ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 7937
ตอบกลับ: 24
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาติ

[คัดลอกลิงก์]








คนทุกคนต่างมีปาก   บางคนใช้ปากสร้าง เสน่ห์ให้กับตน
บ้างใช้ปากสร้างเสนียดแก่ตน   เสน่ห์หรือเสนียดไม่ได้อยู่ ที่ไหน แต่อยู่ที่ปากของเรา
ชนะศัตรูพันคนพันครั้ง   ก็ยังไม่นับเป็นแม่ทัพที่ยอดเยี่ยม
ต่อเมื่อใดชนะใจตนเพียงคนเดียว จึงนับเป็นยอดขุนพล
คน โง่ที่รู้ตัวว่าเป็นคนโง่   ยังมีโอกาสเป็นคนฉลาด   
ส่วนคนโง่ที่สำคัญตน เป็นปราชญ์  คนนั้นแหละบรมโง่
ไม่มีใคร ได้ทุกอย่างดั่งใจ หวัง   ไม่มีใครพลาดหวังทุกอย่างไป   ในได้มีเสีย      ในเสียมีได้
ขอบคุณความไม่มีที่ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้
ขอบคุณความยากจนที่ทำให้เป็นคนมีมุมานะ
ขอบคุณความล้มเหลวที่ทำให้เกิดความเชียวชาญ
ขอบคุณความผิดพลาดที่ทำให้ฉลาดยิ่งกว่าเดิม
ขอบคุณความริษยาที่ทำให้กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่
ขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ทำให้ผลิบานอย่างไร้ข้อตำหนิ
ขอบคุณความไม่รู้ที่ทำให้รู้จักครูชื่อประสบการณ์
ขอบคุณความผิดหวังที่ทำให้ัตั้งสติเพื่อลุกขึ้นมาใหม่
ขอบคุณศัตรูที่แกร่งกล้าที่ทำให้เรารู้ว่ายังไม่ใช่มืออาชีพ
ขอบคุณมหกรรมคอรัปชั่นที่ทำให้เราอยากสร้างสรรค์การเมืองใหม่
ขอบคุณความป่วยไข้ที่ทำให้เราตั้งใจดูแลสุขภาพ
ขอบคุณความทุกข์ที่ทำให้เรารู้ว่าความสุขมีค่าแค่ไหน
ขอบคุณความพลัดพรากที่ทำให้เราสละจากความยึดติดถือมั่น
ขอบคุณเพลิงกิเลสที่ทำให้เรามีเหตุอยากถึงพระนิพพาน
ขอบคุณความตายที่ทำให้ฉากสุดท้ายของชีวิตสมบูรณ์แบบ

ขอบคุณครับที่คอยย้ำเตือน เตือนสติให้ตั้งมั่น
เผลอเข้ามา แล้วพี่เมธได้รับอนุญาตหรือยัง ?
ขอบคุณครับ
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-10-23 06:58 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-11-14 19:42

จ๊าก..

เขามาได้งัยเนี้ย..


7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-11-30 07:39 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-11-30 08:00

สัจธรรมแห่งความรัก





"การสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักร ไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดไป
ไม่มีอะไรจากเราไป    ตลอดกาล ถ้าคลี่เวลาออกเป็นเส้นตรง
และสามารถเห็นได้จริงทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต     พร้อมกัน
เราคงเห็นตัวเองได้ของรักแล้วเสียของรัก หัวเราะแล้วร้องไห้
พบแล้วพลัดพราก ย้อนเวียนกลับไปกลับมา

สลับกันเป็นสายโซ่ยืดยาว"



“พระพุทธองค์ท่านตรัสว่า.คนเรามีรักร้อยก็นับว่าทุกข์ร้อย มีรักสิบก็นับว่าทุกข์สิบ

   มีรักหนึ่งก็นับว่า     ทุกข์หนึ่ง หากไม่มีรักเลย ก็แปลว่าไม่ต้องมีทุกข์เพราะรักเลยเช่นกัน…
    สรุปคือ ความรักเป็นแค่รูปแบบหนึ่งของความทุกข์เท่านั้น ต่อให้รักกันยืดยาวจนแก่เฒ่า
วันหนึ่งก็ต้องทุกข์ใหญ่หลวงเพราะความพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รักอยู่ดี”



ธรรมชาติจะบังคับให้เราทิ้งทุกคนไปอยู่ดี เราเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม

เรารักและหวังหอบหิ้วใครไปด้วยก็ตาม พวกเราต่างก็เป็นนักเดินทางผู้โดดเดี่ยว

มาสวมหัวโขน    เป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง คนรัก เพื่อน ศัตรู หรืออะไรอื่นเดี๋ยวเดียว

แล้วก็ต้องตายจากไปเป็นอื่น แม้ในชาติเดียวกันก็อาจเป็นอะไรหลาย ๆ ฐานะ

บางคนเดินชนไหล่หรือเหยียบเท้าใครอีกคนบนถนน ทะเลาะกันเลือดขึ้นหน้าเป็นพัก

กว่าจะจำได้ว่าเคยเป็นเพื่อนรักสุดรักสมัยประถมมัธยมที่
     

เคยอยาก..ไปไหน ๆ ด้วยกันตลอดชีวิต แต่พอห่างกันมาก ๆ

เจออีกทีอาจกลายเป็นศัตรูก็ได้

  
เราต่างถูกหลอกว่ามีคนรักและเครือข่ายญาติมิตร

ทั้งที่จริงทุกคนไม่มีแม้แต่เงาติดตาม  ตัวเองไป     ได้ตลอด

มนุษย์เราถูกหลอกให้หลงติด หลงร้องไห้คร่ำครวญกับสิ่งที่วันหนึ่งต้องทิ้งไป

ไม่ว่าจะได้อะไรมาแค่ไหนก็เสียไปแค่นั้น หลงทำบาปทำกรรมติดตัวไปภพหน้ากันก็เพียง

เพราะยังติดยังไม่รู้ด้วยกันทั้งสิ้น







ตัวผู้รัก ผู้ถูกรัก ผู้สมหวัง ผู้ผิดหวัง ปรากฏมีสาระอยู่แต่ในจิตอันปรุงแต่ง
  เสกปั้นสรรค์ไป จูง      ให้เราหลงไป เพ้อไป ปราศจากแก่นสาร

     





ปกติเวลาเราฟุ้งซ่านถึงใคร เราจะรู้สึกว่าเขามารบกวนเรา
เราจะมีปฏิกิริยาทางใจกับเขา เป็นชอบ   เป็นชังยิ่ง ๆ ขึ้น  
ทุกครั้งที่เขามาอยู่ในหัวของเรา ทั้งที่ตัวจริงของเขาไม่ได้มาอยู่ตรงนั้นเลย







บทสรุปหนึ่งก็คือว่า รักแท้น่ะมีจริง แต่ที่จริงกว่านั้นคือกิเลส
หมายความว่าถ้ามองตามสายตาทางโลกก็ต้องว่ามี
แต่ถ้ามองตามสายตาทางธรรมก็ต้องว่ารากของรักแท้นั้นมาจากกิเลสนี่เอง
ที่รักแท้จะมีอันต้องกลับกลายเป็นรักเก๊ ก็ด้วยกิเลสอันเดียวกันอีกนั่นแหละ
โดยมีตัวแปรเช่นบุคคล เวลา และสถานการณ์มาร่วมสมการกิเลส




กิเลสมากก็ทุกข์มาก กิเลสน้อยก็ทุกข์น้อย
สมดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์




การเกิดใหม่ช่างเป็นอะไรที่ไม่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรประกันความแน่ใจ และไม่มีใครจำ      
    ใครได้ เหมือนเล่นซ่อนหาชนิดปิดทางพบเจอ ทำให้ณชะเลมองความสัมพันธ์ทั้งหลาย   
  เป็นเรื่อง  หลอกลวง ถึงแม้พยายามเป็นที่พึ่งให้กันก็เป็นไปได้แค่เดี๋ยวเดียว
แล้วต่างต้องแยกย้ายไปเสวยกรรมตาม   วิบากแห่งตน ไม่อาจนัดหมายว่าจะไปเจอกัน         
ที่ไหน เมื่อไหร่ ในสภาพเช่นใดเลย





อยู่ในสังสารวัฏ ท่องเที่ยวเกิดตายไปเรื่อย ๆ นั้น
แม้สิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่สังสารสัตว์หวังฝากไว้ให้อบอุ่นใจ
คือความรัก ความมั่นคงของเนื้อคู่ที่จะติดตามกันไปทุกภพทุกชาติ
เอาเข้าจริงก็แค่ความไม่แน่นอนอีกชนิดหนึ่ง
ความแปรปรวนเป็นอื่นได้อีกชนิดหนึ่ง






