ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3080
ตอบกลับ: 8
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ภ.มายาสีเลือด

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-2-10 22:21


APOCALYPTO มายาสีเลือด...อีกหนึ่งบทความเถื่อนแห่งเมล กิ๊บสัน








2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-10 20:48 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-2-10 22:23

เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด ในการเขียนถึงหนังเรื่อง Apocalypto ผมจำต้องบอกความรู้สึกส่วนตัวก่อนว่า นี่เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ผมประเมินคุณค่าด้วยคำสองคำคือ “ดี” “เลว” ไม่ได้โดยสิ้นเชิง และการรับชมหนังเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ ถือเป็นประสบการณ์อันแสนสาหัส จนถึงขั้นคิดอะไรไม่ออก และการจะดูซ้ำ (เพื่อการเขียนวิเคราะห์วิจารณ์) ก็เป็นสิ่งที่ผมไม่กล้าทำ
      




        Apocalypto ดุเดือดและรุนแรงกว่าหนังที่ผมคิดว่าหนักหนาแล้วอย่างหนังของ ทากาชิ มิอิเกะ หลายเท่าตัวนัก ก่อนหน้านี้คนดูกล่าวขวัญถึงความรุนแรงในหนังเรื่อง The Passion of the Christ (2004) ของเมล กิบสัน กันอย่างหนาหู แต่สำหรับ Apocalypto ไปไกลกว่าหลายช่วงตัว
      
        อย่างน้อยๆ ใน The Passion of the Christ เราก็รู้ว่าชะตากรรมของพระเยซูจะจบลงเช่นไร แต่เราจะไม่มีโอกาสทำอย่างนั้นกับ Apocalypto ชะตากรรมของตัวละครไหลคู่คนดูซึ่งคล้ายกับผูกติดกับเส้นด้ายเบาๆ ที่ลอยไปตามลม จนถึงขนาดที่ว่าคาดเดาอะไรไม่ได้ ฉะนั้นสำหรับผู้ที่แสวงหาความตื่นเต้นในการชมภาพยนตร์ ควรหยุดอ่านเสียแต่บรรทัดนี้
      
        Apocalypto ตอบทุกข้อสงสัยในความสามารถในการทำหนังของเมล กิบสันจนหมดสิ้น มันเป็นการประกาศว่า ออสการ์ที่ได้มาจาก Braveheart นั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือเส้นสายในวงการบันเทิง
      
        ทราบกันดีแล้วว่าฉากหลังของ Apocalypto คือยุคอารยธรรมมายา (ช่วงคริสตศักราชที่ 250 – 900 พื้นที่บริเวณต้อนใต้ของเม็กซิโก) ก่อนที่จะเสื่อมสลายลงส่วนหนึ่งเพราะตัวของมันเอง และการรุกรากจากสเปนในช่วงท้ายอารยธรรม
      
        เมล กิบสันให้ตัวละครทุกตัวพูดภาษามายา รูปลักษณ์ภายนอกดูแตกต่างจากคนที่เราเห็นๆ กันในชีวิตประจำวัน ดูไป 10 นาทีเราก็หลุดไปอยู่ในโลกที่พ้นสมัยทันที
      
        ตัวละครเอกของเรื่องของชายหนุ่มที่ชื่อ จากัวร์ พาว ที่เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ตั้งแต่ฝีมือในการล่าสัตว์ การต่อสู้ และรูปร่างหน้าตา แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดอ่อนและตัวจากัวร์เองก็รู้ดี คือเขาเป็นคนขี้ขลาด หวาดระแวง แม้ภายนอกจะดูเป็นชายชาตรี แต่ลึกๆ แล้วชายหนุ่มยังคงหวาดกลัวอะไรบางอย่าง
      
        บททดสอบมาถึงพร้อมกับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่มารุกรานหมู่บ้าน พวกนั้นจับทั้งผู้หญิงและผู้ชายไปเป็นเชลย





เหลือไว้แค่เด็กเล็กๆ ให้หากินกันเอาเอง ขนาดเก่งกาจอย่างจากัวร์ก็ไม่สามารถต้านทานอันธพาลเหล่านี้ได้
      
