ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3059
ตอบกลับ: 6
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

8 สิ่งน่ารู้คู่ปีลิง เรื่อง ′ซนๆ′ ของนักษัตรลำดับที่ 9

[คัดลอกลิงก์]
โดย: ธิม โพธิศาสตร์



บอกลาปีมะแมกันไปหลายวันแล้ว ปี 2558 อาจเป็นปีที่หนักหนาสำหรับบางคน  แต่เชื่อว่าอีกหลายคน "สนุก สุข สมหวัง" และสร้างสิ่งดีๆ  ให้กับชีวิตได้แม้สภาพเศรษฐกิจจะไม่คึกคักนัก

เริ่มศักราชใหม่ 2559 กับ "ปีวอก" นักษัตรลำดับที่ 9 ก็ไม่มีอะไรมาก ขอให้เป็นลิงที่คึกคัก ช่วยปลุกพลังในตัวคนไทยให้ก้าวเดินต่อไปอย่างมีความหวัง... แม้ในยามที่มืดมิด ความหวังอาจเป็นสิ่งเดียวที่ส่องทางจนเราหาทางออกได้

ถือโอกาสต้อนรับปีวอก  ด้วยหลากหลายเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ "ลิง"


สิ่งมีชีวิตที่มีความเป็นมนุษย์มากที่สุด

ลิงเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีความใกล้ชิดกับมนุษย์มากที่สุดในแง่ของโครงสร้างทางชีววิทยาหลายทฤษฎีทำให้เราแน่ใจว่ามนุษย์วิวัฒนาการมาจากลิง

แต่ในความเป็น"ลิง"ยังแบ่งเป็น"ลิงมีหาง" (monkey) กับ "ลิงไม่มีหาง" (ape) ซึ่งอย่างหลังนี้เองที่นับเป็นวงศาคณาญาติกับเรา

สิ่งมีชีวิตที่ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ "ลิงไม่มีหาง" นอกจากชะนี กอริลลา โบโนโบ อุรังอุตัง  และลิงชิมแปนซีที่ถือเป็นเอปที่ใกล้ชิดกับมนุษย์มากที่สุดแล้ว  มนุษย์เรายังจัดอยู่ในประเภทหนึ่งของเอปด้วย จึงไม่แปลกที่ลิงจะถูกใช้เป็นสัตว์ทดลอง  เสี่ยงตายแทนมนุษย์ที่คิดว่าเผ่าพันธุ์ตัวเองประเสริฐที่สุด

ขณะเดียวกันเมื่อปี 2554 ผู้ผลิตภาพยนตร์จากฮอลลีวูดก็สร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับวิวัฒนาการของลิงในห้องทดลองเรื่อง Rise of the  planet of the Ape - กำเนิดพิภพวานร ได้รับความสำเร็จอย่างมากจนทีมสร้างคลอดภาค 2 ออกมาเมื่อปี 2557

นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์อีกหลายเรื่องที่นำเสนอสัญลักษณ์บางอย่างโดยใช้ลิงเป็นภาพตัวแทน เช่น  คิงคอง - เป็นตัวแทนของพวกบ้านนอกเข้ากรุง ที่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้กับความศิวิไลซ์ของเมืองอันทันสมัย, เมาคลีลูกหมาป่า - พวกลิงบันดาโล้ก สกปรกไม่มีระเบียบ ที่เมาคลีคบค้าด้วย  แม้จะมีลักษณะทางกายภาพใกล้เคียงกัน แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่าอย่างไรเสียมนุษย์ก็เหนือกว่า  หรือจะเป็นในเรื่อง เดอะไลอ้อนคิง - ลิงแมนดริลอาวุโสนามว่าราฟิกิ ซึ่งเป็นที่เคารพของเหล่าสัตว์ทั้งปวง  ก็สะท้อนให้เห็นว่าแม้แต่เจ้าป่าผู้พ่อ (มูฟาซา) กระทั่งเจ้าป่าผู้ลูก (ซิมบ้า) ยังต้องให้ความเคารพยำเกรงลิงเฒ่า


′วอก′ นักษัตรที่ 9

คนเกิดปีวอกที่มีชื่อเสียง อาทิ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี, บรรหาร  ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี, โหน่ง-วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ผู้ก่อตั้งนิตยสาร a Day, อมิตา ทาทายัง  นักร้องขวัญใจวัยรุ่น

