ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 5591
ตอบกลับ: 11
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

บทความนี้ขออุทิศให้ไอ้เข้

[คัดลอกลิงก์]
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2010/06/K9368342/K9368342.html

จรเข้หรือจระเข้นี้มักจะถูกเรียกสั้นๆว่าไอ้เข้  แม้จะเป็นเพศเมียแท้ๆก็ไม่ยักเรียกว่าอีเข้ เช่นไอ้ด่าง จรเข้กินคนที่ดังระเบิดเมื่อ46ปีก่อน แม้ตอนที่ถูกจับตายแล้วจะเห็นกันจะๆว่าเป็นตัวเมีย คนก็ยังคงเรียกไอ้ด่างอยู่นั่นเอง ความดังของไอ้ด่าง ทำให้หนังสือพิมพ์ “พิมพ์ไทย” ที่เล่นข่าวนี้อย่างใจจดใจจ่อทำยอดขายสูงขึ้นอย่างเป็นกอบเป็นกำ ทุกๆเช้าคนจะรอลุ้นข่าวกันว่า ชะตากรรมของไอ้ด่างวันนี้จะเป็นอย่างไร เมื่อไอ้ด่างถูกปราบสิ้นชีพไปแล้วเขาเอาซากมันมาที่กรุงเทพ กะจะให้คนที่มีฝีมือทางสตัฟฟ์สัตว์ที่เก่งสุดในเมืองไทยขณะนั้นชื่อคุณบุญถึง ฤทธ์เกิด ทำงานแผนกเขียนฉากอยู่สถานีโทรทัศน์ไทยทีวี ช่อง4 บางขุนพรหมจัดการทำให้ พอหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าเขาจะลงมือสตัฟฟ์กันที่สถานีทันทีที่ซากไอ้ด่างมาถึง ผมก็ไปรอลุ้นดูกับเขาด้วยเพราะบ้านอยู่ไกล้ เห็นมีการเตรียมสถานที่ไว้ตรงฐานของเสาอากาศที่เป็นลานคอนกรีตขนาดเวทีมวย แต่เอารั้วเหล็กมากั้นไว้หลายชั้น ข่าวว่ารถบรรทุกไอ้ด่างจากชุมพรจะมาถึงตอน4-5ทุ่ม แต่คนมารอดูเป็นพัน จับจองบริเวณรอบรั้วหมดไม่มีที่ที่ผมจะสอดแทรกกายเข้าไปได้ เลยเดินกลับบ้าน ปรากฏว่าคิดถูก เห็นว่ากว่าไอ้ด่างจะมาถึงก็ตีหนึ่งตีสองโน่น แต่ไทยมุงก็ยังอยู่กันหลายร้อย
ผมได้เห็นซากไอ้ด่างจริงๆตอนเขามาออกร้านแถวๆถนนราชดำเนิน น่าจะเป็นงานกาชาดช่วงมีนาคมนะครับ เพราะวันที่เขาผ่าศพไอ้ด่างเป็นวันที่25พฤศจิกายน2507  หลังจากนั้นก็หลายเดือนอยู่จึงมีการโฆษณาว่าจะมีการเอาไอ้ด่างมาออกร้านให้คนดู ไปตีตั้วเข้าคิวอยู่ร่วมชั่วโมง เขาจัดรั้วให้คนเดินเรียงหนึ่งเป็นเขาวงกฏ กว่าจะกระดึ๊บๆไปภายในร้านที่แสนจะอึดอัดได้ และยังต้องวนเวียนอีกหลายรอบจึงจะถึงขอบถัง  เขาเชื่อมเป็นถังสังกะสีทรงสี่เหลี่ยม คล้ายโลงศพขนาดใหญ่ ขอบสูงขนาดหน้าอก คนชะโงกหัวลงไปดูได้   แถวคนดูจะถูกบังคับให้เดินผ่านถังนี้ไปตามความยาว มีคนคอยเร่งให้เดินไปเรื่อยๆไม่ให้หยุดดูอยู่กับที่ ครั้งแรกที่ผมชะโงกหัวเข้าไปดูด้วยความตื้นเต้นถึงกับผงะด้วยกลิ่นอันรุนแรงฉุนกึ่กจนต้องเด้งกลับมาตั้งหลักใหม่ ทราบในตอนหลังว่าตอนมาถึงกรุงเทพนั้นไอ้ด่างตายมาหลายวันแล้ว น้ำแข็งที่ดองมาเอาไม่อยู่ ซากเริ่มเน่าทำให้ไม่สามารถสตัฟฟ์ได้ เพียงแต่ดองฟอร์มาลินไว้พอให้ออกงานถอนทุนก่อน ผมกลั้นลมหายใจโผล่หน้าไปดูใหม่ เห็นไอ้ด่างสีดำๆ ตัวเล็กกว่าภาพไอ้เข้ขนาดเจ้าพ่อที่วาดไว้ในใจมาก สภาพก็ผอมโซเพราะโดนควักไส้ควักพุงไปหมดแล้ว คนดูออกมาบ่นผิดหวังกันทุกคน หลายคนไม่เชื่อด้วยซ้ำว่านั่นเป็นไอ้ด่างตัวจริง เพราะมันไม่มีแผลใหญ่เล็กอะไรให้เห็นเลย ตามข่าวว่าไอ้ด่างโดนเข้าไปครบเครื่องทั้งระเบิดใต้น้ำทั้งลูกปืน
[size=-3]
[size=-3]
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-6-22 14:34 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลังจากนั้น งานวัดทุกงานจะมีออกร้านเชิญชวนให้เข้าไปดูไอ้ด่าง บางงานมีสองสามร้านประชันกันและต่างก็อ้างว่าเป็นไอ้ด่างตัวจริงด้วยกันทั้งนั้น ผมยังเคยเสียค่าโง่เข้าไปดูอีกครั้งหนึ่ง เพราะจำหน้าร้านได้ว่าคล้ายๆกับร้านเดิม อยากทราบว่าตอนหลังนี่เขาจัดการกับซากของมันอย่างไร พอโผล่เข้าไป เห็นแต่ซากจรเข้สตัฟฟ์แห้งๆ ตัวแดงๆยาวแค่เมตรกว่าๆมาวางตั้งชูคอป้าปากไว้ตัวเดียว คนในร้านก็หน้าด้านยืนยันว่านี่แหละ ตัวนี้แหละไอ้ด่างตัวจริง

