ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 4142
ตอบกลับ: 4
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

อภินิหารหลวงปู่เผือก ตอน แก้วฟ้าท่องสวรรค์

[คัดลอกลิงก์]
ขอขอบคุณ:http://www.oknation.net/blog/sitthi/2010/09/24/entry-1
พูดถึงเรื่องของนรกและสวรรค์แล้ว ต้องบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างมีความเป็นสากลครับ หนึ่งคือเกือบจะทุกศาสนาต่างมีเหมือนๆ กัน สองคือเป็นเรื่องที่คนทั่วไปรู้จักกันดีทั้งๆ ที่เกิดมาก็ยังไม่เคยเห็น คำถามจึงมีต่อมาว่าถ้าอย่างนั้นแล้วนรกและสวรรค์ตั้งอยู่ที่ไหน..
บนโลกหรือนอกโลก
บางคนบอกว่านรกและสวรรค์มีอยู่จริงและตั้งอยู่บนโลกใบนี้ เพียงแต่ที่ตั้งนั้นอยู่ต่างมิติจากพวกมนุษย์ บางคนก็บอกว่านรกและสวรรค์เป็นเรื่องของนามธรรมที่มนุษย์ได้บัญญัติขึ้น อย่าได้คิดไปแตะต้องเลยเพราะแม้แต่จะมองก็ยังไม่เห็น ดังนั้นเมื่อเริ่มต้นกันอย่างนี้ การมีอยู่จริงจึงเป็นเรื่องที่ฟังแล้วค่อนข้างทำใจให้เชื่อยาก
จะมีคำตอบให้กับเรื่องนี้อย่างไรครับ...หากว่าวันหนึ่งเราถูกขอร้องให้ต้องตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้
บางทีมันอาจจะเป็นคำตอบที่สั้นและห้วนที่สุดเท่าที่เราเคยตอบ ประมาณว่าถ้าไม่ตอบจะดีกว่า หรือบางทีคำตอบของเราอาจจะต้องอธิบายกันอย่างยืดยาว และต้องใช้ข้อมูลมากปริมาณมาค้ำยันคำตอบ
(รูปหล่อหลวงปู่เผือกองค์แรก ปัจจุบันอยู่ที่พุทธอุทยานธรรมโกศล)
ครูแก้ว อัจฉริยกุล หรือแก้วฟ้า ศิลปินอมตะของเมืองไทย” นอกจากครูแก้วจะมีผลงานการประพันธ์เพลงแล้ว ท่านยังเป็นเจ้าของคณะละครวิทยุแก้วฟ้าที่โด่งดัง ถึงในช่วงนั้นครูแก้วจะไม่มีเวลาว่างมากนัก แต่ท่านก็ยังหาโอกาสมานมัสการหลวงปู่เผือกและหมั่นปฏิบัติธรรมอยู่เสมอๆ
อาจกล่าวได้ว่าครูแก้ว อัจฉริยกุลคือหนึ่งในผู้สนใจและศึกษาลงไปในเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจังมากกว่าจะมองว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหลไม่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะการนั่งสมาธิเพื่อปรารถนาจะได้เข้าพบหลวงปู่เผือก ซึ่งถ้าเราจัดหมวดหมู่ของการเรียนรู้แล้ว ต้องบอกว่าประสบการณ์ของครูแก้วสมควรจัดอยู่ในจำพวกเรื่องที่รู้เฉพาะตัวครับ
เพื่อนของผม(บางคน) ให้ความเห็นว่าเรื่องราวแนวนี้ถึงแม้ตัวเขาจะเชื่อว่ามันเป็นจริง แต่เมื่อยังหาเหตุผลมารองรับไม่ได้ก็สมควรเก็บเงียบไว้ก่อน
ในขณะที่เพื่อนอีกบางคนก็ขอแสดงทัศนะบ้างว่า เรื่องแบบนี้มีเกิดขึ้นเกือบจะรอบโลกแล้ว โดยเฉพาะในเมืองไทยน่าจะมีสถิติการเกิดเรื่องแบบนี้มากที่สุด เขาว่า