บุคลิกลักษณะของคนเกิดปีนี้อาจเชื่อมโยงได้กับ "ลิง" นั่นคือการเป็นคนสนุกสนาน ร่าเริง คล่องแคล่ว อยู่นิ่งไม่ค่อยได้  สามารถทำให้เรื่องน่าเบื่อกลายเป็นเรื่องสนุกได้ง่ายๆ แถมยังมีความคิดสร้างสรรค์ แก้ปัญหาเก่ง  ถนัดเข้าสังคม มีความอยากรู้อยากเห็น อีกด้านหนึ่งคือมีจิตใจละเอียดอ่อน เป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์  เป็นคนรักที่อ่อนหวาน แต่ว่าก็โลเล  รักง่ายหน่ายเร็ว

ลักษณะทั่วไปของคนปีวอกอีกอย่างคือมักโมโหร้าย  รู้สึกอย่างไรมักแสดงออกมาทางสีหน้า บางครั้งก็ขาดเหตุผลและสร้างภาพว่าตัวเองทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ  ฉลาดแกมโกง ใครจะว่าอย่างไรก็ไม่สนใจ


กางเกงลิง

ก่อนที่แฟชั่นตะวันตกจะมาเป็นที่นิยมในสยาม หญิงไทยนุ่งโจงกระเบน  กระทั่งสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อหมอบรัดเลย์เห็นว่าในสยามมีชาวต่างชาติจำนวนมาก  เขาจึงนำกางเกงที่ใส่กับกระโปรงแบบแหม่มเข้ามาขายด้วย ชาวสยามสมัยนั้นก็ได้รับอิทธิพล  แต่แทนที่จะเรียกชื่อ "ลิงเจอรี" ซึ่งเป็นคำในภาษาฝรั่งเศส Lingerie คนไทยกลับเรียกสั้นๆ ง่ายๆ ว่า "กางเกงลิง"

อืม... นะ ก็เข้าใจง่ายดี ความหมายดูซุกซน น่ารักน่าหยิก

ปัจจุบันกางเกงชั้นในสตรีมีรูปร่างหน้าตา เนื้อผ้าหลากหลาย  วัตถุประสงค์ในการใส่ก็มากขึ้นเช่นกัน ก่อนจะมีหน้าตาเช่นปัจจุบัน มันเคยยาวถึงหัวเข่า เรียกว่า bloomers เพราะสาวๆ ชอบทำกิจกรรมที่โลดโผนมากขึ้น เช่น ขี่ม้า เล่นเทนนิส ขี่จักรยาน  กระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สาวๆ นิยมใส่กระโปรงสั้นขึ้น  กางเกงชั้นในจึงเปลี่ยนไปกลายเป็นกางเกงขาสั้นระดับก้น ใช้ผ้า linen (ลินิน) (ซึ่งภาษาฝรั่งเศสเรียก "lin") ที่สร้างความอบอุ่นแก่ร่างกาย นอกจากนี้ยังมีการประดับด้วยผ้าชีฟอง ผ้าซาติน  และลูกไม้

แต่กางเกงชั้นในที่เก่าแก่ที่สุดที่ปรากฏหลักฐานนั้นเป็นของฟาโรห์ทุตอังค์อามุน (Tutankhamun) นับย้อนได้ถึง 1323 ปีก่อนคริสตกาล โดยกางเกงชั้นในที่มีลักษณะคล้าย "ผ้าเตี่ยว"



2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-1-5 07:49 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


(ซ้าย) "เบเกอร์" ลิงผู้พิชิตอวกาศสำเร็จในปี 1959 และใช้ชีวิตซุกซนไปอีกถึง 25 ปี (ขวาบน) Rise of the planet of the  Ape-กำเนิดพิภพวานร ภาพยนตร์เกี่ยวกับวิวัฒนาการของลิงในห้องทดลอง ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย (ภาพจาก http://www.business2community.co ... g-revealed-01069316)  (ขวาล่าง) "มิซะรุ-คิกะซะรุ-อิวะซะรุ" ลิงปิดตา ปิดหู ปิดปาก  ปรากฏบนภาพแกะสลักบนแผ่นไม้ตามศาลเจ้าในญี่ปุ่น (ภาพจาก ภาพจาก www.gojapango.com)


ปิดตา-ปิดหู-ปิดปาก

ปริศนาธรรมที่หมายถึง "การไม่รับรู้โดยการมองในสิ่งที่ไม่ดี การไม่ฟังในสิ่งที่ไม่ดี และการไม่กล่าววาจาในสิ่งที่ไม่ดี" ภาษาญี่ปุ่นเรียก ซันซะรุ หรือซันเอ็ง

