดมือทหารขอมไปได้เลย ทุกเมืองหน้าด่านจนถึงเมืองหลวงจึงตกอยู่ในภาวะเงียบเชียบ  เมื่อรู้ข่าวศึกขอมก็บุกประชิดติดล้อมกำแพงเมืองเสียแล้ว  แต่การส่งข่าวสารของขอมเจ้าชายชัยวรมันทรงใช้นกพิราบสื่อสารซึ่งรวดเร็วและปลอดภัยกว่าทหารนำสาร สิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งในพระปรีชาสามารถที่ทำให้พระองค์มีชัยในการศึกเสมอมา
เสียงเภรีศึกขอมรัวกระหน่ำ เสียงโห่ฮึกเสียงโกญจนาทของคชสารแห่งทัพขอมที่พยายามรุกเข้าปีนกำแพงเมืองสร้างความขุ่นเคืองในพระราชหฤทัยของพระเจ้าภคมินทรเป็นที่ยิ่ง  ทรงสั่งให้จัดทัพใหญ่ขึ้นทันที
        “กูจัดออกไปสั่งสอนขอมให้มันรู้ฤทธิ์ของชาวจามเสียบ้าง หากมันแตกพ่าย กูจักตามโจมตีไปถึงบ้านถึงเมืองของมัน ดูทีมันจักรับมือกูอยู่หรือไม่”
พระเจ้าภคมินทรทรงประทับบนคอคชศึก สูง 12 ศอก งายาว 2 วา 7 คืบ ต้อนทวยหาญจามออกประตูเมืองมา พลเดินเท้าทัพหน้า ขอมถูกทหารจามต้อนตีถอยร่นมิเป็นกระบวน เจ้าชายชัยวรมันทรงเห็นดังนั้นจึงทรงชักลูกศรพรหมศาสตร์ออกมาน้าวยิง หมายเอาผู้ที่อยู่คอคชาธารสูงใหญ่อันมีเศวตรฉัตรหลายชั้นอยู่นั้นเป็นที่หมาย เสียงคมศรแหวกพระพายดังกระหึ่มน่าสยองยิ่งนัก พระเจ้าภคมินทรทรงยกธารพระกรขึ้นกวัดแกว่ง คมศรลูกนั้นเบี่ยงเบนเข้าสู่ทรวงอกขุนทหารที่ยืนคชเคียงข้างทะลุไปเข้าท้องผู้ถือมยุรธุชกลางช้าง ไปปักเข้าทรวงอกควาญช้าง ดับชีพทหารร่วงหล่น จากหลังคชศึกทั้งสามนาย สร้างความตะลึงงันแก่ทัพจามทั้งกองทัพ
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-7 06:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เจ้าชายชัยวรมันทรงชักพระแสงขรรค์ชัยศรีออกกวัดแกว่งพลางโอมอ่านพระเวท ก็เกิดพายุแลอสนีบาตฟาดเปรี้ยงปร้างพัดฝนกรดเข้าใส่ทหารจามล้มลง ด้าวดิ้นบ้าง ทหารจามแตกกระเจิง มีหลายกลุ่มที่หนีมิทันถูกสายอสนีบาตฟาดเข้าใส่ล้มตายลงทั้งกลุ่มพระเจ้าภคมินทรทรงกวัดแกว่งธารพระกร ฝนกรดจึงหายไป แต่ไม่อาจสยบพายุและอสนีบาตลงได้จึงสั่งถอยทัพกลับเข้าเมือง
         เจ้าชายชัยวรมันทรงสั่งให้ตรวจอาการของทหารและพระโอรสที่ต้องฝนกรด ทรงเสด็จพระดำเนินค้นหาเจ้าชายมหาวีรวรมันพระโอรสองค์เล็กด้วยพระองค์เอง พระวรกายพระโอรสองค์เล็กพุพองเป็นบาดแผลไปทั่วพระวรกายด้วยพิษร้ายของฝนกรด เจ้าชายชัยวรมันทรุดพระวรกายทรงประทับนั่งเคียงพระศพ น้ำอัสสุชลคลอพระเนตร
