ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2275
ตอบกลับ: 8
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

"มังสวิรัติ"

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-6-4 13:18

คำว่า "มังสวิรัติ" มาจากคำว่า "มังสะ"



แปลว่าเนื้อสัตว์ "วิรัติ" แปลว่า การงดเว้น มังสวิรัติจึงแปลว่า การงดเว้นเนื้อสัตว์

ซึ่งหมายถึงการไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า..

เวเจเทเรียนนิซึม (Vegetatianism) มีรากศัพท์มาจากภาษาลาตินคือ เวเจตัส (Vegetus) แปลว่า

สมบูรณ์ดีพร้อม สดชื่น เบิกบาน หรือมีความหมายว่า ผู้ซึ่งละเว้นจากการนำสัตว์ทุกชนิดมาเป็นอาหาร

ทั้งนี้อาจรวมหรือไม่รวมถึงไข่และผลิตภัณฑ์จากนม
          มังสวิรัตินั้น มีผู้ถือปฏิบัติกันมาเป็นเวลาช้านาน

และกลายเป็นแนวปฏิบัติ ทางศาสนาสำหรับหลายศาสนา ในตะวันออกกลางมาเป็นเวลา

หลายพันปี แล้วเช่น ศาสนาเชน ศาสนาฮินดู ศาสนาโซโรแอสเตอร์ ศาสนาพุทธ และศาสนาอื่นๆ
*



          มังสวิรัติ อาจแบ่งได้เป็น 8 ประเภท คือ


         
1. มังสวิรัติแบบแมคโครไบโอติก (Macrobiotig) งดเว้นผลิตภัณฑ์จาก สัตว์ และยึดถือหลักหยิน-หยาง

          2. มังสวิรัตินม-ไข่ (Lacto Ovo Vegetarian) งดเว้นผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แต่กินนม ผลิตภัณฑ์จากนม และกินไข่

          3. มังสวิรัติไข่ (Ovo Vegetarian) งดเว้นผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แต่กินไข่

          4. มังสวิรัตินม (Lacto Vegetarian) งดเว้นผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แต่กินนม และผลิตภัณฑ์จากนม

          5. มังวิรัติแบบเจ (J-Chinese Vegetarian) งดเว้นผลิตภัณฑ์จากสัตว์ รวมทั้งพืชที่มีกลิ่นฉุน 5 ชนิด ได้แก่
                   หอม กระเทียม คึ่นฉ่าย ใบยาสูบ และหลักเกียว (กระเทียมโทนจีน)

          6. มังสวิรัติบริสุทธิ์ (Pure Vegetarian) งดเว้นผลิตภัณฑ์จากสัตว์

          7. มังสวิรัติพืชสด (Raw Food Eater) งดเว้นผลิตภัณฑ์จากสัตว์ และกินพืช ผัก ผลไม้ที่สดดิบ ไม่ผ่านขบวนการหุงต้มใดๆ

          8. มังสวิรัติผลไม้ (Fruitarian) กินแต่ผลไม้และถั่ว

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-6-4 13:06 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เหตุใดจึงต้องเป็นมังสวิรัติ


          ฌาค เดอ มาเควต (JACQUES DE MARQUETTE) ผู้ก่อตั้งสมาคมครอบครัวสากล
ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะทำงานเพื่อส่งเสริมมนุษยชาติ ธรรมชาติและบุคลิกภาพ
ให้เหตุผลของการกินอาหารมังสวิรัติไว้ 12 ข้อ สรุปได้ดังนี้



          - เพื่อร่างกายที่สะอาด บริสุทธิ์

          - เพื่อเหตุผลทางเศรษฐกิจ

          - เพื่อความอยู่ดีมีสุขของคนในสังคม

          - เพื่อความรัก อันปราศจากความหลงในเมถุน

          - เพื่อจิตใจที่เข้มแข็ง

          - เพื่อความสมดุลย์ทางเศรษฐกิจและสังคม

          - เพื่อการพัฒนาทางปัญญา

          - เพื่อความกลมกลืนกับธรรมชาติ

          - เพื่อเหตุผลทางด้านศีลธรรมและความไม่เบียดเบียน

          - เพื่อเป็นรากฐานของสันติภาพ

          - เพื่อเหตุผลทางด้านศาสนา



เขาเชื่อว่าอาหารมังสวิรัติ "เป็นกุญแจที่จะเปิดประตูทุกบาน"

