ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2973
ตอบกลับ: 6
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เบี้ยแก้เป็นเครื่องรางอันทรงคุณค่ามาแต่โบราณกาล

[คัดลอกลิงก์]


เบี้ยแก้เป็นเครื่องรางอันทรงคุณค่ามาแต่โบราณกาล


โดยทำจากหอยเบี้ยซึ่งบรรจุปรอทไว้ภายใน มีอุปเท่ห์ในการใช้มากมาย  ทั้งกันทั้งแก้สิ่งชั่วร้าย เสนียดจัญไร คุณไสย คุณคน คุณผี ยาสั่ง ยาเบื่อ  ยาเมา พิษสัตว์ร้ายทั้งหลายวิธีการสร้างเบี้ยแก้ ส่วนสำคัญ ประกอบด้วย  หอยเบี้ยแก้ , ปรอท , ชันโรงใต้ดิน , ตะกั่ว , น้ำรักสีดำหอยเบี้ยแก้  เป็นหอยชนิดหนึ่งที่มีลาย เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวปรอท โบราณท่านว่า “ปรอท”  เป็นสิ่งมีชีวิต มีฤทธิ์ในตัวเป็นรองเพียงแต่เหล็กไหลเท่านั้น  แม้ว่าจะยังไม่ผ่านการทำพิธีก็มีฤทธิ์ มีอาถรรพณ์ในตัว พวกผีกลัวมาก  จำนวนปรอทที่ใช้กรอกลงในเบี้ยแก้ จะต้องมีน้ำหนัก1 บาท


ชันโรงใต้ดิน  ตามธรรมชาติชันโรงมี 2 ชนิด คือชันโรงบนต้นไม้ และชันโรงใต้ดิน  ซึ่งชันโรงใต้ดินเป็นของอาถรรพณ์  ปกติชันโรงใต้ดินอยู่ที่ไหนที่นั่นจะไม่ไหม้ไฟ  ชันโรงใต้ดินมีอิทธิคุณตามธรรมชาติเป็นมหาอุด กันไฟ กันคุณไสยได้  ชันโรงใต้ดินใช้ปิดปากเบี้ยไม่ให้ปรอทหนี ตะกั่ว โบราณท่านว่า  ตะกั่วเป็นของกายสิทธิ์ ดีทางอยู่ยงคงกระพัน  ครูบาอาจารย์ท่านจะนำตะกั่วมาตีเป็นรูปหอยเบี้ยทาบหุ้มลงไปจนแน่นหนา  จารอักขระเพิ่มลงไปเป็นสื่อชักนำพุทธบารมี ธรรมบารมี และสังฆบารมี  ลงมาสู่ตัวเบี้ยแก้ ทำให้เกิดความขลังเพิ่มชื้นน้ำรักสีดำ  ถือเคล็ดความศักดิ์สิทธิ์อีกประการหนึ่งว่า คำว่ารัก มีความหมายที่ดี  คือเป็นที่รัก ที่เมตตาของคนทั่วไป  เมื่อนำรักมาย้อมหุ้มเบี้ยแก้ย่อมเพิ่มอำนาจทางเสน่ห์เมตตาเสกเบี้ยจนคลาน ได้