8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-11-30 07:43 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-11-30 07:50




ภพชาติ ความสัมพันธ์ และสายใยต่างๆนั้นซับซ้อน
มีความไม่แน่นอนเป็นความหวังได้ด้วยเหตุปัจจัยอันลึกลับเกินหยั่ง
ทำใจไว้แต่แรกว่าเราทุกคนเป็นนักเดินทางผู้โดดเดี่ยว จะได้สบายใจในระยะยาว



ความรักชั้นสูงคือความรักพระนิพพานครับ
เมื่อรักพระนิพพานอันเป็นธรรมชาติสูงสุดเหนือสมมุติได้
บุคคลย่อมไม่หลงสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ต่ำกว่านั้นแบบยอมตายถวายชีวิตอีก




วันก่อนเมื่อคุณยังไม่อกหัก ก็มีใครบางคนอกหักมาก่อน
วันนี้คุณกำลังอกหัก ก็มีใครบางคนหายเศร้า ทำใจได้ไปล่วงหน้าแล้ว
พรุ่งนี้ถ้าคุณสดใสได้เหมือนมีชีวิตใหม่อีกครั้ง
ลืมความเศร้าจากอาการฟูมฟายเพราะเสียของน่ารักน่าใคร่
ก็จะมีใครบางคนมารับช่วงแทน
โศกเศร้า อาลัยอาวรณ์ ราวกับไม่อาจผ่านทางลำบากได้สำเร็จ





โลกเป็นอย่างนี้มานานเต็มที
แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกว่าเป็นของน่าเบื่อหน่าย



ความรักมักเล่นตลก
ตอนต้องการส่วนใหญ่ไม่มา
แต่บางทีมาตอนไม่ต้องการ
ตอนมาก็มักมาพร้อมปัญหา



เหมือนความรักจะเป็นเครื่องยืนยันว่า
ของจริงคือทุกข์ ความสุขแค่ของปลอม





รักนั้น เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์
เป็นที่มาของความผิดหวังเมื่อไม่ได้บุคคลอันเป็นที่รักมาครอง
เป็นที่มาของความคร่ำครวญเมื่อพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก
เป็นที่มาของความอึดอัดเมื่อได้อยู่ร่วมกับคนที่เข้ากับเราไม่ได้เต็มร้อย ฯลฯ



บางทีรางวัลของคนดีก็ไม่ใช่จะมีคู่ที่สมหวังแบบเร็ว ๆ นะครับ
ธรรมชาติอาจกะเกณฑ์ให้เราเจอทุกข์เสียก่อน
เพื่อใช้ความทุกข์นั้นเป็นบันไดก้าวขึ้นสู่ความสุขที่เหนือกว่าความรัก
และเมื่อถึงจุดของความนิ่งจริงๆ ถึงจะยอมเปิดตัวคนรักที่แท้ให้กับเรา



บางคน ถ้าใจยังวุ่น ๆ ยังหยุด ยังนิ่งไม่เป็น ขืนคนที่คู่ควรกับเราโผล่มาตอนนั้น
เขาก็อาจพลาดจากเราไป ไม่อาจเป็นคู่ครองร่วมกันอย่างถาวรได้ฅ
เพราะอาจิณณกรรม คือนิสัยของเรายังอาจเป็นตัวทำลายสัมพันธภาพกับคู่แท้ของเรา
ต่อเมื่อผ่านความเจ็บปวด เรียนรู้จากความผิดพลาด
เห็นจังหวะจะโคนแบบต่างๆ ของชีวิตมากเข้า
พอใจเป็นบุญ มีความนิ่งพอจะรองรับกับคู่แท้ถาวรได้ เขาถึงจะปรากฏตัว


อย่าท้อแท้กับความดีก็แล้วกัน
ที่ผ่านมาในอดีต มองย้อนไปอาจรู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเรา
พอเราเปลี่ยนมาอยู่กับกระแสธรรมะ
ความเป็นตัวจริงของเราถึงเริ่มปรากฏ
ซึ่งก็อาจเป็นเหตุให้คู่แท้ของเราปรากฏตัวเช่นกัน




ที่มา..http://dhammaworld.exteen.com
เยี่ยม
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้