        องก์แรกของหนังเป็นการปูพื้นเรื่องราวของจากัวร์และพรรคพวกอย่างคร่าวๆ ก่อนจะลงท้ายด้วยฉากการต่อสู้ที่ลงท้ายด้วยการพ่ายแพ้ของคนในหมู่บ้าน กิบสันและผู้กำกับภาพ ดีน เซมเลอร์ เลือกใช้กล้องดิจิตอลความละเอียดสูงในการถ่ายภาพ ให้ออกมามีสปีดที่สมจริง และภาพสีเขียวของใบไม้กับสีแดงของเลือด ตัดกันอย่างชัดเจน
      
        ส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามและการทำงานหนักคือการเลือกโลเกชั่นในป่าดิบชื้นจริงๆ หนังเปิดโอกาสให้คนดูได้เห็นภูมิทัศน์หลายหลาก ทั้งป่าทึบ ผาสูง หรือแม่น้ำเชี่ยวกราก พร้อมๆ กับที่เผยให้ตัวละครได้รับรู้ถึงความเสื่อมโทรมของความศิวิไลซ์ ตั้งแต่การซื้อขายทาส การใช้แรงงานอย่างกดขี่ โรคระบาด และที่สาหัสที่สุด คือช่วงกลางของเรื่อง – การสังเวยชีวิตมนุษย์ราวกับมันไม่มีค่า
      
        หนังใช้เวลาช่วงนี้เฉลยถึงสาเหตุที่จากัวร์และพรรคพวกถูกจับตัวมา ผู้หญิงถูกขายเป็นทาสในราคาถูก ส่วนผู้ชายถูกนำไปให้กษัตริย์เซ่นสังเวยเทพเจ้า กิบสันปล่อยเวลาให้ดูราวกับว่านานนับชั่วโมงในฉากแท่นประหารนี้ แจกแจงการบูชายัญอย่างละเอียด ตั้งแต่การตัดคอ ควักหัวใจ หัวกลิ้งลงมาสู่พื้นดิน ฯลฯ
      
        ก่อนหน้านี้ช่วงตอนเปิดเรื่องมีบางสิ่งที่คนดูอาจหลงลืมไป มันเป็นเรื่องของเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของจากัวร์ที่เป็นพวกขี้แพ้ และเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นๆ ฉากแรกเมื่อเพื่อนๆ แบ่งเนื้อสัตว์ที่ล่ามาได้ เพื่อนคนนี้ก็ได้ในส่วนอัณฑะ อีกครั้งหนึ่งเขาโดนหลอกเกี่ยวกับสมุนไพรที่ใช้ทาบริเวณอวัยวะเพศเพื่อการทำบุตร แต่กลับเป็นพืชเผ็ดร้อนที่ทาแล้วต้องรีบแจ้นลงน้ำ
      
       การเห็นคนอื่นเป็นตัวตลก หรือเห็นคนอื่นเป็นคนที่ต่ำต้อยกว่าตนเอง เป็นสันดานที่มนุษย์มีกันทุกคน มันส่อให้เห็นว่า เราไม่เคยแม้แต่จะเห็นค่าคนอื่น เรามักนึกถึงตัวเราเองก่อนเสมอ
      
        ช่วงท้ายจากัวร์หนีการจับกุมจากเหล่าพรานป่า ไม่ต่างจากหมูที่โดนล่าในตอนแรก เหมือนหนังเวียนฉายซ้ำวนไปเรื่อยๆ และมันก็ยิ่งชัดขึ้นไปอีก เมื่อเรื่องจบลงในทำนองเดียวกับนิยายเรื่อง Lord of the Flies ของ วิลเลียม โกลดิง – คือผู้มาใหม่เป็นคนยุติทุกสิ่ง
      
        ใน Lord of the Flies เด็กๆ ที่ติดเกาะร้างพยายามแบ่งขั้วอำนาจและไล่ฆ่ากันเอง จนกระทั่ง “ผู้ใหญ่” คนหนึ่งก้าวขึ้นมาบนเกาะพอดี สำหรับ Apocalypto เป็นนักเดินเรือชาวยุโรป ซึ่งถ้าเรียงตามลำดับห่วงโซ่อาหารของระบบนิเวศน์แล้ว คนพวกนี้จะอยู่บนสุด
      