เบี้ยแก้ที่ที่ผ่านการบรรจุปรอทและหุ้มตะกั่ว ลงจาร และถักหุ้มแล้ว  ยังไม่ครบขั้นตอน เพราะจะต้องปลุกเสกกำกับ เป็นการประชุมธาตุ หนุนธาตุ  เพื่อให้เกิดฤทธิ์ เล่ากันว่ามีผู้พบเห็น หลวงปู่บุญ  หลวงปู่เพิ่มแห่งวัดกลางบางแก้ว สามารถปลุกเสกเบี้ยจนคลานได้  อยู่ไม่น้อยปรอทครางในเบี้ย เรื่องที่น่าอัศจรรย์อย่างหนึ่ง  ผู้ที่มีสมาธิมั่นสามารถสัมผัสได้  โดยการนำเบี้ยมาวางกลางฝ่ามือทำจิตให้เป็นสมาธิ  จะพบว่าปรอทในตัวเบี้ยมีอาการไหวตัว และมีเสียงครางเบา ๆ  การทำสมาธิร่วมกับเบี้ยแก้ยังเป็นการรับอิทธิคุณ  พลังอำนาจจากเบี้ยแก้เข้าสู่ตัว ถ้าเป็นโรคอยู่  เบี้ยแก้จะดูดโรคภัยถอนออกจากตัวเราเบี้ยแก้ของดีไม่มีเสื่อม  ปกติเครื่องรางของขลังโดยทั่วไปมักจะมีข้อห้ามบางอย่างกำหนดไว้  หากผู้ใดไม่ทำตามจะทำให้ความศักดิ์สิทธิ์นั้นเสื่อมลงไป  เบี้ยแก้ไม่มีข้อห้ามใด ๆ  เบี้ยแก้เปรียบเสมือนทองคำอยู่ที่ไหนก็เป็นทองคำอยู่วันยังค่ำ  ไม่ว่าจะอยู่ใต้ถุน ใต้สะพาน ใต้ราวผ้า  ไม่แปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นสรุปเบี้ยแก้มีอิทธิคุณครอบจักรวาล  คือดีทางป้องกัน คงกระพัน กันได้สารพัด เป็นเสน่ห์เมตตาทางโชคลาภ  อีกต่างหาก ดังนั้นใครยังไม่มีเบี้ยแก้ติดตัว  ควรจะรีบหาติดตัวกันเอาไว้นะครับ
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2019-12-28 07:52 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้





เบี้ยแก้หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว นครชัยศรี นครปฐม                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                           