ต้นกำเนิดของลิง 3 ตัวนี้อยู่ที่ญี่ปุ่น  ภาพแกะสลักฝีมือของจินโกโร่ ฮิดาริ (Jingoro Hidari) บนบานประตูของศาลเจ้านิกโกโทโช (Nikko-ToshoGu) จังหวัดโทงิจิ ที่สร้างขึ้นสมัยศตวรรษที่ 17 เพื่ออุทิศให้กับโชกุนอิเอยาสุ โทกุกาวะ (Ieyasu Tokugawa) ปรัชญาของปริศนาธรรม น่าจะมาพร้อมกับปริศนาธรรมของศาสนาพุทธนิกายเทียนไท้  ที่มาจากประเทศจีนในช่วงศตวรรษที่ 8 ในคัมภีร์ของหลักขงจื้อ ถอดความได้ว่า "ไม่มองในสิ่งที่ค้านกับความเหมาะสม ไม่ฟังในสิ่งที่ค้านกับความเหมาะสม ไม่กระทำ (เคลื่อนไหว) ในสิ่งที่ไม่เหมาะสม"

เมื่อปรัชญาเดินทางมาถึงญี่ปุ่น  จึงถูกทำให้กระชับและได้ใจความขึ้น

"มิซะรุ" ใช้มือปิดตา หมายถึงการไม่รับรู้  โดยการมองในสิ่งที่ไม่ดี รู้จักควบคุมการมองว่าอะไรควรมอง อะไรไม่ควรมอง อย่าเชื่อสิ่งที่มองเห็นทั้งหมด  เพราะสิ่งที่เราเห็นก็ไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด อย่าตัดสินคนทันทีที่ได้เห็น

"คิกะซะรุ" ใช้มือปิดหู หมายถึง การไม่ฟังในสิ่งที่ไม่ดี ควบคุมว่าอะไรที่ควรฟัง อะไรไม่ควรฟัง ฟังหูไว้หู  แยกแยะในสิ่งที่ฟังมา วิเคราะห์ว่าเป็นอย่างไร ใช้เหตุผลประกอบ  อย่าเชื่อทั้งหมดที่ได้ฟัง

"อิวะซะรุ" ใช้มือปิดปาก หมายถึงการไม่พูดกล่าววาจาในสิ่งที่ไม่ดี  รู้จักควบคุมว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด ต้องไตร่ตรอง คิด พิจารณาให้ดีก่อน  เพราะบางครั้งคำพูดเราอาจกระทบคนอื่นได้โดยไม่รู้ตัว  หรืออาจนำความเสียหายมาสู่ตัวเองหรือองค์กรได้

บ้างก็เพิ่มลิงตัวที่สี่ "ชิซะรุ" บ่งบอกถึงการกระทำในสิ่งที่ไม่ดี โดยใช้มือสองข้างปิดท้องหรืออวัยวะเพศ  บางครั้งก็นำมือสองข้างไขว้กัน

แม้ในคำสอนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับลิง ในภาษาญี่ปุ่น ซะรุ (zaru) นั้นคือการออกเสียงส่วนที่ต่อท้ายคำสำหรับ saru ที่หมายถึงลิง ทั้งนี้  การตีความลิงสามตัวแตกต่างกันกันไป มีการเพิ่มเติมและแปลตามลักษณะโวหารที่เกี่ยวกับการคิดดี พูดดี ทำดี  ชาวตะวันตกตีความว่าลิงสามตัวหมายถึงความไม่ประมาท โดยมองว่าเป็นการไม่ยอมรับหรือไม่รับรู้ในสิ่งนั้น  หรือแสร้งที่จะไม่รู้ Seeing no Evil, Speaking no Evil and Hearing no Evil

ลิง 3 ตัวก็เหมือนกับมนุษย์ ที่แต่ละคนก็มีความแตกต่างกัน ลิงตัวเดียวไม่สามารถปิดตา ปิดหู  และปิดปากได้พร้อมกัน เพราะมีเพียง 2 มือเท่านั้น  ก็เหมือนกับมนุษย์ที่ไม่สามารถทำอะไรหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน จึงขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่ละสถานการณ์  ว่าควรเลือกใช้แบบใด

และอาจตีความว่าหมายถึงการสำรวมอินทรีย์ในทางพุทธศาสนา  เพราะสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ที่เกิดแก่จิตใจเรานั้นมาจากตา หู  และปากของเรา

"ปิด-ปิด-ปิด" กับ "เปิด-เปิด-เปิด"  (พุทธรรมโดยท่านพุทธทาส)