บนเส้นทางของการเรียนรู้ สมควรได้รับการบอกเล่ามากกว่าจะเก็บไว้ในใจ
อีกประการหนึ่งคือเรื่องประสบการณ์ทางจิตมันไม่เหมือนการตอบข้อสอบที่ต้องใช้ถูกผิดมาตัดสิน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนๆ หนึ่ง ไม่จำเป็นว่าต้องเกิดขึ้นกับคนอีกหนึ่งหรือหลายคน
เรื่องของครูแก้ว อัจฉริยกุลที่ปรากฏในหนังสืออภินิหารหลวงปู่เผือก เป็นการเขียนจากคำบอกเล่าของครูแก้วเอง งานนี้นอกจากจะแสดงให้เห็นทักษะของการเล่าเรื่องแบบมืออาชีพแล้ว ความสามารถในการเรียบเรียงเรื่องราวและถ่ายทอดออกมาเป็นตัวอักษรถือเป็นเสน่ห์ที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งของผู้ที่เขียนนำเสนอครับ
สมัยก่อนโน้น ถ้าจะมีใครกล่าวถึงเรื่องของเมืองสวรรค์เมืองนรกขึ้นมา ใครคนนั้นก็จะถูกคนกลุ่มใหญ่เย้ยหยันเอาว่านำเรื่องเหลวไหลไร้สาระมาพูด หากจะมีคนยอมรับฟังและเชื่อถืออยู่บ้างก็จะเป็นเพียงคนกลุ่มน้อย ซึ่งส่วนมากเป็นคนเฒ่าคนแก่หัวธรรมะธรรโมเท่านั้น
แต่ตกมาถึงยุคสมัยนี้ เรื่องเมืองนรกเมืองสวรรค์ได้มีผู้ศึกษาค้นคว้ากันมาก แม้ในกลุ่มคนสมัยใหม่ที่มีการศึกษาสูงทั้งหนุ่มทั้งสาวต่างก็ยอมรับแล้วว่านรกสวรรค์มีจริง
แต่แม้ว่าบุคคลกลุ่มใหญ่ในยุคนี้จะยอมรับนับถือว่านรกสวรรค์มีจริง ซึ่งเป็นการกล่าวตามทฤษฏีที่ได้เคยศึกษาค้นคว้ามา หากก็ยังมีคนเป็นจำนวนน้อยที่จะมีความสามารถเช่นนั้นและจะต้องเป็นบุคคลที่มีจิตเป็นสมาธิสูง เนื่องจากมีหนทางเดียวที่มนุษย์จะเดินทางไปสู่เมืองนรกเมืองสวรรค์ได้ก็ด้วยทางสมาธิจิตเท่านั้น
และบัดนี้ บางกอกไทม์ก็ได้พบกับบุคคลอีกผู้หนึ่ง ซึ่งโดยแท้จริงแล้วจิตของเขายังไม่สูงส่งจนสามารถท่องเที่ยวไปสู่นรกสวรรค์ได้ แต่ด้วยอำนาจปาฏิหาริย์อันมหัศจรรย์ ทำให้เขาผู้นี้มีโอกาสไปท่องสวรรค์ชั้นฟ้ามาแล้วหลายครั้งหลายคราทีเดียว

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-12 14:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
จะว่าไปแล้วในอดีตที่ผ่านมา วงการหนังสือพระเครื่องของเมืองไทย ได้มีผู้เขียนเรื่องเกี่ยวกับพระเครื่องอย่างมีคุณภาพมากมายหลายท่านครับ ทุกวันนี้บทความบางตอนบางเรื่องของนักเขียนเหล่านั้น ถูกหยิบยกขึ้นมาอ้างอิงถึงบริบทต่างๆ เกี่ยวกับพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลัง  ซึ่งก็มีทั้งการอ้างอิงในเชิงวิชาการและการอ้างอิงในเชิงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์