ก่อนหน้าที่ไอ้ด่างตัวนี้จะดัง  มีไอ้เข้อีกตัวหนึ่งครองความหลอนของคนที่ชอบเล่นน้ำในแม่น้ำลำคลองมาก่อนยาวนานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ห้าโน่น ไอ้เข้ตัวนี้มีนิวาสถานอยู่นครสวรรค์ ตรงที่แม่น้ำยมกับน่านใหลมาบรรจบกันก่อนถึงปากน้ำโพ ผู้ใหญ่เล่าว่า ตัวมันใหญ่มากขนาดขวางแม่น้ำหัวชนตลิ่งนี้ หางชนตลิ่งโน้น เป็นที่มาของคำพังเพยที่ว่า (เกะกะ)ยังกะไอ้เข้ขวางคลอง ถิ่นที่ไอ้เข้ยักษ์โผล่มาอาละวาดกินคน ชื่อตำบลเกยไชยอยู่ในเขตการปกครองของอำเภอชุมแสง และเนื่องจากคอมันมีรอยด่างสีดำ เลยได้ชื่อว่าไอ้ด่างเกยไชย ไอ้เข้ตัวนี้ถนัดทางหนุนเรือให้ล่มแล้วลากคนลงไปกิน บ้านเมืองตั้งรางวัลจับเป็นหรือจับตายไอ้ด่าง มีผู้ขันอาสามากมายแต่กลายเป็นของขบเคี้ยวของไอ้ด่างไปก็เยอะ ผู้ใหญ่เล่าว่าคนที่ปราบมันได้ ใช้เรือยนต์ตั้งเตาอั้งโล่ใช้กระทะใบบัว ต้มฟักที่ใส่ไว้ในสาแหรกหวายหลายๆลูก พอน้ำเดือดก็เอาเรือออกไปล่อ พอไอ้ด่างขึ้นมาก็ทำทีเดินเรือหนี พอเห็นมันว่ายน้ำอ้าปากเข้ามาใกล้ก็ เหวี่ยงสาแหรกลูกฟักร้อนๆเข้าไปในปาก เขาว่าไอ้เข้นั้น อะไรเข้าปากเป็นต้องกลืนเพราะบ้วนทิ้งไม่เป็น ครั้นเจอฟักต้มไปหลายลูกเข้าก็จมตัวลงแม่น้ำไป วันรุ่งขึ้นก็ลอยหงายท้องขึ้นมา ชาวบ้านลากขึ้นมาผ่าท้องเจอสมบัติคนตายประเภทแหวนกำไรสายสร้อยเหล่านี้มากมาย สงสัยว่าไอ้เข้มันจะบ้วนทิ้งไม่เป็นจริงๆ เสร็จแล้วเขาเอาหัวมันตั้งศาลไว้ ไม่นานไอ้ด่างก็กลายเป็นจรเข้เจ้ามีอาชีพใหม่คือใบ้หวยให้คนที่ชอบใช้สรรพนามเรียกตนเองว่าลูกช้าง

เรื่องนี้ดูน่าเชื่อถือเพราะมีการอ้างถึงบันทึกจดหมายเหตุ เสด็จตรวจราชการเมืองเหนือของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีอยู่2บรรทัดความว่า

“ที่นี่มีศีรษะของจระเข้ใหญ่ เป็นจระเข้กินคน ชาวบ้านเล่าลือกันว่าเป็นจระเข้เจ้า มีพระยาคนหนึ่งได้นำเอาศีรษะจระเข้นี้เข้ากรุงเทพ ฯ และได้ขายต่อให้ชาวต่างชาติไป เป็นอันจบกันสำหรับเรื่องราวของศีรษะจระเข้ใหญ่



  

3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-6-22 14:35 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ข้อความต่อไปนี้คุณจารุพัฒน์ เทียนคำได้นำมาโพสต์ไว้ในเน็ท ผมขออนุญาตเอามาลงไว้อีกทีหนึ่งโดยไม่ได้เรียบเรียงตัดตอนแต่ประการใดเพราะเป็นข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์แท้ๆ


พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์”พิมพ์ไทย” ปีที่๑๘ ฉบับ วันพุธที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๐๗

จระเข้ยักษ์ยาวสี่วาอาละวาดกินคน ! พรานใช้ระเบิดล่า – กลับงับเรือขาดกลางลำ ใครฆ่าได้ให้ ๔,๐๐๐ สดๆ

นักแม่นปืน - นักเผชิญภัย โปรดอ่านที่นี่ ๔๐๐๐ บาทเป็นเงินรางวัลสำหรับผู้ที่ปราบจระเข้ยักษ์ ที่อาละวาด ทั่วท้องน้ำ ไล่กัดกินคนทั้งบนบกทั้งในน้ำ แล้ว ๒ ศพ ตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงขณะนี้เป็นระยะเวลา ๒ เดือนมาแล้ว จระเข้ยักษ์ตัวนี้ปรากฏตัวขึ้นในคลองบางมุดที่บ้านหนองไก่ปิ้ง จระเข้ตัวนี้มีขนาดใหญ่มากไล่กัดผู้คนขณะอยู่ริมตลิ่ง และไล่กัดเรือที่สัญจรไปมาในคลองบางมุด

กินคนรายแรก

ต่อมาประมาณกลางเดือนกันยายน ตอนเย็น นายอุดม (ไม่ทราบนามสกุล) ลงอาบน้ำในคลองบางมุดได้ถูกจระเข้ยักษ์ตัวนี้ คาบกลางลำตัวไปต่อหน้าต่อตาชาวบ้านนับสิบๆคน ซึ่งไม่สามารถจะช่วยเหลือได้ทัน พอรุ่งเช้าได้พบศพนายอุดม โผล่ขึ้นมา ปรากฏว่าถูกจระเข้ยักษ์กัดกินเฉพาะส่วนท้องเท่านั้น

ศพที่สองเป็นเขมร

ถัดจากวันนั้นอีก ๒-๓ วัน นายอิน ชาวเขมรบ้านเดิมอยู่จังหวัด ตราด ซึ่งมาตั้งรกรากทำมาหากิน ที่คลองบางมุด นำเรือเล็กไปตัดจากเพื่อจะมุงหลังคาบ้าน ขณะที่เลือกตัดกิ่งจากอยู่ในเรือ จระเข้ยักษ์ได้พุ่งตัวขึ้นมาบนเรือคาบขานายอินลากตกลงน้ำ นายอินพยายามเกาะขอบเรือ และร้องให้ภรรยาที่อยู่บนฝั่งช่วย ซ้ำภรรยานายอินโผลงมาในคลองกระพุ่มน้ำไล่ แต่ไม่เป็นผล จระเข้ยักษ์ลากนายอินจมหายไปใต้ท้องน้ำ รุ่งขึ้นศพนายอินลอยขึ้นมา ก็พบว่าถูกจระเข้กัดกินเฉพาะส่วนท้อง

หาครึ่งวันไม่พบ

ในวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๐๗ ตั้งแต่ตอนเช้า คณะล่าจระเข้ยักษ์ได้ลงเรือ ๒ ลำ พายออกควานหาจระเข้ยักษ์ ตั้งแต่ด้านเหนือล่องมาด้านใต้ของคลองบางมุด ถึงตอนเที่ยงก็ไม่พบวี่แววของจระเข้ยักษ์