“โธ่...วีรกุมาร ไยเจ้าด่วนจากพ่อไปในสภาพเยี่ยงนี้ หากพ่อลงมือทำลายศัตรูเร็วกว่านี้ เจ้าก็คงไม่ต้องจากพ่อไป หากบุญวาสนาของเรายังมีต่อกันขอให้เจ้าได้มาบังเกิดเป็นลูกของพ่ออีก”
       แล้วทรงสั่งให้ทหารจัดเรียงพื้นสร้างเมรุลอยสำหรับพระโอรสและทวยหาญที่ตายในที่รบ จนย่ำสนธยาจึงทำการประทานเพลิงศพ ขณะจะประทานเพลิงศพพระโอรสได้ทรงรำพึงว่า
“ธัยเทวีเจ้าเอย ที่ต้องขออภัยต่อเจ้าด้วย ที่มีอาจปกป้องลูกของเราไว้ได้ ปล่อยให้ลูกต้องมาตายในที่รบ สงครามมีแต่การสูญเสียทั้งสองฝ่าย แต่นี้ไปพี่ขอให้สัญญา พี่จักใช้แต่อาคม มิใช้คมอาวุธทำลายล้างผู้ใดอีกแล้ว วีรกุมารเอย อีกสามวันพ่อจักสยบจามปาลงด้วยอาคมของพ่อให้ได้ รอเหยียบจามปาพร้อมพ่อเถิดลูกเอย”
แล้วเจ้าชายชัยวรมันก็ทรงประทานเพลิงศพพระโอรสด้วยพระอัสสุชลนองพระเนตร หัวอกของพ่อทุกคนย่อมรู้ดีถึงการสูญเสียลูกชายสุดรัก นี่คือหัวอกของผู้เป็นพ่อเยี่ยงเจ้าชายชัยวรมันในยามนี้
         รุ่งขึ้นเจ้าชายชัยวรมันทรงสั่งให้ให้ทหารจัดโต๊ะโรงพิธีเพื่อบวงสรวงพรหมเมศวรมุนี พระอาจารย์เจ้าผู้หนึ่งในห้าแห่งสหบดีพรหม และอัญเชิญพญานาคผู้เป็นใหญ่ทั้ง 7 ขึ้นมาช่วยสยบศัตรูผู้กล้าแข็ง
         หลังสรงน้ำมูรธาภิเษกแล้วทรงเปลี่ยนเครื่องทรงเป็นฉลองพระองค์สีขาวสไบเฉียงม่วงขลิบทอง และทรงทอดสังวาลสายนพทนสิทธิ์อันมีคดปรอท คดปลวก คดมะขาม เหล็กไหลเพลิง เหล็กไหลขาว เหล็กไหลดำ มรกต นาคสวาด ครุฑธิการ แล้วจึงประทับนั่งกลางหมู่เครื่องบูชา ทรงจุดเทียนทั้งแปด ธูปทั้งสี่ บูชาพระพรหมเมศวร โปรยดอกไม้ทั้ง 7 ลงอาบน้ำ แล้วจึงทรงบริกรรมพระคาถาหัวใจพญานาคทั้ง 7 ขออัญเชิญขึ้นมาช่วยพระองค์สยบศัตรู ทรงชักพระขรรค์ออกกวัดแกว่งพลางร่ายพระเวท
บัดดลก็บังเกิดลมพายุพัดพาเมฆฝนมาจนท้องนภากาศมืดมิดไป สิ้นเสียงสายฟ้าคำรนคำรามมิหยุดหย่อน แล้วสายฝนก็หยาดทะลักลงพระนครวิชัยอย่างหนัก ล่วงเข้าสองทิวาวารก็มิมีทีท่าว่าสายฝนจักสร่างซา ภายในพระนครวิชัยสายน้ำเอ่อนองท่วมท้นไปทั่วพสุธา สรรพสัตว์นานาล้วนพากันหนีอุทกภัยขึ้นอยู่บนเรือนช้าง ม้า วัว ควาย ไก่ แมว หมา คนได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อนกันถ้วนหน้า
