ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2269
ตอบกลับ: 4
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เมื่อหลวงปู่แหวนผจญผีกองกอย

[คัดลอกลิงก์]
เมื่อหลวงปู่แหวนผจญผีกองกอย




เรื่องของหลวงปู่ต่างๆที่มีจริยวัตรอันงดงาม..และได้ปฏิบัติธรรมในสถานที่ต่างๆ
จนได้พบกับปาฏิหารย์ต่าง และนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งของรอยตะวันที่จะเล่าเรื่องผีกองกอยให้ฟังครับ

..หลวงปู่แหวนผจญผีกองกอย ชาวป่าข่าระแด

มีเหตุการณ์สะเทือนขวัญอีกครั้งหนึ่ง ได้เขียนไว้ในหนังสือ พระธาตุปาฏิหาริย์ ของนิตยสารโลกทิพย์ ซึ่งขอนำมากล่าวโดยสรุปดังนี้ : -

เมื่อหลวงปู่แหวน กับ หลวงปู่ตื้อ จาริกมาถึงเทือกเขาใหญ่ทิศใต้ แขวงเมืองคำม่วน เป็นป่าดงเย็นอืมครึม เชื่อมโยงลงไปถึงสุวรรณเขต
ในตอนเย็น พบสถานที่เหมาะจึงปักกลดพักภาวนาที่หุบเขาใต้เงื้อมผาแห่งหนึ่ง ทั้งสององค์ปักกลดห่างกันพอสมควร คืนนั้นต่างองค์ต่างบำเพ็ญเพียรอยู่ในกลดเป็นปกติ

ประมาณ 3 ทุ่ม ในป่าดงเช่นนั้นดูเงียบสงัดวังเวง ก็ได้ยินเสียงประหลาดคล้ายเสียงนกกลางคืนร้อง "ก๋อย ก๋อย ก๋อย"
เสียงนั้นดังใกล้เข้ามา แล้วดังรับกันล้อมรอบไปทั่วทิศ เสียงบีบเข้ามา "ก๋อย ก๋อย ก๋อย" และมีแสงคบไฟนับสิบๆ ดวงมาจากเสียงนั้น ทำให้มองเห็นตัวผู้ถือได้ถนัด
ร่างนั้นเป็นมนุษย์ร่างประหลาด ขนาดเด็กอายุ 13-14 ปี ผอม พุงโร ผิวคล้ำ ผมเผ้ารุงรัง จมูกแบน บ่งบอกว่าเป็นคนป่า ทุคนมีอาวุธประจำตัวคือ "หน้าทึ่น" คล้ายธนูแต่เล็กกว่า ใช้คล่องตัวในป่า พวกเขาสะพายกระบอกไม้ไผ่ใส่ลูกดอกอาบยาพิษ

คนป่าร่างเล็กนั้นส่งเสียงรับกันเป็นทอดๆ โอบล้มกลดธุดงค์เข้ามา พอได้ระยะก็พากันยกหน้าทึ่นเล็งเข้ามายังกลดทั้งสอง
หลวงปู่ตื้อร้องบอกพอได้ยินว่า "ท่านแหวนระวัง" แล้วทั้งสององค์ก็กำหนดจิตหลับตาเข้าฌานทันที เป็นไปโดยอัตโนมัติ ปรากฏว่าลูกดอกอาบยาพิษที่ระดมยิงมานั้นตกร่วงพรูห่างจากกลดทั้งสองเป็นวา เป็นที่อัศจรรย์ยิ่ง

พวกชาวป่าต่างแปลกใจ ร้อง "ก๋อย ก๋อย ก๋อย" ดังกระหึ่ม แล้วระดมยิงลูกดอกอีก 2-3 รอบ ก็ปรากฏผลเช่นเดิม คือลูกดอกตกลงดินก่อนจะไปถึงกลด ทำเอาพวกเขาตกใจกลัว ร้อง "ก๋อย กุ๋ย ก๋ย" แล้วต่างก็วิ่งหนีหายไป ในความมืด