และเป็นหลักประกันของสุขภาพอันสมบูรณ์ ความเจริญทางวัตถุ

ความสมดุลย์ทางปัญญา ความบริสุทธิ์ ความดี ความเมตตาต่อสัตว์และมนุษย์

ในยุคแห่งความหลงอวิชชา ความบ้าเลือด และความทุกข์ทรมาน


3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-6-4 13:07 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ก้าวแรกสู่การกินมังสวิรัติ



          ข้าวกับน้ำพริก กินเรียบง่ายแบบคนไทยสมัยก่อน จะเป็นน้ำพริกปลาร้า กะปิ ปลาทู หรือน้ำพริกหนุ่ม เต้าเจี้ยวหลน ฯลฯ เลือกได้ตามชอบ อาจกินแกล้มไข่ต้ม ปลาทอด นึ่ง หรือย่างก็ได้ ถ้าจะให้ดีควรกินกับข้าวกล้องซึ่งจะให้วิตามินบีและไฟเบอร์สูงกว่าข้าวขัดขาว ส่วนผักแนมน้ำพริกควรเน้นความหลากหลายเข้าไว้ ถ้าอยากลดหุ่นลองจัดสัดส่วนให้บริโภคผักมากกว่าข้าว



          อาหารญี่ปุ่น นอกจากหน้าตาน่ากิน รสชาติอร่อย และหากินไม่ยากแล้ว อาหารญี่ปุ่นยังมีความหลากหลายของส่วนผสมจากธรรมชาติ ทั้งผัก เห็ด และถั่ว มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูงมาก เพราะใช้ปลาทะเลและสาหร่าย ทั้งยังเสิร์ฟพร้อมชาเขียวซึ่งเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ


          กินหลากหลาย อย่าจำกัดอาหารมังสวิรัติอยู่แค่จับฉ่ายหรือสลัดผัก พืชผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการยังมีอีกมากมาย ไล่ตั้งแต่ข้าวไม่ขัดขาว ธัญพืชอย่างลูกเดือย ข้าวโพด ถั่ว ถั่วงอก อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วพิตาชิโอ เมล็ดฟักทอง งา เมล็ดทานตะวัน ถั่วเหลือง ไปจนถึงเห็ดสดต่างๆ นอกจากนี้เมืองไทยเรายังมีผลไม้สดตามฤดูกาลมากมาย แค่ขยันเลือกกินให้เหมาะสมและหลากหลายก็ได้รับทั้งคุณค่าทางอาหารและวิตามินเพียบแล้ว


          นมถั่วเหลือง คนเอเชียส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดมาพร้อมเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยแลคโตสในนมวัว กินแล้วเลยมีอาการไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ ลองเปลี่ยนจากดื่มนมสดมาเป็นน้ำนมถั่วเหลืองดู


          ถั่วเหลืองมีคุณค่ามากที่สุดในบรรดาถั่ว เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงราคาถูก เป็นแหล่งของวิตามินบี เกลือแร่ และกรดไขมน เลซิทินที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกายก็มีอยู่มากเช่นกัน


          หากยังหวั่นไหวกับความเชื่อเดิมๆ เรื่องกินมังสวิรัติแล้วจะขาดอาหาร เพราะขาดกรดอมิโนที่จำเป็นสำหรับร่างกายซึ่งหาได้จากเนื้อสัตว์ ผลวิจัยชิ้นหนึ่งจะช่วยขจัดความคลางแคลงใจนี้ได้ เพราะมีการพบว่าร่างกายของเราสามารถหากรดอมิโนจำเป็นที่ขาดหายไปจากอาหารมื้อหนึ่งๆ ได้เองจากแบคทีเรียนานาพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในลำไส้หรือเซลล์ในลำไส้นั่นเอง ด้วยเหตุนี้นักมังสวิรัติที่รู้จักเลือกกินอย่างหลากหลายและเหมาะสมจึงไม่เพียงมีหน้าใส หุ่นสวย สุขภาพดี แต่ยังแข็งแรงและอายุยืนกว่าคนกินเนื้อสัตว์ด้วย

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-6-4 13:08 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
คำสอนทางศาสนา



          เมื่อมนุษย์เริ่มมีศาสนา ศาสดาทั้งหลายรวมทั้งนักปราชญ์ใหญ่ๆ ของโลก จะสนับสนุนอาหารมังสวิรัติ และสั่งสอนให้งดเว้นอาหารเนื้อสัตว์ ชาวยุโรปมักจะยกนามพระเจ้าของศาสนาคริสต์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของศาสนาพุทธ ปรัชญาเมธี ชาวกรีกโบราณ รวมทั้งของจีนด้วย เป็นตัวอย่างของผู้ที่มีความสามารถในการพัฒนาจิตวิญญาณของมนุษย์ให้เข้าสู่ความเป็นมนุษย์ด้วยอาหารที่มนุษย์ควรกิน เช่น