                                                                                 
ประวัติหลวงปู่เพิ่ม ปุณณวสโน วัดกลางบางแก้ว


พระพุทธวิถีนายก (หลวงปู่เพิ่ม ปุณณวสโน) นามเดิมว่า "เพิ่ม" ท่านเกิดเมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ.2429 ที่ตำบลไทยวาส อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม โยมบิดาชื่อ เกิด โยมมารดาชื่อ วรรณ ท่านบรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 8 ขวบ สืบต่อมาจนอายุครบบวช จึงได้อุปสมบทในวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ.2450 ณ พัทธสีมาวัดกลางบางแก้ว โดยมีสมเด็จพระสังฆราชแพ ครั้งยังดำรงสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระวันรัต วัดสุทัศน์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการจอม เจ้าอาวาส วัดตุ๊กตา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูทักษิณานุกิจ วัดสรรเพชญ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
เมื่อท่านอุปสมบทแล้วก็ได้เล่าเรียนพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดกลางบางแก้วตลอดมา และถือได้ว่าหลวงปู่เพิ่ม ท่านเป็นศิษย์ที่ใกล้ชิดหลวงปู่บุญมากที่สุด เพราะท่านบวชเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ก็อยู่ปฏิบัติรับใช้หลวงปู่บุญมาตลอดจนกระทั่งหลวงปู่บุญมรณภาพ เป็นเวลาถึง 39 ปี ตลอดเวลานั้นท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้ทั้งทางด้านคันถธุระและวิปัสสนาธุระ ตลอดจนเวทวิทยาคมต่างๆ ไว้มากมาย หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้วท่านเป็นพระสงฆ์ที่บริสุทธิ์ผุดผ่องด้วยศีล สมาธิ และปัญญาธรรม เปี่ยมล้นไปด้วยเมตตาธรรม หมดสิ้นกิเลสทั้งปวง หลวงปู่ท่านเป็นพระที่พูดจาไพเราะอ่อนหวาน สำเนียงของท่านนั้นมีแววความเมตตาผสานเอาไว้ใครได้ฟังแล้วจะรู้สึกชุ่มชื่นใจ ใครๆ ได้สนทนากับท่านแล้วจะรู้สึกเคารพศรัทธาท่านทุกคนไป
หลวงปู่เพิ่มท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส วัดกลางบางแก้วเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2481 ปีพ.ศ.2482 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ปีพ.ศ.2483 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี ปีพ.ศ. 2489 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่พระครู พุทธวิถีนายก ปีพ.ศ.2495 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นเอกในราชทินนามเดิม ปีพ.ศ. 2503 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญมีราชทินนามว่า พระพุทธวิถีนายก หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้วท่านมรณภาพ ด้วยโรคชราด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2526 สิริอายุได้ 97 ปี พรรษาที่ 76
การสร้างเบี้ยแก้หลวงปู่เพิ่ม
หลวงปู่มักจะเป็นผู้ถ่อมตนในการสร้างวัตถุมงคลอยู่เสมอ ใครจะมาขอมงคลวัตถุจากท่านก็ตามท่านมักจะมอบให้แล้วบอกให้ผู้รับอย่าตั้ง อยู่ในความประมาท และเมื่อมีใครก็ตามถามหลวงปู่ว่าของหลวงปู่ดีอย่างไร ท่านก็จะบอกได้แต่เพียงว่าให้ไว้เป็นที่ระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพียงเท่านั้นเอง การสร้างมงคลวัตถุของหลวงปู่หากจะลำดับว่าท่านสร้างอะไรเป็นสิ่งแรก แล้วก็คงต้องบอกว่า “เบี้ยแก้” เพราะท่านสร้างมานานมาก หลังจากท่านครองเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้วได้ไม่กี่ปี ผู้เขียนเคยถามท่านว่า ท่านสร้างครั้งแรกเมื่อใด ท่านตอบว่าจำไม่ได้เสียแล้วรู้เพียงว่าเมื่อเป็นเจ้าอาวาสได้ไม่นาน ซึ่งก็คงจะราว ๆ ปี พ.ศ. 2485 เพราะท่านเป็นเจ้าอาวาสเมื่อปี พ.ศ. 2482 ท่านเล่าว่ามีญาติโยมเขามาขอให้ท่านทำให้ ท่านก็บอกปัดไปหลายครั้งหลายหน แต่ในที่สุดก็ทนโยมที่มาขอร้องอยู่เสมอไม่ได้จึงทำให้ไปตามความรู้ความ สามารถที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงปู่บุญและเมื่อทำไปแล้วก็มีคนมาขอให้ทำ ให้ต่อมาโดยมิขาด ในช่วงเวลาอันยาวนานถึง 40 ปี หลวงปู่สร้างเบี้ยแก้ให้บรรดาศิษย์ และผู้เคารพนับถือท่านไม่น้อย ผู้ที่ได้ไปต่างก็หวงแหน เพราะเป็นของขลังประจำตัวมิได้ให้กันง่าย ๆ ส่วนใหญ่ก็มักจะให้ท่านทำให้ไว้คนละ 1 ตัวเท่านั้น หลวงปู่เป็นอุปัชฌาย์บวชให้กุลบุตรมาจำนวนนับพันคน ผู้ที่หลวงปู่บวชให้แต่ละคนส่วนมากก็จะมีเบี้ยแก้ของหลวงปู่เสมอไป เพราะระหว่างบวชอยู่ก็จัดเตรียมเครื่องทำเบี้ยแก้ไปถวายให้หลวงปู่ทำให้
กรรมวิธีการทำเบี้ยแก้ของหลวงปู่เพิ่ม ผู้ที่ต้องการเบี้ยแก้จะต้องไปจัดหา หอยเบี้ย 1 ตัว ปรอทน้ำหนัก 1 บาท ชันนะโรงใต้ดินกลางแจ้ง 1 ก้อน แผ่นตะกั่วขนาด 4 x 5 นิ้ว 1 แผ่น เอาของทั้งหมดใส่ถาดพร้อมดอกไม้ธูปเทียนไปถวายหลวงปู่ท่านจะรับสิ่งของเอา ไว้ จากนั้นท่านจะเสกปรอทแล้วเทปรอทจากขวดใส่ฝ่ามือเรียกเอาปรอทใส่เบี้ย แล้วอุดด้วยชันนะโรงที่ปากหอย จากนั้นท่านจะส่งถาดคืนให้พร้อมหอยที่กรอก แล้วบางทีท่านจะบอกว่า “ไปขอให้ท่านสมุห์เจือเขาทำให้นะจ๊ะ” หมายถึงผู้ที่ทำเบี้ยแก้จะต้องเอาสิ่งของดังกล่าวไปหาพระสมุห์เจือกุฏิริม แม่น้ำนครชัยศรี สมุห์เจือก็จะเอาแผ่นตะกั่วมาห่อหุ้มหอยเบี้ยที่กรอกปรอทเอาไว้แล้วใช้ด้าม มีดเคาะจนแผ่นตะกั่วแนบสนิทกับตัวหอย ปฏิบัติการนี้นานประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง จนกระทั่งแผ่นตะกั่วเรียบสนิทดี ฝีมือการเคาะนี้หากไม่มีความชำนาญ เบี้ยจะออกมาไม่สวย และเมื่อเอาให้หลวงปู่ลงจารอักขระจะจารยากมาก พระสมุห์เจือมีความชำนาญมาก ท่านเคาะเบี้ยแก้เป็นประจำมานานไม่น้อยกว่า 30 ปีแล้ว จนปัจจุบันท่านรับภาระทำเบี้ยแก้แทนหลวงปู่ได้ขลังและเป็นที่รู้จักกันดี ทั่วไป
เมื่อหุ้มตะกั่วแล้วผู้ทำเบี้ยจะต้องนำเบี้ยแก้ที่หุ้ม นั้นไปหาหลวงปู่อีกครั้ง ถวายให้ท่านลงจารอักขระบนตะกั่วที่ห่อหุ้มเบี้ยเอาไว้ บางรายก็เอาผ้าแดงผืนเล็ก ๆ ให้หลวงปู่ลงยันต์ให้ด้วยก็มี พอท่านจารเสร็จก็จะปลุกเสกให้ บางทีท่านอาจให้มารับวันหลัง บางทีท่านก็จะปลุกเสกให้เดี๋ยวนั้น
หลังจากหลวงปู่ปลุกเสกและจารอักขระให้เสร็จก็เป็นอันว่า เสร็จเรียบร้อย แต่ส่วนใหญ่จะนำเอาเบี้ยแก้ที่ปลุกเสกเสร็จแล้วกลับไปหา “สมุห์เจือ” อีกครั้งหนึ่งเพื่อขอให้ท่านถักเชือกหุ้มห่อหอยเบี้ยแก้ให้ ซึ่งพระสมุห์เจือมีฝีมือการถักเป็นเยี่ยมมาก