ปิด ปิด ตา อย่าสอดส่าย  ให้เกินเหตุ       บางประเภท แกล้งทำบอด ยอดกุศล
มัวสอดรู้ สอดเห็น  จะเป็นคน-                เอาไฟลนตนไปจนไหม้โพลง
ปิด ปิด หู อย่าให้แส่ ไปฟังเรื่อง              ที่เป็นเครื่อง กวนใจ ให้หม่นหมอง
หรือเร้าใจ ให้ฟุ้งซ่าน  พาลลำพอง           ผิดทำนอง คนฉลาด อนาจใจ
ปิด  ปิด ปาก อย่าพูดมาก เกินจำเป็น        จะเป็นคน ปากเหม็น  เขาคลื่นไส้
ต้องเกิดเรื่อง เยิ่นเย้อ  เสมอไป                ถ้าหุบปาก มากไว้ ได้แท่งทองฯ
เปิด เปิด ตา ให้รับแสง แห่งพระธรรม      ยิ่งมืดค่ำ ยิ่งเห็นชัด ถนัดถนี่
สมาธิมาก ยิ่งเห็นชัด  ถนัดดี                   นี่วิธีเปิดตาใจใช้กันมาฯ
เปิด เปิด หู ให้ยินเสียง สำเนียงธรรม        ทั้งเช้าค่ำ มีก้องไป  ในโลกหล้า
ล้านล้านปี ฟังให้ชัด  เต็มอัตรา                 คือเสียงแห่ง สุญญตา ค่าสุดใจ
เปิด เปิด ปาก สนทนา  พูดจาธรรม           วันยังค่ำ อย่าพูด  เรื่องเหลวไหล
พูดแต่เรื่อง ดับทุกข์ได้  โดยสัจจนัย          ไม่เท่าไหร่ เราทิ้งโลก  พ้นโศกแลฯ



3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-1-5 07:50 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
′ลิง′ หนึ่งในผู้บุกเบิกเส้นทางสู่อวกาศ

สุนัขชื่อไลก้า  อาจเป็นที่รู้จักมากที่สุดในฐานะสัตว์ตัวแรกๆ ที่ได้เดินทางสู่อวกาศ เมื่อ  ค.ศ.1957

แต่ก่อนหน้านั้น "ลิง" ก็ได้รับคัดเลือกให้ปฏิบัติภารกิจสำคัญนี้

"อัลเบิร์ตที่ 1" เป็นลิงตัวแรกที่ถูกส่งไปนอกโลกกับยานอวกาศเมื่อปี 1948 แต่มันไปไม่ถึงระดับ 100 กิโลเมตรจากพื้นโลก (อวกาศคือพื้นที่ที่อยู่ห่างจากโลกมากกว่า 100 กิโลเมตร มีเส้น Karmin Line ซึ่งเป็นเส้นพรมแดนระหว่างชั้นบรรยากาศโลกกับอวกาศ) มันก็ขาดอากาศหายใจ  แต่ลิงที่ถือว่าเป็นตัวแรกที่ขึ้นสู่อวกาศข้ามเส้น Karmin Line ได้คือ *อัลเบิร์ตที่ 2* ที่ไปได้ไกลถึง 134 กิโลเมตร แต่มันก็เสียชีวิตลงเพราะปัญหาขัดข้องกับร่มชูชีพของแคปซูลที่โดยสารกลับสู่พื้นโลก  นั่นทำให้ลิงตัวแรกที่เดินทางสู่อวกาศและกลับสู่พื้นโลกอย่างปลอดภัยเป็น "อัลเบิร์ตที่ 6" (หรือ Yodrick) กับหนูอีก 11 ตัวที่ทัวร์อวกาศพร้อมกัน เมื่อปี 1951 แต่ก็ตายใน 2 ชั่วโมงหลังถึงพื้นโลก

แต่ลิงที่โชคดีที่สุดที่รอดหลังเสร็จสิ้นภารกิจในปี 1959 และใช้ชีวิตไปอีกถึง 25 ปี คือ "เบเกอร์"

ทั้งนี้ สัตว์ชนิดอื่นๆ ที่ได้สิทธิทัวร์อวกาศเสี่ยงตายแทนมนุษย์ อาทิ สุนัข  ลิงชิมแปนซี หนูตะเภา กระต่าย กบ หนู แมว ต่อ เต่าทอง เต่า แมงมุม ปลามัมมิช้อก (mummichog) และปี 1985 ญี่ปุ่นก็ส่งจิ้งจก 10 ตัว เป็นตัวแทนประเทศเดินทางสู่อวกาศ สัตว์ที่อึด ถึก ทน  เป็นหนอนพยาธิตัวกลมจากห้องทดลองของกระสวยอวกาศโคลัมเบีย  ที่ถูกค้นพบในซากปรักหักพังหลังจากมันเกิดระเบิดขึ้น

