|
หลังจากนั้นประมาณปีเศษนายเงินและนายด้วน พากันไปหาหวายเพื่อนำไปขาย ระหว่างที่ทั้งสองฟันลงไปที่โคนต้นไม้ ปรากฏว่าไปถูกกระทบกับหิน ทั้งสองเข้าใจว่าเป็นหินลับมีด พอพลิกดูก็ปรากฏเป็นรูปช้าง มีงวง มีงา มีหัวบริบูรณ์ นายเงินจึงบอกนายด้วนว่า “นี่แหละพระอุเชนทร์” ทั้งสองจึงยกพระอุเชนทร์พิงไว้กับต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น พระอุเชนทร์จึงแสดงอภินิหารทำให้ฝนตกติดต่อกันเจ็ดวันเจ็ดคืน นายเงินคิดว่าฝนตกติดต่อกันหลายวันต้องเป็นเพราะพระอุเชนทร์แน่ จึงกลับไปพลิกเอาหน้าพระอุเชนทร์ลงกับพื้นดิน ฝนที่ตกหนักจึงกลับมาแล้งทันที
พ่อท่านคล้ายได้ทราบถึงเรื่องอภินิหารนี้จากคำเล่าลือกันของชาวบ้าน จึงเรียกนายเงินไปพบ เมื่อพ่อท่านคล้ายทราบเรื่องพระอุเชนทร์โดยละเอียดแล้วถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ตรงกับวันที่ 26 เมษายน ปีพ.ศ.2469 พ่อท่านคล้ายพร้อมด้วยสารวัตรเสน, ผู้ใหญ่เลิศ, นายเพิ่มและนายหนู ธราพร, นายพรมและนายรักษ์ เทพศักดิ์, นายเกลี้ยง พลพา ได้พาเรือของเจ๊กกวด เป็นเรือยาวประมาณ 3 วา ล่องมาทางคลองคุดด้วน
ระหว่างนั้นฝนตกหนักมาก ทั้งหมดเดินทางไปจนถึงที่พระอุเชนทร์ประดิษฐานอยู่ พ่อท่านคล้ายได้ทำพิธีอัญเชิญกลางสายฝน โดยจุดเทียนขึ้นมากลางสายฝนโดยเทียนไม่ดับ เมื่อสารวัตรเสนเข้าไปอุ้มพระอุเชนทร์เทียนก็ดับทันที ระหว่างกลับวัดพ่อท่านคล้ายถามว่า “หนักม้ายละบ่าว” สารวัตรเสนตอบว่า “ไม่หนัก” นี่แสดงให้เห็นว่าพระอุเชนทร์รับการอัญเชิญของพ่อท่านคล้ายแล้วนั่นเอง
|
|