อานุภาพเบี้ยแก้


- ป้องกันอัตวิบากกรรม แก้ภาพหลอน จิตรหลอน ภาพอุปทาน แก้อำนาจภูผีปีศาจ อาถรรพณ์เวททำให้
มัวเมาขลาดกลัว ขนพองสยองเกล้า ลมเพลมพัด คุณไสย คุณผี คุณคนทั้งปวงอุบาทวเหตุ อุบาทวภัย
ทั้งปวง มัวเมายาพิษ ยาสั่งทั้งหลาย ไข้ป่า ไข้ป้าง ไข่ผีป่า ผีโป่ง ผีปอบ ต้องกระทำจากภูตผี ผีพราย
ผีตายโหง กองกอยวิกลจริต จิตวิกลวิกาล วิญญาณ อุปาทานวิกลเหมือนผีเข้าเจ้าสิงสู่ปราศจากสิ้นแล
- ให้อธิษฐานเอาน้ำมนต์ เอาดอกพุทธรักษาดอกไม้ ดอกเข็มแดงหลากสี ตั้งขันธูปเทียน ขันห้า
ข้าวตอก ดอกไม้แก้บาทวพิษ บาทยัก อัมพาต บาดแผล ฝีมะเร็ง ฝีคุณ หัวพิษ หัวกาฬ ทรางชัก
รางขนพอง สันนิบาตลูกหมา ลูกนก หลังแอ่น คางแข็ง บ้าหมู ภายนอกภายใน อาบกินด้วย ตั้งจิตหน่วงลง
ในคุณพระศรีรัตนตรัยใช้ได้แล
- เมื่อเข้าศึกสงครามให้เอาไว้ด้านหน้าสารพัดศัตรู บีทาย่ำรุกไล่ให้เอาไว้ด้านหลัง หาเจ้าฟ้ามหากษัตริย์
เจ้าขุนมูลนาย ให้เอาไว้ด้านข้างขวา เมื่อหาหญิง หานางพญาไว้ข้างซ้าย สารพัดศาสตรามิต้องข้างกายเลย
ดุจฝนเสนห่า ข้าวปลาอาหารเป็นพิษ คางแข็ง เคี้ยวไม่กลืนเลยแล
- ปลิงก็ดี ทากร้ายก็ดี มีในป่ามืด ในน้ำห้วยหนอง คลองบึง มันไม่เก่าะกินเลือดทั้งวัวทั้งควาย ช้างม้า
ก็ดีแล แก้งูพิษ เขี้ยวขนอน แมวเซา เห่าแก้วก็ดีมิต้องกายมาขบกัดเลยแล