อาจารย์พินัย ศักดิ์เสนีย์ เป็นนักเขียนเรื่องพระเครื่องที่สำคัญอีกท่านหนึ่งของเมืองไทย ผลงานของท่านมีทั้งการเขียนหนังสือแบบเป็นเล่มๆ และเขียนในลักษณะของการเป็นคอลัมนิสต์ให้กับหนังสือทั่วไป
ผลงานของอาจารย์พินัย ศักดิ์เสนีย์ที่ค่อนข้างเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายก็คือหนังสือ นามานุกรมพระเครื่อง” ซึ่งนามานุกรมพระเครื่องเป็นหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระเครื่อง พุทธลักษณะและประวัติของพระเครื่องรุ่นต่างๆ มากเกินกว่าร้อยรุ่น
ถึงผลงานของอาจารย์พินัย ศักดิ์เสนีย์อาจจะไม่ได้รับความนิยมมากเท่าผลงานของอาจารย์ตรียัมปวาย ซึ่งเป็นนักเขียนร่วมยุคสมัยเดียวกัน แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ครับว่าแนวทางการนำเสนอในแบบของอาจารย์พินัย ศักดิ์เสนีย์ ที่เน้นและเจาะลึกในเรื่องที่เกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ความเชื่อ รวมไปถึงเรื่องลึกลับต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ถือเป็นอีกมิติหนึ่งของการนำเสนอที่ถูกใจชาวบ้านเป็นอย่างมาก
ในสมัยนั้น(พ.ศ.๒๕๐๐) หนังสือพิมพ์บางกอกไทม์จัดว่าเป็นหนังสือพิมพ์ที่ประสบความสำเร็จทั้งในด้านยอดขายและความนิยม ทั้งนี้เป็นเพราะว่าหนังสือพิมพ์บางกอกไทม์เป็นหนังสือพิมพ์ที่คงเอกลักษณ์ในด้านการนำเสนอข่าวแบบชาวบ้านๆ ประมาณว่าเรื่องแปลกๆ เรื่องลึกลับๆ รวมไปถึงความเชื่อในด้านต่างๆ ของสังคมในยุคนั้น
ว่ากันว่าหากต้องการจะทราบว่าพระพุทธรูป พระเครื่องหรือพระเกจิอาจารย์ รุ่นไหน องค์ใด มีอภินิหารอย่างไร สามารถหาอ่านเรื่องราวอย่างจุใจได้จากหนังสือพิมพ์บางกอกไทม์ ใน คอลัมน์พระเครื่อง” ที่เขียนโดยอาจารย์พินัย ศักดิ์เสนีย์..
ประสบการณ์จำนวนมากมายที่เกี่ยวกับเรื่องความลึกลับและความเชื่อ ได้ถูกรื้อค้นขึ้นมาจากบรรดาผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง โดยการเดินทางเข้าสัมผัส-สัมภาษณ์ด้วยตัวของอาจารย์พินัยเอง ซึ่งเมื่ออาจารย์พินัยได้พิจารณาไตร่ตรองแล้วว่าเรื่องเหล่านั้นมีความเหมาะสมและสมควรที่จะเล่าสู่กันฟัง นั่นย่อมหมายถึงการที่ปลายปากกาจะถูกจิกลงบนหน้ากระดาษเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางและความอัศจรรย์ที่ท่านได้รับจากการไปเยือนบุคคลที่ประสบกับเหตุการณ์นั้นๆ
อย่างเช่นกรณีของ ครูแก้ว อัจฉริยะกุลกับการท่องสวรรค์” ซึ่งได้ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์บางกอกไทม์ ฉบับประจำวันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๑๒
ศิลปินแก้วฟ้าเผยประสพการณ์มหัศจรรย์กับบางกอกไทม์ ยืนยันเรื่องสวรรค์มีแน่ๆ ได้ประสบมาแล้วกับตนเอง...”