แต่ที่อึด ถึก ทน ยิ่งกว่าคือหมีน้ำ  สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กกว่า 1.5 มิลลิเมตร เพราะมันสามารถอยู่รอดได้ท่ามกลางสภาวะสุญญากาศ  โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2007 หมีน้ำถูกส่งไปพร้อมกับกระสวยอวกาศเพื่อศึกษาความหนาแน่นของรังสีและภาวะสุญญากาศบนอวกาศนาน 10 วัน 68 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนหมีน้ำ  มีชีวิตรอดอยู่ได้

ต้องขอบคุณชีวิตเหล่านั้นที่ทำให้มนุษย์เรามีวันนี้



(ซ้าย) "ราฟิกิ" ลิงแมนดริลอาวุโสในเรื่อง เดอะไลอ้อนคิง  เป็นที่เคารพของเหล่าสัตว์ทั้งปวง (ภาพจาก http://www.fanpop.com/clubs/the- ... /title/rafiki-photo) (ขวาบน) "โต๊ะจีนลิง" ที่ลพบุรี 1 ใน 10 เทศกาลแปลกของโลก มีขึ้นครั้งแรกที่เมื่อ พ.ศ.2532 (ขวาล่าง) ลิง  กลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองลพบุรี  มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมเยียนและให้อาหารลิงหลายร้อยตัวนับแสนคนต่อปี
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-1-5 07:50 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
′เห้งเจีย′ พญาวานรโสภา

เห้งเจียเป็นตัวละครเอกของวรรณกรรมจีนที่ยิ่งใหญ่เรื่อง "ไซอิ๋ว" หนึ่งในวรรณกรรมที่ได้รับความนิยมจากชาวจีนมาก เป็น 1 ใน 4 สุดยอดวรรณกรรมจีนร่วมกับสามก๊ก, ความฝันในหอแดง และซ้องกั๋ง

เป็นเรื่องราวการเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกของพระถังซัมจั๋ง  พร้อมลูกศิษย์ 3 ตน คือ เห้งเจีย (ลิง) ตือโป๊ยก่าย (หมู) และซัวเจ๋ง (ปีศาจปลา) ถูกนำไปทำหลายเวอร์ชั่น  ทั้งภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์  การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องดราก้อนบอลยังได้รับอิทธิพลจากไซอิ๋ว

เห้งเจียเป็นลิงที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่  แต่เกิดจากศิลาวิเศษที่ปริแตกและโดนลม ณ ตงเซิ่นเสินโจว เมืองเง่าล่ายก๊ก ภูเขาฮวยก๊วย  ถูกแสงสุริยันจันทราอาบมานับพันปี วันหนึ่งเมื่อเขาหินปริแตก  มีลิงตัวหนึ่งกระโดดออกมาแล้วไปรวมกับฝูงลิง ก่อนตั้งตัวเป็นหัวหน้า  ซึ่งบรรดาลูกน้องลิงในฝูงนับถือเป็นท่านอ๋อง "มุ้ยเกาอ๋อง" หรือพญาวานรโสภา วันหนึ่งเห็นลิงในฝูงแก่ตาย  เห้งเจียจึงออกเดินทางหาวิชาที่ไม่ทำให้เจ็บ-ตาย ในที่สุดก็พบภิกษุรูปหนึ่งนามว่า "โผเถโจ๊ซือ" คือ  พระสุภูติ ฝึกวิชาต่างๆ จนแปลงร่างได้ 72 ร่าง ตีลังกาไกลกว่า 300 ลี้ ยืด-หดตัวได้  นำเส้นขนเสกเป็นของต่างๆ พร้อมได้ชื่อใหม่ว่า *ซึงหงอคง*

ซึง ล้อมาจาก ซุ่น ที่แปลว่า ลิง, หงอคง  หมายถึง ตื่นรู้ในสุญญตา ความว่าง

ทว่า เมื่อมีอำนาจก็ลำพองใจ  ซึงหงอคงออกอาละวาดไม่เว้นแม้กระทั่งสวรรค์และบาดาล ทำให้ 3 โลกปั่นป่วน  เง็กเซียนฮ่องเต้สั่งให้เทพและทหารนับหมื่นนายไปจับแต่ก็แพ้พ่ายกลับมา  กระทั่งเง็กเซียนฮ่องเต้ต้องยอมให้หงอคงขึ้นเป็น "มหาเทพ" จากเดิมเป็นเพียงคนเลี้ยงม้า  กวาดขี้ม้าบนสวรรค์ ตำแหน่ง "เป๊กเบ้อุน" เพราะคนจีนมีความเชื่อว่าถ้าเอาลิงไปไว้ในคอกม้าจะทำให้ม้าแข็งแรง  ศัตรูจึงมักเรียกชื่อนี้เพื่อเป็นการเยาะเย้ย