        เมล กิบสันคงเป็นคนประเภทต่อต้านความรุนแรงด้วยความรุนแรง นอกเหนือจากงานด้านภาพที่ดูสาหัสแล้ว บทภาพยนตร์ซึ่งกิบสันเขียนร่วมกับ ฟาร์ฮาร์ด ซาฟิเนีย ยังเสียดสีความไร้สาระของมนุษย์ได้เจ็บและตรง
      
        มันแทบจะกลายเป็นพิมพ์เขียวของปัญหาทุกปัญหาบนโลกใบนี้ มนุษย์เข่นฆ่ากันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง จนกลายเป็นวงจรปลาใหญ่กินปลาเล็กไม่มีวันจบสิ้น
      
        อย่างที่ตระหนักกันดีว่า อารยธรรมมายาไม่ได้ล่มสลายลงเพียงเพราะการรุกรานจากยุโรปเท่านั้น ส่วนหนึ่งและอาจเป็นส่วนใหญ่ คือ การเน่าฟอนเฟะจากข้างในเอง
      
        พลังของ Apocalypto และประเด็นที่มันพูด ทำให้ผมต้องจับมันไปรวมไว้กับกับ A History of Violence ของ เดวิด โครเนนเบิร์ก และ Munich ของ สตีเวน สปีลเบิร์ก ทั้งสามเรื่องนี้พูดถึงปัญหาความรุนแรงได้ตรง แยบยล และเต็มไปด้วยชั้นเชิง
      
        
ทำให้ผมนึกสงสัยว่า เหตุใดจึงมีแต่คนทำหนังที่เข้าใจ และเพราะอะไรคนที่มีอำนาจจัดการโดยตรงในโลกนี้ กลับไม่รู้ และตรัสรู้อะไรไม่ได้เลย


ที่มา..http://www.astvmanager.com
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-10 20:51 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้



มายาสีเลือด... ปิดตำนานอารยชน โดย Mel Gibson

นำเสนอเรื่องราวความเป็นไปของชนเผ่ามายาในช่วงตกต่ำถึงขีดสุดก่อนจะเกิดการล่มสลายของเผ่าพันธุ์
เป็นหนังแอ๊คชั่นตื่นเต้นผจญภัย เน้นการตามล่าตามล้างและหักเหลี่ยมกันในป่าดิบ
ฝ่ายหนึ่งล่าเพราะแค้น อีกฝ่ายต่อสู้เพื่อคนที่ตัวเองรัก คลอไปกับฉากสยองนองเลือด
อะพอคคาลิพโต้ เป็นเรื่องราวที่ย้อนเวลาไปไกลหลายศตวรรษ
ซึ่งเล่าเรื่องของชาวมายาในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่รักความสงบ อยู่อาศัยกับความเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์






จากัวร์ (Rudy Youngblood) มีชีวิตอยู่แบบสงบสุขเรียบง่าย
ทว่าในที่สุดก็ถูกทำลายราบโดยการใช้กำลังบุกรุกอย่างโหดเหี้ยม กักขฬะ รุนแรง
จากัวร์จึงต้องพาตัวเองเข้าสู่การเดินทางที่เต็มไปด้วยภยันตราย
สู่โลกซึ่งเต็มไปด้วยความกลัวและการกดขี่
สถานที่ซึ่งมีจุดจบแบบทรมานรอคอยเขาอยู่ การดำเนินไปของโชคชะตาที่พลิกผัน
โดยมีพลังความรักจากครอบครัวและคนรักที่คอยกระตุ้นให้ต้องมีชีวิตอยู่รอด
สุดท้ายแล้ว...เขาจะฝ่าฟันสิ่งต่างๆ เพื่อกลับสู่บ้านและรักษาหนทางแห่งชีวิตแบบเดิมของตัวเอง

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-10 21:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ชมภาพยนต์ Apocalypto มายาสีเลือด


http://www.youtube.com/watch?v=mSg_Tvwlkjo
ชมแล้วครับ เยี่ยมๆๆๆ
ดีนะเนี่ย ไปอยู่สเปนมาหลายปี  เลยดูได้จนจบ
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-11-11 08:08 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
มายาสีเลือด
แดงเดือด เอ๊ะ เกี่ยวมะเนี่ย
9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-4-29 13:37 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้