เมื่อคนป่าหนีกลับไปหมดแล้ว หลวงปู่ทั้งสอง จึงได้ออกมานอกกลด หลวงปู่ตื้อ ถามว่า "เป็นไงท่านแหวน ตับไตไส้พุงของท่านยังดีอยู่หรือ?"
หลวงปู่แหวน ตอบไปว่า "ผมนั่งรออยู่ในกลด ให้พวกเขาเอาตับไตไส้พุงผมไปกิน ทำไมมันไม่เอาก็ไม่รู้"
ทั้งสององค์ได้เดินจงกรมไปจนดึก แล้วเข้าสมาธิต่อภายในกลดไปจนสว่าง

ตอนเช้าพวกคนป่ากลุ่มนั้นเข้ามาด้อมๆ มองๆ ด้วยความเกรงกลัว หลวงปู่ แสดงท่าให้พวกเขาเข้ามา ต่างค่อยๆ เข้ามาด้วยเนื้อตัวสั่นเทา มาหมอบนิ่งเอาหัวซุกดินคล้ายสำนึกผิด และขอขมา
พวกเขาเป็นพวก ข่าระแด เป็นคนป่ากลุ่มหนึ่ง ชอบล่ามนุษย์เผ่าอื่นที่ล่วงล้ำเข้ามา แล้วเอาเนื้อแบ่งกันกิน

พวกข่าระแด ได้นิมนต์หลวงปู่ทั้งสองไปยังที่พักของพวกเขา จัดอาหารป่ามาถวาย ก็มีเนื้อย่าง 2 ก้อน ได้ความว่าเป็นเนื้อของคนแก่ซึ่งยอมสละชีวิตของตนเองให้เป็นอาหารของลูกหลาน

หลวงปู่ อยู่โปรดพวกชาวป่าหลายวัน ทรมานและสอนพวกเขาให้เลิกการฆ่ามนุษย์ด้วยกัน เมื่อเห็นว่าพวกเขาเชื่ออย่างจริงใจแล้ว ท่านทั้งสองก็ออกเดินทางต่อไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ของพวกเขายิ่งนัก
(อ่านเรื่องโดยละเอียดใน พระธาตุปาฏิหาริย์ ของนิตยสารโลกทิพย์)

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-8-5 07:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ย้อนรอยปาฏิหาริย์ ... พระอรหันต์เหาะได้

ย้อนรอยปาฏิหาริย์แห่งพระอรหันต์อันลือลั่น
... กรณีหลวงปู่แหวนเหาะได้!






ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปี ๒๕๑๖  ณ จังหวัดเชียงใหม่ ทหารอากาศนายหนึ่งกำลังนำเครื่องบินออกบินตามหน้าที่ปกติ  วันนั้นเป็นวันที่ทัศนวิสัยดี ท้องฟ้าปลอดโปร่ง  แม้จะมีเมฆ แต่นักบินก็สามารถเห็นท้องฟ้าเบื้องหน้าได้อย่างชัดเจน  เขาบังคับเครื่องบินไปตามเส้นทางปกติ ซึ่งเป็นแนวบินที่พาดผ่านเหนือวัดดอยแม่ปั๋ง
ทันใดนั้นเอง เขาต้องตกตะลึง เพราะเบื้องหน้าของตนนั้นปรากฏพระชรารูปหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนก้อนเมฆ ขวางเส้นทางการบินอยู่  แต่ด้วยสัญชาตญาณ เขาจึงบิดคันบังคับหลบไปในทันที  เครื่องบินโฉบผ่านพระรูปนั้นไปอย่างฉิวเฉียด
หลังจากตั้งสติได้ เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองตาฝาดหรือไม่ จึงตัดสินใจขับเครื่องบินย้อนกลับมาอีกครั้ง และนั่นทำให้เขายิ่งตกใจซ้ำสอง เพราะพระชรารูปนั้นยังคงนั่งสงบนิ่งอยู่บนก้อนเมฆเหมือนเดิม  แต่คราวนี้เขาพยายามรักษาระยะห่างของเครื่องเอาไว้ เฝ้ามองพระชรารูปนั้นค่อยๆ หายลับไปในหมู่เมฆ ...