สรุปบางส่วนจากหนังสือเบี้ยแก้...อิทฤทธิ์วิทยาคมแก่กล้า แห่งการปกป้อง คุ้มครอง แก้ไข้สิ่งเลวร้าย

Cr.ข้อมูลจาก Tnews
Cr.รูปภาพสวยๆจาก คุณมล เชือกคาด,นาวาตรีธวัชชัย อินทะเสน,คุณอ๊อตโต้ จอมขมังเวทย์






4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2020-1-9 17:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
อานุภาพเบี้ยแก้


- ป้องกันอัตวิบากกรรม แก้ภาพหลอน จิตรหลอน ภาพอุปทาน แก้อำนาจภูผีปีศาจ อาถรรพณ์เวททำให้
มัวเมาขลาดกลัว ขนพองสยองเกล้า ลมเพลมพัด คุณไสย คุณผี คุณคนทั้งปวงอุบาทวเหตุ อุบาทวภัย
ทั้งปวง มัวเมายาพิษ ยาสั่งทั้งหลาย ไข้ป่า ไข้ป้าง ไข่ผีป่า ผีโป่ง ผีปอบ ต้องกระทำจากภูตผี ผีพราย
ผีตายโหง กองกอยวิกลจริต จิตวิกลวิกาล วิญญาณ อุปาทานวิกลเหมือนผีเข้าเจ้าสิงสู่ปราศจากสิ้นแล







- ให้อธิษฐานเอาน้ำมนต์ เอาดอกพุทธรักษาดอกไม้ ดอกเข็มแดงหลากสี ตั้งขันธูปเทียน ขันห้า
ข้าวตอก ดอกไม้แก้บาทวพิษ บาทยัก อัมพาต บาดแผล ฝีมะเร็ง ฝีคุณ หัวพิษ หัวกาฬ ทรางชัก
รางขนพอง สันนิบาตลูกหมา ลูกนก หลังแอ่น คางแข็ง บ้าหมู ภายนอกภายใน อาบกินด้วย ตั้งจิตหน่วงลง
ในคุณพระศรีรัตนตรัยใช้ได้แล





- เมื่อเข้าศึกสงครามให้เอาไว้ด้านหน้าสารพัดศัตรู บีทาย่ำรุกไล่ให้เอาไว้ด้านหลัง หาเจ้าฟ้ามหากษัตริย์
เจ้าขุนมูลนาย ให้เอาไว้ด้านข้างขวา เมื่อหาหญิง หานางพญาไว้ข้างซ้าย สารพัดศาสตรามิต้องข้างกายเลย
ดุจฝนเสนห่า ข้าวปลาอาหารเป็นพิษ คางแข็ง เคี้ยวไม่กลืนเลยแล





- ปลิงก็ดี ทากร้ายก็ดี มีในป่ามืด ในน้ำห้วยหนอง คลองบึง มันไม่เก่าะกินเลือดทั้งวัวทั้งควาย ช้างม้า
ก็ดีแล แก้งูพิษ เขี้ยวขนอน แมวเซา เห่าแก้วก็ดีมิต้องกายมาขบกัดเลยแล