ใช้ระเบิด ๑๔ ลูก

จนกระทั่ง ๑๔ นาฬิกาเศษ ส.ต.อ. โชติ จึงใช้ดินระเบิด กระป๋องนมจุดโยนลงไปใต้น้ำถึง ๑๔ กระป๋อง ระเบิดเป็นระยะๆจนถึงกระป๋องสุดท้าย ทันทีเจ้าจระเข้ยักษ์ก็โผล่ขึ้นมากระทันหันพุ่งเข้าใส่เรือลำหนึ่ง อ้าปากกว้างใหญ่งับขอบเรือจนขาดทะลุ ขณะที่นายแดงเจ้าของโรงสีซึ่งพายอยู่ท้ายเรือเสียหลักหล่นลงน้ำ
เจ้าจระเข้ยักษ์จึงรับรี่ จะคาบนายแดง แต่ก่อนจะถึงตัว ส.ต.อ. โชติ กับพวกใช้ปืนพกยิงใส่ลำตัวจระเข้อย่างห่าฝนเพื่อสกัดกั้นไว้จนจระเข้ผละจากนายแดงโดยจมหายไปทันที จึงช่วยเหลือนายแดงได้อย่างหวุดหวิด

นายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล นายกนิยมไพรสมาคมแห่งประเทศไทย กล่าวไว้ว่ามีโอกาสที่มันจะมีความยาวได้ถึง ๕ วาเพราะมันเป็นจระเข้น้ำเค็มและอาจมีอายุถึง ๖๐ ปี และที่มันกัดกินแต่ช่วงท้องอาจเป็นเพราะว่ามันกินส่วนที่สะดวกที่สุด ตัวนี้คิดว่ามันคาบคนไปแล้วใช้ขาทั้ง ๒ ข้างกดทับไว้เพื่อไม่ให้ตัวคนลอยขึ้นมาแล้วกัดกินส่วนท้องหมด บางตัวก็นำศพไปขัดกับรากไม้แล้วกินจนหมดตัว โดยปกติแล้วมื้อเดียว จระเข้กินคนไม่หมดทั้งตัว

แนะวิธีล่าจระเข้

นายแพทย์บุญส่ง แจงเกี่ยวกับการจระเข้ว่า “วิธีล่าที่ดีที่สุดคือการลอยกาง ( กางคือเครื่องมือล่าจระเข้แบบโบราณชนิดหนึ่ง ซึ่งจะนำเหล็กมาดัดงอเป็นรูปร่างคล้ายตะค่อง แล้วผูกด้วยตัวเบ็ดขนาดใหญ่โดยรอบ เกี่ยวด้วยเหยื่อจำพวก ลิง ไก่ หรือเนื้อเน่าเหม็น โดยผูกเชือกไว้กับกาง แล้วผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ หากจระเข้งับเข้าไปเมื่อไหร่ ตัวเบ็ดจะเริ่มทำงาน โดยจะเกี่ยวเครื่องในของจระเข้ และมันจะเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนไม่กล้าขยับตัว จนสิ้นฤทธิ์ในที่สุด ) โดยต้องแก้ไขตัวเบ็ดให้ดีขึ้น วันหนึ่งก็คงจะได้”

โอกาสปืนพิชิตน้อย

โอกาสที่จะใช้ปืนยิงน้อยที่สุด การยิงจระเข้นั้นต้องยิงต้นคอ การจะยิงไม่ใช่ยิงได้โดยง่าย ปืนที่ใช้ยิงต้องเป็นไรเฟิล เวลามันอยู่ในน้ำมันจะลอยแค่จมูกกับส่วนตาเพียงนิดหน่อยเท่านั้นโอกาสจะยิงถูกจุดสำคัญจึงเป็นไปได้ยากมาก โอกาสที่จะยิงได้ก็เพราะในกรณีที่มันนอนผึ่งแดดอยู่ริมตลิ่งในตอนกลางวันเท่านั้น


4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-6-22 14:37 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ ”พิมพ์ไทย” ปีที่ ๑๘ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๗

หัวข้อข่าว “อีดำ” จระเข้น้ำเค็ม “ไอ้เคี่ยม” พันธุ์เดียวกับ “จระเข้ยักษ์” ตามข่าวตัวนี้โตที่สุดในโลกในประเภทจระเข้เลี้ยง นายไวเซียะ เป็นเจ้าของ

ลูกนาวีอาสาใช้ปัสตันปราบ “จระเข้ยักษ์”

เรือเอก ชวลิต อิศรางกูร ณ อยุธยา ประจำสำนักเลขานุการ กองบัญชาการทหารสูงสุด กับเพื่อนอีกคนหนึ่งขึ้นมาที่ “พิมพ์ไทย” ขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับจระเข้ยักษ์ตัวนี้ “ผมสนใจมากครับ เพราะเคยออกล่าสัตว์ในเขตนี้มามาก จนถึงทิวเขาตะนาวศรี และตอนลงเรือสมัยนั้น ก็เคยจอดย่านฝั่งตะวันตกตลอดเวลา พอจะรู้จักจระเข้เหล่านี้ และภูมิประเทศดี” เรือเอกชวลิตกล่าวถึงจุดประสงค์ว่า “ขอรับหน้าที่ปราบจระเข้ยักษ์ตัวนี้ ผมมีเพื่อนนักล่าสัตว์ด้วยกัน ๔ คน อยากจะรู้เหมือนกัน มันจะทนปืนได้ก็ให้มันรู้ไป ผมจะลากปืน ปัสตัน หรือ “สาริกาลิ้นทอง” ติดมือไปด้วย แม้จะเป็นอาวุธโบราณ แต่ก็มีความรุนแรงที่ปืนใหม่สมัยนี้กินได้ยาก ของผมยังมีอยู่พร้อมกระสุนอีกแยะ”

ราชาจระเข้เผย

อีกด้านหนึ่งในวันเดียวกัน “พิมพ์ไทย” ได้มีโอกาสพบกับนาว ไวเซียะ ผู้ได้รับฉายาว่าเป็น “ราชาจระเข้” ที่บ้านชาละวัน ต.ทุ่งมหาเมฆ นายไวเซียะ ได้แถลงว่า “จระเข้ที่เป็นข่าวนี้คงไม่ยาวถึง ๔ วา หรือ ๒๗ ฟิต เป็นแน่” นายไวเซียะ ราชาจระเข้กล่าวว่า “จระเข้ตัวนี้เท่าที่ทราบเป็นจระเข้น้ำเค็มพันธุ์ ‘ไอ้เคี่ยม’ หรือพันธุ์ ‘ทองหลาง’ ซึ่งอยู่ได้ในน้ำกร่อยและน้ำเค็ม เคยปรากฏว่ามีผู้พบจับจระเข้ยักษ์นี้ได้มีความยาวถึง ๒๕ ฟิต (7.50 เมตร ครับผม)” จากนั้นนายไวเซียะได้นำสถิติ ประวัติการล่าจับจระเข้ที่ใหญ่ที่สุด มีถูกจับได้ในอ่าวเบงกอล ประเทศ อินเดีย เมื่อปี ค.ศ. 1847 มีขนาดยาว ๒๗ ฟิต ความกว้างถึงส่วนหัวถึง ๒๔ นิ้ว และยาว ๓๒ นิ้ว “ส่วนตัวที่รองมาหน่อย ถูกจับได้ที่ประเทศออสเตรเลีย มีความยาว ๒๔ ฟิต กับอีกตัวจับได้ที่เกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ มีความยาวประมาณ ๒๒ ฟิต ๔ นิ้ว”