ศาสนาพุทธ


          พระพุทธองค์ทรงตรัสห้ามสาวกไม่ให้บริโภคเนื้อสัตว์ เพราะเป็นการทำลายเมล็ดพันธ์แห่งเมตตาธรรม ดังที่มีพุทธพจน์ปรากฏใน ลังกาวตาลสูตร ว่า
"โอ, บัณฑิตทั้งหลาย เรากำลังประกาศว่า การกินเนื้อสัตว์เป็นการกินเนื้อบุตรของตนอยู่ ดังนี้แล้วจะกล่าวไปอย่างไรได้ ที่เราจะบัญญัติให้สาวกของเรากินเนื้อสัตว์"


ศาสนาคริสต์


          ตัวอย่างจากคัมภีร์ไบเบิ้ล เล่มที่ 1 ปฐมกาล 1: 29 (Genesis 1: 29)

          "พระเจ้าตรัสว่า เราให้พืชที่มีเมล็ดทั้งหมดซึ่งมีอยู่ทั่วพื้นแผ่นดิน และต้นไม้ทุกชนิด ที่มีเมล็ดในผลของมันแก่เจ้า เป็นอาหารของเจ้า" จะเห็นได้ว่าไม่มีการเอ่ยถึงเนื้อสัตว์เลย
          ตัวอย่างจากเอกสารโบราณ อายุประมาณ 2,000 ปี ที่เพิ่งค้นพบซึ่งเปรียบเสมือนภาคพันธสัญญาใหม่ของพระคัมภีร์ไบเบิ้ล (The Essene-gospel of peace) ยืนยันคำตรัสของพระเยซูเจ้าว่า "และเนื้อของสัตว์ที่ถูกฆ่าตาย ในร่างกายคนจะกลายเป็นหลุมฝังศพของเขาเอง เพราะเราขอบอกเธออย่างจริงจังว่า ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ผู้นั้นย่อมฆ่าตนเองด้วย และผู้ใดกินเนื้อของสัตว์ที่ถูกฆ่าผู้นั้นกำลังกินร่างแห่งความตาย"


ศาสนาอิสลาม


          พระผู้พยากรณ์รุ่นแรกๆ ของอิสลามองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นหลานของพระโมฮัมหมัด ได้แนะนำสาวกระดับสูงหลายท่านว่า "อย่าทำให้กระเพาะของเธอ กลายเป็นหลุมฝังศพของสัตว์ทั้งหลาย"



ศาสนาฮินดู


          ชาวฮินดูในประเทศอินเดียโบราณ ห้ามการกินเนื้อสัตว์

          จะเห็นได้ว่าในหลายยุคสมัยในอดีต นักปราชญ์และผู้รู้ทั้งหลาย ได้ถือเอาทฤษฎีมังสวิรัติ เป็นทางปฏิบัติชอบอย่างหนึ่ง และได้ชักจูงให้คนอื่นกระทำตามด้วย

5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-6-4 13:14 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สิ่งดีที่ได้จากการกินมังฯ..


หลับสบาย- ถ่ายคล่อง


          กระเพาะของเราย่อยผักผลไม้ได้ง่าย และใช้เวลาในการย่อยน้อยกว่าเนื้อสัตว์มากนัก การกินมังสวิรัติจึงช่วยลดภาระให้กับระบบย่อยอาหารไปในตัว นอกจากนี้ผักผลไม้ยังมีไฟเบอร์หรือเส้นใย ในขณะที่เนื้อสัตว์แทบไม่มีเลย เส้นใยมี 2 ประเภท คือกลุ่มไม่ละลายน้ำ ซึ่งจะไปเพิ่มจำนวนอุจจาระ ทำให้ไม่มีของเสียตกค้างในร่างกาย จึงช่วยป้องกันอาการอึดอัด ไม่สบายท้อง และการดูดซึมของเสียในลำไส้กลับเข้าไปอีก

          อีกกลุ่มละลายน้ำได้ จะไปจับตัวกับน้ำดีและคอเลสเตอรอลในลำไส้แล้วขับออกมาทางอุจจาระ การกินผักจึงช่วยให้หลับสบายแบบไร้อาการท้องอืด ตื่นเช้าขึ้นมาก็ยังถ่ายคล่องอีก และถ้ายิ่งรู้จักเลือกกินให้ดี ไม่เน้นแป้งและน้ำตาล น้ำหนักตัวก็ยังลดอีกแน่ๆ