เมื่อเป็นมหาเทพแล้ว หงอคงก็ยังเหิมเกริม  ทำให้องค์ยูไล พระพุทธเจ้าในความเชื่อของคนจีน เสด็จมาปราบเอง โดยให้ภูเขาหินทับนาน 500 ปี  คนที่จะช่วยออกมาได้คือ *พระถังซัมจั๋ง* คนเดียวเท่านั้น  และต้องบวชเป็นศิษย์คุ้มครองพระถังที่เดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกจากชมพูทวีปมาที่จีน

หลังจากเป็นศิษย์ของพระถังซัมจั๋งแล้วก็ได้ชื่อใหม่ว่า"ซุนเห้งเจีย"ซึ่งยังมีนิสัยเดิมๆคือใจร้อน ดื้อรั้น ไม่เชื่อฟัง วิธีปราบพยศของพระถังคือ "มงคล" พระราชทานจากเจ้าแม่กวนอิม  ที่จะรัดหัวเห้งเจียทันทีที่พระถังสวดมนต์ ทำให้เห้งเจียเจ็บปวดมาก  สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่เห้งเจียมองเห็นและทำร้ายปีศาจด้วยพลองวิเศษ

หงอคงมีความเฉลียวฉลาด  แพรวพราวไปด้วยปฏิภาณไหวพริบ ขี้เล่น กล้าหาญ มีความภักดี รังเกียจความชั่วร้าย  ถือเป็นตัวแทนของปฏิภาณไหวพริบ สติปัญญาและความกล้าหาญในวัฒนธรรมจีน ดังนั้น  ซุนหงอคงจึงเป็นวีรบุรุษที่เด็กผู้ชายชาวจีนทั่วไปยกย่องชื่นชม

ปัจจุบันชาวจีนเคารพเป็นไต่เสี่ยฮุกโจ้ว หรือเจ้าพ่อเห้งเจีย  ศาลเจ้าบางแห่งจะมีรูปเคารพ


5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-1-5 07:52 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หนุมาน  ยอดทหารเอก

ตัวละครเอกในมหากาพย์รามายณะประเทศอินเดีย หรือรามเกียรติ์  หนุมานถวายตัวเป็นทหารเอกของพระราม ถือว่าเป็นทหารที่รู้ใจพระรามที่สุด ฉลาด รอบรู้ หัวดื้อ เจ้าเล่ห์  ชอบทำนอกเหนือคำสั่ง แต่ก็รักนายและยอมพลีชีพเพื่อพระรามได้ ช่วยนำทัพวานรช่วยรบจนชนะศึก

ตามต้นฉบับรามายณะ หนุมานคือเทพแห่งพรหมจรรย์ ตลอดเรื่องจึงไม่มีเมียแม้แต่คนเดียว  ต่างจากรามเกียรติ์ของไทยที่เขียนให้หนุมานมีเมียกว่าห้าพันคน

หนุมานคืออวตารของพระศิวะ  เพื่อมาช่วยพระวิษณุในมหากาพย์รามายณะ มีลักษณะโดดเด่นคือ เป็นลิงเผือก สวมกุณฑล มีขนเพชร  มีเขี้ยวเป็นแก้วยาวอยู่กลางเพดานปาก และหาวเป็นดาวเป็นเดือน สำแดงฤทธิ์จะมี 4 หน้า 8 กร (มือ) มีสามง่ามหรือตรีเพชรเป็นอาวุธประจำตัว  ใช้รบกับยักษ์ตัวสำคัญ