ยืนยันชอบกินคน

นายไวเซียะกล่าวในที่สุดว่า “จระเข้พันธุ์นี้ ชอบกินคน ส่วนพันธุ์อื่นๆไม่ค่อยกินคน เป็นเพียงแต่กัดเท่านั้น” และสนับสนุนคำพูดของหมอบุญส่งด้วยว่า ลองมันได้กินเนื้อคน มันก็จะต้องหาคนกินอยู่เรื่อยๆ เช่นเดียวกับเสือไม่ผิด

จระเข้ยักษ์ไล่กวด

ในโอกาสนี้เอง “พิมพ์ไทย” ได้สัมภาษณ์ นายบุญเอื้อ วงทอง ผู้เผชิญหน้ากับมันด้วยตนเองมาแล้ว โดยเริ่มต้นจากประวัตินายอิน(ถูกงับไปก่อนหน้านี้) พ่อบุญธรรมได้อย่างถูกต้องว่า “พ่อผมเป็นชาวเขมรเข้ามาอยู่เมืองไทยกว่า 30 ปี โดยลงไปอยู่ชุมพรจนสามารถพูดภาษาปักษ์ใต้ได้ชัดเจน” การเผชิญหน้าจระเข้ยักษ์ด้วยตนเองนั้น นายบุญเอื้อเล่าเหตุการณ์ว่า “หลังจากรับศพนายอินมาถึงวัดแล้ว ผมเตรียมเรือหางยาวออกจากบ้านที่ ปากน้ำตะโกจะไปวัด พอเรือวิ่งถึง วังจระเข้ที่หมู่บ้านพานนาง จึงถามคนบนเรือว่า “ตรงนี้เป็นวังจระเข้ใช่ไหม” เมื่อเรือผ่านคล้อยหลังไป ๔-๕ วา เจ้าจระเข้ยักษ์ตัวที่กินพ่อผมก็โผล่ขึ้นมาทันที มันพุ่งตัวว่ายน้ำรวดเร็วมาก ขนาดแข่งไปกับเรือผม จนเห็นตัวมันได้ชัดสักครู่หนึ่งมันก็ดำน้ำหายไป”

“ไอ้ด่าง”

สำหรับจระเข้ยักษ์ตัวนี้ ได้ปรากฏลักษณะรูปพรรณ ขนาดชัดเจนแล้ว ซึ่งมีคนเคยใช้ระเบิดทิ้งลงใต้น้ำ ทำให้จระเข้หนีแรงระเบิดลอยขึ้นมาเหนือน้ำ อาละวาดฟาดหัวฟาดหาง จนท้องน้ำปั่นป่วนไปทั้งคลอง ราวกับถูกพายุใหญ่ ทำให้คนในย่านแม่น้ำตะโกเห็นได้ชัดว่า จระเข้ยักษ์ตัวนี้คอด่างสีขาว ตัดกับส่วนหัว และลำตัวมีสีดำสนิมเป็นมัน และไม่มีตะไคร่น้ำเกาะเลย จนชาวบ้านเรียกว่า “ไอ้ด่าง”

กินมาแล้ว ๕ ศพ

เกี่ยวกับประวัติการอาละวาดของ”ไอ้ด่าง” จระเข้ยักษ์ตัวนี้ จ.ส.ต.เจริญ แป้งสมบูรณ์ หัวหน้ากิ่งสถาณีตำรวจบ้านนายหูด ได้เปิดเผยว่า “ไอ้ด่างได้กินคนมาแล้ว ๓ คน ก่อนหน้าที่นายอุดม กับ นายอิน จะถูกกิน ๒ คนหลัง รวมทั้งหมด รวมเป็น ๕ ศพแล้ว

เผยเคล็ดลับ

หมอจระเข้ญวน แนะนำวิธี ไล่มันขึ้นเหนือน้ำ โดยให้ใช้ขมิ้นตำให้ละเอียด ห่อผ้าหนักห่อละ ๒-๓ กิโล หลายๆถุงแล้วนำไปทิ้งลงตรงที่เป็นวังที่สงสัยว่ามันกบดานอยู่ ถ้ามันอยู่จริง พอขมิ้นละลายมันก็อยู่ไม่ได้ จะต้องลอยตัวขึ้นมา ทีนี้ล่ะ จะยิงเลือกเป้าตรงไหนก็ได้ “ส.ต.อ.บุญโชติ กล่าวย้ำ สำหรับคลองนั้นน้ำลึกประมาณ ๔-๕ วา วังของมันมีกี่แห่งเรารู้หมดแล้ว”


5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-6-22 14:38 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย oustayutt เมื่อ 2015-6-22 14:40

หนังสือพิมพ์”พิมพ์ไทย” ปีที่18 ฉบับ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2507

4,000 ครอบครัวเร่งเจ้าเมืองปราบ “ จระเข้ยักษ์ ” เพิ่มค่าตัวล่าไอ้ด่างเป็น 8,000 บาท

ไอ้ด่างครองท้องน้ำไม่มีใครกล้า โรงสีต้องปิดงานเผาถ่านหยุดด้วย
8,000 บาท เป็นยอดเงินรางวัลที่เพิ่มค่าหัวของ “ไอ้ด่าง” จระเข้ยักษ์ที่อาละวาดไล่กินคนที่ชุมพร ชาวบ้านกว่า 4,000 ครอบครัวหมดอาชีพ ตกอยู่ในความหวาดผวาไม่มีใครกล้าใช้คลอง ทำคำร้องเรียนถึง ผ.ว.ก.จังหวัดชุมพร ขอให้ปราบจระเข้ยักษ์ด่วน โรงสีหยุดทำงานไม่มีข้าวสี ถ่านไม่มีเผา เพราะไม่มีคนกล้าเข้าไปตัดไม้โกงกางป่าอาจจะเป็นป่ารกไม่มีใครกล้าเข้าไปตัด กลายเป็นเมืองร้าง

สภาพของคลองบางมุด คลองลำน้ำสายใหญ่ ตั้งแต่บริเวณหมู่บ้านบานนาง , สามแยกคลองน้ำขาวถึงปากอ่าวตะโกที่เคยอลม่านไปด้วยเรือแพขึ้นล่องและเห็นผู้คนตลอดสองฝั่งนั้น บัดนี้ได้เปลี่ยนแปลงคล้ายกับหมู่บ้านร้าง เพราะฤทธิเดชของ “ไอ้ด่าง” จระเข้ยักษ์พันธุ์น้ำเค็มทีอาละวาดตลอดคลองบางมุด ถึงปากน้ำตะโกขณะนี้เป็นรายงานของผู้สื่อข่าว “พิมพ์ไทย” จากชุมพรวานนี้