สรุปบางส่วนจากหนังสือเบี้ยแก้...อิทฤทธิ์วิทยาคมแก่กล้า แห่งการปกป้อง คุ้มครอง แก้ไข้สิ่งเลวร้าย


5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2020-1-9 17:14 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เบี้ยแก้ เครื่องรางของขลัง กันคุณไสย
เบี้ยแก้ เครื่องรางของขลัง กันคุณไสย
เบี้ยแก้ เครื่องรางของขลัง ของไทย
เบี้ยแก้ เป็นเครื่องรางของขลังอันเก่าแก่มาแต่โบราณ การนำหอยเบี้ยมาเป็นเครื่องนั้นไม่ใช่ว่าจะมีอยู่แต่ในประเทศไทยเท่านั้น ในประเทศต่างๆ ก็ยังนำหอยเบี้ยมาเป็นเครื่องของขลังกันหลายประเทศ เช่น ในอินเดีย เขมร ลาว และอีกหลายๆ ประเทศ แต่คติการสร้างนั้นอาจจะแตกต่างกันไปครับ อย่างในอินเดียศาสนาพราหมณ์จะมีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับหอยหลายๆ อย่าง ถ้าเป็นเบี้ยจั่น เขาถือว่าเบี้ยนั้นเป็นตัวแทนพระลักษมี ส่วนของไทยเรานั้นมีการนำเบี้ยมาเป็นเครื่องรางมาแต่สมัยโบราณ คนไทยเรามักนำเบี้ยมาห้อยคอเด็ก ถือเป็นเครื่องรางทางด้านโชคลาภ และคุ้มกันสรรพอันตรายต่างๆ แม้แต่ในวรรณคดีขุนช้างขุนแผน หรือเรื่องอิเหนา ก็ยังกล่าวถึงเรื่องเบี้ยอยู่หลายตอน
การสร้างเบี้ยแก้
คือการนำปรอทที่ปลุกเสกแล้วเข้าไปอยู่ในตัวเบี้ย บางอาจารย์อาจจะเรียกปรอทจากธรรมชาติให้เข้าไปในตัวเบี้ย แล้วท่านก็หาวิธีอุดไว้ไม่ให้ปรอทหนีออกมาด้วยชันโรงใต้ดิน ที่ปลุกเสกแล้ว และหุ้มด้วยผ้าแดงหรือแผ่นตะกั่ว,แผ่นทองแดง แล้วจึงนำมาถักเชือก หรือหุ้ม ทำห่วงไว้ให้ ผูกเอวหรือห้อยคอ การสร้างเบี้ยแก้ ขั้นตอนสุดท้ายคือ การปลุกเสกกำกับอีกครั้งหนึ่ง ปรอทที่นำมาทำเบี้ยแก้เรียกว่า ปรอทเป็น โดยเมื่อเขย่าตัวเบี้ยแก้แล้ว จะได้ยินเสียงดังขลุกๆ อยู่ในตัวเบี้ย แต่ถ้าเป็นเบี้ยสายอ่างทองบางอาจารย์เวลาเขย่าเบี้ยจะมีเสียงดังแซกๆ พระคาถาป้องกันคุณไสย ป้องกันตัวกันกระทำย่ำยีต่างๆ การปลุกเสกบางครั้งเบี้ยแก้สามารถเดินได้เลยทีเดียว