รายละเอียดมีอยู่ว่าหลังจากที่ครูแก้วประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้รับบาดเจ็บขาหักและกระดูกสะบ้าหัวเข่าแตก ท่านได้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลแต่ก็ไม่ดีขึ้น วันหนึ่งครูแก้วได้พบวิญญาณศักดิ์ของหลวงปู่เผือก อดีตเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดสาลีโข ซึ่งประทับร่างของหลวงพ่อสมภพ เตชะปุญโญ หลวงปู่เผือกได้รับครูแก้วไว้เป็นลูกบุญธรรมเนื่องด้วยอดีตชาติที่ผ่านมาครูแก้วเคยเกิดมาเป็นลูกของท่านแล้วในชาติหนึ่ง
เมื่อหลวงปู่เผือกได้ทำการรักษาอาการบาดเจ็บของครูแก้วจนหายขาด ทำให้ครูแก้วบังเกิดความเคารพเลื่อมใสในวิญญาณของหลวงปู่เผือกอย่างจริงใจจึงได้นิมนต์หลวงพ่อสมภพเพื่อให้ประทับร่างวิญญาณของหลวงปู่เผือกเพื่อจะได้สอนให้ท่านปฏิบัติวิปัสสนา โดยครูแก้วได้เดินทางไปนั่งฝึกสมาธิกับหลวงพ่อสมภพในสถานที่ซึ่งหลวงปู่เผือกท่านได้กำหนดให้รวม ๓ ครั้ง คือถ้ำแห่งหนึ่งในอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ๑ ครั้ง เชิงผาลาดในเขตท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ ๑ ครั้งและที่ถ้ำแก่งละว้า จังหวัดกาญจนบุรีอีก ๑ ครั้ง
ครูแก้วเล่าว่าเมื่อได้ฝึกสมาธิจิตตามคำสั่งของหลวงปู่เผือกดังกล่าวแล้ว คืนวันหนึ่งในปี ๒๕๐๘ หลวงปู่ได้สั่งให้นั่งสมาธิเพื่อส่งกระแสจิตติดตามท่านไป ซึ่งในขณะนั้นหลวงปู่เผือกท่านได้ประทับอยู่ในร่างของหลวงพ่อสมภพและคอยให้คำแนะนำสอบถามความเป็นไปอย่างใกล้ชิด โดยวิธีเข้าสมาธิก็คือ
ให้กราบพระและนั่งทำจิตให้สงบ สักครู่หลวงปู่ก็สั่งให้ทำจิตให้เหมือนขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้านแล้วให้มองไปทางขอบฟ้าไกลๆ จะเห็นภูเขาสูงใหญ่ลูกหนึ่งตั้งอยู่
เมื่อครูแก้วปฏิบัติตามและเห็นตามนั้นแล้ว หลวงปู่เผือกท่านก็ได้สั่งให้ครูแก้วอธิษฐานจิตให้ไปอยู่บนภูเขาแล้วก็ให้มองลงไปเบื้องล่าง ครูแก้วเล่าว่าเมื่อตัวท่านได้มองลงไป ท่านได้เห็นพระอุโบสถหลังหนึ่งตั้งอยู่กลางสระน้ำ มีบัวสีต่างๆ ชูดอกบานสะพรั่ง รอบๆ พระอุโบสถมีกำแพงแก้วล้อมไว้อีกขั้นหนึ่ง