ชาวบ้านหวาดกลัว

รายงานข่าวแจ้งว่าชาวบ้านทั้งสองฝั่งคลองบางมุดเกือบหมดอาชีพและได้รับความเดือดร้อนจนไม่มีใครกล้าที่จะออกไปทำมาหากิน เพราะความหวาดหวั่นครั่นคร้ามในฤทธิ์เดชของจระเข้ยักษ์ “ไอ้ด่าง”
ด้วยเหตุนี้เอง กำนันเกลื้อม แห่งตำบลน้ำจืด ได้ประกาศให้รางวัลแก่ผู้ล่าจระเข้ยักษ์ ที่ก่อการรังควานชาวบ้านอีกจำนวน 4,000 บาท เมื่อรวมกับเงินรางวัลครั้งแรกที่นายแดงเจ้าของโรงสี ถ่านหิน นั้นตั้งเงินรางวัลแรก 4,000 บาท และรวมเป็นยอดเงินทั้ง 2 ราย เป็น 8,000 บาท ถ้วน “เงินส่วนตัวของผมเองครับ ที่ทำครั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้ลูกบ้านของผมนอนตาหลับ” กำนันเกลื้อมแถลงถึงการอุทิศเงินเพื่อสาธารณะครั้งนี้

ที่กองกำกับการตำรวจชุมพรข่าวจระเข้ยักษ์อาละวาดครั้งนี้ ทำให้พ.ต.อ.เลื่อน มั่นเปล่ง ผู้กำกับการตำรวจชุมพรสนใจมาก ได้เรียก ส.ต.อ.บุญโชติ กับพวกคณะล่าจระเข้ยักษ์ไปสอบถามถึงเหตุการณ์และรายละเอียดเพื่อวางแผนล่าจระเข้ขั้นเด็ดขาดต่อไป

อวน.......ของอาถรรพณ์

เกี่ยวกับการล่าจระเข้ยักษ์ตัวนี้ เหตุที่นักล่าแทบทุกรายได้พยายามติดตามค้นหา “ไอ้ด่าง” โดยใช้อวนลากนั้น รายงานข่าวแจ้งว่า เนื่องจากอวนเป็นของอาถรรพ์เมื่อจระเข้ตัวใดติดอวนแล้วมันจะไม่ดิ้น เพราะเป็นของ “แพ้” กันซึ่งอวนนี้เป็นเสมือนท้าวพันตาผู้เป็นปู่ของจอมกุมภีร์ชาละวัน อันเป็นต้นตระกูลจระเข้

จระเข้ 2 แบบ

สำหรับการดูลักษณะของจระเข้นั้นโดยปกติแล้วจระเข้ทั่วไปมักจะขึ้นนอนผึ่งแดดบนตลิ่งหรือชายน้ำ แสดงว่าจระเข้ตัวนั้นยังไม่โตเต็มที่หรือมีฤทธิเดชน้อย แต่ถ้าเห็นจระเข้ตัวใดขึ้นนอนที่ริมตลิ่งโดยเอาหัวขึ้นฝั่ง หางลงน้ำแล้ว พึงรู้ไว้ว่าตัวนั้นดุอย่างเด็ดขาดและเก่งร้ายกาฬนัก ซึ่ง “ไอ้ด่าง” จระเข้ยักษ์อยู่ในประเภทหลังนี้
[size=-1]
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-6-22 14:39 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ปิดคลองบางมุด “ดีเดย์” ล่าจระเข้ยักษ์ระดมคน 200 เรือ 100 ลำ จับไอ้ด่างปิดคลองทุกแห่งด้วยอวนปากคลองอวนใหญ่ 5 ปาก

“ดีเดย์” วันพิชิตจระเข้ยักษ์แล้ววันนี้( 6 พฤศจิกายน )กำนันและราษฎร 3 ตำบลในเขต 2 อำเภอร่วมกันระดมใช้เรือกว่า 100 ลำกระจายออกกวาดล้างบรรดา จระเข้ทั้งหมดทั่วทุกคลองขับไล่ให้เข้าอวนปากคลอง เพื่อล่า “ไอ้ด่าง” จระเข้ยักษ์ขั้นแตกหัก

“ไอ้ด่าง” จระเข้ยักษ์แห่งชุมพร ถูกขีดเส้นตายแล้วในวันนี้ (วันที่ 6)
เป็นข่าวด่วนที่ผู้สื่อข่าว “พิมพ์ไทย” รายงานถึงสำนัก เมื่อวานนี้โดยเปิดเผยสามัคคีธรรมของราษฎรในย่านคลองบางมุดที่ถูกจระเข้ยักษ์รังควานมาตลอดระยะเวลา 2 เดือนเศษ โดยกินคนไปแล้ว 5 ศพว่า
ล่าจระเข้ไร้ผล

เนื่องมาจากการติดตามค้นหาล่าจระเข้ยักษ์ของตำรวจพลร่มหน่วย “เสือดำ” คณะ ส.ต.อ. บุญโชติ อภิสนธิสมบัติ และบังหะหมัด ซึ่งนักล่า 3 คณะออกติดตามค้นหา “ไอ้ด่าง” จระเข้ยักษ์ ตั้งแต่วันที่ 29-31 ตุลาคม กับวันที่ 1 เดือนนี้ ต้องประสบความล้มเหลวอย่างไร้ผล เพราะจระเข้ยักษ์กับบรรดาจระเข้ใหญ่น้อยหายหัวอย่างประหลาดแสดงว่าจระเข้เหล่านั้น “กบดาน” อยู่ใต้ท้องน้ำ และในวังเหมือนกับมันรู้ตัว

น้ำท่วม-การล่าลำบาก

ปรากฎว่าสภาพของภูมิประเทศในคลองบางมุดขณะนี้ได้เกิดน้ำท่วมที่ระดับสูงมากเพราะมรสุม และฝนจากดีเฟรสชั่นได้ตกอย่างหนักทั้งวันทั้งคืนอยู่ตลอด 3 วันมานี้ ประจวบกับจังหวะน้ำทะเลขึ้นสูงด้วย ยิ่งทำให้ระดับน้ำในคลองบางมุดสูงล้นตลิ่งเจิ่งไปหมด ยิ่งทำให้การติดตาม ค้นหาร่องรอยและที่อยู่ของจระเข้ยักษ์เป็นไปด้วยความลำบากยิ่งขึ้น

ราษฎร 2 ตำบลร่วมมือ

จากอุปสรรค และความล้มเหลวในการล่า “ไอ้ด่าง” จระเข้ยักษ์ต้องผิดหวังว่าหลายสิบครั้งดังกล่าว ประกอบกับได้มีผู้อาสาล่าจระเข้ยักษ์ถึง 3 ชุด ออกล่าติดตามทั่วลำคลองบางมุดในขณะนี้ ได้เรียกขวัญชาวบ้านที่หวาดกลัวกับคืนมา หันมาวางแผนร่วมมือกับนักล่า ทั้ง 3 ชุด ประกาศขีดเส้นตาย “ไอ้ด่าง” จระเข้ยักษ์

วางแผนพิชิตไอ้ด่าง

ในการนี้กำนันเปรม ชนะ แห่งตำบลปากตะโก อำเภอสวี กับกำนันเกลื้อม รอดสวัสดิ์ ตำบลบางน้ำขวาง และผู้ใหญ่เปรมแห่งคลองบางมุดอำภอหลังสวน ได้ร่วมมือประสานงานกัน โดยเรียกประชุมราษฎรลูกบ้านทั้งหมดเมื่อวันที่ 4 เดือนนี้ เป็นการประชุมวางแผนการเผด็จศึก “ไอ้ด่าง” จระเข้ยักษ์ขั้นแตกหัก

