เซียนแป๊ะโค้ว ผู้พ่ายรัก แห่งหัวตะเข้ บางครั้งคนเรา จะเจอเรื่องผิดหวังอย่างรุนแรง หรือกิจการแล้วล้มละลาย แต่ถ้าเราไม่ยอมท้อต่อชีวิต ไม่คิดสั้นหรือทำร้ายตัวเอง อาจจะเจอสิ่งที่ดีกว่า ถือว่าประสบความสำเร็จมากกว่าที่เคยเป็นอีก ดังเรื่องเซียนแป๊ะโค้ว ผู้พ่ายรัก ท่านถูกโชคชะตาเล่นงานแบบสาหัสสากรรฉ์ ถ้าท่านไม่เข้มแข็ง ไม่ฆ่าตัวตาย ชีวิตก็คงอับปางไม่เหลือชิ้นดี เซียนแป๊ะโค้ว เดิมท่านชื่อเอียะฮง แซ่เล้า เป็นหนุ่มซินตึ๊ง มาจากเมืองจีน หวังมาหาความเจริญที่เมืองไทย เมื่อแรก มาอยู่เมืองไทย ได้มาทำงาน เป็นเด็กฝึกงาน ที่ร้านแถวเยาวราช เนื่องด้วยท่านเป็นคนฉลาดขยันขันแข็งได้ไต่เต้าจนได้เป็นหลงจู๊(ผู้จัดการ)ของร้าน ตอนหลังท่านพิจารณาว่า การกินเงินเดือน เป็นมนุษย์เงินเดือน มั่นคงดีแต่รวยช้า ท่านจึงคิดไปทำสวนผลไม้ เพราะสมัยนั้นคนทำสวนยังมีน้อย จึงขอลาออกจากเถ้าแก่ ตอนแรกเถ้าแก่ก็ไม่ยอม แต่พอเห็นว่าทัดทานยังไงก็ไม่ได้ จึงได้มอบเงินให้ก้อนหนึ่งไปลงทุน ท่านได้เช่าอยู่ที่ปัจจุบันเรียกว่า หัวตะเข้ ด้วยความขยันขันแข็ง และความรู้ทางด้านเกษตร ทำให้กิจการของท่านเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ไปสะดุดใจ เจ้าของที่ดินที่ท่านเช่า เจ้าของที่ดินมีลูกสาวอยู่หนึ่ง ชื่อมาลัย เจ้าของที่ดิน จึงลองมาทาบทามดู ว่ามีครอบครัวที่เมืองจีนหรือเปล่า ท่านก็ตอบว่ายังไม่มี เขาเลยถามอีกว่า คิดมีครอบครัวบ้างหรือเปล่า ท่านก็ตอบว่า คิดอยู่จะได้ช่วยกันทำมาหากิน เจ้าของที่ดินจึงบอกว่า จะยกลูกสาวให้ สมัยโน้นการแต่งงาน ส่วนมากเกิดจากผู้ใหญ่ชักพา
แต่แล้ว ขณะชีวิตกำลังไปได้ดี แม่ของท่านได้ส่งจดหมายมาบอก ว่าได้ทาบทามผู้หญิงให้แล้ว ให้รีบกลับมาแต่งงาน ทำให้ท่านรู้สึกแย่มาก เพราะกับสาวมาลัย ได้ปูพื้นความรักขึ้นมาแล้ว แต่ด้วยความกตัญญู คนจีนสมัยก่อน จะมีความกตัญญูต่อพ่อแม่มาก สิ่งใดที่พ่อแม่ต้องการ ก็จะไม่ขัดใจท่าน อาจจะเป็นเพราะความกตัญญู ทำให้คนจีนสมัยก่อนจึงร่ำรวย ทำกิจการใดก็ประสบความสำเร็จ ด้วยความกตัญญูต่อแม่นี้ ท่านจึงยอมตัดใจจากคนรัก เดินทางกลับประเทศจีน สมัยโน้น สมัยรัชกาลที่ห้า การเดินทางด้วยเรือสำเภา ใช้เวลายาวนานมาก กว่าจะถึงเมืองจีนใช้เวลาหลายเดือน เมื่อไปถึงปรากฏว่า สาวที่แม่เลือกให้ได้แต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว ท่านจึงอยู่ปฏิบัติแม่เพราะจากมาหลายปีอีกสองเดือน จึงเดินทางกลับไทย แต่เมื่อมาถึงทางนี้ ท่านก็ต้องหัวใจสลาย สาวมาลัยได้แต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว ขณะที่ท่านเดินใจลอยสะเปะสะปะ ผ่านศาลเจ้า ก็มีเสียงลึกลับว่า ท่านเซียนแป๊ะโค้ว โพธิสัตว์ เชิญมาพำนักที่นี่ หลังจากนั้น ท่านจึงอยู่ปฏิบัติธรรมที่ศาลเจ้าแห่งนั้น คนพอเรื่องเดือดร้อน มาขอให้ท่านช่วย ท่านก็สงเคราะห์ช่วยเหลือไป จนคนร่ำลือความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน เรียกท่านว่าเซียนบ้าง
|