หลวงปู่เผือกท่านได้สั่งให้ครูแก้วเข้าไปในพระอุโบสถนั้น เมื่อครูแก้วได้เข้าไปตามคำสั่งของหลวงปู่เผือก ท่านได้เห็นว่าตรงกลางของพระอุโบสถมีพานตั้งอยู่บนที่บูชาและในพานนั้นมีแสงสว่างเจิดจ้า หลวงปู่เผือกได้สั่งให้ครูแก้วกราบพานนั้น ๓ หนและให้เดินชมรอบๆ เป็นทักษิณาวัฏ ๓ รอบ โดยสถานที่แห่งนี้หลวงปู่เผือกท่านได้บอกครูแก้วว่าเป็น พระจุฬามณีที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว” (อยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์)
หลังจากนมัสการพระเขี้ยวแก้วและได้ชมครบสามรอบแล้ว หลวงปู่เผือกท่านได้สั่งให้ครูแก้วเดินทางต่อไปยังภูเขาอีกลูกหนึ่งเพื่อพบกับตัวของหลวงปู่เผือก ซึ่งเมื่อครูแก้วเดินทางไปถึงจุดนัดพบท่านก็เห็นว่าที่เชิงเขามีวิหารสวยงามตั้งอยู่หลังหนึ่ง รอบๆ บริเวณวิหารมีต้นดอกซ่อนกลิ่นปลูกเอาไว้เป็นแปลงๆ เต็มไปหมด และเมื่อครูแก้วได้เดินตรงไปยังวิหารก็มีคนๆ หนึ่งออกมาถามว่า
จะมาหาใคร
ครูแก้วจึงตอบว่าจะมาหาหลวงปู่เผือกเพราะตัวท่านเป็นลูกของหลวงปู่เผือก เมื่อครูแก้วได้รับอนุญาตให้เข้าไปพบและท่านได้เข้าไปข้างในแล้ว ท่านได้เห็นหลวงปู่เผือกนั่งอยู่บนตั่งกลางวิหารและมีพระสงฆ์นั่งรายล้อมอยู่เป็นจำนวนมาก ครูแก้วจึงได้ตรงเข้าไปกราบหลวงปู่เผือกและบรรดาพระสงฆ์เหล่านั้นด้วยความปลื้มปิติ
ซึ่งครูแก้วเข้าใจว่าหลวงปู่เผือกท่านได้แบ่งภาคมาประทับร่างและเป็นผู้นำพาท่านไปพบกับหลวงปู่เผือกด้วยตัวของหลวงปู่เผือกเอง และสถานที่อยู่ของหลวงปู่เผือกที่ท่านได้เข้ามาพบ  ในภายหลังครูแก้วได้ทราบต่อมาว่าสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่บนสวรรค์ชั้นพรหม
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-12 14:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ครูแก้วเล่าต่อไปอีกว่า เมื่อท่านได้นมัสการหลวงปู่เผือกเรียบร้อยแล้ว ท่านได้รับคำสั่งจากหลวงปู่เผือกให้เดินทางต่อไปเพื่อนมัสการหลวงปู่ฤาษี ซึ่งสำนักของหลวงปู่ฤาษีตั้งอยู่บนภูเขาอีกลูกหนึ่งที่อยู่ต่ำลงไป เมื่อครูแก้วเดินทางไปถึงภูเขาลูกนั้นก็พบว่ามีโยคีจำนวนมากนั่งอยู่ตามโขดหินและถ้ำเล็กๆ รอบๆ ภูเขา
บรรดาโยคีเหล่านั้นต่างก็นั่งบริกรรมในท่าต่างๆ กัน บางรูปยืนกางแขน บางรูปยืนขาเดียว บางรูปเอาศีรษะตั้งกับพื้นและบางรูปก็สวดมนต์เสียงดังมากตลอดเวลา และเมื่อครูแก้วเดินเข้าไปก็มีโยคีมาถามว่า
มาหาใคร
เมื่อครูแก้วตอบว่ามาหาปู่ฤาษี ท่านจึงได้รับการนำพาเข้าไปยังในถ้ำและเห็นหลวงปู่ฤาษีนั่งอยู่บนอาสนะเป็นหินและมีหน่อไม้ทองคำส่องแสงแวววาวอยู่หน้าอาสนะของท่านดอกหนึ่งด้วย รอบๆ อาสนะของหลวงปู่ฤาษียังมีสมุดข่อยจดตำหรับตำราต่างๆ กองอยู่เป็นตั้งๆ มากมาย