พร้อมกันนี้ กำนันทั้ง 2 ตำบลในเขต 2 อำเภอได้ประกาศเรียกอาสาสมัครปราบจระเข้ยักษ์ทันที มีชายฉกรรจ์ลูกบ้านรับอาสาร่วมปราบจระเข้ครั้งนี้รวมประมาณ 200 คน และ ระดมเรือที่จะให้เป็นพาหนะในการปราบ จระเข้ยักษ์ รวม 100 ลำเศษ

สำหรับแผนการปราบจระเข้ยักษ์ครั้งใหญ่เพื่อเผด็จศึก “ไอ้ด่าง” คราวนี้ กำนันเกลื้อมกับกำนันเปรมได้กำหนดไว้ดังนี้คือ
1. กระจายเรือจำนวน 100 ลำมีนักล่าลำละ 2 คน ใช้ไม้ยาว 3 ถึง 5 วาออกค้นหาจระเข้
2. จุดล่าจระเข้คือตลอดคลองบางมุด และตาม”บาง” หรือคลองซอยที่เป็นสาขาเชื่อมจากคลองบางมุด มีบางน้ำขาวทัพซัน, ธาตุทอง, บางก้อน,คลองปีบ,บางเกาะแล้ว
3. นักล่าจะนำเรือทั้ง 100 ลำ แยกย้ายกันออกใช้ไม้ค้นหาขับไล่จระเข้ทุกขนาด ทุกตัวจากหางคลองออกสู่คลองสายใหญ่บางมุด แล้วขับต้อนให้จระเข้ไปสู่ปากคลองตะโกเป็นจุดเดียวกัน
4. ที่ปากคลองตะโก จะใช้อวนใหญ่ 5 ปาก ปิดกั้นสำหรับจับเป็นจระเข้ทั้งหมดเพื่อค้นหาและจับ “ไอ้ด่าง”จระเข้ยักษ์ ให้จนมุมหรือปิดฉากการอาละวาดรังควานชาวบ้านกันเสียที

กำหนดการล่าจระเข้ยักษ์ คือเริ่มตั้งแต่ตอนเช้าตรู่วันนี้ (ที่ 6)ในวันเดียวกันนี้ “พิมพ์ไทย” ได้รับโทรเลขรายงานข่าวความเคลื่อนไหของ “พรานใหญ่” แห่งภาคใต้ในค่ำวานนี้ว่าในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ คณะ “พรานใหญ่” ประยูร คนานุรักษ์ ได้ออกเดินทางจากบ้านนาประดู่ จังหวัดปัตตานี โดยรถจิ๊ป กำหนดการถึงคลองบางมุดในวันที่ 9 และจะลงมือทันที ตามแผนการของคณะ “พรานใหญ่” ที่ประกาศล่าจระเข้ยักษ์ทุกแบบนี้ ได้เปิดเผยว่า

การล่า”ไอ้ด่าง” จระเข้ยักษ์จะเริ่มในวันที่ 9 นี้โดยพิธีลอยกางด้วยมนต์ ซึ่งหมอจระเข้ไทยอิสลาม จะเป็นผู้ประกอบการพิธี หากไร้ผล คณะ “พรานใหญ่” จะใช้ระเบิดแก๊สกับระเบิดน้ำลึกยิงจากตลิ่ง ถ้าหากระยะไกลใช้ยิงด้วยปืนไรเฟิล.30/06 ติดกล้องและถ้าอยู่ระยะใกล้จะใช้ปืน.375แมคนั่ม เมื่อจระเข้ยักษ์ลอยตัวขึ้นมาโผล่กลางน้ำแล้ว จะใช้ยิงด้วยปืนฉมวก ตามแผนการนี้จะใช้เวลาไม่เกิน 10 วัน

พร้อมกันนี้คณะพรานใหญ่แห่งภาคใต้ได้ประกาศผ่าน “พิมพ์ไทย” ว่า
“ในระหว่างนี้ ขออย่าให้ใครไปยุ่งกับจระเข้ยักษ์หรือทำให้มันบาดเจ็บ จะทำให้การล่าลำบาก เพราะจระเข้ยักษ์จะเพิ่มความดุยิ่งขึ้น ครั้งนี้เพราะคณะพรานใหญ่ มีความมุ่งหมายที่จะ”จับเป็น”นำมาไว้ที่สวนสัตว์และถ้าหากจระเข้ยักษ์ตาย จะได้นำมาสต๊าฟเข้าพิพิธภัณฑ์ต่อไป”

รายงานข่าวที่ “พิมพ์ไทย” แจ้งว่าก่อนหน้าที่จะเริ่มวันดี-เดย์ กวาดล้างจระเข้ทั่วคลองบางมุดนั้น คณะนักล่าชุดแรกมี ส.ต.อ.โชติ อภิสนธิสมบัติ, ครูสมพงษ์ นาค วิเชียร และนายอภิญโญ เพ็ญวณิชย์ ได้ประกอบพธีบวงสรวงครั้งใหญ่เพื่อเป็นการบำรุงขวัญแต่คณะนักล่า โดยจัดตั้งศาลเพียงตา ทำพิธิเช่นสังเวย เสด็จพ่อกรมหลวงชุมพร กับพ่อตาหลวงน้อย หลวงแก้ว แห่งปากน้ำตะโก การบวงสรวงครั้งนี้ได้ขอให้พระวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ได้ทรงช่ววยเหลือดลบันดาลให้การ ปราบ-ล่าจระเข้ยักษ์ประสบผลสำเร็จ ขอให้ “ไอ้ด่าง”จระเข้ยักษ์ตัวนี้อย่าได้มีชีวิตอยู่ตลอดไป เพราะทำให้ชาวบ้านราษฎรพากันเดือดร้อนหนัก


7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-6-22 14:42 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน 2507
“ไอ้ด่าง”โผล่ที่คลองเขาปีบคาบศพที่ 6
ไอ้ด่างคาบไปกินอีกศพ อาละวาดในคลองที่ล่าไม่ถึง

ท่ามกลางมรสุม และพายุดีเปรสชั่นในอ่าวไทยที่โหมทั้งฝนและลม ทำให้น้ำท่วมในเขตชุมพรและภาคใต้ขณะนี้ ข่าวร้ายได้เกิดขึ้นในคลองบางมุด อำเภอสวน ดินแดนจระเข้ยักษ์อีกครั้ง “ไอ้ด่าง” จระเข้ยักษ์ได้อาละวาดลอยขึ้นมากันกินคนอีก

เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดได้เกิดอุบัติขึ้นอีกในคลองเขาปีบ เขตติดต่อระหว่างอำเภอหลังสวนกับอำเภอสวี เมื่อตอนเช้าวันที่ 18 นี้เวลา 8 น.เศษ จระเข้ยักษ์ได้ลอยตัวขึ้นมาในคลองเขาปีบแล้วคาบนายช้วน วิมาน ชาวบ้านในคลองเขาปีบดำหายไปในคลองเขาปีบ