เบี้ยแก้ เครื่องรางของขลังกันคุณไสย การสร้างเบี้ยแก้ ทำจากเบี้ยพลู และเบี้ยจั่น โดยเกจิอาจารย์จะนำปรอทธาตุศักดิ์สิทธิ์ บรรจุในตัวหอยเบี้ย อุดชันโรงใต้ดินแล้วลงอักขระเลขยันต์ปลุกเสกอีกครั้ง เบี้ยแก้ ใช้ป้องกันภูตผีปีศาจ ป้องกันไข้ป่า อยู่ยงเขี้ยวงาทุกอย่างป้องกันคุณไสย ป้องกันยาพิษ ยาสั่ง เรื่องของเบี้ย เคยเป็นกฎหมายไทยโบราณ กล่าวว่า "จะแต่งบุตรและหลานก็ให้ใส่แต่จี้เสมาภควจั่นจำหลัก ประดับพลอยแดงเขียวเท่านั้น อย่าได้ประดับเพชรถมยาราชาวดี ลูกประหล่ำเล่า ก็ให้ใส่แต่ลายแทงแลเกลี้ยงเกี้ยว อย่าให้มีกระจังประจำยามสี่ทิศ แลอย่าให้ใส่กระจับปิ้ง พริกเทศทองคำ กำไลทองใส่เท้า และห้ามอย่าให้ช่างทองทั้งปวงรับจ้างทำจี้เสมาภควจั่นประดับเพชรถมยาราชาวดี และกระจับปิ้ง พริกเทศทองคำ กำไลเท้าและแหวนถมยาราชาวดีประดับพลอย ห้ามมิให้ซื้อขายเป็นอันขาดทีเดียว ถ้าข้าราชการผู้น้อยแลอาณาประชาราษฎร์ ช่างทองกระทำผิดถ้อยอย่างธรรมเนียม แต่ก่อนจะเป็นโทษอย่างหนัก" คำว่า "ภควจั่น" เป็นคำสองคำ ภคว คำหนึ่ง ซึ่งเป็นชื่อย่อของ ภควดี หมายถึงพระลักษมีคำว่าจั่น คำหนึ่ง หมายถึง เบี้ยจั่น ภควจั่น จึงหมายถึง เบี้ยจั่นอันเป็นเครื่องหมายของพระลักษมีกฎหมายข้อนี้ แสดงถึงการแบ่งชั้นวรรณะของไทยในสมัยโบราณ ไม่ยอมให้สามัญชนห้อยเสมาภควจั่นประดับเพชรลงยาราชาวดี เพื่อสงวนไว้สำหรับลูกเจ้านายชั้นสูงเท่านั้น อนุญาตให้ห้อยได้เพียงจี้ภควจั่นที่เลี่ยมทองธรรมดาเท่านั้น
พุทธคุณเบี้ยแก้
เบี้ยแก้ นั้นเป็นเบี้ยที่ทำมาจากเบี้ยพลู และเบี้ยจั่น สร้างโดยพระเกจิอาจารย์ซึ่งนำปรอทที่ถือกันว่าเป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์ มาบรรจุไว้ในตัวหอยเบี้ย แล้วอุดด้วยชันโรงใต้ดิน แล้วท่านจะลงอักขระเลขยันต์ จากนั้นก็นำมาปลุกเสกอีกครั้งหนึ่ง ใช้เป็นเครื่องรางของขลัง พุทธคุณเบี้ยแก้ ป้องกันภูตผีปีศาจ ป้องกันไข้ป่า อยู่ยงเขี้ยวงาทุกอย่างป้องกันคุณไสย ป้องกันยาพิษ ยาสั่ง รวมถึงอวิชชาอาถรรพ์อื่นๆ

เบี้ยแก้สายต่างๆ
เบี้ยแก้ นั้นมีการสร้างสืบต่อกันมาช้านานมาก เท่าที่สืบค้นได้ก็มีเบี้ยแก้ สายวัดกลางบางแก้วตั้งแต่หลวงปู่ทอง ซึ่งเป็นอาจารย์ของหลวงปู่บุญ ที่รู้จักกันมากและพอจะดูออกได้ว่าใช่หรือไม่ก็คือหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว ท่านอาจารย์ใบ วัดกลางบางแก้ว และในปัจจุบันก็คือหลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว ซึ่งได้รับการถ่ายทอดกรรมวิธีการสร้างสืบต่อกันมาสำหรับ เบี้ยแก้หลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้วนั้น ปัจจุบันหายากมากครับ และมีราคาสูงมากด้วยเช่นกัน
เบี้ยแก้สายหลวงปู่รอด วัดนายโรง หลวงปู่รอดท่านได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงปู่แขก วัดบางบำหรุ ลูกศิษย์ของหลวงปู่รอดก็คือหลวงพ่อม่วง วัดคฤหบดี เบี้ยแก้ของหลวงปู่รอดปัจจุบันหายากมาก ราคาสูงมากเช่นกันครับ
เบี้ยแก้สายอ่างทอง หลวงพ่อพัก วัดโบสถ์เบี้ยแก้หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ และเบี้ยแก้หลวงพ่อซำ วัดตลาดใหม่ ปัจจุบันเบี้ยของหลวงพ่อพัก วัดโบสถ์ก็มีสนนราคาสูงเช่นกัน