หลังจากที่ครูแก้วได้นมัสการและตอบคำถามบางข้อของหลวงปู่ฤาษีเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ได้รับอนุญาตให้ออกชมทิวทัศน์บริเวณรอบๆ ภูเขา ซึ่งมีลำธาร ต้นไม้และดอกไม้สวยงามมาก จากนั้นครูแก้วจึงได้รับคำสั่งจากหลวงปู่เผือกให้เดินทางกลับไปตามเส้นทางเดิมคือกลับแวะนมัสการหลวงปู่เผือก พระเขี้ยวแก้วที่จุฬามณี จนถึงบ้านก็ลืมตาขึ้น
ครูแก้วได้เล่าเพิ่มเติมต่อว่า หลังจากที่ท่านได้ขึ้นท่องสวรรค์ด้วยการนำพาของหลวงปู่เผือกในครั้งนั้นแล้ว ต่อมาท่านยังได้ทำสมาธิเดินทางไปยังสถานที่เดิมอีกหลายครั้ง โดยในครั้งหลังๆ นี้จะเป็นการเดินทางไปด้วยตนเอง โดยเพียงแต่รับคำแนะนำและการฝึกปฏิบัติจากหลวงปู่ล่วงหน้าเท่านั้น
แต่ต่อมาภายหลังครูแก้วท่านได้มีภารกิจมากขึ้น ทำให้ท่านไม่มีเวลาปฏิบัติวิปัสสนา ครั้นเมื่อขาดการปฏิบัติติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนาน ในที่สุดการส่งกระแสจิตไปสวรรค์จึงไม่สามารถกระทำได้อีก ซึ่งในประเด็นการเดินทางไปสวรรค์นี้ครูแก้วบอกว่า ขณะที่ท่านได้ส่งกระแสจิตออกท่องเที่ยว ท่านมีสติและรู้สึกตัวตลอดเวลา ภาพที่เห็นก็ชัดเจนอย่างยิ่ง ฉะนั้นจึงมิใช่เป็นการนั่งฝันแต่อย่างใด
สำหรับหลวงปู่ฤาษีนั้น ครูแก้วบอกว่าท่านชื่อ ฤาษีแสงอาทิตย์” มีความคุ้นเคยกับหลวงปู่เผือกตั้งแต่สมัยที่หลวงปู่เผือกยังมีชีวิตอยู่และส่งญาณพบกันจึงได้คุยกันทางญาณจนมีความคุ้นเคย หลวงปู่ฤาษีท่านเป็นชาวภารตะและแต่งตัวคล้ายโยคี เวลาพูดด้วยต้องใช้ภาษาทางจิตโต้ตอบกัน รูปร่างลักษณะของหลวงปู่ฤาษีครูแก้วบอกว่าในขณะที่ท่านได้พบดูไม่ออกมาจะเป็นคนแก่หรือคนหนุ่ม
ครูแก้วจึงสันนิษฐานว่าหลวงปู่ฤาษียังมีชีวิตอยู่และจะต้องมีอายุที่ยืนยาวนานแน่ๆ เพราะตอนที่หลวงปู่ฤาษีนัดพบกับหลวงปู่เผือกจะอยู่ในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา ในส่วนสถานที่พำนักของหลวงปู่ฤาษีนั้น ครูแก้วให้ความเห็นว่าน่าจะเป็นสถานที่บนโลกมนุษย์ ไม่ได้อยู่บนสวรรค์เหมือนหลวงปู่เผือกและพระจุฬามณีที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว เหตุผลคือเพราะทั้งหลวงปู่ฤาษีและโยคีท่านอื่นๆ ที่ครูแก้วได้มองเห็นต่างเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตทั้งสิ้น...