เมื่อนำเครื่องลงจอด เขารีบเข้าไปกราบนมัสการเจ้าคณะเชียงใหม่ ถามท่านว่า ที่เชียงใหม่มีพระองค์ไหนที่แสดงปาฏิหาริย์ได้  ท่านเจ้าคณะบอกว่า เห็นมีอยู่องค์หนึ่งคือ "หลวงปู่แหวน" วัดดอยแม่ปั๋ง
ทันทีที่ทราบ เขาจึงรีบตรงไปที่วัดเพื่อพิสูจน์ให้เห็นกับตา  เมื่อไปถึงก็ปรากฏว่า มีผู้คนมากมายมารอพบหลวงปู่แหวนเต็มไปหมด  ปกติแล้ว หลวงปู่แหวนจะไม่ยอมออกมาพบปะใครง่ายๆ ด้วยความที่ท่านเป็นพระที่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องและหนีคนตามอุปนิสัยเดิม  ท่านจะออกมาจากห้องก็เฉพาะเวลาฉันเช้าและเจริญพระพุทธมนต์เท่านั้น
นายทหารคนนี้ไปถึงวัดในตอนเช้า เหลือเชื่อว่าเป็นเวลาที่หลวงปู่แหวนออกจากห้องมาฉันเช้าพอดี ... และเมื่อเห็นท่าน นายทหารก็ถึงกับตกตะลึงซ้ำสาม เพราะหลวงปู่แหวนที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าก็คือพระชราที่เขาเห็นนั่งอยู่บนก้อนเมฆนั่นเอง!!

"หลวงปู่แหวน สุจิณโณ" นั้นเป็นที่รู้จักกันในหมู่พระวิปัสสนาจารย์ว่า ท่านเป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และเป็นพระอรหันต์  แต่สิ่งที่ทำให้หลวงปู่แหวนเป็นที่รู้จักกันทั้งประเทศนั้นหาใช่วัตรปฏิบัติในทางธรรมของท่านไม่ หากแต่เป็นเรื่องของ "ปาฏิหาริย์"
และนับตั้งแต่มีการโจษขานเล่าลือกันว่า หลวงปู่แหวนมีปาฏิหาริย์หลายอย่าง ปาฏิหาริย์ที่กลายเป็นกรณีคลาสสิกที่สุดกรณีหนึ่งก็คือ "กรณีหลวงปู่แหวนเหาะได้" นั่นเอง
เรื่องนี้มีบันทึกไว้ในหนังสือ "พระธาตุปาฏิหาริย์" ของนิตยสารโลกทิพย์ ตามคำบอกเล่าของหลวงพ่อฤษีลิงดำ ซึ่งถ้าหากจะนำคำบอกเล่าดังกล่าวมาเรียบเรียงใหม่ ภาพที่ได้ก็จะเป็นอย่างที่นำมาเล่าไว้ในตอนต้น ... ชนิดที่ว่า เล่าซ้ำกี่ทีก็ได้ ไม่มีเบื่อ
ที่น่าสนใจ เรื่องนี้ไม่ได้โจษจันเล่าขานกันเฉพาะในหมู่ชาวพุทธไทยเท่านั้น  แม้แต่ฝรั่งมังค่าเองก็ให้ความสนใจด้วย ถึงขนาดส่งนักข่าวมาทำสกู๊ปข่าวเลยทีเดียว ... ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามกันได้ในตอนต่อไป

ที่มา : หนังสือ "บารมีธรรมพระอรหันต์ ปาฏิหาริย์เป็นเรื่องธรรมดา" โดย เนรัญชลา

http://www.partiharn.com/contents/147573/

เคยได้อ่านบันทึกหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านว่า ยามหลวงปู่แหวนท่านเสกของ ท่านกำหนดจิตเพียงพักเดียว แต่ท่านอัญเชิญพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายทั้งปวง มาร่วมอธิฐานจิต ซึ่งมีจำนวนเหลือคนานับ ของที่ท่านเสก จึงศักดิ์สิทธิ์เพราะสำเร็จด้วยจิตที่บริสุทธิ์
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้