ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1355
ตอบกลับ: 0
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ม.ร.ว.ชื่น สุจิตฺโต

[คัดลอกลิงก์]
#โปรดสละเวลาอ่านสักนิด
ในสมัยรัชกาลที่ ๗ มีสมเด็จพระราชาคณะ ๒ องค์ที่นอกจากเกิดปีเดียวกันแล้ว ยังได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะในปีเดียวกัน อีกทั้งได้รับเลือกเป็นประธานกรรมการมหาเถรสมาคม บัญชาการคณะสงฆ์แทนสมเด็จพระสังฆราชเจ้าในปีเดียวกันอีกด้วย แต่อุปนิสัยของทั้ง ๒ องค์กลับแตกต่างอย่างมาก จนมีคนตั้งฉายาคล้องจองกันว่า “#พูดเล่นไม่มี #พูดดีไม่เป็น”


องค์แรกนั้นคือสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) แห่งวัดเทพศิรินทร์ เป็นคนพูดจาเรียบร้อยและนุ่มนวล ไม่ชอบพูดเล่น อีกองค์นั้นคือ สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น สุจิตฺโต) แห่งวัดบวรนิเวศ ซึ่งภายหลังได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงมีอุปนิสัยพูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม และมีอารมณ์ขัน #แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ เป็นผู้ใฝ่ธรรม มีเมตตา #อยู่อย่างสมถะ และ #ไม่ติดในยศฐาบรรดาศักดิ์


ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นผู้หนึ่งที่รู้จักสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ตั้งแต่เล็ก เล่าว่าคราวหนึ่งนำแกงที่บิดาชอบไปถวายสมเด็จ ฯ ท่านรับประเคนแล้วก็ยังเฉยอยู่ จึงทูลว่า


“ต้องขอแรงเป็นพิเศษ #ฉันแกงสักช้อนหนึ่งเถิด จะได้กรวดน้ำไปให้พ่อได้กิน เพราะพ่อชอบกินแกงอย่างนี้”


“อ๋อ” สมเด็จ ฯ ตอบ “#เอ็งเห็นพระเป็นตู้ไปรษณีย์หรือ??”
“ใช่ ฉันให้หน่อยเถอะน่า จะได้สบายใจ”
ได้ยินเช่นนั้น ท่านก็ยอมฉันให้


อีกคราวหนึ่ง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ นำด้วงโสนไปถวายท่าน เนื่องจากเป็นอาหารโปรดของมารดาท่าน ด้วงโสนนั้นยาวขนาดนิ้วก้อย เกิดในต้นโสน มองเผิน ๆ เหมือนหนอนตัวโต ๆ
เมื่อท่านรับประเคนแล้ว ก็มองดูด้วงในชาม ครั้นเห็นแล้วก็หดมือ ถามว่า


“นั่นอะไร?”
“ด้วงโสน”
“ไม่กินว่ะ #ใครจะไปกินหนอน”


“เอาหน่อยน่า แม่ชอบกิน” ม.ร.ว.คึกฤทธิ์รบเร้า
“วันนี้ ไปรษณีย์ปิดโว้ย”


สมเด็จ ฯ ว่า “กันกินไม่เป็น เห็นเข้าก็คลื่นไส้ ใครจะไปกินลง”
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะ”
“เอ็งกินเข้าไปเองก็แล้วกัน”
“มันก็ไม่ถึงแม่นะซี” ม.ร.ว.คึกฤทธิ์แย้ง
“นั่นแหละ ดีกว่าอะไรทั้งหมด”


สมเด็จ ฯ ว่า “พ่อแม่นั้นรักลูกยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น พ่อแม่ยอมอดเพื่อให้ลูกได้กิน ถ้าแม่เอ็งรู้ว่าเอ็งได้กินสิ่งที่เขาชอบ เขาก็คงดีใจมาก ทำให้พ่อแม่ได้ยินดี มีความสุขใจนั้น เป็นบุญหนักหนาอยู่แล้ว”


ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ เล่าว่า “ผมเอาฝาชามปิดด้วงโสน แล้วถอนออกมาวางไว้ห่าง ก้มลงกราบสมเด็จ ฯ น้ำตากลบลูกตา
ตั้งแต่เกิดมาเป็นตัว #ไม่เคยได้กินด้วงโสนอะไรอร่อยเท่าวันนั้น”


นอกจากไม่ติดในพิธีรีตองแล้ว สมเด็จ ฯ ยังเป็นคนที่ไม่เสแสร้ง รู้สึกอย่างไรก็พูด โดยไม่สนใจเรื่องภาพลักษณ์ คราวหนึ่งท่านอาพาธ ถึงขั้นผ่าท้อง ตัดลำไส้ ระหว่างที่พักฟื้น ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ได้ไปเยี่ยมท่าน ทูลถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ท่านตอบว่า “รู้อยู่แล้วว่าเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นทุกข์ รู้อยู่แล้วว่าสังขารทั้งหลายไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน และเป็นทุกข์ #แต่ทั้งรู้อย่างนั้นมันก็ยังเจ็บจริงโว้ย”


ประมาณปี ๒๔๙๐ ท่านพุทธทาสภิกขุ ซึ่งตอนนั้นเป็นภิกษุหนุ่มวัย ๔๑ ได้แสดงปาฐกถาเรื่อง “ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม” ที่พุทธสมาคม กรุงเทพ ฯ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงตามมา จนท่านถูกกล่าวหาว่ารับแผนของคอมมิวนิสต์มาทำลายศาสนา เมื่อเรื่องราวทำท่าจะบานปลาย พระศาสนโสภณ วัดราชาธิวาส ได้ช่วยเหลือด้วยการนำท่านพุทธทาสมาเข้าเฝ้าสมเด็จ ฯ ซึ่งตอนนั้นได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้าแล้ว หลังจากที่ท่านพุทธทาสอธิบายกราบทูลจนกระจ่างแล้ว ก็ทรงมีมติว่า ท่านพุทธทาสไม่มีความผิดแต่อย่างใด


ก่อนที่ท่านพุทธทาสจะทูลลา สมเด็จ ฯ ได้รับสั่งว่า “#กันอยากไปอยู่กับแกที่สวนโมกข์เสียแล้ว #ที่นี่มันยุ่งจริงๆ”

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้