        พระเจ้าภคมินทรทรงเสด็จเข้าหอพระ ร่ายพระเวทดับแต่ทรงเห็นฟ้าฝนตกต้องผิดฤดูกาลแต่เริ่มแรกแล้ว ทรงพร่ำวอนขอพระอาจารย์พรหมฤาษีเคราแดงช่วยสยบพายุฝน พลางกวัดแกว่งธารพระกรไม้ท้าวพระอาจารย์จนพระเสโทชุ่มโชกไปทั้งพระวรกาย ก็มิอาจสยบพายุฝนอันหนักหน่วงนั้นให้สร่างซาลงได้


3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-7 06:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ล่วงเข้าสามทิวา น้ำดื่มตามบ่อต่างๆ กลับแห้งขอดลงจนขุ่นคลั่กมิอาจใช้ดื่มกินได้อีกอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งที่น้ำภายนอกเจิ่งนองท่วมท้นพสุธา ความอดอยากหิวโหยเริ่มระบาดไปทั่วเมือง สัตว์เลี้ยงแลผู้คนเริ่มล้มตาย เหล่ามุขอำมาตย์ราชมนตรีรู้ดีว่าเกิดจากฤทธิ์อาคมแห่งขอม ได้ขนข้าวปลาอาหารออกแจกจ่ายแก่ราษฎรเกือบสิ้นท้องพระคลังก็ยังมิอาจดับทุกข์ยากลงได้ ที่สุดคือไม่มีน้ำให้ดื่มกิน สายฝนที่ตกลงมานั้นเล่าก็เค็มขม จนมิอาจดื่มกินได้ อุทกธารอันท่วมท้นนั้นก็เช่นกัน มีน้ำท่วมท้นแต่ดื่มกินมิได้ น่าแปลกประหลาดยิ่งนัก สุดจะทนทานต่อไปได้ เหล่ามุขอำมาตย์ราชมนตรีจึงพากันเข้าไปกราบบังคมทูลพระเจ้าภคมินทร ทูลขอให้ยอมสยบต่อเจ้าชายชัยวรมัน เพื่อเห็นแก่อาณาประชาราษฎร์ หากปล่อยไว้เช่นนี้เมืองวิชัยจักร้างผู้คนด้วยล้มตายกันจนหมดสิ้น
พระเจ้าภคมินทรทรงกัดพระทนต์แน่น พระเนตรแดงก่ำ ดั่งหินอัคนีอันลุกโชน
“ข้านึกมิถึงเลยว่าชัยวรมันจักมีอาคมร้ายกาจถึงเพียงนี้ แม้พระอาจารย์ของข้าก็ยังมิอาจต้านทานอาจารย์ของมันได้ พวกเจ้าจงออกไปบอกมันเถิดว่าข้ายอมสยบแล้ว”เหล่ามุขอำมาตย์ราชมนตรีออกไปแล้ว ด้วยความคับแค้นแน่นพระหทัยจนพระวาโยแลพระโลหิตตีขึ้นมาอัดแน่นพระอุระ พระเจ้าภคมินทรถึงกับลงพระโลหิตพระวรกายเซซวนล้มฟาดสิ้นพระชนม์ พระราชฐานชั้นในจึงระงมไปด้วยเสียงหวีดร้องโหยไห้ของพระมเหสี สนมและเหล่านางกำนัลใน
        เมื่อทหารนำมุขอำมาตย์ราชมนตรีแห่งจามปาเข้าเฝ้าเจ้าชายชัยวรมัน ทูลให้ทรงทราบถึงการยอมสยบของกษัตริย์ภคมินทร และทูลเชิญเข้าเมืองวิชัย เจ้าชายชัยวรมันจึงทรงร่ายพระเวทอีกครั้ง พายุฝนคะนองก็หยุดยั้งลงฉับพลัน เมฆหมอกอันหม่นมัวมืดมิดก็แตกกระจายหายไป ท้องนภากลับแจ่มใสเป็นปกติคงไว้เพียงความชุ่มเย็นของฟ้าหลังฝนเท่านั้น