ข้อมูลโดย ข่าวพระเครื่อง ด้วยความจริงใจ
แทน ท่าพระจันทร์  ที่มาหนังสือพิมพ์ข่าวสด
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2020-1-9 17:16 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เบี้ยแก้ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นที่ยอมรับ ทั้งอิทธิฤทธิ์ และคุณค่า ในการเสาะแสวงหานั้น มีมากมาย แต่ที่นำมาเสนอในบทความนี้ ล้วนเป็นเบี้ยแก้ของคณาจารย์ผู้ทรงคุณ สร้างเสกเบี้ยแก้ให้เรืองอานุภาพ เป็นที่ศรัทธาประจักษ์ต่อศักดา และพลานุภาพแห่งการปกป้อง แก้ไข สิ่งเลวร้าย มิให้กล้ำกลายฉมังนัก จนเป็นที่ใฝ่หาของผู้ศรัทธาสะสม

คาถาเสกเบี้ยแก้ ตั้งนะโม  3  จบ  เสร็จแล้วให้ตั้งธาตุ นะ  มะ  พะ  ทะ  (๓  จบ) จะ  ภะ  กะ  สะ  (๓  จบ)เมื่อตั้งธาตุเสร็จแล้ว  ให้ภาวนาคาถา  ๓  จบ  ดังนี้

“ อะสิสะติ  ธะนูเจวะ สัพเพเต  อาวุธานิจะ ภัคคะ  ภัคคา วิจุนนานิ โลมังมาเม  นะผุสสันติ ”

สู้ไว้ข้างหน้า  ไม่กล้าไว้ข้างหลัง  เมตตามหานิยมไว้ขวา  กันอาวุธศาสตราไว้ซ้าย  แขวนคอ  แก้ลมเพลมพัด  อัมพาต  แขน  ขา  ปาก  คอ  หลัง  ลิ้นกระด้าง  ถอนคุณไสยรูปรอยลงบนใบหมอน  คลึงแป้งถอนคุณ  คลึงปูนถอนพิษ  ถอนเสา   ถอนพระภูมิ  ศาลเจ้า  เจว็ด  เสมา  กำแพง  เสกภาวนา     สมุหะเนยยะ  สะมุหะนะติ  สะมุหะคะโต  สีมาคะตัง  พันธะเสมายัง  สะมุหะนิตัพโพ  เอวังเอหิ  นะเคลื่อน โมถอน  พุทคลอน  ธาเคลื่อน  ยะเลื่อนหลุดลอย  สวาหะ

                ภาวนาอภัยกรรม  ให้คนเกลียดโกรธ  เพ่งโทษ  จองเวร  ให้หายพยาบาท อาฆาตพยาเวรต่อกันแล้วดีกัน หายกัน แล.

                “ นะเมตตา จะมหาราชา  อะเมตตา จะมหาเสนา  อุเมตตา จะมหาชะนา  สัพพะสิเนหา  จะปะชิตาสะ สัพพะสะยัง  จะมหาลาภัง  ราชาโกธัง วินาสสันติ  ชะนาโกธัง  วินาสสันติ  สัพพะโกธัง วินาส สันติ ”

                วิธีใช้เบี้ยแก้  ตั้งนะโม  ๓  จบ

                อิติปิโส  ภะคะวา  ยาตรายามดี  ได้ยามพระศรี  สวัสดีลาโภ  นะโมพุทธายะ  แล้วสวดคาถาหัวใจต่อ  อะ สัง  วิ  สุ  โล  ปุ  สะ  พุ  ภะ  พุท  ธะ  สัง มิ  อิ สะ วา สุ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้