ครับ-เรื่องราวของครูแก้ว อัจฉริยกุลกับหลวงปู่เผือก ธัมมะโกศโล หรือพระครูธรรมโกศล เป็นเรื่องของ “ความเชื่อและความศรัทธา” ที่ค่อนข้างเด่นชัดและยืนยงมาอย่างยาวนาน ดังจะเห็นได้จากกิจกรรมหลายๆ อย่างของครูแก้วที่ท่านได้ร่วมทำกับบรรดาลูกศิษย์ท่านอื่นๆ เช่นการมีส่วนร่วมในการขออนุญาตหลวงปู่เผือก เพื่อหล่อรูปเหมือนหลวงปู่เผือกให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป
ซึ่งในการหล่อรูปเหมือนของหลวงปู่เผือกก็มิใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ ครับ เนื่องจากลูกศิษย์แต่ละคนตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยมีใครได้พบหรือเห็นหลวงปู่เผือกสักคน ดังนั้นการหล่อจึงต้องใช้บริการจากอาจารย์พนม สุวรรณบุณย์ ที่ต้องเพียรนั่งหลับตาเข้าสมาธิจึงจะสามารถเห็นรูปร่างของหลวงปู่เผือกได้
(ภาพที่ปรากฏในสมาธิของอาจารย์พนม สุวรรณบุณย์)
อย่างไรก็ตามในยุคสมัยนั้น เรื่องของการนั่งสมาธิและสามารถเห็นบางสิ่งบางอย่างได้นั้น มีเกิดขึ้นกับครูบาอาจารย์หลายท่าน เช่น อาจารย์ทวี ทิวแก้ว หลวงพ่อบ๋าวเอิง ฯลฯ ในส่วนของครูแก้ว อัจฉริยกุล ถึงแม้ท่านจะมีคุณธรรมและสมาธิไม่ถึงท่านเหล่านั้น แต่ก็ด้วยการยื่นมือเข้ามาช่วยของหลวงปู่เผือก จึงทำให้ครูแก้วสามารถเห็นสิ่งที่แปลกมหัศจรรย์ได้พอสมควร
จริงอยู่ถึงแม้เรื่องเหล่านี้จะพิสูจน์ไม่ได้ชัดเจนในเชิงประจักษ์ แต่ในแง่ของจิตวิญญาณแล้ว เรื่องเหล่านี้เหมือนเป็นฉากสะท้อนว่าบางสิ่งที่มองไม่เห็นนั้นไม่ใช่ว่ามันจะไม่ได้มีอยู่จริง
คติความเชื่อในเรื่องของนรกและสวรรค์นี้ ค่อนข้างมีความหลากหลายและอาจไม่สอดคล้องตรงกันเท่าใดนัก ประมาณว่าต่างคนต่างเห็น จึงมิอาจหาข้อยุติได้ชัดเจน
แต่สำหรับลูกศิษย์ของหลวงปู่เผือกและหลวงพ่อสมภพแล้ว เรื่องของครูแก้ว อัจฉริยกุลหรือแก้วฟ้า ถือเป็นประสบการณ์หนึ่งในอีกหลายร้อยหลายพันประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกศิษย์สำนักนี้
ย้อนหลังไปในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ กรุงศรีอยุธยาต้องตกเป็นของพม่า..
พระภิกษุองค์หนึ่งต้องรับภาระในการคุ้มครองคนไทยอพยพหนีภัยสงครามจากกรุงศรีอยุธยามาจนถึงสุดแนวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งบริเวณนั้นมีทุ่งข้าวสาลีขึ้นเต็มไปหมด
ปัจจุบันพระภิกษุรูปนั้นได้กลายมาเป็นทิพย์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ คอยคุ้มครองบรรดาลูกศิษย์และผู้ที่เคารพเลื่อมใสอย่างใกล้ชิดมากที่สุด โดยไม่แบ่งเพศ วัย หรือฐานะ
ขอเพียงผู้นั้นเอ่ยภาวนา
อะระหัง สุคะโต ภะคะวา
...สวัสดีครับ
กราบๆๆ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้