จระเข้คาบนายช้วนไปครั้งนี้ปรากฎขึ้นต่อหน้าชาวบ้านและชาวเรือหลายสิบคน ซึ่งไม่มีใครสามารถจะช่วยได้ทัน หลังจากนั้นชาวบ้านได้ระดมมาช่วยติดตามค้นหาทั่วคลองเขาปีบจนกระทั่งพลบค่ำถึง 18 น.เศษ รวมเวลาร่วม 10 ชั่วโมง ก็ไม่พบศพนายช้วน

จระเข้ขนาดใหญ่ที่ลอยตัวขึ้นมาคาบนายช้วนครั้งนี้มีชาวบ้านเห็นกับตา ได้ยืนยันว่าเป็น “ ไอ้ด่าง” จระเข้ยักษ์แห่งคลองบางมุด เพราะลักษณะของจระเข้เพชฌฆาตแห่งลำน้ำขณะที่คาบนายช้วนได้ แล้วมันชูส่วนหัวพร้อมกับเหยื่อ คือร่างของนายช้วนที่ร้องขอความช่วยเหลือดิ้นเร่า ๆ คาบขึ้นเหนือน้ำก่อนที่มันจะดำหายไปท่ามกลางสายน้ำที่เชี่ยวกรากนั้น ทุกคนมองเห็นได้ชัดเจนว่า “มันเป็นจระเข้สีดำสนิทและมีสีขาวพาดที่คอ” ซึ่งนั่นคือสัญลักษณ์ของ “ไอ้ด่าง” จระเข้ยักษ์อย่างแน่นอน

การอาละวาดครั้งใหม่ของ “ไอ้ด่าง” จระเข้ยักษ์ที่ย้ายแหล่งใหม่จากคลองบางมุดครั้งนี้ ผู้สื่อข่าว “พิมพ์ไทย” รายงานว่า จระเข้ยักษ์ตัวนี้ได้หนีอำนาจระเบิดซี .3จาก “เสือดำ” 2 ตำรวจ พลร่ม จากค่ายนเรศวร เมื่องค่นวันที่ 4 โดยหลบหลีกการกวาดล้างครั้งใหญ่ของวันดี-เดย์ ตลอดวันที่ 6 เดือนนี้รอดไปได้ แล้วเข้าไปอยู่ในคลองเขาปีบซึ่งเป็นคลองแยกไปจากคลองบางมุด และคลองตะโก โดยการกวาดล้างที่ชาวบ้านกว่า 200 คนใช้เรือ 100 ลำ แต่ระดมกระทุ้งค้นหาในวันนั้นไปไม่ถึงคลองเขาปีบ ทำให้ “ไอ้ด่าง” จระเข้ยักษ์ได้แหล่งใหม่ในคลองเขาปีบอันสงบเงียบเป็นที่ซุ่มซ่อนกบดานอยู่ตั้งแต่วันที่ 6 เป็นต้นมา

ชาวบ้านในคลองเขาปีบผู้คุ้นเคยกับธรรมชาติของจระเข้เล่าให้ผู้สื่อข่าว “พิมพ์ไทย” ฟังว่า โดยปกติแล้วจระเข้กินเหยื่อหรือกินคนแล้วความ “อิ่ม” ของมันจะทำให้จระเข้ซ่อนตัวหรือกบดานอย่างสงบไปได้ประมาณ 15 วัน จากนั้นมันก็จะลอยตัวขึ้นมาล่าเหยื่อใหม่ต่อไปอีก อย่างเช่นการที่ “ไอ้ด่าง” ถูกกวาดล้างหลบหนีไปได้เมื่อวันที่ 6 นี้นั้น “ไอ้ด่าง” ต้องได้เหยื่อชิ้นใหญ่ อาจเป็นสุนัขหรือมนุษย์คนใดคนหนึ่งที่ทำให้มันอิ่มและทำให้มันกบดานซ่อนตัวอย่างเงียบ ๆ ในคลองเขาปีบ ไม่มีใครรู้ระแคะระคายการเล็ดลอดเข้าไปซ่อนตัวในคลองเขาปีบซึ่งเคยสงบเงียบ
จนกระทั่งอาหารหมดในกระเพาะทำให้ “ไอ้ด่าง” หิวและลอยตัวขึ้นมาอาละวาดเล่นงาน นายช้วน วิมาน เป็นเหยื่อ นับเป็นศพที่ 6 ด้วยความหิวกระหายเมื่อตอนเช้าวันที่ 18 ดังกล่าว

ตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2507 เป็นต้นมา คลองเขาปีบที่แยกจากคลองบางมุดและคลองตะโกขึ้นสู่ตอนเหนือ ได้กลายเป็นแดนมหาภัยที่ชาวบ้านตลอดลำคลองต้องพากันหวาดกลัว เช่นชาวคลองบางมุดอีก เพราะมีจระเข้ขนาดใหญ่ตัวหนึ่งลอยตัวขึ้นกลางคลองและบางทีก็ขึ้นฝั่งบนตลิ่ง ท้ำให้คลองเขาปีบที่เคยสงบเงียบเพราะเป็นคลองไม่สู้กว้างใหญ่นักต้องเป็นเขตอันตราย ยิ่งกว่านั้นจระเข้ใหญ่ตัวนี้ยังอาละวาดไล่หนุดกัดเรือพายที่ผ่านเข้าไปในคลองเขาปีบ และไล่งับพายจนชาวบ้านไม่กล้านำเรือผ่านคลองเขาปีบอีกเลย

ต่อมาวันที่ 17 กระบือของชาวบ้านลงไปแช่ในคลองถูกจระเข้ยักษ์ตัวเดียวกันนี้ ใช้หางฟาดถูกตัวและกัดที่ขาหลังข้างซ้าย โดยจระเข้ยักษ์พยายามจะลากกระบือตัวนั้นลงไปในน้ำเสียงร้องของกระบือประกอบกับการปักหลักดื้อของมันทำให้เจ้าของและชาวบ้านมาช่วยใช้ปืนระดมยิงลงไปในน้ำสกัดไว้ จนจระเข้ยักษ์ต้องปล่อยเหยื่อตัวมหึมาไว้พร้อมกับดำน้ำหนีไปซ่อนในบริเวณวังเก่าของจระเข้ยักษ์ที่เคยอยู่ และถูกเจ้าเมืองชุมพรพิชิตเมื่อ 10 ปีเศษมานี้

รุ่งขึ้นวันที่ 18 เวลา 9 น.เศษ นายช้วน วิมาน ชาวบ้าน ต.ทุ่งตะไคร้ ได้แบกต้นกล้วยข้ามคลองเขาปีบ ทั้ง ๆ ที่มีข่าวพบจระเข้ยักษ์ขณะที่เดินลงไปลึกเพียงบั้นเอว “ไอ้ด่าง” จระเข้ยักษ์ที่รอเหยื่อด้วยความหิวกระหายก็พุ่งตัวเข้าคาบขานายช้วนทั้ง 2 ข้างงับไว้เต็มปากแล้วลากตัวนายช้วนจมหายไปในน้ำ ซึ่งเป็นศพที่ 6 จากที่ไอ้ด่างกิน