อุทกธาราในเมืองวิชัยเริ่มแห้งเหือด น้ำตามบ่อบึงก็ใสเย็นใช้ดื่มกินได้ดังเดิม เมื่อขอมเดินทัพเข้าเมืองวิชัย ประชาชนพากันมาต้อนรับด้วยชื่นชมในพระบารมีแห่งเจ้าชายชัยวรมัน  เจ้าชายชัยวรมันทรงทราบถึงการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าภคมินทรก็ทรงเสียพระทัยยิ่ง ทรงสั่งให้จัดงานพระศพอย่างสมพระเกียรติ ให้ตั้งโรงทานขึ้นสี่มุมเมือง นำข้าวสารอาหารแห้งอันเป็นเสบียงกรังของกองทัพออกแจกจ่ายให้ประชาชนผู้อดอยากหิวโหย ให้ทหารขอมนำทหารจามปาออกไปช่วยฟื้นฟูพืชไร่ธัญญาหารแด่ชาวจาม สอนให้ชาวจามปารู้จักการจักสานเครื่องมือดักจับสัตว์น้ำ ในระยะเวลาไม่นานนักชาวจามปาจึงเริ่มอยู่ดีมีสุขขึ้นมากกว่าแต่กาลก่อนที่ผ่านมา
        เจ้าชายชัยวรมันทรงสร้างพระบารมีด้วยพระเมตตา จัดหาแหล่งน้ำสร้างที่กักเก็บน้ำด้วยการขุดบาราย (บึงน้ำขนาดใหญ่) เพื่อมิให้ขาดแคลนน้ำในยามแล้ง ขุดลอกคูคลองหนองบึงไว้รองรับในยามฤดูน้ำหลาก แลใช้เป็นส้นทางสัญจรทางน้ำได้ทุกฤดูกาลทรงให้ตัดถนนทั่วอาณาจักรจามปาต่อโยงไปถึงราชอาณาจักรขอม และให้สร้างอโรคยาศาล (สถานีอนามัย) ขึ้นไว้เป็นระยะ ๆ ในทุกเส้นทางไว้บำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บแก่ปวงชนทั่วไปโดยมิคิดค่ารักษาพยาบาล
ด้วยว่าชาวจามปาทั้งหลายนั้นล้วนนับถือพระพุทธศาสนาเยี่ยงเดียวกับพระองค์ เจ้าชายชัยวรมันจึงทรง ให้สร้างธรรมศาลาเพื่อให้เป็นที่ประกอบศาสนกิจ ที่พักและเลี้ยงอาหารแก่ผู้เดินทางสัญจรไปมา ตั้งอยู่ไม่ห่างจากอโรคยาศาลมากนัก
        ในช่วงที่เจ้าชายชัยวรมันทรงครองครองอาณาจักรจามปาเป็นเวลาหลายปีนั้น ทรงสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้อาณาจักรจามปาอย่างใหญ่หลวง น้ำท่าก็มีให้ใช้ตลอดปี ทำให้พืชพรรณผลาหารอุดมสมบูรณ์ เส้นทางสัญจรทั้งทางบกทางน้ำก็สะดวกสบาย ประชาราษฎร์ชาวจามปาก็อยู่ดีกินดีขึ้น จึงพากันซาบซึ้งในความเมตตาธรรมและพระกรุณาธิคุณของเจ้าชายชัยวรมันยิ่งนัก

...จบตอนที่ 1  โปรดติดตามตอนต่อไป


5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-1-31 08:19 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
metha ตอบกลับเมื่อ 2014-11-16 07:23

มีต่อม่ะครับเสี่ย  

รอติดตามครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้