ล้างพิษ

          ลำไส้ของคนเรามีความยาวถึง 20 ฟุต เป็นลักษณะเดียวกับสัตว์กินพืชชั้นสูง ซึ่งต่างจากร่างกายของสัตว์กินเนื้อที่ถูกสร้างให้ย่อยและขับเนื้อที่กินออกจากร่างกายให้เร็วที่สุด ร่างกายมนุษย์ไม่อาจดูดซึมโปรตีนจากสัตว์ได้ทั้งหมด โปรตีนที่ร่างกายเราดูดซึมไว้ได้มากที่สุดคือ ไข่- ร้อยละ 94 ส่วนโปรตีนที่ดูดซึมได้น้อยที่สุดได้แก่ เนื้อวัว-เพียงร้อยละ 67 เท่านั้น อีกร้อยละ 33 ที่ไม่อาจดูดซึมได้จะเหลืออยู่ในลำไส้ซึ่งในที่สุดก็จะเกิดการหมักบูด เปลี่ยนไปเป็นสารเคมีกลิ่นเหม็น เช่น มีเทน แอมโมเนีย และซัลเฟอร์ไดออกไซด์(ก๊าชไข่เน่า)

          เมื่อเดินทางถึงลำไส้ใหญ่ กระบวนการดูดซึมน้ำกลับสู่ร่างกายจะพาสารพิษเหล่านี้กลับมาด้วย สารเหล่านี้เองที่เป็นสาเหตุของอาการหืดหอบ ภูมิแพ้ ไปจนถึงมะเร็งในลำไส้ใหญ่ การงดกินเนื้อ หันมาเน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชมากขึ้นจึงช่วยเคลียร์ลำไส้ให้สะอาด เป็นการล้างพิษกลายๆ นั่นเอง


หน้าใส-ผิวสวย


          นอกจากช่วยล้างพิษแล้ว การเน้นกินผัก-ผลไม้ทำให้ร่างกายได้วิตามินซีและอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้เซลล์ของร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณสดใส โดยเฉพาะวิตามินซีมีหน้าที่สำคัญในการสังเคราะห์เส้นใยคอลลาเจนส่วนใหญ่ ซึ่งทุกเซลล์ในร่างกายต้องมีเส้นใยนี้ร้อยรัด เสริมสร้างความแข็งแรงเสมือนบ้านต้องมีรั้ว หากรั้วไม่แข็งแรงหรือบุกรุกง่ายก็จะเปิดโอกาสให้เชื้อโรคเข้าโจมตีได้ การได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอจึงช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง

สุขภาพดี

          ทราบหรือไม่ว่าในเนื้อสัตว์มีสารพิษจำนวนไม่น้อย ซึ่งจะเพิ่มภาระให้กับระบบย่อยอาหาร และขัดขวางการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันเป็นต้นว่าฮอร์โมน ยาปฏิชีวนะ ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท สารปรุงแต่ง สารถนอมอาหาร ยาฆ่าแมลง และอีกจิปาถะ สารเหล่านี้อาจอยู่ในน้ำและอาหารสัตว์ และจะไปสะสมอยู่ตามเซลล์ต่างๆ ของสัตว์ ยิ่งกินเนื้อสัตว์มาก

          สารเหล่านี้จะเปลี่ยนถ่ายเข้ามาสะสมในตัวเรา จนอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ในที่สุด การกินเนื้อสัตว์มากๆ ยังเป็นสาเหตุของโรคอย่างหลอดเลือดอุดตัน ผนังหลอดเลือดแข็งตัว และโรคหัวใจ จากไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลที่มีมากในเนื้อและไขมันสัตว์อีกด้วย ยิ่งกินน้อยลงเท่าไรจะยิ่งช่วยป้องกันโรคเหล่านี้ได้มากเท่านั้น

หน้าตาแจ่มใส

          ข้อนี้เป็นผลพลอยได้จากความรู้สึกดีๆ จากการไม่เบียดเบียนชีวิตอื่น เมื่อสุขภาพจิตดีหน้าตาก็พลอยแจ่มใส บุคลิกเมตตาอารียังดึงดูดผู้คนให้อยากคบหาสมาคมอีกด้วย


http://guru.sanook.com
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
เยี่ียม

โอ้โฮ้...แจ่มจริง
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้