8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-6-22 14:44 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พอได้รับข่าวร้ายเท่านั้น ส.อ.ห้วง พิมาน กับ ส.อ.จำนง พิมาน ได้รายงานผู้บังคับบัญชาขอลาและขออนุมัติติดตามล่าจระเข้ยักษ์โดยใช้อาวุธ ซึ่งผู้บังคับบัญชามีคำสั่งอนุญาต

ในการออกเดินทางครั้งนี้นอกจาก ส.อ.ห้วง พิมาน กับ ส.อ. จำนง พิมานแล้ว ได้มีผู้ร่วมเดินทางไปปราบจระเข้ยักษ์อีก 4 คน คืน ร.ท.ลิขิต จันทโรทัย ร.ท.มาโนช เขียนยาคำ ส.อ.ละออ นาคจิตติ และส.อ.ช่วน แปลงรอด โดยทหารทั้ง 6 คน เดินทางโดยนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ 3 คัน จากค่ายทหารบกชุมพรไปยังคลองเขาปีบ และถึงเมื่อเวลา 12 น.เศษ

ขณะที่คณะล่าจระเข้ไปถึงได้พบว่า ชาวบ้านประมาณ 100 กว่าคน พร้อมด้วยอาวุธปืน และฉมวกกำลังค้นหาจระเข้ยักษ์กับศพนายช้วน ตีแนวขนานทั้ง 2 ฝั่งคลองเขาปีบอย่างชุลมุน ซึ่งในที่สุดได้ค้นพบนายช้วนอยู่ใต้รากไม้ริมตลิ่งถูกไอ้ด่างจระเข้ยักษ์ลากไปขัดไว้ และไม่มีทางที่จะดึงออกมาได้ ต้องให้นักประดาน้ำดำลงไปใช้เชือกผูกศพแล้วใช้คนกว่า 20 คนดึงอยู่พักใหญ่จึงลากศพนายช้วนมาได้ ปรากฎว่าศพนายช้วนไม่มีส่วนใดเหลือเป็นชิ้นดีให้เห็นเลยเพราะถูกจระเข้กัดกินด้วยความหิวกระหายกับถูกรากไม้ครูดจนจำไม่ได้ ทุกคนได้แต่สังเวชและอนาถใจไปตาม ๆ กัน

จากแหล่งที่พบศพของนายช้วนนั้นเอง คณะนักล่ากับชาวบ้านจึงรู้ว่า เป็นบริเวณแอ่งน้ำลึกหรือวังจระเข้เก่าที่ “ไอ้ด่าง” จระเข้ยักษ์ใช้เป็นที่หลบซ่อนและกบดานอยู่ในวัง

พอรู้แหล่งซ่อนของจระเข้ยักษ์ คณะนักล่าแห่งค่ายทหารบกชุมพรได้ให้ชาวบ้านทุกคนหลบซุ้มอยู่บนตลิ่งแล้วใช้ระเบิดซี .3 หย่อนลงไปในบริเวณวังจระเข้ยักษ์เป็นนัดแรก

เสียงระเบิดดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับน้ำพุ่งเป็นลำขึ้นสูงเทียมยอดตาลกลางลำน้ำ พอสิ้นเสียงระเบิดและสงบลงแล้วไม่ปรากฎว่ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดลอยขึ้นมาเลย

จากนั้นอีก 10 นาที ส.อ.ห้วงได้ตัดสินใจทิ้งระเบิดซค.3 นัดที่ 2 ตามลงไปในวังน้ำลึกนั้นอีก


9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-6-22 14:45 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


เสียงระเบิดครั้งที่ 2 นี้เองทำให้ทุกคนเห็นพรายน้ำผุดขึ้นแล้ววิ่งพุ่งเป็นทางจากจุดระเบิดเหนือวังไปตามลำคลองด้านเหนืออย่างรวดเร็ว “นั่นไอ้ด่าง หนีไปแล้ว”

เสียงคนร้องบอก ทำให้คนนับร้อยและคณะล่าจระเข้วิ่งไล่ตามทั้งสองฝั่งคลองไปอย่างกระชั้นชิด จนกระทั่งทุกคนเหนื่อยหอบ และได้พบว่าพรายน้ำผุดเป็นทางนั้นไปหยุดที่ริมตลิ่งที่มีน้ำลึกแค่เอว แต่ก่อนที่ใครจะทำอะไรต่อไป ส.อ.ห้วงได้สั่งให้ทุกคนหนีขึ้นตลิ่งก่อนแล้ว ส.อ.ห้วงได้ปีนขึ้นต้นตาตุ่มริมคลอง พร้อมเหวี่ยงระเบิดซี .3 นัดที่ 3 ลงไปในน้ำตรงบริเวณที่พรายน้ำวิ่งมาหยุดตรงนั้น
การระเบิดครั้งที่ 3 นี้ได้ผล เพราะแรงระเบิดตกถูกเป้าหมาย เป็นผลให้ส่วนหางของจระเข้โผล่ขึ้นก่อนลอยกระเพื่อมตามกระแสน้ำ บอกให้รู้ถึงการสิ้นอิทธิฤทธิ์ของ “ไอ้ด่าง” จระเข้ยักษ์แล้ว

ทันใดนั้น ส.อ. จำนงได้ใช้ฉมวกพุ่งลงไปกลางส่วนหลังของไอ้ด่าง ซึ่งทำให้มันดิ้นพลิกขึ้นมาให้เห็นทั้งตัวแต่มันไม่สามารถจะอาละวาดต่อไปได้อีกแล้ว เพราะกระดูกสันหลังของมันหักด้วยอำนาจของแรงระเบิดซี .3 ชาวบ้านจึงช่วยกับเอาเชือกมัดพันธนาการตัว “ไอ้ด่าง” และลากจระเข้จอมเพชฌฆาตแห่งลำน้ำขึ้นมาบนตลิ่ง ซึ่งไอ้ด่างอยู่ในสภาพร่อแร่เต็มที่

จากนั้นคณะล่าจระเข้ได้ใช้เชือกลากจระเข้ยักษ์จากคลองเขาปีบมุ่งไปยังตลาดอำเภอสวี แต่ระหว่างที่ลากมาในคลองนั้น “ไอ้ด่าง” ก็พลิกท้องบอกถึงการจบชีวิตปิดฉากอันโหดเหี้ยมของมันเสียก่อน


10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-6-22 14:46 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
“ไอ้ด่าง” เป็นจระเข้พันธุ์ “ไอ้เคี่ยม” ซึ่งเป็นจระเข้ตีนเป็ด หรือพันธุ์ทองหลาง ตัวดำเมื่อมสนิทมีสีขาวที่คอและตามตัวเวลามันโผล่ลอยตัวขึ้นมาเหนือน้ำนั้น จะมองเห็นสีขาวพาดที่บริเวณคอ ซากไอ้ด่างถูกนายไห้ แซ่เซ็งซื้อตัวไปในราคา ๒๓,๐๐๐ บาท ทำให้องค์การสวนสัตว์ชวดได้ตัวไอ้ด่าง
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้