หนุมานต่างจากเห้งเจียตรงที่มีพ่อมีแม่  แต่จุดกำเนิดก็ไม่ธรรมดา

เริ่มจากพระอิศวรต้องการสร้างทหารเอกให้พระราม (พระนารายณ์) ที่อวตารลงมาปราบยักษ์ จึงบัญชาให้พระพายนำเทพศาตราวุธของพระองค์ ทั้งคฑาเพชร ตรีเพชร และจักรแก้ว  ซัดเข้าปากนางสวาหะ ทำให้นางสวาหะตั้งครรภ์ หนุมานอยู่ในครรภ์นางสวาหะนานถึง 3 เดือน กระทั่งวันอังคาร  เดือนสาม ปีขาล ก็กระโดดออกจากปาก ร่างกายตัวโตเท่าเด็ก 10 ขวบ ได้ชื่อว่าเป็นลิงอมตะ  เพราะเป็นลูกของพระพาย (ลม) กับนางสวาหะ บางครั้งเรียกว่า "วายุบุตร" เมื่อมีอันตรายใกล้ตาย  ทันใดที่ลมพัดก็จะฟื้นคืนชีพ ด้วยอำนาจของบิดา  สามารถดึงตรีเพชรออกมาจากหน้าอกเพื่อต่อสู้กับศัตรู

วายุบุตร หรือหนุมาน เป็นลิงที่เก่งกล้า  มีความสามารถในการเรียนรู้ ว่องไว เหาะเร็วดังลม มีฤทธิ์มาก ล่องหนได้ สำแดงเดชได้หลายประการ เช่น  แปลงกาย ยามสงครามหนุมานจะขยายร่างกายให้ใหญ่โตเท่าภูเขา ผิวกายเป็นสีเหลืองทอง หน้าสีแดงทับทิม  ยืดหางได้ยาวมาก เพียงเสียงคำรามก็สามารถทำให้ศัตรูกระจัดกระจายไปทั่ว แม้จะมีฤทธิ์มาก  แต่เมื่อหนุมานหลงเข้าไปในสวนขวัญของพระอุมา มเหสีของพระอิศวร  ก็ถูกสาปให้กำลังลดลงครึ่งหนึ่ง

หนุมานเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ภักดีและรักลูกน้อง  เป็นตัวแทนของชายหนุ่มรูปงาม เจ้าชู้ ภรรยามาก  และจากการที่วัฒนธรรมอินเดียได้แพร่ไปเกือบจะทั่วทวีปเอเชีย รามายณะจึงส่งผลต่อทั้งศาสนา วรรณกรรม  และสถาปัตยกรรม ในเรื่องของรายละเอียดของหนุมานในแต่ละชาติจึงต่างกันไปตามการตีความ เช่น  เรื่องความเจ้าชู้  หนุมานในรามเกียรติ์ของไทยเจ้าชู้กว่าหนุมานในรามายณะ

นอกจากโขนเรื่องรามเกียรติ์แล้ว  ปัจจุบันหนุมานยังทำหน้าที่เป็นทั้งแมสคอตในการแข่งซีเกมส์เมื่อปี 2540 เป็นพระเอกในภาพยนตร์เรื่องหนุมานพบ 7 ยอดมนุษย์ และหนุมานพบ 5 ไอ้มดแดง และเป็นตัวละคร "เผือก" ในแอนิเมชั่นเรื่องยักษ์ที่ฉายเมื่อปี 2555

นอกจากนี้  หนุมานยังเป็นชื่อของสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณป้องกันและรักษาไข้หวัดรวมทั้งหอบหืดได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยมีฤทธิ์ทำให้หลอดลมขยายส่วนที่ใช้ประโยชน์คือใบนั่นคือ"หนุมานประสานกาย"ซึ่งปลูกง่าย ไม่ต้องดูแลมาก ขนาดต้นสูงประมาณ 1-4 เมตร ออกดอกเป็นช่อเล็กๆ ปลายกิ่ง ดอกเล็กสีขาวนวล ผลกลมขนาดเล็ก  วันไหนโดนละอองฝน รู้สึกเจ็บคอ ครั่นเนื้อครั่นตัว ก็เด็ดใบมาเคี้ยวให้ละเอียด กลืนแค่น้ำ  คายกากทิ้งก็จะช่วยได้มาก

ใบมีรสหอมเผ็ด ฝาดเล็กน้อย แก้เจ็บคอ คออักเสบ แก้ปอดและหลอดลมอักเสบ  แก้ช้ำใน สมานแผล แต่ก็ควรระวัง เพราะไม่ใช่ทุกคนจะใช้ได้ ผู้ป่วยโรคหัวใจ คนที่มีไข้สูง  หญิงมีครรภ์ห้ามกินยานี้ขณะเหนื่อย หรือหลังออกกำลังกายเสร็จ  เพราะจะทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น


ลิงเจ้าพ่อ′ ศาลพระกาฬ

เทศกาลโต๊ะจีนลิงได้รับยกย่องว่าเป็น 1 ใน 10 เทศกาลแปลกของโลก  ทำให้ลพบุรีเป็นอีกเมืองหนึ่งของไทยที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือน

ตั้งแต่ปี 2532 มีการจัดโต๊ะจีนให้ลิงเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นกระทั่งปัจจุบัน ในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน  เป็นอันรู้กันในหมู่คนและลิง  ว่าจะมีการจัดเลี้ยงครั้งใหญ่บริเวณศาลพระกาฬและพระปรางค์สามยอด

ศาลพระกาฬเป็นที่ประดิษฐาน "เจ้าพ่อพระกาฬ" เทวรูปโบราณสมัยบายนหรืออาจเก่าไปถึงนครวัด เดิมเรียกว่า "ศาลสูง" เพราะตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงขนาดมหึมา ปัจจุบันตั้งอยู่กลางวงเวียนศรีสุนทร ถนนนารายณ์มหาราช ต.ท่าหิน  อ.เมือง จ.ลพบุรี

เดิมนั้นเจ้าพ่อพระกาฬไม่มีพระเศียรและพระกร มีเพียงพระกายสีดำ  เป็นประติมากรลอยตัว สันนิษฐานว่าเป็นพระวิษณุ หรือพระโพธิสัตวอวโลกิเตศวร  ปัจจุบันนอกจากมีพระเศียรและพระกรที่ต่อเติมขึ้นใหม่แล้ว พระกายยังถูกปิดด้วยทองคำเปลวจนเหลืองอร่าม

พ.ศ.2495 ชาวลพบุรีได้ร่วมกันระดมกำลังศรัทธาสร้างศาลพระกาฬใหม่ขึ้นด้วยงบการสร้างกว่าสามแสนบาท  สมัยที่ ม.จ.ยาใจ จิตรพงศ์ เป็นหัวหน้ากองสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร ด้วยสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัย  ที่บันไดทางขึ้นมีรูปปั้นลิง 2 ตัว ทั้งสองมีเครื่องประดับ ในศาลประดิษฐานพระนารายณ์ยืนทำด้วยศิลา 2 องค์ คือองค์เล็กและองค์ใหญ่ นอกจากนี้ ในศาลยังมีพระพุทธรูปหลายองค์ที่เหลืองอร่ามไปด้วยทองคำไม่แพ้กัน  หลายคนเชื่อว่าใครบนบานอะไรแล้วมักได้ตามประสงค์  เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลพบุรี

เดิมบริเวณโดยรอบศาลพระกาฬนั้นเป็นป่า  เมื่อมีคนเอาของมาถวายแก้บน ทั้งอาหารและผลไม้ ลิงแสมบางส่วนก็ออกมากิน เชื่องและคุ้นเคยกับผู้คน  ปัจจุบันแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ลิงเจ้าพ่อ/ลิงศาล ที่จะมาจับกลุ่มกันตามต้นไม้ใหญ่ที่ศาลพระกาฬช่วงเที่ยง  พระปรางค์สามยอด และบางส่วนของโรงเรียนพิบูลวิทยาลัยช่วงเช้าและเย็น และจะมานอนที่ศาลพระกาฬในช่วงพลบค่ำ  ประชาชนเชื่อกันว่าลิงฝูงดังกล่าวเป็นของเจ้าพ่อพระกาฬ จึงไม่มีใครกล้าทำร้าย  อีกกลุ่มคือลิงตลาด/ลิงมุมตึก/ลิงนอกศาล เป็นลิงที่ไม่ถูกยอมรับให้เข้าฝูง  เร่ร่อนตามอาคารบ้านเรือนในเมืองลพบุรี  มักสร้างปัญหาปรากฏเป็นข่าวเสมอ

ปัจจุบันลิงศาลพระกาฬกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองลพบุรี  มีร้านขายของที่ระลึกและอาหารลิงสำหรับนักท่องเที่ยว  คะเนกันว่าแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากกว่าแสนคนที่เดินทางมาสักการะพระกาฬและเยี่ยมเยียนลิงที่มีหลายร้อยตัวแต่ก็ต้องใช้ความระมัดระวังเพราะลิงเหล่านั้นอาจจะมาแย่งของไปจากมือได้เลย

ทั้งหมดคือเรื่องราวเกี่ยวกับลิงนักษัตรประจำปีนี้ส่วนจะเลือกเป็นลิงกล้าหาญแบบหงอคงลิงกตัญญูแบบหนุมาน หรือจะเป็นลิงอวกาศที่เสียสละเพื่อมวลมนุษย์ อยู่ที่เราเลือกเอง

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1451890334


ลิงลิง ขอบคุณครับ^^
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-6-16 08:57 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้